ความคิดเห็นที่ 1 เถรวาท มี 28 พระองค์ เป็นมนุสสพุทธเจ้า 5 พระองค์ องค์ปัจจุบันเป็นองค์ที่ 4 องค์ต่อไปคือพระศรีอาริยเมตไตร ส่วนมหายานนั้น มีมากมายราวเม็ดทรายที่ริมฝั่งน้ำ จากคุณ : ทอถักจักรวาล - [ 23 พ.ค. 52 23:54:58 ]

ความคิดเห็นที่ 2 กัปแรกในต้นอสงไขยที่ 17 เป็นสารมณฑกัป คือ กัปที่มีพระพุทธเจ้า 4 พระองค์[1] พระตัณหังกรพุทธเจ้า พระเมธังกรพุทธเจ้า พระสรนังกรพุทธเจ้า พระทีปังกรพุทธเจ้า กัปหนึ่งในอสงไขยที่ 18 เป็นสารกัป คือ กัปที่มีพระพุทธเจ้า 1 พระองค์ พระโกณฑัญญะพุทธเจ้า กัปหนึ่งในอสงไขยที่ 19 เป็นสารมณฑกัป คือ กัปที่มีพระพุทธเจ้า 4 พระองค์ พระสุมังคละสัมมาสัมพุทธเจ้า พระสุมนะสัมมาสัมพุทธเจ้า พระเรวตะสัมมาสัมพุทธเจ้า พระโสภิตะสัมมาสัมพุทธเจ้า กัปหนึ่งในอสงไขยที่ 20 เป็นสารวรกัป คือ กัปที่มีพระพุทธเจ้า 3 พระองค์ สมเด็จพระอโนมทัสสีสัมพุทธเจ้า สมเด้จพระปทุมะสัมพุทธเจ้า สมเด็จพระนารทะสัมพุทธเจ้า ช่วงเศษแสนมหากัป ของ อสงไขยปัจจุบัน[1] กัปหนึ่งมีพระพุทธเจ้า 1 พระองค์. บางตำราว่าเป็นมัณฑกัป บางตำราก็ว่าเป็นสารกัป. พระปทุมมุตระพุทธเจ้า สูญกัป (กัปที่ไม่มีพระพุทธเจ้าบังเกิดขึ้น) 30,000 กัป มัณฑกัป คือ มีพระพุทธเจ้า 2 พระองค์ พระสุเมธสัมมาสัมพุทธเจ้า พระสุชาตะสัมมาสัมพุทธเจ้า สูญกัป 60,000 กัป วรกัป คือ มีพระพุทธเจ้า 3 พระองค์ พระปียทัสสีสัมมาสัมพุทธเจ้า พระอัตถทัสสีสัมมาสัมพุทธเจ้า พระธรรมทัสสีสัมมาสัมพุทธเจ้า สูญกัป 24 กัป สารกัป คือ มีพระพุทธเจ้า 1 พระองค์ พระสิทธัตถะสัมมาสัมพุทธเจ้า สูญกัป 1 กัป มัณฑกัป คือ มีพระพุทธเจ้า 2 พระองค์ พระติสสะสัมมาสัมพุทธเจ้า พระมหาปุสสะสัมมาสัมพุทธเจ้า สารกัป คือ มีพระพุทธเจ้า 1 พระองค์ พระวิปัสสีสัมมาสัมพุทธเจ้า สูญกัป 60 กัป มัณฑกัป คือ มีพระพุทธเจ้า 2 พระองค์ พระสิขีสัมมาสัมพุทธเจ้า พระเวสสภูสัมมาสัมพุทธเจ้า สูญกัป 30 กัป กัปปัจจุบัน เป็น ภัทรกัป คือ มีพระพุทธเจ้า 5 พระองค์ พระกกุสันธะสัมมาสัมพุทธเจ้า พระโกนาคมสัมมาสัมพุทธเจ้า พระกัสสปะสัมมาสัมพุทธเจ้า พระศรีศากยมุนีโคดมสัมมาสัมพุทธเจ้า (พระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน 80 ปีก่อนพุทธกาล) พระศรีอริยเมตไตรยสัมพุทธเจ้า (อนาคต พุทธศักราช 5,000 เป็นต้นไป) http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%9E%E0%B8%B8%E0%B8%97%E0%B8%98%E0%B9%80%E0%B8%88%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B9%83%E0%B8%99%E0%B8%AD%E0%B8%94%E0%B8%B5%E0%B8%95 จากคุณ : นายเหม่งจ๋าย - [ 24 พ.ค. 52 00:07:19 ]

