ความคิดเห็นที่ 1 อย่าไปซื้อตู้แบบนั้นเลยค่ะ   ไม่เหมาะกับการเก็บหนังสือ   เหมาะวางของน้ำหนักเบาๆมากกว่า     เราเก็บตู้เก็บหนังสือโดยเฉพาะ  เป็นตู้เก่าที่บ้านไม้เนื้อแข็ง     หรือไม่ก็หาซื้อตู้หนังสือไปเลยดีกว่าซื้อแบบนั้นแล้วต้องมาเปลี่ยนอีก   ไม่คุ้มกัน    ตู้เราเก็บหนังสือได้   300    กว่าเล่ม   เฉพาะชั้นบนบางส่วน    ถ้ารวมชั้นล่างก็น่าจะได้   อีก  300  เล่ม   ไม่มีปัญหาเรื่องน้ำหนัก    ตู้เดี๋ยวนี้ใช้ไม้เนื้ออ่อนมาอัดเป็นไม้แผ่นไม่แข็งแรงเหมือนตู้สมัยก่อนหรอก จากคุณ : สร้อยสยาม - [ 31 พ.ค. 52 11:02:32 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ตู้หนังสือราคาประมาณ ๘๐๐ - ๑,๐๐๐ บาท  ที่เราต้องมาประกอบเองที่บ้าน น่าจะใช้วางหนังสือที่น้ำหนักรวมกันไม่มาก  เช่นการ์ตูน  พจนานุกรมสองสามเล่ม ตู้หนังสือที่ทำเป็นช่องๆ มีบานเลื่อนแผ่นโตๆก็น่าใช้   ปัญหาก็คือว่านานไปประมาณ ๕ ปี  น้ำหนักของบานเลื่อนกระจกจะกดลงที่ราง ทำให้เปิดยาก     อีกเรื่องหนึ่งคือตัวหมุดที่รับน้ำหนักจะกระเด็นหลุดได้ง่าย   เมื่อจะไปตามหาซื้อก็เท่ากับสร้างสงครามระหว่างประเทศ ขอแนะนำให้พาสหายที่สนทนาแคล่วคล่องไปด้วย  เพราะนักอ่านนักสะสมอย่างพวกเรานั้นย่อมเป็นสุภาพชน  อาจไม่สามารถสื่อสารกับพนักงานขายได้อย่างมีประสิทธิภาพสมความตั้งใจของเรา อีกประการหนึ่งคือตู้แบบนี้ไม่มีหลังตู้  เพราะใช้ผนังบ้านเป็นหลังตู้ไปในตัว   มีความชื้น  สีของหนังสือเมื่อเกาะผนังก็จะออกคราบเหลือง ถ้าเป็นไปได้  ไปสั่งทำแถวบางโพ  ใช้ไม้เนื้อแข็งก็พอ   ประตูกระจก  ใช้กระจกอย่างแพงหน่อยเพราะจะคุ้มค่า   กุญแจไม่ต้องมีให้เปลืองสตางค์เพราะเราต้องเปิดตู้อยู่บ่อยๆ ถ้าบ้านสูง  ตู้หนังสือควรแบ่งเป็นสองส่วนเพื่อสดวกในการขนย้ายคือส่วนบนประตูเป็นกระจก ส่วนล่างประตูทึบ อย่าสั่งตู้ที่ยาวเหยียดเป็นชิ้นเดียวเป็นอันขาด  หนัก  ย้ายที่ไม่ได้ วางแผนสั่งตู้เพิ่มเติมไว้ด้วย  เพราะพอจัดหนังสือลงตู้ก็คงจะออกไปซื้อหนังสือใหม่มาทันที อย่าซื้อตู้เหล็กเพราะไม่งาม   นักอ่านนักสะสมย่อมมีความงามในจิตใจเสมอ เก็บหนังสือในถุงพลาสติคใสที่มีกาวในตัว   ถุงซิบแบคก็ดีถ้าทรัพย์หนา  ใส่ลงในกล่องพลาสติค ที่มีล้อเข็น   อย่าเลือกกล่องที่หนาเกินไป  น้ำหนักของหนังสือจะทำให้กล่องไม่ทน   ซ้อนกล่องได้หลายชั้น ใส่เม็ดพริกไทยลงในซองหนังสือแต่ละเล่ม ถ้ามีตู้ใส่กล่องดูดความชื้นด้วย   ศัตรูของหนังสือคือ เพื่อนของคุณ แสงสว่างและความชื้น จากคุณ : แสนอักษร - [ 31 พ.ค. 52 11:26:04 ]

