ความคิดเห็นที่ 1 The Foundation Series จากคุณ : Azure_Mile - [ 28 พ.ค. 52 03:47:52 ]

ความคิดเห็นที่ 2 เกือบทุกเรื่องแหละครับ ถ้าเป็นคอไซไฟชนิดฮาร์ดคอร์ แต่ที่แนะนำหลักๆก็ ซีรีย์ Foudation สถาบันสถาปนาทั้งหมด 10 เล่ม แนะนำ เล่ม 1-7 ซึ่งเป็นผลงานของอาซิมอฟเอง โดยเล่ม 6-7 จะเป็นการจับเหตุการณ์ก่อนเกิดเล่ม 1 ส่วนเล่ม 8-10 เป็นผลงานที่ถูกสร้างหลังจากอาซิมอฟเสียชีวิต โดยกลุ่มนักเขียนไซไฟรุ่นใหม่ที่ได้รับงานนี้จากกองมรดกของอาซิมอฟ ซึ่งโดยส่วนตัวแล้ว อ่านก็ได้ ไม่อ่านก็ได้ แล้วก็เรื่องชุดหุ่นยนต์ กับ จุดดับแห่งนิรันดร์ ซึ่งเป็นเสมือนจุดเริ่มต้นของทุกเรื่องในซีรีย์ทั้งหมดของอาซิมอฟ แนวนิยายของอาซิมอฟจะเดินเรื่องแบบโบราณนิดหน่อย แต่ถ้าชินแล้วก็จะสนุกครับ เน้นหลักทางวิทยาศาสตร์น้อยกว่างานของซีคลาร์ก แต่จะไปทางเรื่องของ การเมือง สังคม และแนวคิดเชิงอภิปรัชญามากกว่า จากคุณ : eagle1000 - [ 28 พ.ค. 52 03:57:18 ]