ความคิดเห็นที่ 3 [แก้] พระพุทธเจ้าในอนาคต ในคัมภีร์อนาคตวงศ์นั้น ได้กล่าวถึงพระพุทธเจ้าในอนาคตได้ระบุว่าจะมีทั้งสิ้น 10 พระองค์ ดังนี้ [2] พระศรีอาริยเมตไตรยสัมมาสัมพุทธเจ้า ในสมัยพุทธกาลคือพระอชิตเถระ ตรัสรู้ที่ไม้กากะทิง พระชนม์ 8 หมื่นพรรษา พระกายสูง 80 ศอก พระรามะสัมพุทธเจ้า ในสมัยพุทธกาลคืออุตมรามราช ตรัสรู้ที่ไม้แก่นจันทน์แดง พระชนม์ 9 หมื่นพรรษา พระกายสูง 80 ศอก พระธรรมราชาสัมพุทธเจ้า ในสมัยพุทธกาลคือพระเจ้าปเสนทิโกศล ตรัสรู้ที่ไม้กากะทิง พระชนม์ 5 หมื่นพรรษา พระกายสูง 16 ศอก พระธรรมสามีสัมพุทธเจ้า ในสมัยพุทธกาลคืออภิภูเทวราช ตรัสรู้ที่ไม้รังใหญ่ พระชนม์ 1 แสนพรรษา พระกายสูง 80 ศอก พระนารทะสัมพุทธเจ้า ในสมัยพุทธกาลคืออสุรินทราหู ตรัสรู้ที่ไม้แก่นจันทน์แดง พระชนม์ 1 หมื่นพรรษา พระกายสูง 20 ศอก พระรังสีมุนีสัมพุทธเจ้า ในสมัยพุทธกาลคือจังกีพราหมณ์ ตรัสรู้ที่ไม้ดีปลีใหญ่หรือไม้เลียบ พระชนม์ 5 พันพรรษา พระกายสูง 60 ศอก พระเทวเทพสัมพุทธเจ้า ในสมัยพุทธกาลคือสุภพราหมณ์ ตรัสรู้ที่ไม้จำปา พระชนม์ 8 หมื่นพรรษา พระกายสูง 80 ศอก พระสีหสัมพุทธเจ้า ในสมัยพุทธกาลคือโตเทยยพราหมณ์ ตรัสรู้ที่ไม้แคฝอย พระชนม์ 80 พรรษา พระกายสูง 60 ศอก พระติสสสัมพุทธเจ้า ในสมัยพุทธกาลคือช้างนาฬาคีรี ตรัสรู้ที่ไม้ไทร พระชนม์ 8 หมื่นพรรษา พระกายสูง 80 ศอก พระสุมังคลสัมพุทธเจ้า ในสมัยพุทธกาลคือช้างปาลิไลยกะ ตรัสรู้ที่ไม้กากะทิง พระชนม์ 1 แสนพรรษา พระกายสูง 60 ศอก http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%9E%E0%B8%B8%E0%B8%97%E0%B8%98%E0%B9%80%E0%B8%88%E0%B9%89%E0%B8%B2 จากคุณ : นายเหม่งจ๋าย - [ 24 พ.ค. 52 00:08:17 ]

ความคิดเห็นที่ 4 นายเหม่งจ๋าย ครับ...แล้ว 'อสงไขย' อะไรเนี่ยคืออะไรหรือครับ? จากคุณ : เต๋านีโอ - [ 24 พ.ค. 52 00:30:08 ]

ความคิดเห็นที่ 5 ถ้าเอาตามประวัติศาสตร์ที่มีหลักฐาน ก็มี ๑ พระองค์ คือ พระโคตมะพุทธเจ้า (เจ้ชายสิทธัตถะ โคตมะ-บาลี (Siddhattha Gotama), สิทธารถะ เคาตมะ-สันสกฤต (Siddhartha Gautama)) ถ้าเอาตามพระคัมภีร์ก็มีมากมายมหาศาลทั้งเถรวาท และมหายาน ฝ่ายเถรวาทนั้นกล่าวว่า พระโคตมะพุทธเจ้านั้น ในอดีตชาติตั้งแต่ตั้งปณิธานปรารถนาพุทธภูมิจนตรัสรู้นั้น ได้พบพระพุทธเจ้าทั้งสิ้น ๕๑๒,๐๒๗ พระองค์ (ตามความคิดเห็นที่ ๒ นั้นเป็นพระพุทธเจ้ายุคใกล้ ๒๘ พระองค์ โดยพระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบันได้พบตั้งแต่องค์ที่ ๔ พระทีปังกรพุทธเจ้า จนถึงองค์ที่ ๒๖ พระกัสสปพุทธเจ้า) นี่แค่ที่พระโคตมะพุทธเจ้าเคยพบนะครับ (รู้สึกจะเป็น พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทั้งหมด คือ ตรัสรู้แล้วออกโปรดสั่งสอนสัตว์ทั้งหลาย ยังมี พระปัจเจกพุทธเจ้า ที่ตรัสรู้แต่ไม่ออกโปรดสัตว์อีกมหาศาล) ส่วนฝ่ายมหายานก็ว่ามีมหาศาลราวเม็ดทรายที่ริมฝั่งน้ำดังที่ความคิดเห็นที่ ๒กล่าว จากคุณ : เจ้าคุณแม่ทัพ - [ 24 พ.ค. 52 00:35:39 ]