ความคิดเห็นที่ 3 สองเดือนมานี้   มีกรุหนังสือเก่าหายากหลุดมาประมาณสี่ครั้ง  หนังสืออยู่ในสภาพดีเลิศ พิจารณาลายเซ็นดูแล้ว ท่านหนึ่งเป็นคุณพระในกรมมหาดเล็ก   ท่านลวดลายพอตัว คือเซ็นชื่อไว้ในหลายหน้า  ป้องกันคนยืมแล้วไม่ยอมคืน ผลก็คือว่า  ไม่มีใครยืมเลย คุณพระเองก็ไม่อ่าน   หนังสือของท่านจึงสภาพดีอย่างประหลาด  สันไม่เยิน ขอบกระดาษไม่หลุด   หน้ากระดาษเรียบเนียน สหายแจ้งว่าท่านเก็บไว้ในตู้ทึบ อีกรายหนึ่งมาจากบ้านท่านผู้คงแก่เรียนชาวจีน  เสียชีวิตเมื่ออายุ ๙๓ ธิดาต้องย้ายไปต่างประเทศ  จึงขายเฟอร์นิเจอร์ฝีมือช่างเซี่ยงไฮ้ไปก่อน  แล้วขายหนังสือ เก็บหนังสือภาษาไทยไว้ได้มาก อีกรายหนึ่งเป็นข้าราชการระดับอธิบดีในกรมที่เกี่ยวกับหนังสือ(เจ้าของร้านปิดข่าว) แต่หนังสือหลายเล่มมีลายเซ็น   เป็นหนังสือที่เกี่ยวกับประวัติศาสตร์และวรรณคดีทั้งสิ้น เปิดกล่องออกมา  อยากได้ทุกเล่ม(จึงไปสืบราชการมาว่าใครหนอเป็นเจ้าของ) ญาติเทขายเข้าคลองถมไปหลายสิบกล่อง ร้านหนังสือเก่ากวาดมาหนึ่งคันรถหกล้อ หนังสือเป็นของมีค่า  นานไปจะมีคุณทุกประการ จากคุณ : แสนอักษร - [ 31 พ.ค. 52 11:47:06 ]

ความคิดเห็นที่ 4 เคยเห็นที่ร้านหนังสือ เค้าจะซื้อไม้มาเลื่อย มาประกอบเองน่ะค่ะ ส่วนตัวไม้ ก็คงต้องใช้ไม้เนื้อแข็งอย่างที่คุณแสนอักษรบอกล่ะค่ะ จากคุณ : อยากได้ตู้ โฮกก (kapmajang) - [ 31 พ.ค. 52 11:59:38 ]

