ความคิดเห็นที่ 1 แรกท่านนับถืออิสลาม ต่อมาเปลี่ยนเป็นพุทธ คำว่าซำปอกงเป็นคำจีนมีความหมายตรงกับคำไทย (บาลี) ว่า พุทธไตรรัตนนายก  ไตรรัตน์ แก้วสามดวง คือพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ นายก คือผู้นำ,ผู้ใหญ่ พุทธไตรรัตนนายก ร.4 ทรงคิดขึ้นมาให้ตรงกับซำปอกง วัดพนัญเชิง สร้างก่อนสถาปนากรุงศรีอยุธยา วัดกัลยาณมิตร สร้างสมัยร. 3 โดยขุนนางคนสนิท  กัลยาณะ  ดี,งาม  + มิตร วัดกัลยาณมิตรเอาอย่างวัดพนัญเชิง นามพระพุทธรูปจึงเหมือนกัน เล่าแบบย่อ อยากได้ยาวเชิญถามนายกูเกิล จากคุณ : วสันดิลก - [ 22 พ.ค. 52 18:15:50 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ประเด็นที่ว่าเจิ้งเหอเคยเดินทางมาเยือนอยุธยาจริงหรือไม่นั้นยังคงหาข้อสรุปที่แน่ชัดไม่ได้ แต่ก็มีสถานที่ศักดิ์สิทธิ์และเรื่องเล่าที่ผู้คนในแถบนี้เชื่อกันว่าเกี่ยวข้องกับเจิ้งเหอ สิ่งที่น่าสนใจก็คือ สถานะของเจิ้งเหอในประเทศไทยมิใช่เทพเจ้าเหมือนกับประเทศอื่นๆ หากแต่มีสถานะเป็นพระพุทธรูปในวัดพนัญเชิง จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ที่รู้จักกันในนามว่า “หลวงพ่อโต” หรือพระพุทธไตรรัตนนายก สถานะของเจิ้งเหอที่เป็นพระพุทธรูปนั้นขัดกับข้อเท็จจริงทางประวัติศาสตร์ที่ว่า วัดพนัญเชิงและพระพุทธไตรรัตนนายกสร้างขึ้นเมื่อ ค.ศ. 1324 ก่อนการสถาปนาอาณาจักรอยุธยาถึง 26 ปี และก่อนการเดินเรือของเจิ้งเหอเกือบหนึ่งศตวรรษ จึงมีความเป็นไปได้ว่าการผูกโยงเจิ้งเหอเข้ากับพระพุทธรูปองค์ดังกล่าวอาจมาจากความเข้าใจผิดของชาวจีนโพ้นทะเล กล่าวคือ คำว่า “ซานเป่า” (三宝) ซึ่งเป็นชื่อของเจิ้งเหอนั้นมีความหมายว่า พระรัตนตรัย และพระพุทธไตรรัตนนายกก็มีชื่อเรียกในภาษาจีนว่า “ซานเป่าโฝกง” (三宝佛公) ดังนั้นชาวจีนโพ้นทะเลจึงนำเอาชื่อภาษาจีนของพระพุทธรูปไปปะปนกับคำว่า ซำปอกง หรือ “ซานเป่ากง” (三宝公) ซึ่งเป็นชื่อที่ใช้เรียกเจิ้งเหอด้วยความเคารพ ความเข้าใจผิดนี้เองที่ทำให้เจิ้งเหอมีสถานะกลายเป็นพระพุทธรูป นี่เป็นแค่คำอธิบายชุดหนึ่งเท่านั้น ยัง debate กันต่อได้ครับ แก้ไขเมื่อ 22 พ.ค. 52 19:07:15 จากคุณ : ชาวจีนศึกษา ณ TU - [ 22 พ.ค. 52 19:03:42 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ซานเป่าฝอกง คือพระพุทธเจ้า3องค์ คือ พระศากยมุนี พระอมิตาภะ พระไภษัชยคุรุ จากคุณ : คุณฟิน - [ 23 พ.ค. 52 10:22:03 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ท่าน เจิ้งเหอ นั้นท่านเป็นขัณฑีใหญ่ และเป็นมุสลิม ไม่มีหลักฐานใดที่บอก ว่าท่านเปลี่ยนมาเป็นชาวพุทธ และใน ทางความน่าจะเป็นนั้นเป็นไปได้ยาก ยิ่งในอดีตด้วยแล้ว ชาวมุสลิมนั้นเคร่ง ซะยิ่งกว่าปัจจุบันด้วยซ้ำ...ซำปอกงของ เราชาวพุทธนั้น เป็นเรื่องของการจับ แพะชนแกะ จริงๆ ไม่เกี่ยวกับท่าน เจิ้งเหอ แต่เกี่ยวกับการออกเสียงที่ ใกล้เคียงกัน...ซานเป่าฝ่อกง คือพระ พุทธเจ้าทั้งสาม ไม่ใช่ท่านเจิ้งเหอด้วย ประการทั้งพวงและเรื่องที่ท่านเคยมา สยามนั้นก้อเป็นทฤษฎีสมคบคิด ทึกทัก เอา เพราะไม่เคยมีหลักฐานที่เป็นเอก สาร นอกจากปากชาวบ้าน เวลาท่าน เจิ้งเหอเดินทางนั้น ไม่ใช่นั่งเรือเพียง แค่ลำเดียวไปโดดๆนะครับ เป็นกองเรือ ไปทีเดียว ถ้ากองเรือจีนขนาดนั้นเข้ามาใน ราชอาณาเขตสยาม ราชสำนักต้องรู้ นะครับและต้องมีการจารจารึกเหตุการณ์ นี่ไม่มีเลย นักค้นเค้าก้อค้นกันตาแหก ไปตามๆกัน ป่านนี้ยังไม่ได้อะไรใน เรื่องนี้เป็นชิ้นเป็นอัน ตอนนี้นักประวัติ ศาสตร์ไทยจำนวนหนึ่งไม่ค่อยเชื่อแล้ว นะครับ ว่าท่านเจิ้งเหอเคยมาไทย สยาม จากคุณ : เต๋านีโอ - [ 23 พ.ค. 52 11:35:44 ]