ความคิดเห็นที่ 6 #ความคิดเห็น ๔ อสงไขย ครับ http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%AD%E0%B8%AA%E0%B8%87%E0%B9%84%E0%B8%82%E0%B8%A2 กัปป์ หรือ กัลป์ http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%81%E0%B8%B1%E0%B8%9B จากคุณ : เจ้าคุณแม่ทัพ - [ 24 พ.ค. 52 00:40:54 ]

ความคิดเห็นที่ 7 เข้าไปอ่านตามลิงค์ที่ท่านเจ้าคุณฯ แนะนำ อ่านไปมึนไปครับ... นึกเอาตามที่อ่าน ก้อเท่ากับว่า อสงไขยเนี่ย มันนานซะจนเลิก คิดถึงมันซะดีกว่า คนที่คิดเรื่องอสงไขยเนี่ยคิดได้ยังงัย ฝนตก สามปีจนน้ำล้นขอบจักรวาลแล้วให้นับเม็ดฝนทุกเม็ดที่ตกต่อเนื่อง มาตลอดสามปีให้ครบ คือหนึ่งอสงไขย...โอ้ หม่ายก๊าดดดดด! จากคุณ : เต๋านีโอ - [ 24 พ.ค. 52 01:35:03 ]

ความคิดเห็นที่ 8 อ่าน คห 2 แล้วจะเป็นเป็ดเลย  กัป ๆๆๆ จากคุณ : oakemon - [ 24 พ.ค. 52 11:27:53 ]

ความคิดเห็นที่ 9 ตามความเข้าใจของผมเอง พระโคตมพุทธเจ้าในยุคเรา     ตรัสถึงพระพุทธเจ้าในอดีตอยู่บ้างเมื่อมีเรื่องที่ต้องอ้างถึง พระสัมมาสัมพุทธเจ้า  ตรัสรู้ความจริงในธรรมชาติที่มีอยู่แล้ว  โดยพระองค์เอง              แล้วนำมาสอนคนอย่างเราที่ยังไม่สามารถตรัสรู้ได้เอง    เพื่อยกสัตว์ออกจากวัฏฏะไปให้ได้มากที่สุด ส่วนช่วงที่ไม่มีพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามาโปรด     ก็ยังมีพระปัจเจกพุทธเจ้าผู้ที่บำเพ็ญบารมีมาจนสามารถตรัสรู้ได้เองโดยไม่ต้องมีใครชี้แนะ        แต่จุดหมายไม่ได้บำเพ็ญบารมีมาเพื่อยกถอนสัตว์ให้พ้นวัฏฏะให้มากที่สุดเท่าที่ทำได้เหมือนพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ยกตัวอย่าง ตอนที่เสด็จกลับจากโปรดพุทธมารดา   ทรงเปิดโอกาสให้เห็นกันทั้งสามโลก      มนุษย์ สัตว์ใดๆ จิ้งจกตุ๊กแก  ได้เห็นพระพุทธองค์ก็นิยมยินดี    ปรารถนาพุทธภูมิกันมากมาย     จึงมีเชื้อนี้ฝังติดอยู่ในใจสืบต่อๆไปเรื่อยๆ ความเห็นผมว่า   ก็น่าจะมีเรื่อยๆมาและจะมีตลอดไปนะ  สำหรับการอุบัติของพระพุทธเจ้า จากคุณ : เคยอ่านแต่ความจำชักเลือนลาง (Pier Gerlofs Donia) - [ 24 พ.ค. 52 14:39:06 ]

ความคิดเห็นที่ 10 ตามมหายานกล่าวว่ามีนับไม่ถ้วนเท่าจำนวนเม็ดทราย ก็คือว่า คนที่ตรัสรู้เป็นพุทธะมีเยอะครับ แต่ที่ตรัสรู้แล้วได้สอนคนอื่น แล้วสอนคนอื่นได้มีน้อยครับ ตามความเชื่อกล่าวว่าตรัสรู้แล้วก็สู่สวรรค์เลยไม่ได้อยู่สั่งสอนใคร จากคุณ : vpo-14 - [ 24 พ.ค. 52 16:17:32 ]