ความคิดเห็นที่ 3 Isac Asimov  เขียนหนังสือไว้หลายแนว    ทั้งวิชาการ  ขบขันล้อเลียน   แต่ที่มีชื่อเสียงมากเป็นที่รู้จักกันดีก็แนว SCI FI   และผลงานของ Isac Asimov ที่แปลเป็นภาษาไทยประเภทเรื่องสั้นจะจัดพิมพ์รวมอยู่กับหนังสือแนววิทย์ศาสตร์     ซึ่งขายได้ดีมากประมาณ 30 ปีที่ผ่านมา      ปัจจุบันหายากมากแล้วนอกจากบางเรื่องที่เอามาพิมพ์ใหม่ และขอแนะนำเรื่องยาวอีก 2 เรื่องที่ต้องอ่าน  คือ DESTINATION BRAIN บุกสมอง ISAAC ASIMOV พันธุ์  อรรณพ FANTASTIC VOYAGE ท่องทะเลเลือด ISAAC ASIMOV จารุวัฒน์ FANTASTIC VOYAGE สร้างเป็นหนังฉายเมื่อ 40 ปีที่ผ่านมา     เป็นหนังที่สร้างฉากภายในร่างกายของมนุษย์ได้ตระการตามากในยุคสมัยนั้น     DESTINATION BRAIN   เขียนขึ้นใหม่หลังจากที่ FANTASTIC VOYAGE ออกฉายแล้ว     เพราะเรื่องนี้เขียนขึ้นเพื่อเป็นบทหนัง     ISAAC ASIMOV จึงเขียนนิยายแนวนี้ขึ้นมาใหม่เห็นเป็นหนังสือแนวที่แกถนัด     และเป็นเรื่องที่เขียนขึ้นในยุคสงครามเย็น     เรือดำน้ำสุดอลังการณ์จึงเป็นของรัซเซีย     และด้วยงบประมาณที่ต้องประหยัดจนสุดขีดเรือดำน้ำสุดยอดเทคโนโลยี่จึงไม่มีเกียร์ถอยหลังเพราะผู้สร้างไม่คิดว่ามีความจำเป็น       แต่เมื่อเรือดำน้ำเลยเส้นเลือดที่เป็นทางแยกไปแล้วจึงไม่อาจถอยหลังกลับมาได้   เป็นปัญหาให้ลูกเรือต้องแก้ไขสถานะการณ์เพื่อชีวิต และเรื่องที่ไม่ควรพลาดเป็นอย่างยิ่ง    เป็นเรื่องสั้นอีก 2 เรื่อง Billiad Ball  และ The Last Question   ตัวอย่างเรื่อง The last question โดย Issac Asimov แปล สุชาย ธนวเสถียร คัดลอกจากหนังสือ HFA Science Fiction Series กาแลกซี3 โดยชุมนุมวิชาการ คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ฉบับพิมพ์ครั้งแรก มกราคม พ.ศ. 2515 ความเป็นมาของเรื่อง อาซิมอฟเขียนเรื่องนี้เมื่อปีค.ศ. 1956 เป็นเรื่องที่แหวกแนวมาก จับจุดเรื่องพระเจ้าสร้างโลกในศาสนาคริสต์มารวมกับปรัชญาทางวิทยาศาสตร์ได้อย่างพิสดาร เรื่องนี้เคยได้นำไปอ่านในศาสนพิธีที่โบสถ์แห่งหนึ่งในเมืองเบดฟอร์ด รัฐแมสซาจูเซททส์ >>>>>>>บรรพ์ 1<<<<<<< คำถามสุดท้ายถูกถามครั้งแรกในวันที่ 21 พฤษภาคม ค.ศ. 2061 ซึ่งเป็นระยะเริ่มแรกที่มนุษย์นำแสงอาทิตย์ มาใช้ประโยชน์อย่างเต็มที่ในวงกว้าง อเลกซานเดอร์ อเดล และ เบอรเทรม ลูพอปเป็นสองคนในจำนวนผู้ดูแลมัลติแวคเครื่องคอมพิวเตอร์ขนาดยักษ์ ซึ่งครอบคลุมพื้นที่นับตารางไมล์ มัลติแวคเป็นเครื่องคอมพิวเตอร์ที่สามารถปรับ และแก้ไขข้อผิดพลาดต่างๆได้ด้วยตัวของมันเอง มันต้องเป็นเช่นนั้นเพราะไม่มีมนุษย์หน้าไหนที่สามารถปรับ และแก้ไขข้อบกพร่องต่างๆได้เร็วเท่ากับตัวมัลติแวคเอง ดังนั้นหน้าที่ของอเดลและลูพอปจึงไม่ยากเย็นนัก เพราะเพียงแต่ทำหน้าที่ป้อนข้อมูลและป้อนคำถามต่างๆให้ตรงกับที่ต้องการ และตีความคำตอบที่มัลติแวคส่งออกมา เป็นเวลาสิบๆปีที่มัลติแวคช่วยออกแบบอากาศยาน และกำหนดทิศทางการเดินทางของยานอวกาศซึ่งทำให้มนุษย์สามารถไปถึง ดาวอังคาร ดาวพระศุกร์ และดาวพระเคราะห์อื่นๆ แต่หลังจากนั้น ทรัพยากรภายในโลกเริ่มร่อยหรอลง เพราะอัตราการใช้พลังงานของมนุษยชาติเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะการเดินทางไปในอวกาศไกลๆแต่ละครั้ง ต้องสิ้นเปลืองพลังงานจำนวนมหาศาลทีเดียว มนุษย์จึงเริ่มเพียรพยายามที่จะนำเอาแหล่งพลังที่ใหญ่ที่สุดในธรรมชาติ คือดวงอาทิตย์มาใช้ประโยชน์อย่างจริงจัง มัลติแวคเริ่มเรียนรู้อย่างช้าๆจนเพียงพอที่จะตอบปัญหาที่พื้นฐานยิ่งขึ้น ในวันที่ 14 พฤษภาคม ค.ศ.2061 สิ่งซึ่งครั้งหนึ่งเป็นเพียงทฤษฎีนั้นก็กลายเป็นความจริง พลังงานจากแสงอาทิตย์ถูกเก็บและเปลี่ยนเป็นพลังงาน ที่ใช้ประโยชน์ได้ในวงกว้างที่สุด ทั่วทั้งโลกหยุดใช้พลังงานจากแร่ยูเรเนียม, ถ่านหิน และหันไปใช้พลังงานจากแสงอาทิตย์แทนพลังงานนี้ถ่ายทอดมาจากสถานีเล็กๆ ที่มีเส้นผ่านศูนย์กลาง 1ไมล์ หมุนรอบโลก และห่างจากโลกเป็นระยะทางครึ่งหนึ่งของระยะทางถึงดวงจันทร์ ดังนั้นโลกจึงอยู่ในระหว่างเวลาแห่งความรุ่งโรจน์ ทั่วทุกแห่งหนมีการเฉลิมฉลอง อเดลและลูพอปได้หนีไปก๊งเหล้าในห้องใต้ดิน ซึ่งส่วนหนึ่งของมัลติแวคปรากฎอยู่ และอีกเรื่องที่พลาดไม่ได้เป็นเด็ดขาด  ถ้าสามารถหามาอ่านได้The Sensous Dirty Old Man ตัวอย่าง    บทที่ ๑ ความแก่เฒ่าเรียกหา เมื่อครั้งผมยังเป็นหนุ่ม     บางครั้งผมคิดว่าผมคงจะแก่เฒ่าเข้าวันหนึ่ง      แต่ผมไม่คาดหมายมากมายอะไรนัก      แต่ยิ่งนานวันเข้า      ผมยิ่งคิดมากขึ้นและตัดใจได้ว่าความแก่เฒ่าจะไม่มีทางมาถึงผมได้ สำหรับคนอื่น ๆ  นะหรืออาจเป็นไปได้    เช่นคนที่ชอบมีผมสีดอกเลา     หรือไม่ก็ล้านไปเลย ( หรือทั้งสองอย่าง )     ความแก่ชรามันก็มีประโยชน์ของมันอยู่เหมือนกัน     แต่สำหรับคนที่ฟุ้งซ่านอยู่กับข้อต่อตามร่างกายก็ยิ่งต้องมองเห็นความชราขวางหน้ามากขึ้นทุกที      สำหรับผมนะหรือถึงอย่างไรเสียครั้งหนึ่งเคยหนุ่มร่าเริง   แข็งแรง    และซ่า    ความชราจึงไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรสำหรับผมแม้แต่น้อย ผมตัดสินใจไว้นานแล้วว่าจะไม่แก่     คือได้ตัดสินใจแล้วว่าจะไม่ให้อายุถึง  40 เพื่อนผมคนหนึ่งถือคติตามนี้     เขาดำเนินชีวิตง่าย ๆ สบาย ๆ  และประพฤติปฏิบัติตัวอย่างตรงไปตรงมา     เขาตายเมื่ออายุ  36 ปี จากคุณ : Sv - [ 28 พ.ค. 52 09:49:43 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ขอบคุณสำหรับคำแนะนำนะคับ ขอถามอีกนิดว่า the foundation series นี่เป็นเรื่องเกี่ยวกับอะไรแล้วมันจบในเล่มรึเปล่าหรือว่าต้องอ่านทุกเล่มคับ จากคุณ : gooroo - [ 28 พ.ค. 52 14:55:36 A:125.24.123.169 X: ]

