ความคิดเห็นที่ 1 มีด้านล่างด้วย จากคุณ : หรงเออร์ - [ 16 พ.ค. 52 21:18:33 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ตอนที่ไปตรงนี้ไม่มีใครซักคนเลยค่ะ จากคุณ : หรงเออร์ - [ 16 พ.ค. 52 21:20:23 ]

ความคิดเห็นที่ 3 หอดูดาว ? เห็นโดมสองข้างมีช่องเปิดไว้เหมือนพวกหอดูดาวอะไรประมาณนั้น จากคุณ : ซายูบิ - [ 16 พ.ค. 52 21:32:51 ]

ความคิดเห็นที่ 4 คิดเหมือนคุณซายูบิค่ะ จากคุณ : Flowery - [ 16 พ.ค. 52 21:43:59 ]

ความคิดเห็นที่ 5 เคยไปนานมากแล้ว แต่จำไม่ค่อยได้แล้วอ่ะค่ะ มันมีเขียนบอกไว้หน้าตึกนะ ถ้าจำไม่ผิด เหมือนว่าเป็นตึกฝรั่ง มีบ่อน้ำอยู่ข้างหน้า สร้างให้สนมคนโปรดซักคนหนึ่งนี่แหละค่ะ (อย่าเชื่อเรามากฮับ รอคนรู้จริงดีกว่า) จากคุณ : booklovers - [ 17 พ.ค. 52 07:40:35 ]

ความคิดเห็นที่ 6 เพิ่งไปมาเหมือนกันค่ะ แต่ไม่ได้เดินไปตึกนี้ เสียดายจัง จากคุณ : แวะมาบอกรัก - [ 17 พ.ค. 52 09:33:08 ]

ความคิดเห็นที่ 7 อาคารนี้ถูกไฟไหม้ในปี ค.ศ. 1845 ชื่อว่า Yan Xi Gong ครับ จากคุณ : หนุ่มรัตนะ - [ 17 พ.ค. 52 10:32:57 ]

ความคิดเห็นที่ 8 ไม่เคยเดินไปเจอเลย เพราะเมื่อยซะก่อนทุกที อิอิ เข้ามาดูแล้วคิดถึงปักกิ่ง จากคุณ : meifeng (mf_bj) - [ 17 พ.ค. 52 13:58:24 ]

ความคิดเห็นที่ 9 nothing แก้ไขเมื่อ 20 พ.ค. 52 16:07:18 จากคุณ : Fortunism - [ 17 พ.ค. 52 17:32:16 ]

ความคิดเห็นที่ 10 เข้ามารอคุณ Fortunism   ขอบคุณล่วงหน้าค่ะ จากคุณ : หรงเออร์ - [ 17 พ.ค. 52 21:12:01 ]

ความคิดเห็นที่ 11 ปูเสื่อรอฟังด้วยคนครับ จากคุณ : หนุ่มรัตนะ - [ 17 พ.ค. 52 22:23:57 ]

ความคิดเห็นที่ 12 nothing แก้ไขเมื่อ 20 พ.ค. 52 16:55:02 แก้ไขเมื่อ 18 พ.ค. 52 17:45:47 จากคุณ : Fortunism - [ 17 พ.ค. 52 23:52:19 ]

ความคิดเห็นที่ 13 nothing แก้ไขเมื่อ 20 พ.ค. 52 16:55:42 จากคุณ : Fortunism - [ 17 พ.ค. 52 23:55:28 ]

ความคิดเห็นที่ 14 nothing แก้ไขเมื่อ 20 พ.ค. 52 16:56:08 แก้ไขเมื่อ 18 พ.ค. 52 17:06:33 แก้ไขเมื่อ 18 พ.ค. 52 16:16:32 จากคุณ : Fortunism - [ 17 พ.ค. 52 23:56:55 ]

ความคิดเห็นที่ 15 nothing แก้ไขเมื่อ 20 พ.ค. 52 16:56:33 จากคุณ : Fortunism - [ 17 พ.ค. 52 23:57:45 ]

ความคิดเห็นที่ 16 nothing แก้ไขเมื่อ 20 พ.ค. 52 16:57:06 จากคุณ : Fortunism - [ 17 พ.ค. 52 23:58:50 ]

ความคิดเห็นที่ 17 nothing แก้ไขเมื่อ 20 พ.ค. 52 16:57:42 แก้ไขเมื่อ 18 พ.ค. 52 17:47:31 แก้ไขเมื่อ 18 พ.ค. 52 00:10:33 จากคุณ : Fortunism - [ 17 พ.ค. 52 23:59:51 ]

