Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com


    ....................หนูไม่มีสิทธิ์เรียน...เพราะหนูมีไวรัสเอชไอวี...............

    ...........เป็นเรื่องที่อาจจะพูดแล้ว เหมือนเข้าข้างตัวเองฝ่ายเดียว ไม่เห็นอกเห็นใจ คนอื่นๆๆ แต่....เมื่อไหร่....จะเข้าใจกันเสียที

    ...............วันนี้โทรไปสอบถามที่โรงเรียนการศึกษาคนตาบอด หรือ ผู้พิการทางสายตา

    เพราะมีคนไข้ในความดูแล ....อยากเข้าเรียน

    เด็กผู้ชายอายุ 10 ขวบ แต่ก่อนเค้าก็เหมือนเด็กทั่วไป ไปโรงเรียนใกล้บ้าน

    มีเพื่อนมากมาย และ ตั้งใจเรียน ...คุณครูบอกว่าเค้าเป็นเด็กฉลาด เก่ง ไหวพริบดี

    ......เกิดมาได้ไม่นาน แม่ก็มาจากไป ....พ่อรู้ว่า แม่ตายเพราะเอดส์

    ...พ่อถึงได้เริ่มพาลูกไปตรวจหาเชื้อ เอช ไอ วี แต่มันสายไปเสียแล้ว

    ไวรัสซีเอ็มวี มันได้ทำลายจอประสาทตาของหนูน้อย

    โลกมืดกำลังคลืบคลานเข้ามา ไม่นานชีวิตน้อยๆ ก็ตกอยู่ในความมืด

    ...ความสนุกสนานที่โรงเรียน ความฝัน ก็จบลง....

    หนูน้อยไม่รู้ว่าตัวเองป่วยเป็นอะไร ทำไมถึงตาบอด...

    พ่อพามารักษาที่โรงพยาบาลใหญ่

    ....พ่อบอกแค่ว่า หนูน้อยมีโรคประจำตัว ....

    ต้องกินยาทุกวัน เช้า - เย็น...เดี๋ยวนี้หนูน้อยกินยาเอง พ่อไม่ต้องช่วยแล้ว

    เช้ากิน 3 เม็ด เย็นกิน 4 เม็ดครึ่ง...หนูน้อยไม่เคยลืม

    และต้องกิน 1 โมงเช้า กับ 1 ทุ่ม  ห้ามสาย หรือ ก่อนเวลา

    หนูน้อยยังต้องให้คนอื่นบอกเวลา ...

    ....เพื่อนๆ มาเล่นด้วยที่บ้าน มักจะมาเล่าให้ฟังว่า ที่โรงเรียนทำอะไรบ้าง

    คุณครูให้ทำอะไร เรียนอะไร ทำให้หนูน้อยคิดถึงโรงเรียนมากๆ



    หลังจากแม่ตาย พ่อก็แต่งงานใหม่

    แม่ใหม่มีลูกมาด้วย 1 คน แต่ตอนนี้ป่วยนอนที่โรงพยาบาล เพราะจมน้ำ

    พ่อต้องหางานทำคนเดียว...

    ...เมื่อรู้ว่ามีโรงเรียนสอนคนตาบอดที่จังหวัดใกล้ๆ พ่อจึงอยากให้ลูกได้เรียนอีกครั้ง

    เพราะคุณหมอบอกว่า แม้ว่าจะมีเชื้อ เอช ไอ วี ในร่างกาย หากเราดูแลตัวเองดีๆๆ กินยาต้านไวรัสอย่างสม่ำเสมอ

    เด็กสามารถมีอายุอยู่ได้นานเกือบเทียบเท่าคนปกติทั่วไป

    พ่อจึงคิดว่า...ถ้าพ่อไม่มีบุญแล้ว ลูกก็ยังอยู่ได้ มีวิชาความรู้ ที่จะหาเลี้ยงชีพตัวเองได้

    .....คุณหมอที่โรงพยาบาลจึงรับปากว่าจะช่วยประสานให้


    .....เราจึงปรึกษากันว่า..เราควรบอกสถานะการติดเชื้อของเด็กให้โรงเรียนได้ทราบ

    ที่จริง ไม่จำเป็นต้องบอกก็ได้

    ความเสี่ยงที่จะติดต่อกันแทบไม่มีเลย ไวรัสในเลือดอยู่ในระดับต่ำมาก

    ...กินยาควบคุมตลอด แล้วก็บอกครูว่ากินยาแก้โรคอะไรก็ได้


    แต่ก็อยากให้สบายใจทั้งสองฝ่าย...จึงได้บอกไป

    ....ถูกปฏิเสธ คือ ผลของ...การบอกความลับนั้นไป

    ไม่ว่าจะที่โรงเรียน ที่มูลนิธิ

    แม้จะติดต่อมาที่กรุงเทพ ....

    ก็ไม่มีใครให้ หนูน้อย เข้าเรียน...........


    .....หนูไม่มีสิทธิ์เท่าเทียมคนอื่น เพราะหนูมีเอชไอวีในร่างกาย......


    อนาคตก็คงกลายเป็นภาระของใครต่อใครต่อไป หากพ่อตายไป...

    ต้องถูกจับให้ไปอยู่สถานสงเคราะห์....มีแขกใจบุญมาเลี้ยงดู มาเลี้ยงอาหาร

    ...แล้วทุกคนก็จะพูดแค่ว่า....น่าสงสารจัง..

    ......แต่ไม่มีใครให้โอกาสมากกว่านี้แล้ว

    จากคุณ : Sugarbean - [ 18 มิ.ย. 52 19:05:33 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com