ความคิดเห็นที่ 5 ถ้าใครเห็นห้องหนังสือของซือเจ๊แสนอักษรแล้วจะตกใจว่าจำนวนหนังสือเผลอๆมันจะมากกว่าห้องสมุดสาธารณะใหญ่ๆบางแห่งเสียอีก แล้วซือเจ๊ก็คุยด้วยความภาคภูมิใจว่าเมื่อเธอเท่งทึงไปแล้ว ผู้คน (พวกเซียนสะสมหนังสือเก่า) เป็นจำนวนมากก็จะต้องมารุมทึ้งแย่งหนังสือเก่าๆของเธอ   แต่ถ้าซือเจ๊มาเห็นจำนวนหนังสือที่เรามีบ้าง เธอจะตกใจยิ่งกว่านั้นอีก เพราะว่าบางทีในอนาคตอันใกล้ๆนี้ เราอาจมีหนังสือมากกว่าเธอ แต่เรากลับไม่มีตู้หนังสือเลยสักใบเดียว นั่นก็เพราะว่า เราอ่านแต่ ebooks... โครงการสะสม ebooks เกิดขึ้นเมื่อเราย้อนคิดถึงสมัยอยู่ต่างแดน ตอนที่ต้องย้ายถิ่นฐาน บางทีต้องถึงกับย้ายประเทศอย่างกระทันหัน เช่นสมัยไปมีเรื่องกับมาเฟียเจ้าถิ่น...555+++...มันทำให้เราต้องทิ้งหนังสืออันมีค่าไปหลายร้อยเล่มด้วยกัน และเมื่อ 7-8 ปีที่แล้ว หนังสืออันมีค่าของเราอีกหลายเล่มก็โดนทั้งปลวกทั้งเชื้อราเล่นงานจนหมดสภาพไป เราจึงไปซื้อ scanner ความเร็วสูง (scan หนังสือ 300 หน้าใช้เวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมง) มา กะจะฉีกหนังสือที่มี แล้ว scan มันเก็บไว้บนแผ่น DVD's หลายๆแผ่น ชุดหนึ่ง และอีกชุดหนึ่งส่ง files ไปเก็บไว้บนพื้นที่เก็บแบบ online แต่เผอิญเราฝึกวิธีการใช้ google จนเก่งกว่าเดิมหลายเท่า จนทำให้เราหาหนังสือเล่มที่กำลังจะโดนฉีก ได้เกือบหมด เมื่อหาของฟรีได้ เราก็เลย download มาเก็บไว้ (ไม่ต้องฉีกหนังสือเราตั้งหลายร้อยเล่มแน่ะ)  ส่วนเล่มที่หาไม่ได้จริงๆ เพราะมันหายากมากๆ จากหนังสือ 200-300 เล่มที่เราต้องการฉีกแล้ว scan เก็บนั้น เราหาของฟรี online ไม่ได้จริงๆ แค่ 10 กว่าเล่มเอง  เผอิญาเราอ่านหนังสือภาษาอังกฤษเสียเป็นส่วนใหญ่มันก็เลยหาของฟรีได้ง่ายกว่าหนังสือภาษาไทย ก่อนที่ซือเจ๊แสนอักษรจะจากโลกนี้ไป จำนวน ebooks ของเราอาจขยายพันธ์ออกมามากถึงหลายพันเล่ม และบางเล่ม มันเก่านับร้อยๆปีไม่แพ้หนังสือของซือเจ๊ และถึงแม้ว่ามันจะอยู่ในรูปแบบของ ebooks ก็ตาม แต่หนังสือของซือเจ๊ที่คุยว่ามีค่ามากมายนัก แต่ถ้ามันโดนปลวกแทะ หรือหน้าเหลือง หรือโดนเชื้อราเล่นงานไป จนขาดกะรุ่งกะริ่งเรียบร้อยโรงเรียนจีนไปแล้ว มันก็กลายเป็นว่า ebooks ของเราอาจราคาแพงขึ้นมาได้ "ใช่ตอนนี้ใครๆก็เล่นหนังสือเก่าเป็นเล่มๆกัน ซื้อขายกันแพงๆ" แต่อนาคต เราเชื่อว่า "จะต้องมีคนเล่นหนังสือเก่า เป็น ebooks กัน และซื้อขายกันแพงๆด้วยเช่นกัน" จากคุณ : fortuneteller - [ 31 พ.ค. 52 19:18:35 ]

ความคิดเห็นที่ 6 อยากเปิดกระทู้ใหม่ให้คุณแสนอักษร กับคุณ fortuneteller มาดีเบทกันไปเลยว่า หนังสือเล่มกับ ebooks นั้น อะไรจะดีกว่ากัน คารมแบบนี้ อ่านสนุกดีค่ะ ชอบ จากคุณ : papa mama love u - [ 31 พ.ค. 52 21:46:10 ]

