ความคิดเห็นที่ 1 คิดว่าคงเป็นเรื่องการเขียน และคำศัพท์มากกว่าค่ะ (คงไม่ใช่เรื่องแกรมม่า หรือการออกเสียง เพราะเกาหลีไม่มีเสียงวรรณยุกต์) เพราะเค้าบอกว่าตอนเด็กๆเค้าเรียนเขียนคำศัพท์จีนมา แล้วก้อน่าจะเรียนรากศัพท์จีน เพราะเค้าบอกว่าบางตัวเค้าก้อไม่รู้ความหมายว่าภาษาจีนอ่านว่าไร แปลว่าไร แต่จากการเดารากศัพท์เค้าบอกได้ว่าเกี่ยวกับอะไรอ่ะค่ะ(รู้ว่าศัพท์น่าจะมีความสัมพันธ์กับอะไร ซึ่งรู้แค่นี้ก้อเป็นการง่ายที่จะเดาศัพท์ที่มากับรูปประโยคแล้วค่ะ) จากคุณ : nepatak (Nepatak) - [ 24 พ.ค. 52 09:13:40 ]

ความคิดเห็นที่ 2 อารมณ์เดียวกับภาษาไทยกับภาษาเขมรบวกภาษาแขกเนี่ยแหละครับ คุยกันรู้เรื่องซะที่ไหนเล่า...กำซะมิดา จากคุณ : เต๋านีโอ - [ 24 พ.ค. 52 09:36:50 ]

ความคิดเห็นที่ 3 คุณค่าว่า คุณค่าเรียนภาจีนง่ายนะค่ะ ทั้งเสียงวรรณยุค และ การออกเสียง ง่ายมากๆ ส่วนไวยากรณ์ถึงไม่ได้เหมือนภาษาไทยแป๊ะๆ แต่ก็ไม่งงเท่าภาษาอังกฤษ เพราะว่า เรื่องรูปประโยค การพูดของไทยเรา ใกล้เคียงภาษาจีนมากๆ ทำให้คนไทยสามารถพูดภาษาจีนได้อย่างเป็นธรรมชาตินะค่ะ เช่น หนี่ ชวี หนาร์ คุณจะไปไหน  man zou a ค่อยๆไปนะ ไปช้าๆนะ ปกติแล้ว เรื่องการพูด ความลื่นไหลทางภาษาไทย ภาษาไทยนั้นใกล้เคียงกับจีนมาก มีคำว่า ปา ปะ นะ เนอ เน้อะ ไหม๋ แมะ มากมายบลาๆ แล้วแต่คนพูดและจะออกเสียง ส่วนเรื่องการเขียนนั้น คนละโลกเลย คิดว่าเกาหลีน่าจะเข้าใจพวกเรื่องการเขียนไรแบบนี้ มากกว่าคนไทยมั่งนะ เพราะว่า ของไทยเรา มีตัวสะกด และวรรณยุคกำกับอย่างชัดเจน จากคุณ : คุณค่าที่คุณคู่ควร - [ 24 พ.ค. 52 09:41:10 ]

ความคิดเห็นที่ 4 น่าจะถูกต้องนะ เพราะแต่ก่อนที่เกาหลีจะมีอักษรฮันกึลเป็นของตัวเอง(อักษรเกาหลีในปัจจุบัน ซึ่งถูกคิดขึ้นโดยพระเจ้าเซจง) ชาวเกาหลีจะใช้อักษรจีนในการติดต่อสื่อสารทั้งหมด จากคุณ : RaziexQ - [ 24 พ.ค. 52 11:06:42 ]