ความคิดเห็นที่ 18 nothing แก้ไขเมื่อ 20 พ.ค. 52 16:58:13 แก้ไขเมื่อ 18 พ.ค. 52 17:48:07 จากคุณ : Fortunism - [ 18 พ.ค. 52 00:09:03 ]

ความคิดเห็นที่ 19 สวยงามจังเลยครับท่านฟอร์จูน เป็นสถาปัตยกรรมยุโรปผสมจีน แต่ก็แปลกทำไมไฟไหม้บ่อยจัง ต้องมีเหตุอะไรซะแล้วๆๆ น่าสงสัย ในภาพที่ 14 องค์กลางเป็นภาพพระชนนีต้วนคัง ในจักรพรรดิปูยี ครับ คราวหน้าจะนำภาพชัดๆมาให้ชมกันครับผม จากคุณ : หนุ่มรัตนะ - [ 18 พ.ค. 52 07:45:14 ]

ความคิดเห็นที่ 20 ทำให้นึกถึงตึกกรมประชาสัมพันธ์เลย จากคุณ : booklovers - [ 18 พ.ค. 52 08:48:20 ]

ความคิดเห็นที่ 21 รูปใน คห. 14 คนกลางคือ "จินเฟย" สนมในจักรพรรดิกวางซี่ว์ หรือที่ต่อมาในรัชสมัยเซวียนถ่งมีพระนามว่า "ต้วนคัง" แต่เท่าที่เคยอ่านจากหนังสือ "จากจักรพรรดิสู่สามัญชน" ความสัมพันธ์ระหว่างผู่อี๋กับต้วนคังไม่ราบรื่นนัก ผู่อี๋หรือจักรพรรดิเซวียนถ่งเป็นพระราชโอรสบุญธรรมในจักรพรรดิถงจื้อและกวางซี่ว์ ดังนั้นพระมเหสีและสนมในจักรพรรดิทั้งสองจึงมีสถานะเป็นพระชนนีของพระองค์ จากคุณ : ชาวจีนศึกษา ณ TU - [ 18 พ.ค. 52 15:46:11 ]

ความคิดเห็นที่ 22 nothing แก้ไขเมื่อ 20 พ.ค. 52 16:58:50 จากคุณ : Fortunism - [ 18 พ.ค. 52 16:47:51 ]

ความคิดเห็นที่ 23 คุณ Fortunism ถ้าผมอธิบายอะไรผิด คุณแย้งได้เลยไม่ต้องเกรงใจ อย่างกรณีป้ายภาษาจีนในพระที่นั่งดุสิตฯ ทำไมคุณไม่แย้งมาเสียแต่ตอนนั้นครับ ปล่อยให้คนอื่นรับความรู้ผิดๆไปจากผมได้อย่างไร เรื่อง "จับผิด" ผมเคยโดนคนในนี้ว่ามาแล้วเหมือนกัน (รู้สึกจะเป็นเรื่องประวัติศาสตร์ไทย) ผมชินเสียแล้ว รู้หรือเปล่าว่าวิทยานิพนธ์หรือสารนิพนธ์ดีๆนั้นล้วนแต่ผ่านการจับผิดทุกตัวอักษรมาแล้วทั้งนั้น ถ้าผมไม่ "จับผิด" ก็จะกลายเป็นว่า คนอื่นๆที่เข้ามาอ่านอาจได้ความรู้ที่คลาดเคลื่อนไปก็ได้ แบบนี้ยุติธรรมสำหรับคนอื่นๆที่เข้ามาอ่านหรือครับ นาย A ตอบผิด แล้วนาย B มาแย้ง นาย A อาจมองว่านาย B มาหักหน้า แต่คิดอีกที นี่เป็นโอกาสที่นาย A จะได้ตรวจสอบว่าตนเข้าใจถูกหรือไม่ ผมยินดีเป็นทั้ง A และ B ครับ กล้าที่จะแย้งคนอื่น แล้วก็ยินดีที่คนอื่นจะมาโต้แย้งผม ทั้งนี้เพื่อให้ได้มาซึ่งความรู้ที่ถูกต้อง ถ้าคุณอ่านหนังสือของผู่อี๋จากต้นฉบับภาษาจีนเสร็จแล้ว อย่าลืมมาบอกนะครับว่าที่ผม "จับผิด" นั้นมันมีมูลหรือเปล่า ผู่อี๋เล่าถึงความขัดแย้งกับต้วนคังเป็นฉากๆเลยครับ ลองไปอ่านดู แล้วที่คุณบอกว่า "ตำหนักนี้ต้องผจญเพลิง ( ผมว่าเอง..อิอิ)  ใน คศ. 1917  เมื่อเกิดสงครามกลางเมืองตำหนักนี้ ก็ถูกระเบิดของกองทัพแดงถล่มเสียหายไปอีก" ผมว่าประโยคนี้ก็ผิดอีก เพราะปี 1917 ยังไม่มีกองทัพแดงและพรรคคอมมิวนิสต์จีนเลย แก้ไขเมื่อ 18 พ.ค. 52 19:25:44 แก้ไขเมื่อ 18 พ.ค. 52 19:21:23 จากคุณ : ชาวจีนศึกษา ณ TU - [ 18 พ.ค. 52 19:17:37 ]