ความคิดเห็นที่ 7 ^ ^ การอ่านหนังสือบนจอคอมพิวเตอร์ไม่เสียสายตาอย่างที่หลายๆคนคิดหรอกหรอก เรากลับคิดว่าอ่านหนังสือธรรมดาๆเป็นเล่มๆนะ ตัวหนังสือดำๆตัดกับกระดาษขาวๆสิ แสบๆตาไงบอกไม่ถูก เวลาพยายามอ่านระหว่างบรรทัด แล้วยิ่งเปิดไฟอ่านกลางคืน ไฟก็ยิ่งแยงตา แถมต้องก้มๆเงยๆ หรือไม่ก็ต้องหาอะไรมาตั้งหนังสือ ถ้าไม่อยากถือหนังสือเมื่อยมือ หรือต้องคอยหาอะไรมาคั่นหน้า   แต่อ่าน ebooks จากจอ lcd สบายตา (เราเอา netbook ต่อกับจอ lcd ใหญ่ๆ)  ไม่ต้องมางมหาข้อความระหว่างบรรทัด หน้ามองตรงดูจอใหญ่ๆ ใหญ่กว่าหนังสือตั้งหลายเท่า   ถ้าจะอ่านแบบ luxuriously จริงๆ ละก้อเอา Formica บุผนังห้องในบ้านทุกผนังไปเลย  แล้วเอา projector ต่อเข้ากับ netbook หรือ notebook แนะนำให้ใช้ netbook หรือnotebook และทำผนัง Formica ทุกผนังนะ จะได้ย้ายไปอ่านห้องไหนในบ้านก็ได้ง่ายๆ  ฉายหนังสือ ไปที่กำแพง แบบดูหนังโรงใหญ่ไปเลย มันดี...555+++... แล้วยิ่งอ่านหนังสือภาษาอังกฤษนะ ebooks อ่านง่ายกว่า เพราะบน netbook เรามี dictionaries ตั้งหลายชุด เป็น software ติดตั้งไว้ ติดศัพท์ตัวไหนก็เคาะเปรี้ยงเดียวหาเจอ ยิ่งถ้าที่บ้านใช้ wireless router นะ ไปต่อเน็ตที่จุดไหนในบ้าน ก็หาศัพท์จาก online dictionaries ช่วย หรือหาข้อมูลจาก google ช่วยด้วยอีกก็ยังได้ debate กันเรอะ? เราแพ้ตั้งแต่อยู่ในมุ้งแล้ว เพราะเราโดนรุมแหงๆเลยอ้ะ คือว่าแฟนเราก็เป็นอีกคนหนึ่งที่รักหนังสือเป็นเล่มๆ เราเคยล้อเธอเล่นๆว่า "ที่รักหนังสือเล่มใหม่นี้ที่ที่รักเพิ่งซื้อน่ะ รูปภาพสวยจริงๆเลยหละ ขอฉีกแล้ว scan จะได้หรือเปล่า? จะได้ upload ให้คนอื่นเขาอ่านกันมั่ง" เธอตอบว่า "อยากตายใช่ไหม?" โหมันน่ากลัวนะ ไอ้การไปฉีกหนังสือของคนที่รักหนังสือน่ะ หนังสือที่เราฉีกแล้ว scan น่ะ บางเล่ม เราจะแบ่งให้แฟนเราอ่านนะ เราให้ file เธอๆ ไม่เอา แต่เธอเอาหนังสือที่เราฉีก ไปซ่อมกลับเป็นเล่มใหม่ แล้วจึงอ่าน แล้วยิ่งตอนนี้นะ ซือเจ๊แสนอักษรเอ็นดูแฟนเรา (ซึ่งทำคะแนนแซงหน้า ในเรื่องความน่ารัก) มากกว่าเราหลายๆเท่าไปเสียแล้ว....ดังนั้น...ทั้ง 2 คนซึ่งเป็นผู้เกลียดการฉีกหนังสือเป็นอย่างมาก จะต้องรุมจวกเราเละใน debate อย่างแน่นอนน่ะ...555+++... แก้ไขเมื่อ 31 พ.ค. 52 23:04:39 แก้ไขเมื่อ 31 พ.ค. 52 22:56:42 แก้ไขเมื่อ 31 พ.ค. 52 22:52:21 จากคุณ : fortuneteller - [ 31 พ.ค. 52 22:48:09 ]

ความคิดเห็นที่ 8 แหม เมื่อไหร่คุณแสนจะมาเขียนต่อนะ อยากจะบอกว่า ส่วนตัวแล้วก็ชอบหนังสือเล่มมากกว่า คุณ เอ๊ย อีบุ๊ค ขอโทษทีค่ะ บังเอิญเป็นคนเรียบร้อย พูดอีแล้วจะเขิน 555 รู้สึกมันได้ฟิลดี เพราะชอบอ่านหนังสือที่ชิงช้าใต้ต้นไม้ที่หน้าบ้านค่ะ อ่านไป จิบกาแฟไป ช่างสุนทรีย์จริง ๆ ค่ะ ว่าแต่ว่าคุณแสนคะ คุณ fortuneteller นี่ อยู่ในแกงค์ที่คุณแสนบอกว่า "เพื่อนแสน แสบทุกคน" หรือเปล่าคะ อิอิ จากคุณ : papa mama love u - [ 1 มิ.ย. 52 00:49:54 ]

