PANTIP.COM : K7920598 ((( พี่เบิร์ด รักทุกคน ผู้คัดค้าน ทฤษฏี ID ของ ซิกมันด์ ฟรอย ))) [ปรัชญา]

ความคิดเห็นที่ 3

ขอตอบในฐานะที่เป็นทั้งแฟนคลับของพี่เบิร์ดแล้วก็บังเอิญพี่เขยเป็นเพื่อนร่วมชั้นเรียนกับพี่เบิร์ดนะคะ

พี่เบิร์ดเคยมีแฟนนะคะ และคนทั่วไปจะคิดอย่างไรก็ตาม ยังคงยืนยัน(ตามที่พี่เขยนั่งยันนอนยันมาตลอด) ว่าพี่เบิร์ดก็เป็นผู้ชายธรรมดาคนหนึ่งนี่แหละ ไม่ได้เป็นกระเทยที่ไหน แต่พี่เบิร์ดเป็นคนที่มีบุคลลิกขี้อ้อนแล้วก็รักแม่มาก แล้วก็เพื่อนผู้หญิงเยอะ ใครๆก็เลยมองว่าหน่อมแน้ม แถมยังชอบร้องชอบรำ เลยหนีไม่พ้น ถูกมองว่ากลายเป็นเกย์

พี่เขยเล่าให้ฟังว่าแฟนพี่เบิร์ดก็คือเพื่อนร่วมชั้นเรียนกันมานี่แหละ รักกันมาดีๆอยู่ จนเรียนจบ พี่เบิร์ดได้ทำงานที่ธนาคารกสิกรไทยในขณะที่แฟนพี่เบิร์ดก็ไปทำงานที่อื่น บ้านพี่เบิร์ดจนมาก ผู้หญิงคงรอไม่ไหวเลยหนีไปแต่งงานกับคนอื่น พี่เบิร์ดเลยอกหัก

เรื่องนี้เกิดขึ้นตั้งแต่ตอนที่พี่เบิร์ดยังทำงานธนาคาร ยังไม่ได้เข้าวงการ แต่ความที่พี่เบิร์ดเป็นศิลปินนะคะ ก็ค่อนข้างจะอ่อนไหว อกหักคราวนั้นแล้ว พี่เบิร์ดก็เลยไม่มีที่ว่างให้กับความรักอีก เพราะถ้าให้เลือกระหว่างการหาแฟนใหม่กับการทุ่มเทตัวเองให้กับงาน สร้างฐานะ สร้างความมั่นคงให้กับชีวิตและดูแลแม่ ดูแลพี่น้อง ดิฉันว่า ถ้าดิฉันเป็นพี่เบิร์ด ดิฉันก็คงเลือกอย่างที่พี่เบิร์ดเลือกเหมือนกัน

เพราะ เมื่อตอนที่เขาจน แฟนก็หนีหน้า แล้วเมื่อเขามีชื่อเสียง มีเงินทอง ใครจะทำให้เขาเชื่อได้ว่าคนๆนั้น รักเขาที่ตัวเขาจริงๆ? ไม่ใช่รักที่ชื่อเสียง เกียรติยศ เงินทอง ความร่ำรวยของเขา?

และประจวบกับว่า การเป็นคนมีชื่อเสียง มีคนรู้จัก ก็ทำให้ชีวิตของพี่เบิร์ดไม่มีความเป็นส่วนตัว ทุกฝีก้าวย่างของเขา มีแต่คนสนใจ ใคร่รู้ จนแม้กระทั่งทุกวันนี้ แล้วถ้าเขามีแฟนจริงๆ ผู้หญิงคนไหนที่จะทนอยู่กับเขาได้โดยไม่ไขว้เขว?

ถ้าเรามองกันให้ดีๆแล้ว จะเห็นว่ามีเหตุผลอยู่ 2-3 ประการที่ทำให้พี่เบิร์ดเลือกที่จะอยู่เป็นโสดอย่างที่เห็นอยู่นี้นะคะ

ข้อแรกเลย การที่จะทำให้คุณมีชื่อเสียง โด่งดังขึ้นมาเนี่ย ยังง่ายกว่าการรักษาชื่อเสียงนั้นไว้ให้ยาวนานนะคะ และการที่คุณจะรักษาระดับชือเสียงไว้ได้นั้น มันต้องการการทุ่มเทและเสียสละชีวิตส่วนตัวของคุณไปมากมาย มากเกินกว่าที่คนปกติทั่วไปจะรับไหว

บางท่านอาจจะบอกว่า ทำไมล่ะ ก็ทีดารา หรือนักร้องคนอื่นๆ ก็ไม่เห็นมีคนไหนเขาทำกันไม่ได้นี่ ก็เห็นแต่งงานกันถมไป อันนั้น ก็ถูกนะคะ แต่ถ้าเรามองดูให้ดีๆ มีซักกี่คู่คะ ที่อยู่รอดปลอดภัยมายาวนานและมีชื่อเสียงคงกระพันแบบพี่เบิร์ด?