ความคิดเห็นที่ 5 ผมว่าไม่ง่ายนะเท่าที่เรียนเกาหลีมาจนถึงปัจจุบันนี้ ภาษาเกาหลีในสมัยโบราณจะรับตัวจีนเข้ามาเฉพาะรูปการเขียน (ตัวฮันจา) และความหมายเท่านั้น ส่วนเสียงอ่านของคำนั้นจะมีเสียงของเกาหลีกำกับอีกชั้นหนึ่ง เหมือนกับตัวคันจิในภาษาญี่ปุ่น ตัวอย่างเช่นคำจีนในภาษาเกาหลีมี่ยังคงใช้ในปัจจุบันนั้น ที่เห็นได้ชัดเจนที่สุดคือ กริบาที่ลงท้ายด้วย -hada ทั้งหลาย เช่น gongbuhada  แปลว่า เรียน เพราะ gongbu แปลว่าการเรียน surihada       แปลว่า ซ่อมแซม เพราะ suri  แปล่วา การซ่อม chulbalhada  แปลว่า ออกจาก   เพราะ chul แปลว่า ข้างนอก suyeonghada แปลว่า ว่ายน้ำ   เพราะ suyeong  แปลว่า การว่ายน้ำ หากให้แสดงความเห็นว่าการเรียนภาษาเกาหลีกับจีนอันไหนง่ายกว่ากัน ในความเห้นผมก็คงต้องตอบว่า เกาหลีแน่นอน เพราะแค่ตัวระบบอักษรก็ต่างกันลิบลับแล้วครับ ลักษณะตัวอักษรฮันกึลนั้นจะเหมือนกับระบบอักษรไทยหรือโรมัน คือเป็นอักษรแทนเสียง ดังนั้นหากใครที่เรียนฮันกึล วันเดียวก็เรียนได้หมดแล้วครับ ส่วนอักษรจีนนั้นยากมากๆๆๆๆๆๆๆๆ ยังกลัวๆอยู่เลยว่าหากเรียนสูงขึ้นไปจะต้องมาเจอตัวจีน อันนี้เป็นปัญหาอย่างหนึ่งที่ไม่ค่อยอยากเจอเท่าไร ผมเลยเข้าใจเจตนาของพระเจ้าเซจงที่คิดตัวอักษรนี้ขึ้นมา ก็เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนจากการใช้ตัวอักษรจีนที่เรียนยาก โดยเฉพาะในหมู่ชาวบ้านทั่วไปที่ไม่มีโอกาสเรียนหนังสือ จากคุณ : ภารตยุทธ (ภารตยุทธ) - [ 24 พ.ค. 52 12:15:52 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ศัพท์ในภาษาเกาหลีมาจากภาษาจีนซะเป็นส่วนมากเลยค่ะ แต่เค้าจะอ่านออกเสียงเป็นภาษาเกาหลี ไม่เหมือนภาษาจีนซะทีเดียวแต่ก็คล้าย ๆ กัน ตอนเราเรียนภาษาเกาหลี เราจำได้เฉพาะศัพท์ที่มาจากภาษาจีนแหละ บางตัวดูแล้วรู้เลยว่ามาจากภาษาจีนแน่ ๆ ทำให้เราจำได้แม่นเพราะมันออกเสียงคล้าย ๆ กัน อย่างคำว่า ซอนแซง มาจากภาษาจีนว่า xian1 sheng1 ที่แปลว่า mister น่ะค่ะ คำนี้ถ้าในภาษาญี่ปุ่นจะอ่านว่าเซนเซ แปลว่าครูเหมือนในภาษาเกาหลี ยกตัวอย่างอีกคำละกัน คำว่า sheng1 ที่แปลว่า เกิด ภาษาเกาหลีอ่านว่า แซง และคำว่า ri4 ที่แปลว่าพระอาทิตย์ ภาษาเกาหลีอ่านว่า อิล  ซึ่งคำว่า แซงอิล ในภาษาเกาหลีแปลว่าวันเกิด ตรงกับภาษาจีนเลย อย่างนี้เป็นต้น เราใช้วิธีนี้แหละค่ะในการจำศัพท์ภาษาเกาหลี ซึ่งทำให้จำได้เฉพาะศัพท์ที่เอามาจากภาษาจีน ส่วนศัพท์อื่น ๆ ที่ไม่ได้มาจากภาษาจีนอันนี้จะจำยากหน่อย (หรือบางทีก็จำไม่ได้เลย) ก็มันไม่มีหลักอะไรให้จำนี่นา แก้ไขเมื่อ 24 พ.ค. 52 13:18:13 จากคุณ : Noknoi - [ 24 พ.ค. 52 13:12:56 ]

ความคิดเห็นที่ 7 # 5 "ใครที่เรียนฮันกึล วันเดียวก็เรียนได้หมดแล้วครับ" จริงรึเปล่าครับ ผมจะได้ไปเรียน สาวเกาหลีจริงๆ แต่หนุ่มเกาหลีเนี่ย สาวไทยอย่าได้เชียวนา  แต่ ไม่แน่ อาจลงตัว เพราะดุพอกัน... จากคุณ : เต๋านีโอ - [ 24 พ.ค. 52 13:15:57 ]

ความคิดเห็นที่ 8 คห.7 วันเดียวเรียนได้เฉพาะฮันกึลจริง ๆ ค่ะ คือได้เฉพาะการเขียนและอ่านออกเสียง แต่ถ้าจะเรียนถึงแกรมม่าร์ ต้องใช้เวลาอีกนานเลย ภาษาเกาหลีเป็นภาษาที่ตัวอักษรจำง่าย เพราะถูกออกแบบมาอย่างดี แต่แกรมมาร์ยากโคตร ๆ จากคุณ : Noknoi - [ 24 พ.ค. 52 13:23:42 ]

