ความคิดเห็นที่ 1 นี่ไม่ต้องพูดถึงหัวเมืองมอญทั้งหลายที่อยู่ชายฝั่งทะเลอันดามันทั้งหมด  ล้วนอยู่ในรัศมีทำการของกองทัพเรือพม่า แม้ไทยจะสามารถแผ่พระราชอำนาจลงไปถึงที่นั่นได้บ้างในหลายยุคหลายสมัย แต่ก็มิอาจรักษาเมืองเอาไว้ได้ในระยะยาวเลย เพราะกำลังหนุนทางบกที่ต้องข้ามภูเขาสูงเข้าไปในสมัยนั้นไม่มีทางเทียบได้กับกำลังหนุนทางเรือของพม่า ในภาพเป็นเรือเดินทะเลที่กางใบตั้งแต่แล่นลำอยู่ในแม่น้ำอิระวดี กำลังออกสู่ปากอ่าว เรือขนาดนี้สู้คลื่นอันดามันสบายมาก จากคุณ : Navarat.C - [ 15 พ.ค. 52 13:57:20 ]

ความคิดเห็นที่ 2 นี่เป็นเรือรบโบราณ ถ่ายในช่วงตรงกับประมาณรัชกาลที่๔ ตอนนั้นพม่าเสียเมืองให้อังกฤษแล้ว แต่รูปลักษณ์คงไม่แตกต่างกับสมัยยี่หวุ่น แม่ทัพเรือพม่า คุมพลมาปล้นหัวเมืองใต้ของสยาม ทหารต้องออกแรงเป็นฝีพายด้วยหากเรือต้องการความเร็วในการช่วงชิงชัยชนะ   ไม่ปรากฏหลักฐานว่าไทยมีเรือรบขนาดนี้เลย เพราะไม่จำเป็นกระมัง จากคุณ : Navarat.C - [ 15 พ.ค. 52 13:59:40 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ภาพท้ายเรือรบ จากคุณ : Navarat.C - [ 15 พ.ค. 52 14:00:26 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ภาพนี้ไม่แสดงตัวเรือ แต่ท้ายเรือที่เป็นไม้แกะสลักย่อมบอกฐานะที่ไม่ธรรมดาของเรือรบลำนี้ จากคุณ : Navarat.C - [ 15 พ.ค. 52 14:01:14 ]

ความคิดเห็นที่ 5 รูปลายเส้นโบราณ เรือพระที่นั่งของกษัตริย์ จะเห็นว่าพระที่นั่งบนเรือนั้นเป็นเคบินขนาดค้างแรมได้อย่างสบาย  สยามไม่มีเรือเช่นนี้ จากคุณ : Navarat.C - [ 15 พ.ค. 52 14:01:48 ]

ความคิดเห็นที่ 6 รูปถ่ายเรือพระที่นั่งเช่นกัน แต่น่าจะเป็นของที่ทำขึ้นในชั้นหลัง จากคุณ : Navarat.C - [ 15 พ.ค. 52 14:02:24 ]

ความคิดเห็นที่ 7 เช่นเดียวกับลำนี้ เป็นของที่ทำขึ้นใหม่ทีเดียว เพื่อส่งเสริมธุรกิจท่องเที่ยวโดยเฉพาะ จากคุณ : Navarat.C - [ 15 พ.ค. 52 14:03:00 ]

ความคิดเห็นที่ 8 เรือพระที่นั่งขนาดรองลงมา เท่าๆกับเรือพระราชพิธีของไทย แต่นี่เป็นแค่เรือจำลองที่ช่างพม่าสร้างขึ้นจากหลักฐานเดิม จากคุณ : Navarat.C - [ 15 พ.ค. 52 14:04:13 ]

ความคิดเห็นที่ 9 ภาพถ่ายสมัยเป็นเมืองขึ้นอังกฤษเช่นกัน เป็นเรือรบประเภทเรือยาว เช่นเดียวกับเรือของสยาม เบื้องหลังคือเรือรบของอังกฤษ ดูอย่างนี้แล้วมันจะไปเหลืออะไร เรือยาวของพม่า บุคคลสำคัญจะนั่งอยู่ส่วนหัวเรือ ในขณะที่ของไทยเรา จะวางกัญญาตรงกลาง แก้ไขเมื่อ 15 พ.ค. 52 17:26:39 จากคุณ : Navarat.C - [ 15 พ.ค. 52 14:06:12 ]

ความคิดเห็นที่ 10 นี่เป็นภาพวาดเรือรบพม่าเช่นกัน โปรดสังเกตูหางแมงป่องนะครับ เรือหางแมงป่องนี้คงจะเป็นมรดกพม่าที่ทิ้งไว้ให้เชียงใหม่หลังจากที่ครอบครองมากว่าร้อยปี แต่สมัยรัชกาลที่ห้า คนไทยกลับเรียกเรือหางแมงป่องของเชียงใหม่ว่าเรือลาว จากคุณ : Navarat.C - [ 15 พ.ค. 52 14:07:24 ]

ความคิดเห็นที่ 11 เรือพระราชพิธีของพม่าในภาพเป็นเรือที่ทำขึ้นใหม่ก็จริง แต่ก็ทำขึ้นนานแล้ว เพื่อพยายามรักษาขนบประเพณีดั้งเดิมมืให้สูญสลาย เรือพระราชพิธีนี้แต่เดิมก็ใช้เหมือนๆของไทย คือที่ประจำก็คือในการเสด็จพระราชดำเนินทอดผ้าพระกฐินพระราชทานแก่พระอารามหลวงที่อยู่ริมแม่น้ำ แต่ในพม่าตอนนี้ไร้กษัตริย์ จึงเอามาลอยลำเป็นสีสันในงานแข่งเรือประจำปี จากคุณ : Navarat.C - [ 15 พ.ค. 52 14:08:36 ]

ความคิดเห็นที่ 12 ทุกๆปีในสมัยก่อน ครั้นถึงเดือนกันยายนน้ำนองเต็มตลิ่ง กษัตริย์พม่าจะโปรดให้มีการแข่งเรือประจำปีหน้าพระที่นั่งที่ ทะเลสาปกันดอว์จี ใจกลางเมืองย่างกุ้ง เรือที่เข้าแข่งก็คือเรือรบและทหารประจำเรือ นับเป็นนโยบายที่จะเตรียมการพร้อมของเหล่าทหารไปด้วย จากคุณ : Navarat.C - [ 15 พ.ค. 52 14:09:40 ]

ความคิดเห็นที่ 13 สมัยนี้ก็จัดเป็นงานรื่นเริงไป จากคุณ : Navarat.C - [ 15 พ.ค. 52 14:11:01 ]

ความคิดเห็นที่ 14 ผมเห็นภาพเรือพระที่นั่งของพม่าแล้ว ให้นึกถึงภาพเขียนของฝรั่งที่เข้ามาเยือนกรุงศรีอยุธยาแล้วกลับไปเขียนบันทึก แต่ภาพประกอบมักจะมั่วๆ ชวนสงสัยว่าคนเขียนภาพ(ซึ่งเป็นคนละคนกับคนเขียนเรื่อง)น่าจะไม่เคยเห็นของไทยจริงๆ แต่อาจจะไปเห็นที่อื่น แล้วติดตามา ทำให้ถ่ายทอดออกมาแล้วยากที่คนไทยจะน้อมใจเชื่อว่าเป็นเรือพระราชพิธีสมัยกรุงศรีอยุธยาจะใหญ่โตปานนั้น จากคุณ : Navarat.C - [ 15 พ.ค. 52 14:11:50 ]

ความคิดเห็นที่ 15 เป็นกระทู้ที่มีประโยชน์มากครับ  ทำให้เรารู้เห็นสิ่งต่างๆมากยิ่งขึ้น จากคุณ : ต้มยำขลุกขลิก - [ 15 พ.ค. 52 14:30:30 ]