อย่างหนึ่งที่ทำให้พี่เบิร์ดแตกต่างไปจากนักร้อง หรือดารา คนอื่นๆก็คือ คนอื่น อาจจะเป็น "สตาร์" แต่พี่เบิร์ดเป็น "ซูเปอร์สตาร์" ที่เจ้าตัวไม่ได้เป็นคนประกาศว่าตัวเองเป็น แต่เป็นพวกเราทั้งประเทศนี่แหละ พวกเราที่ไม่ว่าจะชอบหรือไม่ชอบก็ตาม ก็ต้องยอมรับว่าพี่เบิร์ดเป็นซูเปอร์สตาร์ และตรงนี้ เราดูกันได้ง่ายๆ เช่น มีดารา หรือนักร้อง กี่คน ที่ ไม่ว่าจะงานไหนๆ มันจะเกี่ยวกับงานบันเทิงหรือไม่ เรื่องอะไรก็ตาม ถ้านักข่าวต้องการความเห็นมาอ้างอิง คนหนึ่งที่จะต้องถูกถามเสมอ ก็คือพี่เบิร์ด

เพราะอะไร ถึงเป็นอย่างนั้น? ก็ง่ายๆเพราะว่าความเห็นของพี่เบิร์ด มีอิทธิพลต่อผู้รับฟัง รับชม และผู้อ่าน ดังนั้น ไม่ว่า ฝนจะตก แดดจะออก ถ้ามีเรื่องอะไร นักข่าวเป็นต้องแจ้นไปถาม

และก็เพราะเหตุว่าพี่เบิร์ดเป็นที่สนใจของผู้คนเช่นนี้นี่เอง ทำให้ตัวเขาเองไม่อาจจะมีชีวิตที่เป็นปกติอย่างพวกเราได้ ดังนั้น ชีวิตส่วนตัวของเขา ก็ย่อมกระทบตามไปด้วย ถ้าพี่เบิร์ดมีแฟน แต่งงาน เมียเขาคงไม่มีความสุขที่วันๆสามีต้องเป็นข่าวอยู่ตลอด อยากจะไปไหนๆกันตามลำพังบ้างก็คงไม่ได้ เพราะคงถูกรุมอยู่ตลอด ไปไหนๆก็คงมีแต่คนมาขอถ่ายรูป ขอลายเซ็นต์

ถ้าแฟนโกรธ แฟนงอน พี่เบิร์ดก็คงลำบากใจ เพราะนี่ก็แฟนเพลง นั่นก็แฟนตัวเอง ลงท้าย ก็คงง่อนแง่นพิลึก

พวกเราๆเอง ก็คงเห็นว่าคอนเสิร์ตแบบเบิร์ดเบิร์ดนั้น มันวุ่นวาย มากมายหลายรอบแค่ไหน กว่าจะออกมาได้แบบนั้น พี่เบิร์ดต้องซ้อมตั้งแต่เก้าโมงเช้ายันสามทุ่มทุกวัน ผู้หญิงคนไหนจะทนมีชีวิตอยู่บนกองเงินกองทองที่พี่เบิร์ดหามาให้โดยที่ตัวพี่เบิร์ดเอง วันๆไม่เคยได้อยู่ด้วย เพราะมัวแต่ไปซ้อมเต้น

ที่คุณเจ้าของกระทู้ถามว่า แล้วพี่เบิร์ดไม่เคยยุ่งกะใครนี่น่ะ เขาอยู่ได้หรือ ดิฉันไม่ใช่ตัวพี่เบิร์ด ก็คงจะพูดว่า "ได้" ไม่ได้นะคะ แต่จากที่เห็น ตารางชีวิตของพี่เบิร์ด เป็นแบบนี้ค่ะ