ความคิดเห็นที่ 9 ขอเพิ่มเติมสักล็กน้อยนะครับ คำว่าวันเกิดนั้น ในภาษาเกาหลีจะใช้คำว่า saeng-il โดยคำว่า saeng มาจากกริยาในภาษาเกาหลีคือ saenggida ที่แปลว่า ถือกำเนิด เกิดขึ้นมา ส่วน il นั้นมีสองความหมายคือ ความหมายแรกแปลว่าวัน อย่างเช่นในคำว่า yo-il เช่น weolyo-il (วันจันทร์) suyo-il (วันพุธ) ความหมายที่สอง แปลว่า ดวงอาทิตย์ อย่างในคำว่า il-yoil (วันอาทิตย์) แต่หากหมายถึงที่เป็นดวงอาทิตย์กลมๆอันร้อนแรงนั้น เกาหลีจะใช้อีกคำหนึ่งคือ hae ตรงข้ามกับ dal (เป็นคำเกาหลี ส่วนคำจีนใช้ว่า weol)  ที่แปลว่าดวงจันทร์ อีกคำหนึ่งคือ seonsaengnim ที่แปลว่าครูนั้น ปกติจะใช้กับครูที่สอนตามโรงเรียน แต่หากเป็นอาจารย์ที่สอนในมหาลัยแล้ว จะใช้ว่า gyosu-nim แต่ไวยากรณ์อันนี้สนุกสนานมากครับ เพราะหากเรียนสูงขึ้นไป ผันกระจาย แถมไวยากรณ์ที่มีความหมายเดียวกันนั้น สามารถใช้ได้หลายคำแถมยังมีเงื่อนไขในการใช้อีก เช่น คำเชื่อมที่บอกเหตุผล โดยตัวหนึ่งสามารถใช้ได้ตามปกติ ตัวหนึ่งข้างหน้าเป็นเหตุ ข้างหลังต้องเป็นประโยคคำถาม คำสั่ง หรือเชิญชวน อีกตัวหนึ่งเหตุต้องเป็นสรรพนามบุรุษที่ 2 หรือ 3 แต่ผลต้องเกิดกับตัวผู้พูด และอีกตัวหนึ่งข้างหน้าเป็นเหตุ แต่ต้องส่งผลในแง่ร้ายหรือแง่ลบต่อประโยคหลัง เงื่อนไขมากมายขนาดนี้ ผู้พูดต้องอาศัยการฝึกพูดและใช้ไหวพริบอยู่มากโขทีเดียว หากมาเรียนต้องอาศัยความรักจริงๆ เพราะที่เห็นที่คณะ ส่วนใหญ่พอเรียน Korean 2 แล้วก็มักจะพับเสื่อไม่เรียนต่อไปอีก เพราะมันยาก แก้ไขเมื่อ 24 พ.ค. 52 14:30:23 จากคุณ : ภารตยุทธ (ภารตยุทธ) - [ 24 พ.ค. 52 14:22:46 ]

ความคิดเห็นที่ 10 ...ซะงั้น หยั่งงี้ถอยกลับมาดูเชิงก่อนดีกว่า ฟังๆภาษาจีนจะง่ายกว่าแล้วละ ยกเว้นการ เขียน จำไม่หวาดไม่ไหว จากคุณ : เต๋านีโอ - [ 24 พ.ค. 52 19:01:56 ]

ความคิดเห็นที่ 11 ตัวเขียนเกาหลีง่ายกว่าจีนแน่นอนค่ะ ^^" (ใครไม่เห็นด้วยสิ เหอๆ จะเอาหนังสือคำศัพท์ภาษาจีนขว้างใส่ !!) แต่แกรมม่านั้น... หึหึ เอาเป็นว่า จีน ดูง่ายไปเลย จริงๆเกาหลีเราก็ไม่ได้เรียนจริงจังนะ อ่านเอาเองมากกว่า เจอส่วนแกรมม่าไปนิดเดียวก็ช่างมันทันที 555+ ภาษาจีนก็เลิกเรียนไปนานแล้ว ลืมหมดเลย TTwTT . . ตอนนี้ก็เรียนแต่เยอรมัน (จะเอายังไงกับชีวิตกันแน่ ?) แกรมม่ายากเหมือนกันค่ะ แต่คนละแบบกับเกาหลี ถ้าเอาตามความคิดเห็นส่วนตัวนะคะ คนไทย เรียนภาษาอะไรก็ง่ายค่ะ เพราะเราจะเลียนเสียงเค้าได้คล้ายมากๆ เนื่องจากภาษาไทยมีตัวอักษร สระ และวรรณยุกต์ (แบบเต็มสตรีม - -") แต่คนต่างชาติจะเรียนภาษาไทย ยากมากๆที่จะออกเสียงให้ใกล้เคียงกับพวกเราได้ ^^ จากคุณ : AgarwaeN's (fern-eva) - [ 24 พ.ค. 52 19:09:18 ]