ความคิดเห็นที่ 24 สองหัวดีกว่าหัวเดียว ความรู้ก็งอกเงย ส่วนเราอ่านอย่างเดียวอิอิเพราะไม่มีไรในหัว จากคุณ : น้องนิดหน่อย - [ 18 พ.ค. 52 20:48:18 ]

ความคิดเห็นที่ 25 nothing แก้ไขเมื่อ 20 พ.ค. 52 16:59:24 จากคุณ : Fortunism - [ 18 พ.ค. 52 21:28:10 ]

ความคิดเห็นที่ 26 คุณ Fortunism อย่าลืมนะว่า ความรู้ด้าน "ภาษาจีน" กับความรู้ด้าน "ประวัติศาสตร์จีน" มันคนละเรื่องกัน ท่านอื่นๆก็มาช่วยกันอ่านและพิจารณาด้วยก็ดีครับ ผมคิดว่าคำตอบของผมไม่ใช่ความคิดลอยๆนะครับ แต่มีหลักฐานมารองรับ ความรู้ภาษาจีนของผมคงสู้คุณ Fortunism ไม่ได้ ผมเรียนมาแต่ตัวย่อ ตัวเต็มนี่มาหัดอ่านเอาเองภายหลัง ซึ่งก็อ่านออกบ้างไม่ออกบ้าง แต่ความรู้ด้านประวัติศาสตร์จีน โดยเฉพาะประวัติศาสตร์จีนสมัยใหม่ ผมศึกษามามากพอสมควร และเขียนตำราระดับมหาวิทยาลัยมาแล้ว คำอธิบายรูปใน คห. 16 ก็บอกอยู่ว่าคนที่ทำลายก็คือ "จื่อจวิน" "จื่อจวิน" นี่ไม่ใช่กองทัพแดงนะครับ พรรคคอมมิวนิสต์จีนตั้งขึ้นใน ค.ศ. 1921 ส่วนกองทัพแดงหรือกองทัพปลดปล่อยประชาชนตั้งขึ้นเมื่อ ค.ศ. 1927 หลังการขึ้นครองราชย์ครั้งที่สองของผู่อี๋หลายปี "จื๋อ" ในที่นี้หมายถึง "จื่อลี่" ปัจจุบันคือ มณฑลเหอเป่ย ที่ล้อมรอบกรุงปักกิ่ง "จื่อจวิน" ก็คือกองทัพของขุนศึกแห่งจื๋อลี่นั่นเอง (หนังสือไทยบางเล่มจะเรียกว่า "ขุนศึกก๊กนครหลวง") คุณ Fortunism ลองไปเปิดหนังสือกี่เล่มดูก็ได้ เรื่องนี้เป็น historical factครับ ส่วนประโยคในความเห็นที่ 22 คุณ Fortunism คงอยากให้ผมอ่านประโยคที่ว่า "ทาเหอผู่อี๋เตอะกวานซี่ปู๋ชั่ว ผู่อี้เชิงจิ่นเฟยเหวยหวงอาเหนียง" (เธอ(ต้วนคัง) กับผู่อี้มีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน ผู่อี้เรียกเธอว่าพระชนนี) แต่ประโยคที่คุณยกมามันขัดกับบันทึกของผู่อี้นะครับ นี่ไม่ใช่ความเห็นของผมลอยๆ แต่มันมีหลักฐานชัดเจนเป็นบันทึก ท่านอื่นๆในที่นี้ถ้าใครมีบันทึกของผู่อี๋ ไม่ว่าจะเป็นฉบับภาษาจีน อังกฤษ ไทย หรือภาษาอื่นใดก็ตาม ช่วยกันเปิดดูนะครับ ในบทที่ 2 จะมีอยู่ตอนหนึ่งที่ผู่อี๋เล่าถึงความสัมพันธ์ระหว่างพระองค์กับ "เหล่าพระชนนี" ไว้อย่างชัดเจน ว่าแต่ประโยคภาษาจีนใน คห. 22 คุณได้มาจากไหนครับ ถ้ามาจากประเภท wikipedia ก็น่าเชื่อถือน้อยหน่อย แต่ถ้ามาจากงานวิจัยที่มีการสำรวจเอกสารใหม่ๆที่มาหักล้างองค์ความรู้เดิม แบบนี้ก็น่ารับไว้พิจารณา แก้ไขเมื่อ 18 พ.ค. 52 23:02:40 แก้ไขเมื่อ 18 พ.ค. 52 22:56:07 แก้ไขเมื่อ 18 พ.ค. 52 22:50:06 จากคุณ : ชาวจีนศึกษา ณ TU - [ 18 พ.ค. 52 22:46:51 ]