ความคิดเห็นที่ 5 ในหมิงสือลู่ (จดหมายเหตุรายวันราชวงศ์หมิง) ระบุว่า "กองเรือของเจิ้งเหอ" มาเยือนอยุธยาช่วง ค.ศ. 1407 - 1409 หากแต่ไม่ได้ระบุว่า เจิ้งเหอมาเยือนอยุธยาด้วยตนเอง กองเรือของเจิ้งเหอเป็นกองเรือใหญ่ และอยุธยาก็ไม่ใช่เส้นทางหลักของเจิ้งเหอ (เส้นทางหลักคือทะเลจีนใต้ ปาเล็มบัง มะละกา และเข้าไปยังมหาสมุทรอินเดีย) จึงเป็นไปได้ว่าคณะที่มาอยุธยานั้นเป็นกองเรือย่อยที่นำโดยลูกน้องของเขา จากคุณ : ชาวจีนศึกษา ณ TU - [ 23 พ.ค. 52 12:56:59 ]

ความคิดเห็นที่ 6 เอ๋.. ไม่ทราบว่าท่านอื่นจะเหมือนที่ผมเป็นไหม ทำไม ความเห็นของคุณ ชาวจีนศึกษา ณ TU  จึงให้คะแนนไม่ได้ จากคุณ : แปลงนาม - [ 23 พ.ค. 52 14:10:36 ]