ความคิดเห็นที่ 11 มีพระสูตรมหายานพระสูตรนึง สัทธรรมปุณฑรีกสูตร บอกว่าพระภิกษุ500รูป และภิกษุ2000รูป พระอานนท์ พระกัสสปะ พระโมคคัลลาน์ พระสารีบุตร พระปุณณะ พระสุภูติ พระราหุล พระกาฬุทายี พระอนุรุทธะ พระโกณฑัญญะ บลาๆๆ จะได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า และพระราหุลจักเกิดเป็นลูกพระอานนท์ในชาติที่ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าครับ และพระราหุล(ในชาติที่ตรัสรู้)คือพระพุทธเจ้าต่อจากพระอานนท์ครับ แล้วเป็นพระพุทธเจ้า มีโลกธาตุเป็นของตนเองนะครับ แก้ไขเมื่อ 24 พ.ค. 52 19:21:36 จากคุณ : คุณฟิน - [ 24 พ.ค. 52 19:19:31 ]

ความคิดเห็นที่ 12 ที่คุณเหม่งจ๋ายบอกมาเรื่องกาลเวลาตรัสรู้ของ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระนามว่า สมเด็จพระศรีอาริยเมตไตรย์นั้น ไม่ได้ความว่าหลัง พ.ศ.๕๐๐๐ แล้วจะถึงเวลาตรัสรู้นะครับ เพราะจะมีสูญกัป ที่มีพระปัจเจกพุทธเจ้ามาตรัสรู้อีกนับไม่ถ้วน ซึ่งพระปัจเจกพุทธเจ้าที่จะมาตรัสรู้ในช่วงนั้น ก็ได้แก่ พระเทวฑัต , พระเจ้าอชาตศัตรู ฯลฯ หลังจากนั้นเมื่อมีมนุษย์มาเกิดขึ้นแล้วอายุค่อย ๆ ลดลงจนมาถึง ยุคที่มนุษย์มีอายุ ๘๐,๐๐๐ ปี ท่านพระโพธิสัตว์จึงจะมาตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระนามว่า พระศรีอาริยเมตไตรย์ครับ จากคุณ : ศรีสิทธิสงคราม - [ 24 พ.ค. 52 20:51:40 A:192.168.51.190 X:119.42.74.198 TicketID:207948 ]

ความคิดเห็นที่ 13 วันก่อนเถียงกันกับเพื่อนคนจีนซึ่งไม่ได้นับถือศาสนาอะไร แต่มีความสนใจ ในศาสนาพุทธ เขาพูดคล้าย ๆ กับ คห.๑๑ คือพระพุทธเจ้ามีโลกธาตุเป็น ของตนเอง พอโลกถึงคราวยุคเข็ญ คนจากโลกนี้ก็จะลงมาเกิดเป็นพระพุทธเจ้า เพื่อสั่งสอนโปรดสัตว์สักครั้งหนึ่ง แล้วก็สอนเรื่องนิพพานซึ่งแท้จริงแล้วก็คือ กลับไปสู่ภพภูมิเดิมของตนเอง มนุษย์เราก็ตั้งหน้าทำความดีกันไป ความดี ทำไว้แค่ไหนก็จะส่งผลให้ไปเกิดในโลกต่าง ๆ กัน โดยโลกต่างกันนั้นมีมากมาย มหาศาลตามแต่ผลกรรมที่ทำไว้จะจัดสรรให้ไปตกโลกไหน ผมเองในฐานะคนพุทธแต่ไกลวัดอยู่สักหน่อย :o) ไม่ค่อยอยากจะรับรู้นะ ว่าในอดีตกาลมีพระพุทธเจ้ามาแล้วกี่พระองค์ และเชื่อมั่นว่า พระพุทธเจ้า ก็ไม่ทรงสอนให้ถือเน้นหนักในเรื่องนี้ สาธุชนควรสนใจในพระธรรมคำสอน มากกว่า แต่ก็ให้สงสัยเหมือนที่เพื่อนจีนสงสัยคือ พระนิพพานก็คือกลับไปสู่ โลกธาตุที่เป็นของตนเองจริงหรือ แล้วสภาพแตกดับไม่เวียนว่ายตายเกิดล่ะ? เพื่อนจีนบอกว่าที่พระพุทธเจ้าสอนเรื่องศีลธรรม เรื่องอริยสัจ ๔ ก็เพื่อให้มนุษย์ทำดีเพื่อไปสู่ในโลกที่ดีกว่า เอาเป็นว่า เอาโลกเป็นตัวตั้ง ใครอยากไปโลกไหนก็ทำดีเท่าที่โลกนั้น ๆ กำหนดไว้ว่าต้องทำถึงมาอยู่ได้ พระพุทธเจ้าเองก็อยู่ในโลกธาตุหนึ่งในจำนวนโลกหลายมิติทั้งหลายนี้ เพียงแต่อยู่สูงกว่าโลกอื่น ๆ อยู่มากแค่นั้นเอง ป.ล. เพื่อนจีนยังอธิบายเพิ่มว่า คนนับถือศาสนาต่างกันเพราะมาจากโลกธาตุ ที่ต่างกัน อันนี้ผมไม่เห็นด้วยเลย อย่างนี้ก็แปลว่าเมื่อไรที่มีศาสนาใหม่เกิดขึ้น บนโลกใบนี้ หมายถึงว่ามีคนจากโลกอื่นมาเกิดในโลกใบนี้เพิ่มขึ้นหรอ? จากคุณ : พลายแป้ง - [ 24 พ.ค. 52 22:49:37 A:128.178.250.171 X: TicketID:120371 ]