ความคิดเห็นที่ 5 ^ ^ จบในเล่ม แต่ควรอ่านทุกเล่ม (ที่อาซิมอฟเขียน) จากคุณ : Azure_Mile - [ 28 พ.ค. 52 16:04:50 ]

ความคิดเห็นที่ 6 จริงๆ อยากให้อ่านชุดหุ่นยนต์ก่อน แล้วค่อยต่อด้วยชุดสถาบันสถาปนา (foundation series) เพราะไม่งั้นคุณอาจจะไม่รู้ว่าการหักมุมชนิดอ้าปากค้างตกเก้าอี้เป็นยังไง แต่ปัญหาคือ ตอนนี้ชุดหุ่นยนต์ค่อนข้างหายาก ดังนั้น อ่านชุดสถาบันสถาปนาไปก่อนก็ได้ครับ จากคุณ : udom_su - [ 29 พ.ค. 52 07:09:22 ]

ความคิดเห็นที่ 7 ชุดหุ่นยนต์ มีเรื่องอะไรบ้างคะ...จะได้หามาอ่านบ้าง สถาบันสถาปนา น่าจะหาอ่านได้ง่ายกว่านะ เหมือนจะมีตีพิมพ์ใหม่ไม่กี่ปีมานี้เอง จากคุณ : นัทธ์ - [ 4 มิ.ย. 52 23:22:36 ]