ความคิดเห็นที่ 27 nothing แก้ไขเมื่อ 20 พ.ค. 52 16:59:51 แก้ไขเมื่อ 19 พ.ค. 52 10:06:37 แก้ไขเมื่อ 19 พ.ค. 52 00:18:08 จากคุณ : Fortunism - [ 19 พ.ค. 52 00:16:35 ]

ความคิดเห็นที่ 28 nothing แก้ไขเมื่อ 20 พ.ค. 52 17:02:37 จากคุณ : Fortunism - [ 19 พ.ค. 52 00:40:27 ]

ความคิดเห็นที่ 29 อย่าเพิ่งเซ็งกันครับ  ผมก็ชอบเข้ามาอ่านกระทู้ในห้องจีนศึกษาคนหนึ่งเหมือนกัน  ด้วยความที่อ่อนประสบการณ์  จึงไม่สามารถเข้าไปช่วยตอบอะไรมากมายนัก   แต่ก็ยังอยากขอบคุณทุกคนที่มีเจตนาดีที่เข้ามาร่วมแบ่งปันครับ  อย่าคิดไรมากครับ  เอาแบบคร่าวๆก็พอเพราะว่ามันเป็นเวบบอร์ดที่แชร์ประสบการณ์กัน  ค่าความน่าเชื่อถือก็อยู่ในระดับที่ใช้ประดับความรู้ไม่น่าจะใช่เพื่ออ้างอิงครับ ใครตอบด้วยเจตนาดี  ผมรู้สึกขอบคุณทุกความเห็นครับ  ผมถือว่าเป็นการช่วยกันสร้างสังคมให้น่าอยู่ครับ   อย่าให้เป็นเวบบอร์ดร้าง  ที่มีแต่คำถามและไม่มีคำตอบน่าจะดีกว่านะ จากคุณ : Luo4488 - [ 19 พ.ค. 52 00:50:21 ]

ความคิดเห็นที่ 30 The panda is so lovely that I can't help but spare him !! But I really need a rest..... แก้ไขเมื่อ 20 พ.ค. 52 17:09:03 จากคุณ : Fortunism - [ 19 พ.ค. 52 01:14:28 ]

ความคิดเห็นที่ 31 ''- -'  กระทู้นี้อยากให้ชื่อว่า --- ตึกอาถรรถ์  อิอิ จากคุณ : หนุ่มรัตนะ - [ 19 พ.ค. 52 07:25:29 ]

ความคิดเห็นที่ 32 ผมชอบอ่านประวัติศาสตร์จีน  ชอบวัฒนธรรมจีน  ชอบเข้าห้องจีนศึกษาด้วย 5555 จากคุณ : เล็ก ยานนาวา - [ 19 พ.ค. 52 16:01:38 ]