ความคิดเห็นที่ 14 พระปัจเจกพุทธเจ้า คืออะไรครับ จากคุณ : เทพทลายนภา (ฉั่วเป่งใช้) - [ 24 พ.ค. 52 23:07:31 ]

ความคิดเห็นที่ 15 ปัจเจก คือ เฉพาะตัว พระปัจเจกพุทธเจ้าท่านก็ตรัสรู้เหมือนกัน แต่ว่าท่านเก็บไว้กับตัว ไม่ได้สอนให้สาวก พูดง่ายๆไม่ได้เผยแพร่ศาสนา ไม่เหมือนกับพระสัมมาสัมพุทธเจ้าซึ่งเมื่อตรัสรู้แล้วท่านเผยแพร่สอนลูกศิษย์ลูกหาด้วย จากคุณ : แอ๊ด ปากเกร็ด - [ 25 พ.ค. 52 01:04:16 ]

ความคิดเห็นที่ 16 #คุณพลายแป้ง เรื่องของพระพุทธองค์ จัดเป็น ๑ ใน ๔ เรื่องอจิณไตย ที่พระพุทธองค์ทรงตรัสว่า ไม่ควรจะไปสนใจครับ เพราะไม่ได้ทำให้พ้นทุกข์และเป็นการเนิ่นช้า ส่วนที่เพื่อนคุณจะคิดอย่างนั้น มันก็ถูกของเขา ในมุมมองเขามันก็น่าจะเป็นอย่างนั้น แต่ของจริงมันจะเป็นอย่างนั้นหรือเปล่าก็ยังไม่แน่ ผมว่าไม่ควรจะไปสนใจนะ อย่างที่บอกเรื่องอจิณไตยครับ จากคุณ : ศรีสิทธิสงคราม - [ 25 พ.ค. 52 08:46:27 A:58.10.222.219 X: TicketID:207948 ]