ความคิดเห็นที่ 7 # 6 นั่นซีนะ กำลังจะให้ถูกใจคุณ ชาวจีนศึกษา ณ TU อยู่พอดี...อ้าว แล้วกัน ไม่มีที่สำหรับให้ซะแล้ว...รึต้องรออีกซักพัก? ไม่เป็นไรนะครับ ผมให้ตรง นี้แล้วกัน ๑ คะแนนครับ เพราะผมได้ความรู้ที่ท่านให้ ผมก้อให้คะแนนท่าน ไป แฟร์ดีครับ จากคุณ : เต๋านีโอ - [ 23 พ.ค. 52 19:24:56 ]

ความคิดเห็นที่ 8 ขอบคุณครับ เข้าใจว่าปัญหาคือผมลงทะเบียนโดยระบบมือถือ เลยอาจไม่เหมือนท่านอื่นๆ จากคุณ : ชาวจีนศึกษา ณ TU - [ 23 พ.ค. 52 20:06:53 ]

ความคิดเห็นที่ 9 จริงๆเรื่องเจิ้งเหอนี่ debate กันได้หลายประเด็นเลยครับ เป็นเพราะหลักฐานเกี่ยวกับตัวเขามีน้อย จึงทิ้งปริศนาไว้มาก ที่คุณฟินว่ามาก็น่าสนใจ จีนเป็นพุทธมหายาน ไทยเป็นเถรวาท ตกลง "ซานเป่า" คือพระพทธเจ้าสามองค์ หรือ พระรัตนตรัย กันแน่ นอกจากนี้ ชื่อ "ซานเป่า" ของเจิ้งเหอนี่ก็เถียงกันมากว่าเป็น "เป่า" ไหนกันแน่ ระหว่าง "เป่า" (สมบัติ) กับ "เป่า" (รักษา) จากคุณ : ชาวจีนศึกษา ณ TU - [ 23 พ.ค. 52 20:10:41 ]

ความคิดเห็นที่ 10 ขอเรียนถามคุณ : ชาวจีนศึกษา ณ TU สักหน่อยได้ไหมครับ... อันนี้ขออนุญาตนอกประเด็นคั่นเรื่องท่านเจิ้งเหอ สักหน่อยนะครับ เผอิญไปอ่านในกระทู้ข้างนอกแต่ในห้องนี้มา เรื่อง เทียนเซี่ยเหวยกง ซึ่งเป็นวาทะของท่าน ดร.ซุน ยัด เซ็น ที่จารึกไว้บนซุ้มประตู...ท่่าน ผู้รู้ได้แปลว่า 'สรรพสิ่งใต้หล้าล้วนเป็นของประชาชน' ผมก้อสงสัย ความจริงสงสัยมานาน แต่ไม่ทราบจะถามใคร ว่าทำไมคำว่า เทียนเซี่ย จึงแปลว่าใต้หล้า ทำไมไม่แปลว่า ใต้ฟ้า ก้อคำว่า เทียน แปลว่า ท้องฟ้า หรือ สวรรค์ ขึ้นอยู่กับบริบท ... คำว่า ใต้หล้า ก้อหมายความว่า ใต้พื้นดิน ความจริง ใต้หล้า น่าจะพูดว่า ตี้เซี่ย ถึงจะถูก...ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น คุณ : ชาวจีนศึกษา ณ TU พอจะให้อรรถาธิบายได้มั่งหรือไม่ครับ? จากคุณ : เต๋านีโอ - [ 23 พ.ค. 52 23:15:37 ]

ความคิดเห็นที่ 11 ตระกูล "วงศ์ลือเกียรติ" ที่เชียงใหม่ เค้าว่าเป็นทายาทรุ่นที่ 19 ของท่าน เจิ้งเหอ จริงเท็จไปสืบเสาะกันเอาเอง นะขอรับ จากคุณ : เต๋านีโอ - [ 24 พ.ค. 52 01:18:16 ]