ความคิดเห็นที่ 16 ขอโทษครับ เครื่องมีปัญหานิดหน่อย กำลังแก้ใขอยู่ เดี๋ยวมาต่อครับ จากคุณ : Navarat.C - [ 15 พ.ค. 52 14:49:43 ]

ความคิดเห็นที่ 17 กองทัพสยามไม่ค่อยชำนาญเรือทางทะเลครับ ดังนั้นถ้าจะต้องใช้เรือทางทะเลจึงเป็นเรือสำเภาของทางจีน หรือ ฝรั่ง มาช่วยรบเสียเป็นส่วนมาก ทางสยามเองก็มีการต่อเรือรบขึ้นใช้งานตั้งแต่สมัยรัชกาลสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี เมื่อครั้งทรงยกทัพไปตีเมืองนครศรีธรรมราช หรือแม้แต่ในรัชสมัย ร.๑ แห่งราชวงศ์จักรี คราวสงครามตีเมืองทวาย ก็มีการต่อเรือรบเพื่อไปตีเมืองทวาย และสุดท้าย เมื่อคราวตีเมืองพุทไธมาศ และ เมืองโจฏก ในรัชสมัย ร.๓ ท่านเจ้าพระยาพระคลัง และ ว่าราชการตำแหน่งสมุหพระกลาโหมอีกตำแหน่ง (ต่อมาเป็นที่ สมเด็จเจ้าพระยาบรมหาประยูรวงศ์ : ดิศ บุนนาค) ก็ได้คุมกองเรือเดินทะเลด้วยครับ เรื่องรายละเอียดขนาดเรือคงต้องขอยกไว้ก่อนเพราะยังไม่ได้ศึกษาอย่างละเอียดครับ ถ้าลองหาตำราของ ท่านพลเรือตรี แชน ปัจจุสานนท์ มาอ่านก็จะทราบรายละเอียดครับ ในนั้นค่อนข้างจะบอกไว้ละเอียด ถ้าจำไม่ผิดจะมีเรือบรรทุกเสบียง และ น้ำจืด ด้วยครับ จากคุณ : ศรีสิทธิสงคราม - [ 15 พ.ค. 52 15:01:18 A:58.10.222.82 X: TicketID:207948 ]

ความคิดเห็นที่ 18 ... เอาลงน้ำมาช่วยหนึ่งลำใหญ่ๆครับท่านพี่ ถ้าซ้ำจะขออภัยเป็นอย่างสูง อันนี้เขาบอกถ่ายมาจาก Inle Lake, Burma ... น่าจะเป็นเรือทางศาสนา หาใช่เรือหลวงอย่างราชสำนักไม่ จากคุณ : jassb1 - [ 15 พ.ค. 52 15:13:53 ]

ความคิดเห็นที่ 19 คนเขียนภาพดังกล่าว อาจจะเห็น(จะเดินทางมาเห็นด้วยตาตนเองจริงๆ หรือเห็นภาพที่คนอื่นวาดก็แล้วแต่)เรือพระที่นั่งของพม่า เลยจินตนาการว่าเรือพระที่นั่งของสมเด็จพระนารายน์จะเป็นอย่างนี้ จากคุณ : Navarat.C - [ 15 พ.ค. 52 15:18:34 ]

ความคิดเห็นที่ 20 จากภาพแรกก็รู้แล้วว่าคนเขียนไม่เคยมาเห็นกรุงศรีอยุธยาจริงๆ บ้านเมือง ออกแนวจีน แสดงว่าเป็นจินตนาการมากกว่าจะเน้นความถูกต้อง แก้ไขเมื่อ 15 พ.ค. 52 15:22:00 จากคุณ : Navarat.C - [ 15 พ.ค. 52 15:19:41 ]

ความคิดเห็นที่ 21 ได้เบาะแสเพิ่มเติม เขาเรียกเทศกาลนี้ว่า Phaung Daw Oo Pagoda Festival ครับ ใครถ่ายเสียงออกมาเป็นภาษาไทย และอธิบายเพิ่มเติมได้ จะเป็นพระคุณที่สุด จากคุณ : jassb1 - [ 15 พ.ค. 52 15:20:04 ]

ความคิดเห็นที่ 22 ดูเรือ สัดส่วนออกไปทางอ้วน ใหญ่ ไม่ยาวระหงเหมือนของไทย จากคุณ : Navarat.C - [ 15 พ.ค. 52 15:21:00 ]

ความคิดเห็นที่ 23 รายละเอียด ดูตุ้งแช่ไปเลย จากคุณ : Navarat.C - [ 15 พ.ค. 52 15:22:43 ]

ความคิดเห็นที่ 24 ก่อนที่คุณjassb1จะปาดแล้วตกโค้งไป กลับมาที่เรือพระที่นั่งของพม่าใหม่ แนวศิลปของพม่าจะออกแนวนี้ จากคุณ : Navarat.C - [ 15 พ.ค. 52 15:24:19 ]

ความคิดเห็นที่ 25 เรือพระที่นั่งชุดนี้ เป็นของกษัตริย์ทางรัฐฉาน หรือโดยเชื้อชาติก็เป็นไทยใหญ่ แต่ศิลปกรรมและวัฒนธรรมส่วนใหญ่ก็กลมกลืนกับพม่าเสียจนแยกให้ออกยาก โดยเฉพาะการนับถือนกการเวกเช่นเดียวกับครุฑของไทย จากคุณ : Navarat.C - [ 15 พ.ค. 52 15:25:04 ]

ความคิดเห็นที่ 26 เรือพระที่นั่งทั้งสองลำจะถูกนำออกมาเป็นจุดเด่นของงานใหญ่ประจำปีวัดพองดออู วัดโบราณที่สร้างตั้งแต่ศตวรรษที่ 12  หลังจากเทศกาลออกพรรษา 15 วันชาวบ้านจะ อัญเชิญพระพุทธรูป(พระบัวเข็ม)คู่บ้านคู่เมือง  5 องค์ ขึ้นเรือพระที่นั่งลำใหญ่ แล้วแห่ขบวนเรือไปตามหมู่บ้านต่างๆรอบทะเลสาบอินเล เพื่อความเป็นสิริมงคล จากคุณ : Navarat.C - [ 15 พ.ค. 52 15:26:17 ]

ความคิดเห็นที่ 27 เรือพระที่นั่งลำเล็ก อัญเชิญเครื่องสังเวยบูชา จากคุณ : Navarat.C - [ 15 พ.ค. 52 15:27:35 ]

ความคิดเห็นที่ 28 เรือพระที่นั่งลำใหญ่ อัญเชิญพระพุทธรูป จากคุณ : Navarat.C - [ 15 พ.ค. 52 15:29:06 ]

ความคิดเห็นที่ 29 แก้ไขเมื่อ 15 พ.ค. 52 16:20:56 จากคุณ : Navarat.C - [ 15 พ.ค. 52 15:30:02 ]

ความคิดเห็นที่ 30 เรือแทบคว่ำ จากคุณ : jassb1 - [ 15 พ.ค. 52 15:31:07 ]

ความคิดเห็นที่ 31 ชาวบ้านจะใช้เรือยาวที่เป็นเรือขุดจากต้นไม้ใหญ่ทั้งต้นเป็นพาหนะร่วมขบวนแห่ จากคุณ : Navarat.C - [ 15 พ.ค. 52 15:31:14 ]

ความคิดเห็นที่ 32 การยืนแจวเรือโดยใช้เท้า คนที่นั่นทำได้อย่างชำนิชำนาญ แต่การยืนเบียดๆกับ แล้วใช้เท้าแจวใบพายอย่างพร้อมเพรียงนี่สิ น่าจะเป็นความโดดเด่นที่ทำกันแห่งเดียวในโลก น่าทึ่งมาก จากคุณ : Navarat.C - [ 15 พ.ค. 52 15:32:40 ]