ความคิดเห็นที่ 17 แต่ที่แน่ๆ พุทธทำนายเกี่ยวกับสาวกพระพุทธเจ้าจะได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า องค์ที่ได้รับพุทธทำนายมีพุทธเกษตรหรือโลกธาตุเป็นของตนเอง มีชื่อ"กัป"บอกอายุพระพุทธเจ้า และบอกอายุพระสัทธรรมและพระสัทธรรมปฏิรูป ------- http://www.pantip.com/cafe/religious/topic/Y7897161/Y7897161.html อ้างอิงจาก สัทธรรมปุณฑรีกสูตร วยากรฺณปริวรฺต(ว่าด้วยการพยากรณ์) บางข้อความขอตัดออกนะครับ มันยาวมากกกกก ขอละบางข้อความด้วย......นะครับ ความว่า ครั้นพระผู้มีพระภาคเจ้า............ขอประกาศให้ท่านทั้งหลายทราบว่าภิกษุกัสสปะสาวกของเรานี้จักกระทำการสักการะพระพุทธเจ้าสามหมื่นโกฏิพระองค์..........ในชาติสุดท้าย ในโลกธาตุ(พุทธเกษตรนั่นแหละ)ชื่อ"อวภาส"ใน"มหาวยูหกัลป์" จักได้เป็นพระตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระนามว่า"รัศมีประภาส"...........พระชนมายุสิบสองกัป........... พระโสภิตะหรือพระสุภูติก็ได้รับพุทธทำนายครับ เป็นพระพุทธเจ้าชื่อว่า ศศิเกตุ พุทธเกษตรชื่อว่า"รัตนสมภพ" กัลป์ชื่อว่า"รัตนาวภาส" อายุยืน12กัป สัทธรรมอยู่ได้20กัป สัทธรรมปฏิรูปอยู่ได้20กัปเหมือนกันครับ พระกัจจายนะก็มีครับ ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าชื่อ"ชามพูนทประภาส"ไม่ได้บอกชื่อพุทธเกษตร และชื่อกัลป์เอาไว้ อายุและอายุสัทธรรมเหมือนองค์อื่น พระโมคคัลลานะ ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าชื่อว่า"ตมาลปัตรจันทนคันธะ"พุทธเกษตรชื่อ"มโนภิราม"กัลป์ชื่อว่า รติประปูรณะ --------- ปัญจภิกษุศตวยากรณปริวรรต(พยากรณ์ภิกษุ500รูป) พระปุณณมันตานี ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าชื่อว่า"ธรรมประภาส"โลกธาตุชื่อว่า"สุวิศุทธะ"กัลป์ชื่อว่า"รัตนาวภาส" พระโกณฑัญญะ ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าชื่อ"สมันตประภาส" และพระอรหันต์อีก500รูปก็ได้ตรัสรู้เหมือนกัน ชื่อเหมือนกัน มีประมุขคือ พระคยากัสสปะ พระนทีกัสสปะ พระอุรุเวลากัสสปะ พระกาละ พระกาฬุทายี พระอนุรุทธะ  พระเรวตะ พระกัปปิณะ พระพากุลา พระจุนทะ พระสวาคต --- อานันทาทิวยากรณปริวรรต(ว่าด้วยการพยากรณ์พระอานนท์เป็นต้น) พระอานนท์ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าชื่อว่า"สาครวรธรพุทธิวิกรีฑิตาภิชญะ"(ชื่อยาวจัง) พุทธเกษตรชื่อว่า"อนวนามิตไวชยันตี" กัลป์ชื่อว่า"มโนชญศัพทาภิครรชิต" พระราหุลก็มีครับ เป็นพระพุทธเจ้าชื่อ"สัปตรัตนปัทมวิกรานตคตามี"และได้เป็นลูกของพระพุทธเจ้าองค์ที่อดีตชาติเป็นพระอานนท์ครับ ภิกษุ2000รูป จะตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าชื่อ"รัตนเกตุราช"พระสาวกและพระโพธิสัตว์ในสมัยพระพุทธเจ้าองค์นี้จะนิพพานพร้อมกันหมด และพระสาวกจะนั่งใต้ต้นโพ จะตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าพร้อมกัน และมีชื่อเหมือนกันคือ"รัตนเกตุ"และมีพุทธเกษตรเหมือนกันหมด ......... มีบทอุปมาด้วยนะครับ ประมาณว่า มีบ้านหลังนึงสงปรกมากกกกก มีนกแร้ง หมา หมาป่า เปรต ยักษ์ เดินเพ่นพ่าน ยักษ์จับสัตว์กิน พูดง่ายๆคือมันไม่น่าอยู่ แล้วไฟลุกลามบ้านหลังนั้น ในบ้านหลังนั้นมีเด็กจำนวนหนึ่งอยู่ในบ้านเล่นสนุกสนาน และมีชายคนนึงพยายามเรียกเด็กให้ออกมา แต่เด็กเล่นสนุกไม่ยอมออก ชายคนนั้นออกอุบายว่าข้างนอกมีรถเกวียนสวยงาม ถ้าออกมาจากบ้านหลังนั้นจะได้เกวียนเป็นของขวัญ แล้วเด็กก็ออกมา ใจความสำคัญของบทนี้ คือโลกนี้มันมีแต่ความทุกข์ เกวียนสวยงามนั่นเอามาเปรียบกับแดนสุขาวดีไงครับ เพราะแดนสุขาวดีในพระสูตรมหายาน วิจิตรพิสดารมากๆ สวรรค์6ชั้นชิดซ้ายครับ จากคุณ : คุณฟิน - [ 25 พ.ค. 52 09:09:10 ]

ความคิดเห็นที่ 18 ภิกษุ500รูป 2000รูป ผมว่าน่าจะหมายถึงพระภิกษุทั้งหมดที่ฟังธรรมะจากพระพุทเจ้า(ในพระสูตรมหายาน)ได้เป็นพระพุทธเจ้าหมดเลย จากคุณ : คุณฟิน - [ 25 พ.ค. 52 09:11:34 ]