ถ้าไม่มีงาน หมายถึงไม่มีคอนเสิร์ต ไม่มีอัลบัม พี่เบิร์ดจะตื่นตีห้า ไปว่ายน้ำ ยกเวท กินข้าว ฟังพี่น้อยเล่าเรื่องสารพัดที่เกิดขึ้นในโลกให้ฟัง พัก หรือเข้าแกรมมี่ บ่ายสอง วิ่ง ออกกำลัง ซ้อมเต้น การวิ่งของพี่เบิร์ด ก็คือ เขาจะคำนวณว่า เพลง 1 เพลง ใช้เวลากี่นาที เวลาอยู่บนเวที ต้องร้องเพลงกี่เพลงต่อครั้ง พี่เบิร์ดก็จะร้องเพลงไปด้วย เต้นไปด้วย (หรือวิ่งไปด้วย) ตามจำนวนนาทีที่ต้องทำเวลาอยู่บนเวที เป็นเวลา 3 ชั่วโมงครึ่ง ทุกวัน

คุณว่า ถ้าคุณออกกำลังขนาดนี้ทุกวัน ความเครียดทางเพศ จะยังมีเหลือให้คุณเครียดอยู่อีกมั้ยคะ

ป.ล แก้ไขเพิ่มเติมสะกดผิดค่ะ
แก้ไขเมื่อ 31 พ.ค. 52 01:59:55

จากคุณ : น้องแมวดอย - [ 30 พ.ค. 52 23:35:33 ]

ความคิดเห็นที่ 6

คำถามคุณ vencentlenon น่าสนใจ...

สำหรับดิฉันเอง ถ้าถามว่าแล้วมีใครรักพี่เบิร์ดบ้าง อันนี้ตอบไม่ยาก เพราะคนรักพี่เบิร์ดกันเยอะแยะ แต่ว่ารักแบบไหน อันนั้นต่างหากที่คงแตกต่างกันออกไปแล้วแต่ความคิดและการตีความว่าความรักคืออะไร

ถ้าให้ตอบแทนแฟนคลับ ดิฉันคิดว่า ส่วนใหญ่แฟนคลับ รักพี่เบิร์ดแบบเดียวกับที่รักคนในครอบครัว แล้วก็รักแบบที่เด็กๆรักตุ๊กตา เป็นสิ่งที่มีคุณค่าทางจิตใจ เป็นสิ่งที่ให้กำลังใจ

อย่างหนึ่งที่น่าสนใจคือ ในขณะที่มีคนรักพี่เบิร์ดกันเยอะแยะ ก็มีคนอีกจำนวนไม่น้อยที่ไม่ชอบพี่เบิร์ด มีทั้งเกลียดเอาทีเดียว กับ ไม่ชอบ ไม่ชัง เฉยๆ กับอีกบางคนก็หมั่นใส้ คนที่เกลียด หรือหมั่นใส้ มักจะมีเหตุผลคล้ายๆกันว่า ดูพี่เบิร์ดเฟค สร้างภาพ

ซึ่งในฐานะที่ดิฉันเป็นแฟนคลับพี่เบิร์ด ดิฉันไม่แปลกใจและเข้าใจคนที่เกลียดหรือหมั่นใส้ เพราะพี่เบิร์ดมีบุคลิกและลักษณะบางอย่างที่คนบางกลุ่มจะไม่มีวันเข้าใจได้เลย และลักษณะที่ว่านี้คือ พี่เบิร์ดเป็นคนที่มีเมตตาจิตสูง เป็นคนที่คิดบวกได้มากมายอย่างไม่น่าเชื่อ ซึ่งตรงนี้ ถ้าคนไหนมองเป็นบวก ก็จะบอกว่า เออ ดีเนาะ อารมณ์ดี คนไหนมองทางลบ ก็จะบอกว่า อะไรมันจะอารมณ์ดีกันอยู่ได้ 24 ชั่วโมง

ดิฉันเห็นบางกระทู้พูดถึงความร่าเริงที่เหมือนเกินเหตุของพี่เบิร์ดแล้วก็ค่อนข้างจะเข้าใจ เพราะสังคมเมืองของเราทุกวันนี้ มันหารอยยิ้มและเสียงหัวเราะกันได้ยากเต็มทีแล้ว ทุกหนทุกแห่งมีแต่ความรุนแรง แล้วใครมันจะไปมีความสุขอยู่ได้ตลอด พอมาเห็น มาได้ยินพี่เบิร์ดหัวเราะร่าเริง ก็ย่อมหมั่นใส้เป็นธรรมดา และเมื่อหมั่นใส้แล้วคราวนี้ก็ต้องมีรายการกระแนะกระแหนตามมาเป็นเรื่องปกติ อย่างน้อยได้ค่อนแคะแล้วก็อารมณ์ดีขึ้น