ความคิดเห็นที่ 33 ท่านพี่นวรัตน แวะไปรัฐฉาน อย่าลืมกลับมาเล่าเรื่อง The Regatta Festival on Yangon or Rangoon's Kandawgyi Lake ด้วยนะจ๊ะ อิอิ ... ไปทำธุระก่อนครับ เย็นๆจะมาล่องลมชมเรือต่อ ขอบพระคุณเรื่องราวดีๆที่นำมาเล่าสู่กันฟังครับ จากคุณ : jassb1 - [ 15 พ.ค. 52 15:33:40 ]

ความคิดเห็นที่ 34 เรือแต่ละลำก็มาจากแต่ละหมู่บ้านที่เป็นชุมชนรอบๆทะเลสาปอินเล จากคุณ : Navarat.C - [ 15 พ.ค. 52 15:34:01 ]

ความคิดเห็นที่ 35 นี่ทีมเสื้อขาว กางเกงดำ จากคุณ : Navarat.C - [ 15 พ.ค. 52 15:35:23 ]

ความคิดเห็นที่ 36 ขบวนเรือ ล่องลอยตามกันไป แก้ไขเมื่อ 15 พ.ค. 52 15:37:43 จากคุณ : Navarat.C - [ 15 พ.ค. 52 15:36:37 ]

ความคิดเห็นที่ 37 เรือพระที่นั่ง หัวเรือเป็นนกการเวก นกนี้เป็นสัตว์ในป่าหิมพานต์  บินสูงเหนือเมฆ และมีเสียงไพเราะยิ่งนัก พม่าจะนำนกการเวกมาเป็นสัญญลักษณ์ในพิธีกรรมต่างๆ จากคุณ : Navarat.C - [ 15 พ.ค. 52 15:39:40 ]

ความคิดเห็นที่ 38 หัวนกการเวก ก็เป็นงานช่างแบบตรงไปตรงมาตามแบบพม่าหรือไทยใหญ่ จากคุณ : Navarat.C - [ 15 พ.ค. 52 16:15:41 ]

ความคิดเห็นที่ 39 ขบวนเรือกลับมาถึงวัดพองดออู เรือชาวบ้าน รวมทั้งนักท่องเที่ยวมารอชม แก้ไขเมื่อ 15 พ.ค. 52 16:20:17 จากคุณ : Navarat.C - [ 15 พ.ค. 52 16:16:24 ]

ความคิดเห็นที่ 40 เรือแม่หญิงมาร้องรำทำเพลง จากคุณ : Navarat.C - [ 15 พ.ค. 52 16:19:19 ]

ความคิดเห็นที่ 41 วัดพองดออู จากคุณ : Navarat.C - [ 15 พ.ค. 52 16:21:57 ]

ความคิดเห็นที่ 42 ก่อนจะจบกระทู้นี้ ขอนำบางภาพจากเวปต่างๆมาเปรียบเทียบให้ชมความไม่เหมือนระหว่างเรือพระราชพิธีของพม่าและไทย ที่ฝรั่งวาดไว้ดังที่นำมาให้ชมนั้น โดยไม่ต้องบรรยายใดๆอีก จากคุณ : Navarat.C - [ 15 พ.ค. 52 16:24:09 ]

ความคิดเห็นที่ 43 ต่อไปครับ จากคุณ : Navarat.C - [ 15 พ.ค. 52 16:25:52 ]

ความคิดเห็นที่ 44 ภาพเรือรบครับ เรือด้านในติดปืนใหญ่เล็กๆที่หัวเรือ ด้านนอกเป็นเรือดั้ง มีทหารเคลื่อนที่เร็ว สมัยนี้คงเรียกว่านาวิกโยธินมั้ง แก้ไขเมื่อ 15 พ.ค. 52 17:35:31 จากคุณ : Navarat.C - [ 15 พ.ค. 52 16:27:06 ]

ความคิดเห็นที่ 45 ที่สุดของที่สุดเรือพระราชพิธี จากคุณ : Navarat.C - [ 15 พ.ค. 52 16:31:51 ]

ความคิดเห็นที่ 46 เมือกล่าวถึงเรือพระราชพิธี มาแล้ว ผมขอฝากความเห็นไว้เป็นที่สุด ถึงคำว่า กระบวนพยุหยาตราทางชลมารค ที่สมัยก่อนเริ่มต้นใช้ แล้วต่อมามีข้อถกเถียงทางวิชาการกันใหญ่โตให้ตัดคำว่า “ทาง”ออก เพราะมีความหมายซ้ำ ด้วยว่า “ชลมารค” แปลว่า “ทางน้ำ” อยู่แล้ว กระบวนพยุหยาตราทางชลมารค = การเดินทางเป็นขบวนขนาดใหญ่ทางทางน้ำ ภาษาราชการก็เลยใช้ กระบวนพยุหยาตราชลมารค สืบมา กระบวนพยุหยาตราชลมารค = การเดินทางเป็นขบวนขนาดใหญ่ทางน้ำ ผมแก่รอบไม่ทันที่จะได้ออกความเห็นกับเขาในตอนนั้น  ไม่เป็นไร สมัยนี้เป็นสมัย internet ใครจะแสดงความเห็นอย่างไรก็ได้ ผมอยากบอกความรู้สึกว่า กระบวนพยุหยาตราชลมารค อาจถูกไวยากรณ์ แต่ห้วนเสียจนขาดความไพเราะห์  ถ้าจะใช้ว่า กระบวนพยุหยาตราโดยชลมารค ดังเช่นที่เจ้าฟ้ากุ้ง กวีเอกกรุงศรีท่านนิพนธ์ไว้ในกาพย์เห่เรือ “ พระเสด็จโดยแดนชล ทรงเรือต้นงามเฉิดฉาย ..” ก็จะได้ความลงตัวด้านสำเนียงของภาษาด้วย กระบวนพยุหยาตราโดยชลมารค = การเดินทางเป็นขบวนขนาดใหญ่โดยทางน้ำ เพราะกว่าที่ใช้กันอยู่นะครับ จากคุณ : Navarat.C - [ 15 พ.ค. 52 16:37:40 ]

ความคิดเห็นที่ 47 ภาพชุดนี้ เป็นการแห่พระในทะเลสาบอินเล ในรัฐฉานของพม่า ครับ มีขึ้นทุกปีนะ คนในทะเลสาบอินเล จะเรียกตัวเองว่า อินทา มีความชำนาญในการใช้เท้าพายเรือแทนมือ ส่วนที่บอกว่า หัวเรือเป็นนกการเวก จริง ๆ แล้ว ถ้าเป็นทางไต (ไทใหญ่) จะเรียกว่า นกกิงกะลา ครับ ซึ่งในงานปอยส่างลอง (บวชลูกแก้ว) ก็จะมีฟ้อนกิงกะลา กับ เต้นโต (สัตว์ในความเชื่อของเผ่าไต มีลักษณะผสมของสัตว์หลาย ๆ อย่าง ) ครับ การแห่เรือนี้ ในทะลสาบที่ย่างกุ้งก็แห่กันนะครับ แต่ของมอญจะทำหัวเรือเป็นหงส์แทน จากคุณ : ศรีสิทธิสงคราม - [ 15 พ.ค. 52 17:01:48 A:58.10.222.82 X: TicketID:207948 ]

ความคิดเห็นที่ 48 ขอบคุณที่นำมาให้ชมครับ ยังไง๊ ยังไง ของเราก็สวยสุดๆครับ จากคุณ : natthaset - [ 15 พ.ค. 52 17:04:25 ]