ความคิดเห็นที่ 12 ^ ^ เราเรียนภาษาเยอรมันแล้วออกเสียงคำยาวๆไม่ค่อยได้ค่ะ คำมันยาวมากจนอ่านถึงข้างหลังก็ลืมคำข้างหน้าไปแล้ว ฮ่าๆ ตอนนี้คิดว่า ภาษาอังกฤษง่ายสุดเพราะ...พูดงูๆปลาๆคนส่วนมากก็รู้เรื่อง รองลงมาเป็นภาษาจีน เพราะคนใช้ภาษาจีนหลากหลาย พูดสำเนียงไทย คนจีนก็ยังฟังรู้เรื่อง อิอิ ดีจัง จากคุณ : booklovers - [ 24 พ.ค. 52 20:43:38 ]

ความคิดเห็นที่ 13 ไวยากรณ์ เกาหลียากกว่าจีน เพราะโครงสร้างไวยากรณ์จีน ใกล้กับภาษาไทยมากกว่า เท่าที่เรียนมาทั้งสองภาษา เราว่าเกาหลีง่ายกว่านะ จากคุณ : อยากให้โลกนี้มีรอยยิ้ม - [ 25 พ.ค. 52 19:13:39 ]

ความคิดเห็นที่ 14 เพื่อนคนเกาหลีเราบอกว่า คำศัพท์ รากศัพท์อะไรพวกนี้เค้าจะจำได้ค่ะ มันง่ายสำหรับเค้า แต่การออกเสียง และแำกรมม่าเนี่ย เราว่าภาษาำไทยใกล้กว่าค่ะ ตอนเราไปเรียนภาษาจีน (เริ่มจาก 0 เลยค่ะ) เพื่อนในห้องเราไม่มีเกาหลีซักคนค่ะ ส่วนมากจะเริ่มต้นกันที่คลาสที่สูงกว่าเราสามถึงสี่ระดับ เค้าว่าเค้าอ่านหนังสือเอาเองน่ะ แต่แกรมม่าเค้าสับสนมาก คุยกันแล้วรู้เลยว่าเนี่ย เอาแกรมม่าเกาหลีมาพูด แล้วก็การออกเสียง คนไทยกินขาดค่ะ สรุป เราว่าถ้าเอามาเรียนพร้อมกันตั้งแต่ 0 เลยเนี่ย คนไทยเรียนง่ายกว่านะ ถ้าเทียบภาษาจีนกับภาษาเกาหลี เราว่าตัวหนังสือภาษาเกาหลีน่ารักค่ะ จำง่ายด้วย ^^ จากคุณ : เยาวณีย์ (เยาวณีย์) - [ 29 พ.ค. 52 09:56:28 ]

ความคิดเห็นที่ 15 โรงเรียนสอนภาษาไทศิลป์ เรียนสนุกและมีประโยชน์ ทันสมัย มีประสิทธิภาพ น่าสนใจ เชี่ยวชาญด้านภาษาจีน โดยอาจารย์เจ้าของภาษา มีประสบการณ์มากกว่า 10 ปี 3 นาที BTS พระโขนง ทางออก 1 Tel 02-714-1107-8, 087-802-3456 info@tslanguage.ac.th www.tslanguage.ac.th ติดต่อเพื่อทดลองเรียน ฟรี! ราคาพิเศษ 4,800 บาท 24 ชั่วโมง โปรโมชั่นสำหรับนักเรียนและนักศึกษา 3,600 บาท 24 ชั่วโมง (10-12 คน/ห้อง) จากคุณ : info - [ 6 มิ.ย. 52 16:11:52 A:124.120.222.112 X: ]

ความคิดเห็นที่ 16 คห.10 ภาษาจีนจำไม่ยาก ใช้ในชีวิตประจำวันแค่ 3 พันตัวก็พอ แก้ไขเมื่อ 13 มิ.ย. 52 00:10:49 จากคุณ : บลูเรย์ - [ 13 มิ.ย. 52 00:10:13 ]