ความคิดเห็นที่ 9 เมื่อสมัยเด็ก ๆ ซื้อตู้หนังสือจากร้านมาหนึ่งใบด้านบนเป็นบานเลื่อนกระจก ด้านล่างเป็นบานทึบ วันหนึ่งกำลังนั่งเช็ดหนังสือ ชื่นชมอยู่หน้าตู้ เจ้ากระจกบานหนึ่งหล่นลงมาฟาดหน้าทำเอาแว่นเวิ่นกระเด็น ปากฉีกเย็บไป 8 เข็ม อดกินน้ำพริกไปเสียเป็นเดือน ปัจจุบันไม่ซื้อตู้หนังสืออีกเลยเพราะ หนึ่ง ตู้แต่ละใบราคาแพงมากเอาเงินไปซื้อหนังสือดีกว่า สอง บ้านช่องที่อาศัยอยู่นี้แทบจะไม่มีพื้นที่เหลือให้คนอาศัยแล้ว ถ้าขืนเอาตู้มาใส่อีกอาจจะทำให้คนที่ร่วมอาศัยอัญเชิญออกให้ไปอยู่บ้านอื่น และ สาม ซื้อตู้เท่าไหร่ก็ใส่ไม่พอ ตอนนี้ต้องทำชั้นโครงเหล็กฉาก กว้างxสูงประมาณ สองเมตร ซอยเป็น 5 ชั้นย่อยปูด้วยไม้อัดขนาด 12-20 มิล เอาไปแอบวางไว้ในอพาร์ทเม้นท์ที่ไม่เปิดเผยแทน จากคุณ : supit_p (supit_p) - [ 1 มิ.ย. 52 04:14:23 ]

ความคิดเห็นที่ 10 วิธีเก็บหนังสือที่เห็นมา เพื่อนคนหนึ่งเช่าตู้นิรภัยในธนาคารสาขาที่ภรรยาไม่ทราบค่ะ  ไม่เคยใบ้เลยว่าเพื่อนคนนี้เป็นใคร   แต่ท่านผู้อาวุโสชอบใจกันมากเจอกันในงานหนังสือก็หยอกกันเฮฮา นักสะสมรายหนึ่งปลูกบ้านกลางน้ำ  เอาไว้โชว์หนังสือ   นักสะสมอีกรายหนึ่งเป็นเจ้าของร้านขายรถราคาแพง  เก็บหนังสือบรมแพงไว้ใต้โต๊ะทำงาน ในกล่องกระดาษ เพื่อนอีกคนหนึ่งเก็บหนังสือใส่กล่องอาลูมิเนียมที่รองด้วยฟองน้ำบางๆ  ซ่อนไว้ที่พื้นตู้เสื้อผ้าในบ้านของบิดามารดา   หนึ่งเล่มต่อหนึ่งกล่อง เจ้าของร้านขายหนังสือเก่าหลายคนเป็น ศิลปิน ค่ะ  คือเอะอะเป็นไม่ขาย   ถามราคาเป็นไม่ขาย อือ...ไม่ขายก็ไม่ขาย   ขอดูนิดเดียวก็ได้ สังเกตได้ง่ายค่ะ   เพราะพวกเขาจะเล่าเรื่องหนังสืออย่างกระซิบกระซาบ   ดวงตาแจ่มใสเป็นประกาย  แต่ละคนก็กลายร่างเป็นพระเอกในเรื่องต่างๆกันขึ้นมาทันที  และประวัติความเป็นมาก็จะพรูพรั่งออกมา เรื่องราวของหนังสือโบราณหายากเป็นเรื่องมีเสน่ห์ ตื่นเต้น  หักเหลี่ยมเสือ ผจญภัย   สืบสวนสอบสวน รักโรแมนติค(เมื่อเราได้หนังสือมาแล้ว) สยองขวัญ(เมื่อได้ยินราคาที่แลกเปลี่ยน) แก้ไขเมื่อ 01 มิ.ย. 52 05:25:53 จากคุณ : แสนอักษร - [ 1 มิ.ย. 52 05:19:32 ]