ความคิดเห็นที่ 33 คุณ Fortunism อย่าเซ็งอะไรง่ายๆแบบนี้เลย วิวาทะก่อให้เกิดการงอกเงยของความรู้ครับ ผมเห็นว่า ข้อมูลในบอร์ดนี้แม้จะไม่มีใครเอาไปอ้างอิงในงานวิชาการ หากแต่คนที่มาอ่านก็อาจจะจำแล้วนำไปเล่าต่อให้คนอื่นฟัง อย่าลืมว่า pantip เข้าถึงผู้คนได้มากกว่าสารนิพนธ์และวิทยานิพนธ์นะครับ พวกนั้นวางอยู่บนชั้นหนังสือในห้องสมุด ใครจะอ่านก็ต้องไปอ่านที่ห้องสมุด แต่บอร์ดนี้คนทั่วไปเข้ามาอ่านได้เสมอ ดังนั้นความถูกต้องของข้อมูลจึงสำคัญมาก ผมถึงถามคุณไงว่า ทำไมตอนที่คุณเห็นผมแปลป้ายในพระที่นั่งดุสิตฯผิด (ในกระทู้ ปวศ.) แล้วคุณไม่ทักท้วง ป่านนี้คนที่มาอ่านกระทู้นั้นอาจจำอะไรผิดๆไปแล้วก็ได้ ส่วนเรื่องจินเฟย คุณคงเห็นแล้วว่าผู่อี๋กับเธอมีความสัมพันธ์ที่ไม่ราบรื่น และที่ใน คห.30 คุณบอกว่า "ตราบใดที่ปูยีไม่ถึงขั้นโล๊ะตำแหน่งของจินเฟย  จากต้วนคัง  เป็น สามัญชน  คงจะต้องถือว่า สัมพันธภาพนั้นไม่ได้ย่ำแย่อะไร" ผมว่าการกล่าวแบบนี้ไม่น่าจะฟังขึ้น เอานะ ถ้าผมจะขอยืมคำพูดแบบคุณมาใช้บ้างว่า "ตราบใดที่จักรพรรดิกวางซี่ว์ไม่ถึงขั้นโล๊ะตำแหน่งของพระนางฉือสี่ จากไทเฮา เป็นสามัญชน คงจะต้องถือว่า สัมพันธภาพนั้นไม่ได้ย่ำแย่อะไร" หรือพูดอีกอย่างว่า "พระนางฉือสี่และจักรพรรดิกวางซี่ว์มีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน" คุณว่าคำกล่าวของผมข้างต้นจะฟังขึ้นหรือไม่ ส่วนใน คห. 28 จริงๆอยากจะแย้งคุณเรื่องเรื่องกองทัพแดงเหมือนกัน หากแต่พอเห็นที่คุณบอกว่า "แปลลวกๆ" ผมก็เลยขอไม่แย้งดีกว่า แต่ผมมีข้อสังเกตว่าในทศวรรษ 1910 สหรัฐอเมริกายังไม่มีบทบาทสำคัญต่อการเมืองจีนมากเท่าญี่ปุ่น อังกฤษ หรือรัสเซีย แก้ไขเมื่อ 20 พ.ค. 52 10:36:02 แก้ไขเมื่อ 20 พ.ค. 52 10:30:39 จากคุณ : ชาวจีนศึกษา ณ TU - [ 20 พ.ค. 52 10:21:43 ]