ความคิดเห็นที่ 49 เสริมคุณศรีสิทธิสงครามหน่อย เอาท่าพายเรือด้วยเท้าชัดๆมาให้ชม โปรดสังเกตุความร่วมทีนร่วมใจกัน ไม่มีใครทีนไม่พาย เอามือราน้ำแม้แต่คนเดียว จากคุณ : Navarat.C - [ 15 พ.ค. 52 17:49:51 ]

ความคิดเห็นที่ 50 ขอบคุณคับ เรือของไทยสวยสุด จากคุณ : ชาย_วชิร - [ 15 พ.ค. 52 17:50:07 ]

ความคิดเห็นที่ 51 ตามมาดูเรือพม่ารามัญ เรือจำลองของเก่าที่ทำเป็นเรือท่องเที่ยวถ้าจำไม่ผิดชื่อว่า เรือการเวก ส่วนคห.10 สมัยร.5 เรียกเรือหางแมงป่องว่าเรือลาว คำว่าลาวในที่นี้ไม่ใช่ประเทศลาว แต่หมายถึงคนเหนือ เช่น ในเสภาขุนช้างขุนแผน นางวันทองด่านางลาวทอง (คนลำพูน)ว่าอีลาว ตอนนางสร้อยฟ้าธิดาเจ้าเมืองเชียงใหม่ทำขนมเบื้อง นางทองประศรีก็ค่อนขอดว่าลาวทำขนมเบื้องแปลกๆ (ทำไม่เป็น) ไม่เหมือนคนภาคกลาง เรือพม่าก็สวยมีเอกลักษณ์ดี  สวยอลังการหลายลำ   รู้สึกฝีมือคนโบราณทั่วโลกน่าทึ่งมาก เสียดายความรู้ศิลปะเก่าๆที่สูญหายไป หากโรงเรือหลวงสมัยอยุธยาไม่ถูกเผาเราคงมีเรือสวยๆตกทอดมาอีกมากมาย เห็นมหรสพทางน้ำของพม่าแล้วนึกถึงการเล่นเพลงเรือของไทยสมัยก่อน เรือไทยสมัยอยุธยาที่ฝรั่งวาดคล้ายเรือพม่าจริงๆ คงวาดตามจินตนาการแม้แต่ช้างทรงสมเด็จพระนารายณ์มหาราชยังวาดเพี้ยน จากคุณ : วสันดิลก - [ 15 พ.ค. 52 18:41:20 ]

ความคิดเห็นที่ 52 มีโอกาสได้เห็นภาพชุดนี้  ถือว่าเป็นบุญตานัก ได้ความรู้จริงๆ  ขอบคุณมากเลยค่ะ ภาพที่วาดโดยใช้จินตนาการนั่น  ดูแล้วยิ่งกว่านั่งเทียนเขียนอีกนะคะ   เคยได้ยินแต่เค้าว่าจับแพะชนแกะ   นี่จับพม่ามาชนจีนซะดื้อๆ  ถ้าคนวาดอยู่ถึงวันนี้  ท่าทางจะไม่กล้าเข้าประเทศเราแน่  ทําไปด๊าย!!   จะว่าไป  เมืองพม่าครั้งกระโน้น ช่างมีกองทัพที่มีแสนยานุภาพจริงๆ  ทั้งทางบก  ทางทะเล   เคยอ่านในหนังสือ  ก็ว่ายิ่งใหญ่แล้ว   ได้มาเห็นร่องรอยทีหลัง  ก็ยังรู้สึกถึงความอลังการ  แต่นึกๆดู  ก็แปลกนะ   พม่านี่  เรื่องรบก็รบเอาๆ    ศิลปะก็สร้างเอาๆ   นี่ขนาดหายไปตั้งเยอะนะ  สงสัยคนสร้างกะคนรบนี่ คงจะต้องแบ่งงานกันทําแน่ๆนะคะ     ถ้าบ้านเมืองเค้า  สงบเรียบร้อยดีเมื่อไหร่   เอาแค่  เสน่ห์ของศิลปวัฒนธรรมที่เหลืออยู่ในปัจจุบัน แค่อย่างเดียว  ก็พร้อมจะดึงดูดนักท่องเที่ยวเข้าประเทศ  โกยรายได้กันหูดับตับหลุดเลยทีเดียว   ถ้าไม่ติดว่า  ยังเคืองๆเรื่องเก่าก่อน  ตั้งกะกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี  ก็จะชื่นชมได้เต็มปากเต็มคํากว่านี้หรอก  ฮึ่ๆ  เอาเป็นว่า  ชมแค่นี้พอ  และสรุปว่า  เรือของเราสวยที่สุดในโลกค่ะ    555555 จากคุณ : บุหลันรตี (บุหลันรตี) - [ 15 พ.ค. 52 19:19:32 ]

ความคิดเห็นที่ 53 มันเยี่ยมมากเลย จากคุณ : Banjo Hangout - [ 15 พ.ค. 52 19:53:18 ]

ความคิดเห็นที่ 54 ... ร่วมด้วยช่วยแถม ภาพท่าเรือ เมืองย่างกุ้ง สมัยศตวรรษที่ ๑๙ ครับ จากคุณ : jassb1 - [ 15 พ.ค. 52 20:45:55 ]

ความคิดเห็นที่ 55 นี้ภาพเขียนสี ... สมัยเดียวกัน สิงห์หน้าพระเจดีย์ ดูแปลกๆครับ จากคุณ : jassb1 - [ 15 พ.ค. 52 20:47:43 ]

ความคิดเห็นที่ 56 ดูเรือหลวงแล้ว มาดูเรือชาวบ้านริมฝั่งอิรวดีสิครับ ... สวยจัง Myanmar River Temple & Pagoda in the Ayeyarwady or Irrawaddy delta ปล. เรือเช่นนี้ เรียกเรืออะไรหรือครับ? แก้ไขเมื่อ 15 พ.ค. 52 21:03:43 จากคุณ : jassb1 - [ 15 พ.ค. 52 20:58:36 ]

ความคิดเห็นที่ 57 ลาว  กัมพูชามีเรือพระราชพิธีแบบนี้มั้ยครับ จากคุณ : waphoo - [ 15 พ.ค. 52 21:11:53 ]

ความคิดเห็นที่ 58 ... นี้เรือฝรั่งปอตุเกส ตามที่ช่างศิลป์ชาวพม่าได้เขียนไว้ข้างฝาผนังวัด มีนายกะปิตันเป็นคนขาว และมีลูกเรือเป็นนิโกร ล่องมาให้เห็นแถวสันดอน ปากน้ำ (ไม่ระบุปี) จากคุณ : jassb1 - [ 15 พ.ค. 52 21:11:55 ]

ความคิดเห็นที่ 59 สุดท้าย ... มือไม่พาย เอาเท้าพายแทน แบบชัดๆ อิอิ จากคุณ : jassb1 - [ 15 พ.ค. 52 21:15:18 ]

ความคิดเห็นที่ 60 ... เรืออะไร เขาก้เอาเท้าพาย ... เก่งแท้ จากคุณ : jassb1 - [ 15 พ.ค. 52 21:17:44 ]

ความคิดเห็นที่ 61 เอ้า เดี๋ยวเจ้าของกระทู้จะหวดก้น ข้อหาเอารูปไม่เกี่ยวกะเรือหลวงมาลง ขอเป็นรูปสุดท้ายในเซตแถมของผม ด้วยภาพยามเช้าของ U Bein Bridge (ที่ไหนในพม่า ผมจนด้วยเกล้าจะบอก) นั่งมองภาพนี้แล้วคิดๆดู ... วิถีชีวิตชาวน้ำชาวเรือของพม่าเขา คงไม่เปลี่ยนแปลงมาแต่ครั้งกระนู้น ย้อนไปหลายร้อยปีกระมัง ดูแล้วอิ่มใจดีครับ จากคุณ : jassb1 - [ 15 พ.ค. 52 21:24:11 ]