ประโยคหนึ่งที่เป็นที่ค่อนแคะกันทั่วไปก็นี่เลย ประโยคอมตะ ... เบิร์ดรักทุกคน... หลายคนฟังแล้วก็ยิ้ม ยิ้มไป คิดไปต่างๆกัน เหล่าแฟนคลับส่วนใหญ่เข้าใจว่าความหมายของพี่เบิร์ดคืออะไร เวลาที่พี่เบิร์ดเขาบอกว่าเขารักทุกคน พี่เบิร์ดเขาหมายความตามนั้นจริงๆค่ะ แต่ "รัก" ในความหมายของพี่เบิร์ดนั้น เขาหมายถึง "ความจริงใจที่มีให้กัน เมตตาธรรมที่มีให้กันฉันท์เพื่อนมนุษย์ร่วมโลก ที่ไม่พึงบังควรเบียดเบียนตัวเองและผู้อื่น"

พี่เบิร์ดตีความหมายของคำว่ารักไปตามความคิดของตัวเขาเองและพยายามที่จะเผื่อแผ่ความรักนั้นให้กับคนอื่น ซึ่งตรงนี้ เราๆท่านๆ ถ้าไม่ศึกษาชีวิตของเขาจริงๆ อาจจะเข้าใจยากหรือมีความรู้สึกว่ามันไม่จริงใจ แต่หากใครได้รู้จักชีวิตจริงๆของพี่เบิร์ด จะเข้าใจดีว่า พี่เบิร์ดนั้น จริงๆแล้วมีชีวิตที่น่าสงสารมากในแง่มุมของเรื่องความรักและความมีอิสระในชีวิต

พี่เบิร์ดต่างจากพวกเราตรงที่ พวกเราคนธรรมดา เรามีชีวิตเป็นของเราเอง และตัวเราเป็นเจ้าของชีวิตตัวเอง เราจะทำอะไรก็ทำได้ เราทุกคนต่างมีอิสระในการดำเนินชีวิต มีอิสระในการที่จะพูด จะทำ จะไปไหนๆ ไม่มีใครมาคอยนั่งจ้องมองและเอาทุกอย่าง ทุกฝีก้าว ทุกคำพูด ทุกปฏิกิริยาของเราไปเป็นข่าว ไปตีความ เอาไปตั้งกระทู้

เราเคยชินกับสิ่งที่ว่ามานี้จนเราไม่สามารถจะเข้าใจได้ว่าคนที่ไม่สามารถจะทำอย่างเราได้นี้ เขาจะมีความรู้สึกอย่างไร

คุณจะรู้สึกอย่างไร เมื่อคุณมีเงินทองมากมาย แต่คุณไม่สามารถจะไปเดินพารากอน หรือแม้แต่เซเว่นปากซอยหน้าบ้านคุณ? คุณก็ไม่ได้ต่างไปจากนักโทษที่อยู่ในคุกซักเท่าไหร่ เพียงแต่คุกของนักโทษไม่สวย แต่คุกของพี่เบิร์ดเป็นบ้านหลังเบ้อเร่อ กับความรักมากมายท่วมท้นที่มาทุกสารทิศพร้อมๆกับความคาดหวังในตัวเขาเอง

พี่เบิร์ด ก็เป็น "นก" สมชื่อเขานั่นแหละค่ะ เขาเป็นนก กระพือปีกสูงลิบอยู่บนท้องฟ้ากว้างแต่ไปไหนไม่ได้ ถลาลงดินก็ไม่ได้ เพราะเขาเป็นนกที่ถูกขังไว้ด้วยกรงแห่งความรักที่มองไม่เห็นของแฟนเพลง กรงที่เขาไม่มีทางหนีไปไหนได้ แถมยังมีมงกุฎหนามของคำว่า "ซูเปอร์สตาร์" คอยค้ำคอเขาไว้ไม่ให้ดิ้นรนทำตัวนอกรีตนอกรอยของคำๆนั้น

คุณลองคิดดูว่า ถ้าคุณเป็นแบบนั้น คุณจะมีชีวิตอยู่ได้อย่างไร ถ้าหากว่าคุณไม่มีสิ่งใดไว้ยึดเหนี่ยวจิตใจ? พีเบิร์ดเคยพูดว่า ถ้าถามว่าคำว่าเหงาเป็นอย่างไร เขาบอกว่าเขาสะกดได้ชัดมากกว่าใคร แต่เขามีแม่คอยเป็นที่พึ่งทางใจให้ มีพระธรรมคำสอนของพระพุทธองค์คอยเป็นที่ยึดเหนี่ยวให้มีสติในการดำเนินชีวิต เขาจึงเปลี่ยนความเหงา ความว้าเหว่นั้นให้เป็นพลังในการใช้ชีวิต เขาจึงเป็นคนที่มองโลกอย่างเข้าใจและมองในแง่ดี เพราะการคิดในแง่ดีเท่านั้นที่ทำให้เขาไม่ทุกข์