ความคิดเห็นที่ 34 คุณชาวจีนศึกษา ณ TU .... มาตอบทุกคำถาม.... ผมไม่ชอบการวิวาทะใดๆครับ   เพราะการวิวาทะจะต้องปลดล็อก"อัตตา"ของคนให้ได้ก่อนครับ  มิฉะนั้นก็เป็นเพียงการสาวเรื่องให้ยาวเท่านั้นเอง เรื่องบานประตูในพระบรมมหาราชวังนั้น  ผมไม่เข้าไปทักท้วงเพราะมันไม่เกี่ยวกับภาษาจีนครับ คนที่อ่านเขาก็ไม่ได้จดจำอักษรจีนที่ปรากฏหรอกครับ จะชี้นกเป็นไม้  ก็ไม่มีผลอะไรหรอก   คนอ่านเขาก็ผ่านๆกันไปแล้วใครจะไปสนใจ ที่เอาซูสีไทเฮามาเปรียบกับจินเฟยนั้นเป็นการเปรียบมวยผิดรุ่นครับ  ซูสีเป็นคนกุมอำนาจ  กวงซวี่ทำอะไรไม่ได้หรอก   ส่วนจินเฟย ไม่มีโอกาสแม้เป็นผู้สำเร็จ รชก  ปูยีเมื่อเป็นผู้ใหญ่ไม่จำป็นต้องเกรงกลัวนาง แล้วยกฐานันดรเธอ  อีกทั้งไม่จำเป็นต้องเชิญนางไปร่วมโต๊ะเสวยอาหารในเทศกาลสำคัญ ผมไม่รู้หรอกคุณอ่านอัตชีวประวัติของปูยีเป็นฉบับไทยหรือ อังกฤษ (ไม่ได้อยากรู้หรอก)  แต่จะแจ้งว่า ที่ผมอ่านเป็นฉบับต้นฉบับภาษาจีนนั้น  สำนวนที่ปูยีใช้นั้น  จืดชืดมาก ค่อนข้างเป็นประโยคบอกเล่าที่ไร้อารมณ์  บางครั้งเป็นเหตุการณ์ที่น่าจะเกรี้ยวกราด  แต่ก็ไม่มีคำแสดงอารมณ์ดุดันให้เห็น  พอบทน่าจะร้องไห้คร่ำครวญ  ก็ไม่มีคำขยายที่แสดงให้เห็นความชอกช้ำระกำจิต   ด้วยเหตุที่ไม่มีคำขยายที่ชัดเจนนี่แหละ มันมีช่องว่างให้ผู้อ่านตีความเยอะมาก  ซึ่งว่ากันไปก็ไม่รู้ถูกเจตนาของปูยีไหม อย่างไรก็ตาม ผมไม่ค่อยเชื่อ หนังสือเล่มนั้นเท่าใดนัก (คนอื่นจะเชื่อก็ไม่เกี่ยวกับผม)  เพราะสำนวนภาษาจีนที่ใช้นั้นไม่มีความสละสลวย  ใช้คำพื้นมากๆ เหมือนภาษาพูดเสียด้วยซ้ำ   โดยเซ้นส์แล้ว ระดับฮ่องเต้ควรจะเขียนได้ด้วยสำนวนที่หรูหรามากกว่านี้   อีกทั้งหนังสือเล่มนี้ที่ชื่อว่า "ชีวิตครึ่งแรกของข้าพเจ้า" (ผมแปลตรงๆจากชื่อจีน   คนอื่นจะแปลเป็นอย่างไรไม่เกี่ยวกับผม)    จริงๆมีชื่อเดิมอันแรกก่อนอันนี้เห็นแล้วหดหู่มาก ทำไมต้องทำลายเกียรติภูมิฮ่องเต้ของตนเองก็ไม่ทราบ และหนังสือเล่มนั้นที่ได้ตีพิมพ์ก็เพราะเหมาเจอะตุงอนุญาต  เฮ้อ..ซึ่งก็ไม่รู้ว่ามีการเซ็นเซอร์ไปเท่าไร   การจะยึดตำรานั้นเป็นทุกสิ่งใช้เป็นมาตรฐาน  หนังสือมันเองยังไม่รู้เลยว่า มาโดยถูกมาตรฐานหรือไม่ ผมไม่ใช่นักเขียน  แต่อ่านเยอะครับ ลงความเห็นว่า ผมได้ได้ประทับใจหนังสือนี้เท่าไร  (ใครจะเชื่ออย่างไรไม่เกี่ยวกับผม) ข้อมูลที่ผมได้มาเป็นภาษาจีนทั้งนั้น  ใครอยากแปลก็เชิญ  แต่ไม่ใช่ผม ขี้เกียจแล้ว ตรงนี้เป็นข้อมูลที่บอกถึงปัญหาของปูยี  ซึ่งทำให้เชื่อได้ว่า หนังสือเกี่ยวกับชีวิตของเขาที่แต่งเองนั้น  ไม่ใช่ข้อมูลที่ครบถ้วน http://baike.baidu.com/view/19214.htm ****แก้พิมพ์ผิด แก้ไขเมื่อ 20 พ.ค. 52 21:35:04 แก้ไขเมื่อ 20 พ.ค. 52 19:16:04 จากคุณ : Fortunism - [ 20 พ.ค. 52 17:52:32 ]

ความคิดเห็นที่ 35 ผมขอรวบรวมข้อมูลที่ผมใช้ในการตอบกระทู้ครั้งนี้  เมื่อแสดงว่า ผมไม่ได้กุเรื่อง  ใครจะเห็นด้วยหรือไม่  จะเชื่อหรือไม่  ก็ไม่เกี่ยวกับผมอีกนั้นแหละ  เพราะมันก็ไม่ได้ทำให้ผมอิ่มทิพย์ได้ เรื่องเกี่ยวกับ “จื่อจวิน”    ซึ่งไม่เกี่ยวกับ ที่คุณ TU อธิบายเลยสักนิด  เป็นหน้าที่ของคุณที่จะไปศึกษาเอง  ระเบิดนั้นมัน คศ 1917  ทั้งสหรัฐ ทั้งอังกฤษ ทั้งญี่ปุ่นก็มาวิ่งกันชวักไขว่แล้ว  ไม่ใช่ คศ 1910 ครับคุณ http://zh.wikipedia.org/wiki/%E5%BC%B5%E5%8B%B3%E5%BE%A9%E8%BE%9F จากคุณ : Fortunism - [ 20 พ.ค. 52 18:35:22 ]