ความคิดเห็นที่ 62 เอารูปเรือน้อยในห้วงมหานทีของพม่ามาแถมให้นักแถมรูปนึง จากคุณ : Navarat.C - [ 15 พ.ค. 52 21:33:51 ]

ความคิดเห็นที่ 63 เป็นกระทู้ที่ดีมาก ๆ อีกกระทู้หนึ่ง ขอบคุณเจ้าของกระทู้มากครับ จากคุณ : วศินสุข - [ 15 พ.ค. 52 22:27:47 ]

ความคิดเห็นที่ 64 ขอบคุณสำหรับความรู้ใหม่ๆค่ะ จากคุณ : หัวใจถวายวัด - [ 15 พ.ค. 52 22:40:25 ]

ความคิดเห็นที่ 65 สุดยอดเลย ขอบคุณครับ จากคุณ : Banjo Hangout - [ 16 พ.ค. 52 00:10:27 ]

ความคิดเห็นที่ 66 ยิ่งใหญ่ และอลังการจริงๆค่ะ ภาพหัวเรือแกะในคห.4 ไม่ธรรมดาเลย คงต้องยอมรับว่า แสนยานุภาพทางน้ำของสยามเทียบไม่ติดจริงๆ ดูแล้วชักอยากไปเที่ยวงานล่องเรือของเขาเสียแล้วสิคะ จากคุณ : หนมจีน - [ 16 พ.ค. 52 09:24:24 A:58.37.202.231 X: TicketID:063710 ]

ความคิดเห็นที่ 67 เรียน คุณพี่ Navarat.C ขอสอบถามว่า ภาพจาก ความเห็น 5 ถ้ามีเรือชนิดนี้จริงๆ ไม่ทราบว่าใช้กำลังอะไรขับเคลื่อนเรือครับ ดูจากใบพาย ที่ไว้คัดท้าย ต้องใช้คนกี่คนถึงจะพอ หรือว่าจะมีเรือจูง ? หรือชักใบได้ ? หรือใช้กำลังพลพาย? ขอบคุณครับ จากคุณ : panard1 - [ 16 พ.ค. 52 11:15:34 ]

ความคิดเห็นที่ 68 ขอบคุณที่นำมาแบ่งปันกันครับ เหมือนจะเคยได้ยินว่า สมัยกรุงศรีอยุธยาเราใช้ฝีพายพม่า พายเรือพระที่นั่งกษัตริย์ ไม่รู้เท็จจริงยังไง วานผู้รู้ช่วยตอบด้วยนะครับ ส่วนเรือใหญ่ๆของพม่า คงพายเองไม่ได้ คงต้องมีเรือคู่ชัก เหมือนเรือดั้งเรือแซงของเรา เอาไว้ชักเรือพระที่นั่งเวลาพายทวนน้ำ จากคุณ : ปลาทองสยองเมือง - [ 16 พ.ค. 52 12:59:05 ]

ความคิดเห็นที่ 69 ชอบมากครับ เพลินตาได้ความรู้ อลังการดี ครับเห็นแล้วอยากไป backpack ที่ พม่ามาก  จะได้มีเวลาเดินดูอะไรต่อมิอะไร ไม่ต้องตาม ทัวร์ จากคุณ : tinglee tingamee - [ 16 พ.ค. 52 13:14:58 ]

ความคิดเห็นที่ 70 คุณ panard1 ครับ ถ้าจะให้เดา เรือนี้คงใว้คนแจว สังเกตุจากกราบเรือจะเห็นเป็นปุ่มๆอยู่ ดูความสูงคล้ายจะเป็นหลักแจวได้ ดูรูปอื่นๆจะเห็นว่าพม่าถนัดแจวแบบกรรเชียงนะครับ จากคุณ : Navarat.C - [ 16 พ.ค. 52 20:39:42 ]

ความคิดเห็นที่ 71 ขอขอบคุณสำหรับความรู้  แค่เห็นชื่อเจ้าของกระทุ้ก็รู้ว่าความรู้เพียบอยู่แล้ว จากคุณ : ศิษย์เจ้าคุณ - [ 16 พ.ค. 52 22:03:39 ]

ความคิดเห็นที่ 72 ความเชื่อขอพม่า ไทใหญ่ เชื่อนกการะเวกแม้แต่งานศพ  ฝากรูปให้ดู จากคุณ : ศิษย์เจ้าคุณ - [ 16 พ.ค. 52 22:07:56 ]

ความคิดเห็นที่ 73 เป็นต้องรีบเข้ามาดูกระทูนี้ทันทีที่เห็นชื่อ Navarat.C ครับ มาทีไร ด้ทั้งความรู้และ ภาพที่สวยงาม ไม่เคยผิดหวังเลยจริงๆ มาราวมแจมภาพครับ อิอิ ภาพ :   ภายในเรือการะเวก ภัตตาคารทางทิศตะวันออกของทะเลสาบกันดอว์จี ที่จำลองมาจากเรือพระที่นั่งของพม่า จากคุณ : akkarachai - [ 16 พ.ค. 52 23:53:08 ]

ความคิดเห็นที่ 74 ยามค่ำคืน จากคุณ : akkarachai - [ 17 พ.ค. 52 00:12:29 ]

ความคิดเห็นที่ 75 โดดเด่นบนผืนน้ำยามราตรี จากคุณ : akkarachai - [ 17 พ.ค. 52 00:20:07 ]

ความคิดเห็นที่ 76 เห็นรูปนี้แล้ว ต้องขอมอบให้คุณjassb1 จากคุณ : Navarat.C - [ 17 พ.ค. 52 10:33:52 ]

ความคิดเห็นที่ 77 ขอบพระคุณมาก ๆ นะคะ  อ่านเพลินเลยล่ะ จากคุณ : biebie999 - [ 18 พ.ค. 52 11:54:58 ]

ความคิดเห็นที่ 78 มีมาเพิ่มครับ ผมเข้าไปเจอเวปที่ว่าด้วยเรือในประวัติศาสตร์ของพม่าโดยบังเอิญ เลยเอามารวบรวมเป็นข้อมูลเบื้องต้น  ผมแปลแบบจับความมาเฉพาะที่มีรูปประกอบ ที่ไม่มีก็ละไว้ ท่านที่สนใจจะเข้าไปดูได้ที่เวปข้างล่างนี้ เผื่อมีผู้ชำนาญภาษาพม่าที่สะกดด้วยภาษาอังกฤษมาช่วยชำระความถูกต้อง http://www.myanmars.net/myanmar-history/legend-boats.htm จากคุณ : Navarat.C - [ 18 พ.ค. 52 13:37:52 ]

ความคิดเห็นที่ 79 Nawara Boat  เรือพม่าชื่อเหมือนรถกระบะสัญชาติญี่ปุ่นนี้ เรียกอีอย่างหนึ่งว่านะวะรูปะ หรือนวรูปที่แปลว่ามีรูปลักษณ์เก้าประการ ได้แก่ มีหัวดั่งนกการเวก ท้องเรือดั่งท้องกระทิง หางดั่งปลาตะเพียน มีงาคู่ดั่งช้างสาร งวงดั่งตัวมกระ(ใครไม่รู้จักตัวนี้ เดี๋ยวจะมีรูปให้ดู) เขาคู่ดั่งเขากวางป่า กดั่งปีกของนกแก้ว ขาหน้าและขาหลังด้านหนึ่งเหมือนดั่งขาอาชาไนย อีกด้านหนึ่งดั่งขาของกิเลน เ ป็นเรือพระราชพาหนะ ตั้งแต่พระมหาธรรมราชาแห่งพุกาม จากคุณ : Navarat.C - [ 18 พ.ค. 52 13:39:25 ]