ความคิดเห็นที่ 19 #คุณฟิน ผมแนะนำว่าอย่านำความเชื่อของมหายาน มาปนกับ หินยาน จะดีกว่าครับ คนละแนวความเชื่อเดี๋ยวจะตีกันยุ่งไปหมด เพราะพระมหาเถระส่วนใหญ่ที่ทางคัมภีร์ฝ่ายมหายานที่คุณยกมา ในหินยานนั้นทุกท่าน นิพพาน ไปทุกองค์แล้ว ซึ่งความหมายของนิพพานในทาง หินยาน คือดับไม่เหลือเชื้อ(ของการเกิดในสังสารวัฏอีก) และ ท่านเหล่านั้นก็เป็นพระสาวก มิใช่ พระโพธิสัตว์ไปเสียทุกองค์ (ยกเว้น พระมหากัจจายนะ ที่ปรารถนาพระโพธิญาณ แต่มาลาพระโพธิญาณในชาติสุดท้ายนี้ และ ได้บรรลุเป็นพระสาวกพระองค์หนึ่ง ท่านเป็นเลิศด้านปฏิภาณ) ในทางหินยาน ท่านที่ได้รับพุทธพยากรณ์ว่าจะเป็นพระพุทธเจ้าต่อไปในภายภาคหน้า เท่าที่ผมจำได้มีท่านพระอชิตะ (ต่อไปจะตรัสรู้เป็น องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระนามว่า สมเด็จพระศรีอาริยเมตไตรย์ ) เท่านั้นครับ จากคุณ : ศรีสิทธิสงคราม - [ 25 พ.ค. 52 09:58:14 A:58.10.222.219 X: TicketID:207948 ]

ความคิดเห็นที่ 20 ในทางพุทธเถรวาท จะว่าพระพุทธเจ้านั้นไม่ได้มีพุทธภูมินะครับ พุทธภูมิเป็นศัพท์ทางมหายาน ซึ่งเชื่อว่าหลังปรินิพานั้น พระพุทธองค์กลับสู่พุทธภูมิ แต่ในทางเถรวาทนั้น เมื่อนิพพาน หรือปรินิพาน คือการดับไม่มีเหลือ เหมือนการสลายของอะตอม ไม่เหลือแม้แต่พลังงานใดๆเลย ส่วนตัวผมเองคิดว่า ถ้าอุปมาคงคล้ายกับว่า ร่างเราเป็นกายหยาบ เมื่อตายไปไม่มีกายหยาบก็คงเหลือวิญญาณ ซึ่งมีสภาพคล้ายกับคลื่น ส่วนกายหยาบก็แยกธาตุ สลายไปตามสภาพทางธรรมชาติ สวรรค์หรือภูมิต่างๆ ก็คงเหมือนกับ ย่านความถี่นั้นๆของคลื่นครับ ศาสนาพุทธทางเถรวาทนั้น ไม่ได้ให้ควรเคารพต่อ เทวดา หรือ พรหม มากไปกว่าการเคารพผู้ใหญ่ทีมีศีลมีธรรมน่ะครับ สมควรเคารพ สักการะ ส่วนการบรรลุนิพพาน เป็นอีกแนวทางหนึ่งซึ่งต้องไปปฏิบัติทางจิต ฝึกฝนทางจิตครับ ไม่สามารถเข้าถึงได้ด้วย สุตตมยปัญญา หรือจินตามยปัญญา จากคุณ : ทองมณีรัตนะ - [ 25 พ.ค. 52 13:04:42 ]

ความคิดเห็นที่ 21 ในฐานะพุทธศาสนิกชนคนหนึ่ง อยากบอกว่ามึนมากค่ะ แต่อย่างไรก็ตาม จะพยายามนำคำสอนของพระองค์มาใช้ให้มากที่สุด จากคุณ : thezircon (thezircon) - [ 25 พ.ค. 52 17:25:26 ]