ความคิดเห็นที่ 12 ^ ตามประวัติเจิ้งเหอก็เป็นคนจีนฮ่อหรือจีนยูนานเหมือนกัน และตามข่าวทางการจีนเป็นคนยืนยันเองว่าต้นตระกูลนี้ คือ ขุนชวงเลียงฦาเกียรติ เป็นลูกหลานเจิ้งเหอรุ่น 18 จากคุณ : กิ่งก้ามปู - [ 24 พ.ค. 52 03:15:38 ]

ความคิดเห็นที่ 13 ตอบ คห. 10 น่าจะเกิดการความเข้าใจภาษาไทยที่คลาดเคลื่อนกระมังครับ เทียนเซี่ย ก็น่าแปลว่า ใต้ฟ้า จากคุณ : ชาวจีนศึกษา ณ TU - [ 24 พ.ค. 52 09:01:17 ]

ความคิดเห็นที่ 14 ผมก้อว่างั้นนะครับ น่าจะเป็นการใช้ภาษาไทยผิดความหมาย ขอบพระคุณครับ คุณ : ชาวจีนศึกษา ณ TU... จากคุณ : เต๋านีโอ - [ 24 พ.ค. 52 09:30:53 ]

ความคิดเห็นที่ 15 สนับสนุนคุณ ชาวจีนศึกษาครับ ในหนังสือความสัมพันธ์ไทย-จีน ฯ เท่าที่อ่านดูจากบันทึกการเดินทางไม่พบว่า มีชื่อของ เจิ้งเหอ เดินทางมาสยาม แต่เป็นราชฑูตคนอื่นมาแทน จากคุณ : ศรีสิทธิสงคราม - [ 25 พ.ค. 52 08:43:28 A:58.10.222.219 X: TicketID:207948 ]

ความคิดเห็นที่ 16 หายไปหลายวัน ขอบพระคุณทุกท่านที่กรุณาให้ความรู้นะคะ จากคุณ : ตากลม ผมบาง - [ 27 พ.ค. 52 17:35:40 ]

ความคิดเห็นที่ 17 เจิ้งเหอเข้าไปยังอยุธยาเพื่อช่วยเจ้านครอินทร์ให้ขึ้นครองกรุงศรีอยุยา โดยขับไล่ขั้วอำนาจเก่าออกไป โดยแสดงแสนยานุภาพกองทัพเรือจีนด้วยการเอาเรือรบมาจอดให้เกรงขาม บางบันทึกบอกว่า กองทัพเรือจีนส่วนหนึ่งบุกเข้าอยุธยาทำลายบางส่วนจนพังพินาศ เมื่อเจ้านครอินทร์ได้ขึ้นครองอยุยา เจิ้งเหอจึงให้สร้างพระพุทธรูปขึ้นมาใหม่ แทนที่ทหารตัวเองทำลาย ก็คือ หลวงพ่อโต วัดพนัญเชิง แต่ประวัติศาสตร์ช่วงนี้ ขาดหายไป จะมีในบางบันทึกเท่านั้น หลวงพ่อโต วัดพนัญเชิง เรียกว่า ซำปอกง ส่วนที่วัดกัลยาณมิตรนั้น ไม่ใช่ซำปอกงครับ แต่เป้น ซำปอฮุดกง แต่คนส่วนใหญ่เข้าใจผิด เลยเรียก ซำปอกงไปด้วย บ้านเรามี ซำปอกงที่เดียวคือที่วัดพนัญเชิงเท่านั้น ส่วนที่เหลือ จะอยู่ในมะละกา บอร์เนียว และชวาครับ ศูนย์ใหญ่ของวัดซำปอกง อยู่ที่ซามะรัง ในชวา ซึ่งเป้นสถานที่เจิ้งเหอนำเรือไปจอดซ่อมบ่อยๆและที่นี่มีสุสานของลูกเรือชั้นนายพลฝังอยู่ด้วย จากคุณ : อาร์ม อิสระ - [ 5 มิ.ย. 52 12:31:38 ]