ความคิดเห็นที่ 80 นี่ครับ ตัวมกระ จากคุณ : Navarat.C - [ 18 พ.ค. 52 13:40:18 ]

ความคิดเห็นที่ 81 นี่อีกแบบนึง เหมือนพญานาค แต่มีงวง มีมือมีตีน คล้ายตัวซาลามานเดอร์ที่ทางเหนือเรียกว่าจั๊กกิ้งน้ำ จากคุณ : Navarat.C - [ 18 พ.ค. 52 13:42:52 ]

ความคิดเห็นที่ 82 ตัวมกระนี้ ทางเชียงใหม่มีเยอะไม่ทราบว่าเรียกชื่อนี้หรือเปล่า ตอนนี้ยังนึกไม่ออก แต่ตัวที่เอาหัวเทินไว้คือนรสิงห์นะครับ จากคุณ : Navarat.C - [ 18 พ.ค. 52 13:44:09 ]

ความคิดเห็นที่ 83 Ma Noke Thiha Boat ผมจึงแปลว่าเรือนรสิงห์นะครับ สัตว์หิมพานต์ชนิดนี้พม่านิยมปั้นไว้ให้เฝ้าประตูวัด หรือประตูวัง เป็นเรือพระราชพาหนะเช่นกัน จากคุณ : Navarat.C - [ 18 พ.ค. 52 13:45:28 ]

ความคิดเห็นที่ 84 Zala Kapin Boat เป็นเรือที่มอญเป็นผู้สร้างขึ้น ฉลาภาษามอญแปลว่ากล่อง คะปินแปลว่าเรือ แปลว่าเรืองแบบนี้คงมีลักษณะคล้ายกล่องนั่นเอง จากคุณ : Navarat.C - [ 18 พ.ค. 52 13:46:14 ]

ความคิดเห็นที่ 85 Ye Hlay Boat แปลว่าเรือผู้กล้า(หาญ) ประวัติพิศดารเกินไม่รู้แปลแล้วจะได้ประโยชน์อะไร เอาเป็นว่าน่าจะเป็นเรือรบที่ไว้ขนทหารก็แล้วกันครับ จากคุณ : Navarat.C - [ 18 พ.ค. 52 13:47:46 ]

ความคิดเห็นที่ 86 ตัวมกระ = ตัวมังกร หรือไม่ ประการใดครับ ? แฮะๆ จากคุณ : jassb1 - [ 18 พ.ค. 52 20:43:59 ]

ความคิดเห็นที่ 87 ได้มาแล้วครับ ตัวมกระ(Makara)นั้นในความเชื่อของพม่าเป็นสัตว์กึ่งนาคกึ่งจระเข้ โดยมีลักษณะเทียบเคียงได้กับตัวเหราในป่าหิมพานต์ของไทย จากคุณ : Navarat.C - [ 18 พ.ค. 52 23:18:04 ]

ความคิดเห็นที่ 88 ที่เห็นนี้ ภาคเหนือจะเรียกว่ามกระคายนาคครับ ที่เป้นเช่นนี้เพระาทางภาคเหนือของเรามีพื้นที่ติดกับพม่าจึงได้รับอิทธิพลไปโดยปริยายในด้านของความเชื่อและวัฒนธรรม ซึ่งตัวมกระ จะเป็นตัวแทนของความไม่รู้ หรือ อวิชชา ที่คายนาคออกมา เพื่อจะก้าวเข้าสู่วิชา แต่ในแง่มุมของการเมืองที่เคยตกเป้นเมืองขึ้นของพม่ามาก่อน พญานาคอันเป็นสัตว์ที่ชาวล้านนาให้ความเคา้รพและสักการะนั้น ถูกกลืนไปโดยมกระ ซึ่งเป็นสัตว์ในความเชื่อของพม่า นัยว่าเป็นการสร้างเพื่อข่มกันทางไสยศาสตร์ตามแนวถนัดของพม่า จากคุณ : Navarat.C - [ 18 พ.ค. 52 23:19:23 ]

ความคิดเห็นที่ 89 ของไทยเราก็มีเรือเอกไชยหลาวทอง เป็นเรือคู่ชักคู่กับเรือเอกชัยเหินหาว เป็นเรือรูปสัตว์  หัวเรือเป็นรูปเหราหรือจระเข้ สร้างขึ้นตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ ๑ จากคุณ : Navarat.C - [ 18 พ.ค. 52 23:21:51 ]

ความคิดเห็นที่ 90 เรือเอกชัยเหินหาว และเรือเอกชัยหลาวทอง เป็นเรือกระบวน ลงรักปิดทองมีหน้าที่เป็นเรือคู่ชักใช้นำหน้าหรือใช้ชักลากเรือพระที่นั่งสุพรรณหงส์ ในกรณีที่ฝีพายแรงไม่เพียงพอในการพายทวนน้ำ เรือทั้งสองลำมีความยาวประมาณ 27.50 เมตร กว้าง 1.99 เมตร ใช้ฝีพาย 38 คน จากคุณ : Navarat.C - [ 18 พ.ค. 52 23:24:58 ]

ความคิดเห็นที่ 91 ภาพขบวนแห่พระบัวเข็ม แห่งวัดผ่องต่ออู ที่สร้างอยู่กลางทะเลสาปอินเล จะจัดขึ้นในช่วงเทศกาลออกพรรษาของทุกปี โดยจะมีการแห่ไปรอบทะเลสาป เพื่อให้ทุกหมู่บ้านได้มีโอกาสสักการะองค์พระบัวเข็ม ซึ่งจะมีอยู่ทั้งหมด 5 องค์ แต่จะอัญเชิญเข้าขบวนเพียงแค่ 4 องค์เท่านั้นตามความเชื่อ ในอดีต ที่มีครั้งหนึ่งอัญเชิญมาพร้อมกันหมดและได้เกิดอุบัติเหตุเรือล่ม ชาวบ้านได้ช่วยกันงมองค์พระขึ้นมาได้สี่องค์ อีกองค์หาอย่างไรก็ไม่พบ แต่หลังจากเสร็จพิธีเมื่อกลับมาถึงวัด ก็พบองค์พระกลับมาอยู่ที่เดิม จากนั้นเป็นต้นมาจึงอัญเชิญมาแค่สี่องค์เท่านั้น และผู้ชายชาวอินทาจะถือว่าเป็นเกียรติและได้บุญมากหากได้พายเรือชักลากขบวนแห่ โดยจะสลับไปตามหมู่บ้านที่ขบวนได้แห่ไปถึง ส่วนสะพานอูเบง(u bein bridge)จะอยู่ที่เมืองมัณฑะเลย์ เป็นสะพานไม้สักที่ยาวมากเป็นกิโลเมตรเลยครับและใกล้ๆจะมีเจดีย์แบบอยุทธยา ชาวบ้านเรียกว่าเจดีย์โยเดีย สันนิษฐานว่าเป็นที่บรรจุอัฐิเจ้านายจากอยุทธยาแต่ไม่ทราบว่าเป็นของท่านใด ในสมัยกรุงแตกครั้งทีสอง จากคุณ : หนุ่มดอยคอยเธอ (หนุ่มดอยคอยเธอ) - [ 19 พ.ค. 52 01:08:23 ]

ความคิดเห็นที่ 92 สะพานอูเบง (u bein bridge) ที่คุณหนุ่มดอยคอยเธอกล่าวถึงนี้เป็นสะพานที่น่าทึ่งและมีเสน่ห์มากครับ เอารูปมาให้ชม จากคุณ : Navarat.C - [ 19 พ.ค. 52 06:44:38 ]

ความคิดเห็นที่ 93 จากวิวสะพาน มองเห็นเจดีย์หลายองค์ ไม่ทราบองค์ไหนที่ชาวบานเรียกโยเดีย จากคุณ : Navarat.C - [ 19 พ.ค. 52 06:46:46 ]