ความคิดเห็นที่ 36 ผมได้ลบ คห อื่นๆ ของผมหมดแล้วครับ  เพราะคิดว่าที่ผมตั้งใจจะตอบ จขกท   เขาคงเข้ามาอ่านไปแล้ว สำคัญมากตรงนี้ คือ ผมเปิดโอกาสให้ชาวจีนศึกษา ณ TU   มีพื้นที่ในการแสดงความสามารถให้เต็มที่เลยครับ  เพื่อตอบกระทู้ว่า... อาคารหลังนี้เจอในกู้กง ไม่ทราบว่าใช้ทำอะไร ...  (เพราะตอนนี้หลุดประเด็นจากกระทู้ ไปคนละเรื่องแล้ว)   คุณกรุณาทำให้กระทู้นี้มีสีสันนะครับ   เพราะตอนนี้เมื่อปราศจากภาพบางส่วนไปแล้ว  เสมือนนิยายที่เปิดอ่านไม่หมด   เชิญร่ายฝีมือให้เต็มที่เลยนะครับ ผมอยากเข้าเวบเพื่อความสนุกสนานครับ  ไม่อยากแบกโลกเอาไว้ ผมจะไม่เข้ากระทู้เพื่อมาวิวาทะอะไรกับคุณ ชาวจีนศึกษา ณ TU อีกแล้วนะครับ ที่จะอธิบายก็ทำแล้ว  เพราะไหนๆ เราก็ไม่เคยเจอกัน  จึงขออย่าได้พบกันในกระทู้ใดๆอีกเลย   ภาพแนบสำหรับชาวจีนศึกษา ณ TU เท่านั้นครับ  โปรดเข้าใจเจตนาด้วยครับ จากคุณ : Fortunism - [ 20 พ.ค. 52 19:07:44 ]

ความคิดเห็นที่ 37 คุณ Fortunism ผมใช้คำว่า "ทศวรรษ 1910"  ไม่ได้บอกว่า ค.ศ. 1910 นะครับ ค.ศ. 1917 อยู่ในทศวรรษ 1910 ครับ โปรดทำความเข้าใจเรื่องทศวรรษด้วย เสียดายความเห็นที่คุณลบไปนะครับ วันหลังอย่าทำแบบนี้อีก คนอื่นเขาจะคิดไปได้หลายทาง ผลเสียจะอยู่ที่คุณมากกว่าผม คุณพลาดไปแล้วจริงๆ ไม่น่าลบความเห็นเลย ผมไม่มีความรู้อะไรเรื่องอาคารหลังนั้นหรอกครับ เพียงแต่เห็นคุณพูดถึงข้อมูลทาง ปวศ. บางอย่างที่คลาดเคลื่อน ก็เข้ามาแก้ไขแค่นั้นเอง และผมก็ยังยืนยันหลักการเดิมว่า ถ้าเห็นอะไรผิด ผมก็จะเข้าไปแก้ และถ้าคนอื่นเห็นผมเขียนอะไรผิด ก็โปรดเข้ามาแก้ได้โดยไม่ต้องเกรงใจ แถมจะเป็นพระคุณด้วยครับ เพราะทำให้ผมเข้าใจอะไรถูกต้องมากขึ้น แก้ไขเมื่อ 20 พ.ค. 52 23:15:07 แก้ไขเมื่อ 20 พ.ค. 52 23:07:30 จากคุณ : ชาวจีนศึกษา ณ TU - [ 20 พ.ค. 52 23:02:28 ]