ความคิดเห็นที่ 17 โดยรวม ๆ แล้วคนไทยอ่านออกเสียงภาษาจีนกลางได้ชัดเจนกว่าคนเกาหลีครับ เพราะภาษาไทยมีวรรณยุกต์ซึ่งเอื้ออำนวยให้ได้ แต่ก็มิได้หมายความว่าคนเกาหลีทุกคนจะอ่านไม่ชัด มีคนเกาหลีพูดจีนได้เก่ง วรรณยุกต์แม่นๆ ก็มีถมไปครับ คำศัพท์ในภาษาเกาหลี กว่า70%จะเป็นคำที่มาจากจีนซะส่วนใหญ่ จึงทำให้คนเกาหลีเรียนจีนง่ายกว่า แม้ว่าจะมีอุปสรรคเรื่องของการออกเสียงและไวยากรณ์ก็ตาม แต่ชาวเกาหลีหลายต่อหลายคนก็มีพื้นฐานจีนมาก่อน มาเรียนจีนต่อทำให้ต่อยอดได้ง่าย โดยรวมแล้วคนเกาหลีถ้าเรียนอย่างจริงจังแล้วจะเก่งภาษาจีนกว่าคนไทย ไม่ได้รู้แบบงูๆปลาๆ พวกที่วิจัยภาษาจีนชั้นสูง จะรู้ลึกและค้นคว้าได้อย่างชำนาญลึกซึ้งกว่า ผมเรียนจบวิชาเอกจีน เรียนญี่ปุ่นมาเกือบสามปี เคยเรียนเกาหลีมาก่อนครับ แต่แค่ไม่กี่เดือน อาศัยเรียนจีนมาก่อน ทำให้จำศัพท์เกาหลีที่มาจากจีนได้(ออกเสียงใกล้กันกับจีนกลาง หรือไม่ก็ภาษาถิ่นของจีน) เมื่อเรียนเกาหลีก็อาศัยไวยากรณ์ญี่ปุ่นนี่แหละ ทำให้คุ้นเคย เรียนเกาหลีได้ไม่งงมากนัก คนไทยเรียนจีนได้ง่ายกว่าก็จริงอยู่ ไวยากรณ์ภาษาเกาหลียากมากก็จริงอยู่ แต่จากการที่ผมเรียนมาทั้งญี่ปุ่นกับเกาหลี(ทั้งสองภาษาไวยากรณ์คล้ายกันมาก) โดยเฉพาะเรียนภาษาญี่ปุ่นมานาน บอกได้ว่าถ้าจับหลักไวยากรณ์ได้ มันจะค่อนข้างง่ายทีเดียว หลักไวยากรณ์มีไม่มากครับ เทียบเคียงกับภาษาเกาหลีได้ อย่างเช่น คำกริยาตามด้วยhada เทียบกับคำกริยาตามด้วยsuruในญี่ปุ่น หรือไม่ว่าจะเป็นคำช่วยในประโยคบ่งตามหลังประธานหรือกรรม เป็นต้น ทั้งหมดนี้ ภาษาจีนจะไม่มีปรากฎ แต่ว่าเนื่องจากประโยคภาษาจีนพูดได้หลายแบบ ไม่ตายตัว ดิ้นได้ จึงมักจะใช้แบบผิดหลัก (ใช้จนเคยชิน จนนึกว่าถูก) หรือใช้โดยที่ไม่รู้แน่ว่าเขาใช้กันแบบนี้ไหม อีกอย่างภาษาเขียนกับภาษาพูดมีความต่างกันมาก ศัพท์ใช้กันคนละตัว ไวยากรณ์ก็ต้องมีแบบแผน อันนี้สิครับ ยากมาก อย่างที่บอกว่าถ้ารู้จีนแค่สามพันตัวในชีวิตประจำวันก็พอ อันนี้ก็ไม่ผิดครับ มันพอแค่สื่อสารทั่วๆไป แต่ถ้าจะเรียนระดับสูงไปอีก อันนี้สั่งสมประสบการณ์อีกเยอะ จากคุณ : ชา - [ 18 มิ.ย. 52 20:09:14 A:58.240.105.189 X: TicketID:217757 ]

ความคิดเห็นที่ 18 ถ้าคุณรู้จีนและเกาหลีในระดับนึง คุณจะรู้ว่ามันเดาได้ว่าอีกภาษาจะอ่านคำนี้แนวไหน เพราะมันคล้ายกันจริงๆ แต่ถ้าเอามาเชื่อมเป็นประโยค ก็อาจจะเดายากกว่าเดิม(ภาษาเกาหลี) จากคุณ : Chikau - [ 21 มิ.ย. 52 22:48:46 ]