ความคิดเห็นที่ 94 เรือจ้าง ที่หากินอยู่แถวสะพาน จากมุมนี้ก็เห็นเจดีย์ใหญ่บนฝั่งข้างหน้าเช่นกัน จากคุณ : Navarat.C - [ 19 พ.ค. 52 06:48:53 ]

ความคิดเห็นที่ 95 ใกล้สะพาน ยังมีเจดีย์เล็กๆอีกองค์หนึ่ง สร้างบนฐานแบบหอคอยในพระราชวังมัณฑเลย์ ใช่องค์นี้หรือไม่ครับ จากคุณ : Navarat.C - [ 19 พ.ค. 52 06:51:48 ]

ความคิดเห็นที่ 96 อีกมุมหนึ่งของเจดีย์องค์นี้ จากคุณ : Navarat.C - [ 19 พ.ค. 52 06:52:48 ]

ความคิดเห็นที่ 97 สำหรับเจดีย์โยเดียนั้นจะมีขนาดเล็กกว่าในภาพ ผมต้องขออภัยที่บอกผิดไป ชาวพม่าจะเรียกว่าสถูปโยเดีย จะตั้งอยู่ในแนวป่าใกล้ๆสะพานและดูเหมือนจะไม่ได้รับการดูแลสักเท่าไหร่ มองดูเหมือนจะเป็นเจดีย์ร้างเสียมากกว่า พอดีเพิ่งค้นเจอ เขาสันนิษฐานว่าจะเป็นที่บรรจุอัฐิของ ขุนหลวงหาวัด หรือเจ้าฟ้าอุทุมพรตรงนี้กำลังรอการพิสูจน์อยู่ครับ (ฟังผู้รู้เล่ามาครับ) จากคุณ : หนุ่มดอยคอยเธอ - [ 19 พ.ค. 52 15:15:20 ]

ความคิดเห็นที่ 98 ขอเพิ่มเติมข้อมูลของสะพานอูเบงนิดนึงนะครับ สะพานนี้สร้างในสมัยพระเจ้าปดุง ราวสมัยรัชกาลที่หนึ่งของไทย(ผิดถูกโปรดชี้แนะด้วยครับ) ได้มีรับสั่งให้ขุนนางสร้างสะพานข้ามทะเลสาป ตองตะมานโดยมีระยะทางกว่า 1200ม. โดยใช้ไม้สักที่รื้อมาจากพระราชวังที่กรุงอังวะ และแม่กองในการก่อสร้าง ชื่ออูเบง จึงกลายมาเป็นชื่อสะพานครับ ข้อมูลเพิ่มเติมมาจากหนังสือ "ท่องแดนเจดีย์ไพรในพุกามประเทศ" เขียนโดย คุณธีรภาพ  โลหิตกุล แก้ไขเมื่อ 19 พ.ค. 52 15:36:47 แก้ไขเมื่อ 19 พ.ค. 52 15:34:27 จากคุณ : หนุ่มดอยคอยเธอ - [ 19 พ.ค. 52 15:29:19 ]

ความคิดเห็นที่ 99 สุดยอดครับ ขอบคุณเจ้าของกระทู้มาก ๆ ครับ จากคุณ : SATADA - [ 20 พ.ค. 52 08:46:42 ]

ความคิดเห็นที่ 100 โหหห..เยี่ยมจริงๆ ขอบคุณ จขกท.มากๆ ค่ะ จากคุณ : nutji - [ 20 พ.ค. 52 13:09:53 ]

ความคิดเห็นที่ 101 Ma Noke Thiha แปลว่า มนุสสีหะ เป็นรูปสิงโตท่อนบนเป็นคน มี2ก้นครับ จากคุณ : คุณฟิน - [ 20 พ.ค. 52 13:47:25 ]

ความคิดเห็นที่ 102 มีประโยชน์และประเทืองปัญญามากๆครับ ขอบคุณครับ จากคุณ : นะนะ - [ 20 พ.ค. 52 14:27:26 ]

ความคิดเห็นที่ 103 ได้ความรู้มากมาย ขอบคุณนะครับ จากคุณ : ตงเหลงฉ่า - [ 20 พ.ค. 52 14:52:44 ]

ความคิดเห็นที่ 104 ขอบคุณคุณฟินมากครับ ถ้าไม่ให้เบาะแสมาคงหาเจ้าMa Noke Thihaนี่ไม่เจอ ตอนแรกงงๆกับคำว่า2ก้น เห็นรูปแล้วจึงหายงง ไปงงว่าคนคิดรูปร่างเจ้านี่ว่าเค้าคิดมาได้ยังไง จากคุณ : Navarat.C - [ 20 พ.ค. 52 16:48:29 ]

ความคิดเห็นที่ 105 ของล้านนาไทยก็มีนะครับ  บางครั้งเพศชายจะเรียกว่าเทพสีหะ จากคุณ : Navarat.C - [ 20 พ.ค. 52 17:29:00 ]

ความคิดเห็นที่ 106 เพศเมียจะเรียกว่าอัปสรสีห์ ในเมืองไทยมีก้นเดียวนะครับไม่เหมือนกับพม่า จากคุณ : Navarat.C - [ 20 พ.ค. 52 17:31:30 ]

ความคิดเห็นที่ 107 นี่อยู่ที่เมียววดี เป็นพม่าแท้แต่ฝีมือไม่ถึงของโบราณในภาพแรก ผมเอามาให้ดูเพื่อพยายามแกะรอยที่ว่ามีสองก้นน่ะ เป็นยังไง จากคุณ : Navarat.C - [ 20 พ.ค. 52 17:34:33 ]

ความคิดเห็นที่ 108 จนแล้วจนรอดก็ไม่มีที่ใครจะถ่ายรูปให้เห็ชัดๆเลย มุมนี้ก็เลี่ยงๆไป จากคุณ : Navarat.C - [ 20 พ.ค. 52 17:36:08 ]

ความคิดเห็นที่ 109 ผมลองไปค้นหนังสือบนหิ้งหาตัวMa Noke Thihaนี่อีกครั้ง เจอครับ ในหนังสือจะเรียกว่า Manuthiha สังเกตุว่าช่างพม่าจะตั้งไว้ตามมุมของอาคารหรือเจดีย์ ทำให้ก้นต้องผายออกไป จนดูเหมือนมีสองก้นได้ จากคุณ : Navarat.C - [ 20 พ.ค. 52 18:36:07 ]

ความคิดเห็นที่ 110 ผมคิดว่า น่าจะไม่ใช่ภาคบังคับว่า มานุษยสีหะนี้จะต้องมีสองก้น พอดีได้ภาพมายืนยันว่าเจ้าตัวที่ว่านี้ก็มีก้นปอดได้เหมือนกัน จากคุณ : Navarat.C - [ 20 พ.ค. 52 18:38:49 ]

ความคิดเห็นที่ 111 ก็ต้นฉบับเขามาจากอินเดีย Manuthiha ที่นั่นเป็นอย่างนี้เลย จากคุณ : Navarat.C - [ 20 พ.ค. 52 18:40:16 ]

ความคิดเห็นที่ 112 ค้นหนังสือคราวนี้มีเหตุให้กลับมาเรื่องเรือได้ ไม่ทราบว่าหลงหูหลงตาได้อย่างไรที่ไม่ได้เอาลงไว้แต่แรก เป็นภาพโบราณที่เขียนเรือพระราชพิธีของกษัตริย์พม่าสมัยมัณฑเลย์ น่าจะเป็นพระเจ้ามินดง ที่เสด็จพยุหยาตราโดยชลมารคไปรอบๆพระนคร สังเกตุนะครับ เรือพระที่นั่งใหญ่มาก ต้องใช้เรือในขบวนลากจูง จากคุณ : Navarat.C - [ 20 พ.ค. 52 18:46:54 ]