ถ้าเราจะหาเหตุผลมาสนับสนุนว่าทำไมเราควรมีทุกข์ พีเบิร์ดมีเหตุผลมากมายที่จะทำตัวให้เป็นทุกข์ แต่ถามว่า เป็นทุกข์แล้วได้อะไร ทุกข์แล้วความทุกข์นั้นหายไปหรือไม่ มันก็ไม่ได้หายไปไหนนี่คะ ทุกข์แล้ว พี่เบิร์ดก็ยังคงออกจากบ้านไปเดินปากซอยไม่ได้ ยังคงไปเดินพารากอนไม่ได้อีกอยู่ดี แล้วจะทุกข์ไปทำไม นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมพี่เบิร์ดจึงเป็นคนที่มองโลกในแง่ดีนัก และนี่คือเหตุผลว่าทำไมพี่เบิร์ดจึงดูเหมือนไม่ทุกข์ไม่ร้อนกับอะไร

หลายคนที่ปกติแล้วเฉยๆ และไม่เคยเจอตัวจริงพี่เบิร์ด แต่ถ้าวันหนึ่งได้เจอตัวจริง ร้อยทั้งร้อย จะเปลี่ยนความคิดตัวเอง จากที่เฉยๆ ส่วนใหญ่จะกลายเป็นชอบ ชื่นชม และมีมากที่กลายเป็นแฟนเพลง

ที่เป็นแบบนี้เพราะพี่เบิร์ดเป็นคนที่มีพลังทางบวกอยู่ในตัวเยอะมากและคนที่เจอตัวจริงจะรับรู้ได้เอง ถ้าคุณสังเกตุจะเห็นว่ามีหลายๆคน รวมทั้งถ้าอ่านจากบทสัมภาษณ์ของดารานักร้องส่วนใหญ่ที่เคยรู้จักเจอตัวจริงพี่เบิร์ด เขาจะพูดกันว่าเขาได้กำลังใจจากพี่เบิร์ดเยอะมาก ซึ่งพลังนี้มันเป็นพลังบวก คนที่ติดตามข่าวคราวหรือใกล้ชิดพี่เบิร์ด รับฟัง รับรู้ข่าวสารจากพี่เบิร์ด ก็มักจะกลายเป็นคนคิดบวกไปโดยอัตโนมัติ

และมันก็เป็นไปตามกฎธรรมชาติที่ว่า คนกลุ่มเดียว สื่อสารไปทางเดียวกัน ในที่สุดก็มักจะไปรวมๆกัน และท่ามกลางสังคมสมัยนี้ที่ความรุนแรงเหมือนกับจะเป็นของธรรมดาไปเสียแล้ว ดิฉันไม่แปลกใจที่มักจะเห็นความเห็นที่พูดถึงพี่เบิร์ดในแง่ลบค่อนข้างรุนแรง เพราะไฟ เมื่อรู้ว่านั่นคือน้ำ ก็มักจะต้องพยายามโหมกระพือความรุนแรงของตัวเองเพื่อเอาชนะความเย็นของน้ำให้ได้ หาไม่เช่นนั้นแล้วตัวเองก็ย่อมต้องสลายกลายเป็นเถ้าและไหลไปตามสายน้ำจนได้

แต่ไม่ว่าอะไร หรือใคร จะไปทางไหน และใครจะมองว่าพี่เบิร์ดเฟค หรือไม่เฟค หรือพี่เบิร์ดจะเป็นอะไร จะเป็นเพศไหน หรือจะเป็นคนสร้างภาพหรือไม่ สำหรับดิฉันแล้ว ดิฉันก็เป็นคนหนึ่งล่ะค่ะที่ได้รับอานิสงฆ์ของการคิดบวก และ "เบิร์ดรักทุกคน" มาเป็นธงนำชีวิตตัวเองให้หัดคิดบวกและมองผู้อื่นอย่างให้เกียรติและจริงใจ รวมทั้งหัดปล่อยวางและยอมรับความต่าง ทั้งหมดที่ว่ามานี่ มาจาก ธงไชย แมคอินไตย์ ทั้งนั้นเลยค่ะ
แก้ไขเมื่อ 31 พ.ค. 52 14:28:28

จากคุณ : น้องแมวดอย - [ 31 พ.ค. 52 14:25:41 ]