ความคิดเห็นที่ 22 - จำนวน 1 อสงไขย  ได้แก่จำนวนนับ  โกฏิยกกำลังยี่สิบ  หมายถึงตัวเลขเรียงกัน 140 ตัว   ..คือถ้าเขียนเลข 1  จะเขียนเลข 0 ตามหลัง 140 ตัว   - กัปล์ หมายถึงช่วงอายุของโลก 1 ครั้ง  คือโลกเกิดมา ตั้งอยู่แล้วดับไป 1 ครั้ง    นับเป็นจำนวนปีประมาณ กว่า  526,000 อสงไขยปี (คือเขียน  526 แล้วเขียนเลข 0 ตามหลังอีก 143 ตัว) - วัฏฏะสงสาร ไม่มีจุดตั้งต้น ไม่มีจุดสิ้นสุด ไม่มีระยะเวลาจะกำหนดได้  อินฟินิตี้ ยกกำลังอินฟินิตี้ ยังน้อยไป  ..เปรียบเสมือนถ้าเรามีอายุยืนไม่ตาย  ถ้าเราเดินวนอยู่บนเส้นรอบวงของวงกลมวงหนึ่ง   เดินเพื่อจะหาจุดตั้งต้นและจุดสิ้นสุดของเส้นทางวงกลมนั้นว่าอยู่ที่ไหน  ..แล้วเมื่อไหร่หรือ?  นานเท่าไหร่หรือจึงจะพบ ? - ถ้าเอาสสารและพลังงานที่มีในเอกภพทั้งหมด ตามความคิดของนักวิทยาศาสตร์ในปัจจุบัน  มาแยกเป็นระดับอนุภาคเล็กๆ  คือระดับ โปรตอน  นิวตรอน  อิเล็คตรอน  นิวตริโน..และอนุภาคอื่นๆ ฯ..  แล้วเอาอนุภาคนี้มานับ   จะได้จำนวนเป็นตัวเลขรวมกันประมาณ  70 หลัก  ซึ่งยังน้อยกว่า จำนวน 1 อสงไขยซึ่งมี 140 หลัก( ในเอกภพนี้มีกาแล๊กซี่ทั้งหมดประมาณ 125 พันล้านกาแล๊กซี่  แต่ละกาแล๊กซี่มีดาวฤกษ์ประมาณ  200 พันล้านดวง ) จำนวนพระพุทธเจ้า ที่ตรัสรู้ผ่านไปแล้ว มีนับไม่ถ้วน  ไม่มีใครนับได้ จำนวนสัตว์ทั้งหลายที่เวียนว่ายตายเกิดในภพภูมิต่างๆ ก็นับไม่ถ้วน  มากยิ่งกว่าจำนวนพระพุทธเจ้า มากๆๆๆๆ...  ไม่มีสิ้นสุด -  สิ่งที่ไม่สิ้นสุด ไม่มีขอบเขต ไม่มีจุดเริ่มต้น ไม่มีจุดสิ้นสุด  ในศาสนาพุทธ กล่าวไว้  4 อย่าง คือ   1)  อัชฏากาศ    หมายถึงที่ว่าง หรืออวกาศ (ก็คือ space นั่นแหละ)   2)  วัฏฏะสงสาร หรือสังสารวัฏฏ์   3)  จำนวนสัตว์ทั้งหลาย   4)  นิพพาน .... ท่านๆ พอจะจินตนาการอะไรออกมาได้บ้างหรือยัง..?? จากคุณ : Ck (Clarke) - [ 26 พ.ค. 52 03:42:16 ]

ความคิดเห็นที่ 23 ผมว่้าถ้าจะศึกษาเรื่องนี้ ก็ต้องอ้างอิงทั้ง ฝั่งพุทธเถรวาท และ พุทธมหายาน นะครับ คงแยกเขาแยกเรามิได้ เพราะก็โต้เถียงกันเรื่องนี้มานานแล้ว จะเชื่อแบบไหนยังไง นั่นก็แล้วแต่ความคิด ความเชื่อของแต่ละบุคคล ปล. แต่ผมกลับเชื่อเรื่องตรัสรู้ว่าเป็นการตื่น และมองโลกในสิ่งที่มันเป็นมากกว่านะครับ ระหว่างความว่าง ความไม่มี กับ ความไม่ว่าง ความมี ผมว่ามันแทบไม่มีความต่างเลย "ข้าพเจ้าคือผีเสื้อ หรือ ผีเสื้อคือข้าพเจ้า" จวบจนบัดนี้ผมก็ยังสงสัยอยู่ดี จากคุณ : กระบี่เก้าเดียวดาย - [ 26 พ.ค. 52 10:55:21 ]

ความคิดเห็นที่ 24 จะพยายามทำความเข้าใจครับ จากคุณ : กรประเสริฐ - [ 26 พ.ค. 52 16:36:44 ]

ความคิดเห็นที่ 25 มางงด้วยคนค่ะ แล้วพุทธเกษตร หรือโลกธาตุคืออะไรคะ หมายความว่า พอตรัสรู้ก็ไปยังโลกของตัวเองเหรอคะ เหมือนของพรามณ์ที่ไปรวมกับปรมาตมัณไหมคะ จากคุณ : yadarmon - [ 31 พ.ค. 52 17:04:44 ]

ความคิดเห็นที่ 26 อดีตมากมายนับไม่ถ้วน ในอนาคตอีกมากมายนับไม่ถ้วน (ได้รับพยากรณ์แล้วก็มี ยังเป็นอนิยตะก็มาก) จากคุณ : กล่องยิ้ม - [ 8 มิ.ย. 52 12:16:34 ]