ความคิดเห็นที่ 38 เข้ามาอีกรอบ  แต่รูปโบราณสวยๆๆของ คุณFortunismไม่มีแล้ว เสียดายค่ะ  เห็นแต่ความเห็นคุณ  ชาวจีนศึกษา ณ TU พูดพล่ามเลอะเทอะ ข้อความวกวนสับสน  เนื่อหาไม่เกี่ยวกับคำถามของกระทู้เลยค่ะ คุณ ชาวจีนศึกษา ณ TU  บอกว่า" ไม่มีความรู้อะไรเรื่องกระทู้หลังนั้น " แล้วคุณมาป่วนกระทู้ให้เสียบรรยากาศทำไมค่ะ?  วันหลังอย่าทำอย่างนี้เลยค่ะ เพราะคุณไม่ได้มาสร้างสรรค์แต่คอยมาจับผิดคนอื่นเท่านั้นค่ะ ดิฉันกลับมาดูเพราะจะมาเก็บรูปและเรื่องเล่าสนุกของคุณ Fortunism เป็นข้อมูลในการเดินทางไปปักกี่งในเดือนหน้านี้ เลยเสียโอกาส เพราะความอวดรู้ของคุณ ชาวจีนศึกษา ณ TU เลิกการกระทำแบบนี้เถอะค่ะ ดิฉันคงไม่ปลื้มแน่ที่จะพบคุณอีก   คุณทำให้ฉันพลาดข้อมูลในการท่องเที่ยวทำให้ฉันเสียเวลามากยึ่งขึ้นค่ะ ปล การใช้ทศวรรษแบบคุณมีด้วยเหรอค่ะไม่เคยเห็นค่ะ จากคุณ : เด็กเสียโอกาส (Black Currant) - [ 21 พ.ค. 52 16:55:24 ]

ความคิดเห็นที่ 39 อ้าว เข้ามาช้าไปหน่อย เลยพลาดไปซะแล้ว ขอโทษนะคะ ได้อ่านแต่ข้อความที่เหลืออยู่ แต่ว่า การถกกันด้วยหลักฐานนี่ก็น่าสนุกดีออกค่ะ อย่าถือเป็นอารมณ์กันเลยนะคะ อย่างทางวิทยาศาสตร์ กว่าจะได้องก์ความรู้มาก็ต้องถกกันหลายสิบปี เหมือนเรื่องดาวพลูโตนั่นไงคะ กว่าจะสรุปได้ก็หลายสิบปีผ่านไป อย่างนี้ทางหลักบรรษัทภิบาลเค้าเรียกว่า check&balance ค่ะ อยากให้ทั้งคุณ Fortunism และคุณ ชาวจีนศึกษา ณ TU ถกกันด้วยหลักฐานต่อเยอะๆเลยค่ะ จากคุณ : booklovers - [ 21 พ.ค. 52 19:11:08 ]

ความคิดเห็นที่ 40 คุณเด็กเสียโอกาสครับ การใช้คำว่า "ทศวรรษ" มีปรากฏทั่วไปในหนังสือประวัติศาสตร์ทั้งของไทยและเทศ ผมไม่ได้คิดค้นขึ้นมาเองแน่นอนครับ คำว่า "ทศวรรษ" ภาษาอังกฤษก็คือ decade ส่วนภาษาจีนเรียกว่า เหนียนไต้ แม้ว่าผมจะไม่มีความรู้เรื่องอาคารหลังนั้น แต่ว่าข้อมูลบางอย่างที่นำมาใช้ประกอบมันคลาดเคลื่อน ผมก็ต้องแย้ง ขอยกตัวอย่างนะครับ ถ้ามีคนตั้งกระทู้ถามว่า "สะพานพุทธสร้างขึ้นในรัชกาลใด" แล้วมีนาย A มาตอบว่า "สร้างขึ้นในสมัยพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 8" สมมติว่าผมเองก็ไม่มีความรู้ว่าสะพานพุทธสร้างในรัชกาลใด (เรียกว่าโง่ก็ได้) หากแต่ก็รู้ว่าพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าฯเป็นรัชกาลที่ 7 ไม่ใช่ 8 ผมก็ต้องแย้งทันที แม้ว่าผมจะไม่รู้ว่าสะพานนี้สร้างในรัชกาลไหนกันแน่ก็ตาม จากกรณีที่ผมสมมติมา ถามว่าผมแย้งนอกประเด็นหรือไม่ คำตอบก็คือ แย้งนอกประเด็น หากแต่ถ้าถามอีกทีหนึ่งว่า ไอ้ที่ผมแย้งมามันเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องทำความเข้าใจให้ถูกต้องหรือไม่ ผมก็ว่าเป็นเรื่องสำคัญครับ และที่สำคัญ falsification ก็เป็นหนึ่งในวิธีการแสวงหาความรู้ตามแบบวิทยาศาสตร์ แก้ไขเมื่อ 21 พ.ค. 52 19:36:12 จากคุณ : ชาวจีนศึกษา ณ TU - [ 21 พ.ค. 52 19:33:01 ]