ความคิดเห็นที่ 11 สวัสดีค่ะคุณ สุพิศ อิฉันกำลังลอก บาญชีหนังสือไทยเรื่องต่างๆ ในหอพระสมุดวชิรญาณ พิมพ์ตามคำสั่งกรรมสัมปาทิกสภา  ปีจุลศักราช ๑๒๔๘ ๘๒ หน้า  ราคาบาทหนึ่ง(แพงมหาศาล) หาหนังสือของคุณเชียดน่ะค่ะ มอบ เจริญเกศากิจให้คุณ ท่าช้าง  ไปแล้ว   ท่านว่าท่านได้ยินอยู่แว่ว ๆ จากคุณ : แสนอักษร - [ 1 มิ.ย. 52 05:35:51 ]

ความคิดเห็นที่ 12 คงต้องหาตู้ไม้ที่เป็นไม้จริงๆมั้งคะ ไม่ใช่ไม้อัด หรือแบบที่เขาวางขายกันทั่วไป มันสวยค่ะ แต่ไม่ทน ช่วงนี้เริ่มสะสมไม้เก่าค่ะ  เผื่อจะมาทำตู้ ทำโต๊ะ ทำเก้าอี้ได้มั่ง เริ่มรู้ละว่า ทำไมของเก่าๆ ไม่สวยซะเลย แต่มันแข็งแรงดีจัง จากคุณ : ต้นอ้อสีม่วง - [ 1 มิ.ย. 52 10:18:24 ]

ความคิดเห็นที่ 13 หนังสือเก่า ....นอกจากจตุจักรแล้ว   ไปหาได้ที่ไหนอีกคะ?     เคยกวาดซื้อโปสการ์ดรุ่น 50 ปีที่แล้วได้มาเป็นปึกๆ   เพราะเจ้าของเขาย้ายบ้าน   มานั่งอ่านสำนวนคนสมัยนั้นแล้วรู้สึกว่าเราได้สัมผัสส่วนหนึ่งของชีวิตเขาในวัยหนุ่มสาว    เหมือนเวลาเราอ่านหนังสือเก่ามั้งคะ ...อารมณ์เดียวกัน จากคุณ : สร้อยสยาม - [ 2 มิ.ย. 52 00:53:25 ]

ความคิดเห็นที่ 14 เหล็กฉากสมัยนี้สีสวยค่ะ  พ่นสีมาเสร็จ  อิอิ   ชั้นก็เป็นเหล็กบางๆ  กว้างซ้อนหนังสือได้สองแถว เสาสีน้ำเงินสด  ชั้นสีนวล เพิ่งเห็นมาที่ร้านไม่มีชื่อเชิงสพานอรุณอัมรินทร์  ที่กำลังตกแต่งอยู่เมื่อเย็นนี้เอง ร้านนี้เป็นโกดังของร้านที่อยู่เฉียงๆกัน ห้องลึก ๑๖เมตร เห็นน้าๆที่เป็นช่างมาตอกแก๊ป ๆ   เพื่อจะยึดส่วนสูงของตู้ไม่ให้เทคว่ำลงฆาตกรรมลูกค้า นึกชมคุณ โรม (All roads lead to Rome)เจ้าของร้าน   ว่ารอบคอบ  ที่ไหนได้  น้าที่ตอกผนังลงมากินน้ำ   ลากบันไดมาพิงกับกองหนังสือที่สาวน้อยกำลังค้นอยู่   กองหนังสือเกิดพังทลายราวกับแผ่นดินไหว แหะๆ  ลูกค้าคนหนึ่ง และ อิฉันก็ก้มหน้าก้มตาค้นต่อไป ได้พงศาวดารจีนรุ่นหลังซ้องกั๋งมาสองเล่มจบ  ชื่อ ซ้องตงอุย  พิมพ์ ๒๔๗๖ จากคุณ : แสนอักษร - [ 2 มิ.ย. 52 23:14:45 ]