ความคิดเห็นที่ 113 ตัวเรือจริงๆยังมีภาพถ่ายในสมัยกษัตริย์สีป่อ ไม่รู้อังกฤษทำอะไรกัยเรือลำนี้ เหลือเพียงรูปถ่ายหาดูยากเท่านั้น จากคุณ : Navarat.C - [ 20 พ.ค. 52 18:49:23 ]

ความคิดเห็นที่ 114 นี่เป็นแบบภาพpostcardระบายสี จากคุณ : Navarat.C - [ 20 พ.ค. 52 18:50:24 ]

ความคิดเห็นที่ 115 รัฐบาลพม่าได้สร้างขึ้นใหม่เพื่อเป็นองค์ประกอบของพระราชวังมัณฑเลย์สำหรับให้นักท่องเที่ยวดู ก็ไม่เหมือนของจริงเท่าไร แต่ดูคูเมืองเขาซีครับ อย่างกับแม่น้ำ นี่ใช้คนขุดนะครับ ตอนนั้นพม่าเสียเมืองให้อังกฤษไปครึ่งประเทศแล้ว ต้องหนีมาสร้างเมืองหลวงใหม่ที่นี่ ขนาดกำลังขวัญหนีดีฝ่อนะครับ ยังสร้างอะไรต่อมิอะไรได้ขนาดนี้ จากคุณ : Navarat.C - [ 20 พ.ค. 52 18:56:34 ]

ความคิดเห็นที่ 116 มีรูปเรือสำเภาโบราณของพม่าแท้ๆเหลืออยู่อีกหนึ่งภาพ สมัยก่อนที่รบกับมอญกับไทยก็ใช้เรืออย่างนี้แหละครับ ขนทหารไปไหนถึงไหน จากคุณ : Navarat.C - [ 20 พ.ค. 52 19:00:13 ]

ความคิดเห็นที่ 117 ทะเลสาปอินเลตั้งอยู่ไม่ไกลจากเมืองตองยีครับ คือเมืองตองยีเป็นเมืองหลวงในเขตรัฐฉาน อยู่บนเขา ส่วนทะเลสาปอินเลก็อยู่ที่ราบลุ่มริมเขานี่แหล่ะครับ เป็นทะเลสาปมีอาณาเขตใหญ่ที่สุดในพม่า เป็นแหล่งปลูกมะเขือเทศแหล่งใหญ่สุดในพม่าด้วย เพราะชาวอิ๊นต๊า = อินทา เขาใช้พืชใต้น้ำในทะเลสาปมากองสุมๆกันจนกลายเป็นดิน แล้วก็ปลูกกันบนดินที่เป็นซากพืชนั่นแหล่ะครับ เมืองตองยีเป็นเมืองที่อากาศเย็นตลอดปี และที่คนไทยเรียกคนฉาน ก็คือ คนไทยใหญ่นี่เองครับ เขาจะเรียกตัวเองว่า ตนไต เรียกคนไทยว่า คนไท นี่คือภาษาไทยใหญ่นะครับ แต่คนพม่าจะเรียกคนไทยว่า โยดะยา หรือ อยุธยา เมืองตองยีจะมีเทศกาลใหญ่คือ เทศกาลปล่อยโคม ซึ่งตรงกับ ลอยกระทงบ้านเราครับ จะมีการประกวดโคม และพลุดอกไม้ไฟที่ประดับตัวโคมด้วยครับ ยิ่งใหญ่ทีเดียว แก้ไขเมื่อ 20 พ.ค. 52 19:42:47 จากคุณ : mama i love u - [ 20 พ.ค. 52 19:38:52 ]

ความคิดเห็นที่ 118 เป็นกระทู้ที่ดีมีประโยชน์ครับ ขอบคุณมากครับ ปล. คนไทยไม่ใช่ไม่เก่งเรื่องเรือนะครับ แต่ผมว่าคนไทยตอนนี้หลงลืมกันแล้วตั้งแต่ใช้รถแทนเรือครับ สมัย ร.1 กรมพระราชวังบวรฯยังทรงประสงค์จะขุดคลองกระเลยเพื่อเดินทัพ ผมเชื่อว่าน่าจะบ่งกลายๆได้ว่าเราก็ยุทธนาวีได้ดี จากคุณ : buddhi - [ 21 พ.ค. 52 16:01:14 ]

ความคิดเห็นที่ 119 #88 ตัวที่กลืนนาค หรือคายตัวนาค ใช่สัตว์ชื่อ ลวง หรือเปล่าครับ กระทู้ดีจัง วนแถวแม่น้ำอิระวดีกับทะเลสาบอินเลไม่ออกทะเล จากคุณ : ing_ab - [ 21 พ.ค. 52 21:18:51 ]

ความคิดเห็นที่ 120 Thank you so much for the information and the pictures Ka. จากคุณ : offita - [ 21 พ.ค. 52 22:25:01 ]

ความคิดเห็นที่ 121 นกการเวก หรือ นก หัสดีลิงค์ครับ ที่ใช้ในการเผาศพ จากคุณ : กระต๊อบน้อย - [ 22 พ.ค. 52 18:39:59 ]

ความคิดเห็นที่ 122 เวิ้งว้างกว้างใหญ่ แห่งอิรวดีมหานที ... จากคุณ : jassb1 - [ 22 พ.ค. 52 19:48:25 ]

ความคิดเห็นที่ 123 พุกามประเทศ กอปรด้วยมหาเจดีย์อันเป็นปูชนียสถานทางพุทธศาสนา เคียงคู่อยู่ตระหง่านกับสายน้ำอิรวดีมานานนม สายน้ำ ความเชื่อ เรือ และศรัทธา ... หลอมรวมให้ชาวชนชาตินี้ดำรงอยู่ได้ ในดินแดนแห่งความขัดแย้ง จากคุณ : jassb1 - [ 22 พ.ค. 52 19:50:49 ]

ความคิดเห็นที่ 124 เจดีย์สีทอง ... รายเรียงเคียงสายน้ำ ... ... ... แล้วว่างๆ เราจะล่องเรือแจวมาอีก ... สวัสดี จากคุณ : jassb1 - [ 22 พ.ค. 52 19:53:47 ]

ความคิดเห็นที่ 125 แถม (อีกแล้ว) เรือการะเวก ... ณ ทะเลสาบกันดอยี ตอนที่ยังไม่ทาสีทองอร้าอร่าม ..มองต้นตาล เมฆทะมึน และท้องน้ำสีครึ้ม ... รู้สึกเย็นใจอย่างน่าประหลาด จากคุณ : jassb1 - [ 22 พ.ค. 52 19:57:26 ]

ความคิดเห็นที่ 126 นึกสนุกกับ ทีนไม่พายเอามือราน้ำ คงไม่ใครเสี่ยงนั่งลงไปเอามือราน้ำหรอกครับ ขืนนั่งลงไปก็คงมีแต่ "ทีน" เท่านั้นแหละที่ว่อนอยู่แถว ๆ หน้า ว่าแต่ท่าพายของเขานี่จะมีท่าชูพายสูงสุด ขาแบบของไทยที่เรียกท่าปีกนกไหมนี่ คงไม่มีนะครับไม่งั้นโสร่งคงปลิวกัน ว่อน ขอบคุณสำหรับภาพที่หาชมยากเหล่านี้ครับ จากคุณ : satitp - [ 23 พ.ค. 52 17:49:02 ]

ความคิดเห็นที่ 127 หาเรือพม่าโบราณเจออีกลำ เอามาลงไว้เพื่อปิดกระทู้ครับ ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาร่วมให้ความรู้ และเข้ามาเยี่ยมชม จากคุณ : Navarat.C - [ 25 พ.ค. 52 08:12:33 ]