ความคิดเห็นที่ 1 ผู้ปกครองที่พอมีเงิน ก็อยากให้ลูกมีอนาคตที่ดี จึงยอมเสียเงินให้โรงเรียนกวดวิชา ถูก-ผิด ก็อีกเรื่องนึง ถ้าผมมีลูก ผมก็ยอมให้ลูกเรียนกวดวิชา จากคุณ : amited - [ 27 มิ.ย. 52 11:58:42 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ไม่ทราบว่าการศึกษาไทยเป็นอย่างไร แต่เห็นประเทศที่พัฒนาแล้วอย่างญี่ปุ่น นักเรียนเค้าก็เรียนและก็กวดวิชาอย่างหนักเหมือนกัน จะว่าประเทศเค้าระบบการศึกษาล้มเหลวมันก็บอกไม่ได้แบบนั้น โดยส่วนตัว คิดว่าส่วนหนึ่งเพราะ "ค่านิยม" เรียนมัธยมผ่านมา 10 ปีได้แล้วมั้งคะ ลองคิดถามประเด็นที่ จขกท. ตั้ง 1 อาจารย์ ที่ รร ไม่มีศักยภาพเพียงพอ เช่น ความรุ้ ทักษะการสอน ฯลฯ       - อันนี้จากโรงเรียนไทยๆที่เคยเรียนมา อ.มีศักยภาพเพียงพอแน่นอน ไม่ต้องเรียนกวดวิชาก็เอนทรานซ์ได้ และที่โรงเรียนก็ไม่สนับสนุนให้ต้องเรียนพิเศษข้างนอกด้วย ดังนั้นสมัยก่อนจึงเรียนกวดวิชาเฉพาะชั้น ม.5 และ ม.6 เท่านั้น  จริงๆโรงเรียนกวดวิชาก็มีข้อดีตรงที่ว่า ช่วยสรุป เน้น รวบรวมเนื้อหาและเทคนิคในการสอบเข้ามหาวิทยาลัยแบบที่อาจารย์ในโรงเรียนไม่ได้สอนเหมือนเป็นการช่วยจัดลำดับ เน้นย้ำสิ่งที่ครูสอนในห้องอีกที ดังนั้นยังไงๆ ส่วนตัวเห็นว่าการเรียนในห้องจึงต้องเป็นหลัก ส่วนเรียนพิเศษเป็นเรื่องรอง     ส่วนการเรียนกวดวิชา สำหรับนักเรียนที่เรียนไม่ทันเพื่อนในห้องเราว่ามันไม่ได้เกี่ยวกับอาจารย์ แต่เกี่ยวกับเด็กเอง เด็กบางคนมีศักยภาพในการเรียนไม่เท่ากับเพื่อนๆในชั้นเดียวกัน การเรียนพิเศษเพิ่มเติมจึงอาจจะจำเป็นสำหรับบางคน 2 ข้อสอบเข้า ระดับ มหาวิทยาลัย ที่ยากเกินไป ทำให้นักเรียนต้องเรียนมากขึ้น -- รร ไม่เปิดเสาร์ทิตย์ ดังนั้นจึงต้องเรียน กวดวิชา    - อันนี้ไม่ทราบว่ายากขึ้นไหม เพราะเคยสอบแค่ปีเดียวแล้วก็ไม่ได้ติดตามข้อสอบเข้ามหาวิทยาลัยอีก 3 นักเรียน ไม่ตั้งใจเรียนกันในรร เพระคิดว่า มี กวดวิชาข้างนอก สรุปเนื้อหาสาระ เทคนิคสำคัญ แถมได้ออกไปเจอเพื่อนพบปะสังสรรค์     - สำหรับข้อนี้ สมัยเรียน เราเป็นปีแรกที่ต้องใข้ GPA ในการเอนทรานซ์ จะบอกว่าไม่ต้องตั้งใจเรียนในห้องเลยก็เป็นไปไม่ได้ เพราะระบบที่ปรับเปลี่ยนทำให้เด็กต้องตั้งใจเรียนในห้องเพื่อทำเกรดให้ดี เกรดเป็นส่วนหนึ่งของคะแนนในการเข้ามหาวิทยาลัย ส่วนระบบแอดมิชชั่นปัจจุบันเป็นอย่างไรไม่ทราบ ไม่ได้ติดตาม แก้ไขเมื่อ 27 มิ.ย. 52 12:43:19 แก้ไขเมื่อ 27 มิ.ย. 52 12:42:19 จากคุณ : ## Mademoiselle Air ## - [ 27 มิ.ย. 52 12:41:34 ]

ความคิดเห็นที่ 3 พอดีตอนนี้เป็น tutor อยู่  สอนตั้งแต่ประถมยันมหาวิทยาลัย ประถม นี่ผมว่าเกินความจำเป็นไป  เด็กๆค่อยได้พักผ่อนและเที่ยวเล่นตามวัย มัธยมต้น : เท่าที่สอนมาคือ เด็กไม่ตั้งใจเรียนที่ โรงเรียนเลย อาจจะเพราะบรรยากาศการเรียนการสอน มัธยมปลาย : เด็กๆ ไม่มั่นใจว่าที่ร่ำเรียนมามันเพียงพอรึเปล่า  และส่วนนึงก็เพื่อเป็นการเพิ่มพูนความรู้ด้วย  แบบแทนที่จะนั่งอ่านทบทวนเอง บางทีมันทำโจทย์ไม่ได้  เข้าใจไม่เคลียร์ ก็เรียนพิเศษซะ มีคนช่วยสอน   มหาวิทยาลัย : ไม่เข้าเรียนด้วยส่วนนึง ส่วนนึงเข้าเรียนแต่เรียนตามไม่ทัน เพราะเนื้อหาค่อนข้างไปไวมาก  กลุ่มสุดท้ายคือพวกเรียนล่วงหน้า สำหรับในระดับมหาวิทยาลัยที่ยังมีการเรียนพิเศษนี่ผมว่า มันเกิดจากพื้นฐานในสมัยมัธยมที่ไม่ค่อยดี  เพราะในช่วง ปี 1 ที่เป็นวิชาพื้นฐานเนี่ยจะเรียนไปไวมาก  ถ้าพื้นไม่แน่นมันจะเรียนไม่ทัน จากคุณ : oakemon - [ 27 มิ.ย. 52 14:09:16 ]

ความคิดเห็นที่ 4 สมัยผม 10 ปีก่อน ยังไม่มีการเรียนพิเศษระดับมหาวิทยาลัย (มีเฉพาะรามมั้ง) เดี๋ยวนี้ มีเต็มไปหมด มันเกิดอะไรขึ้นก็ไม่รู้ ระดับมหาวิทยาลัยที่เน้นการเรียนรู้ด้วยตนเอง กลายเป็นต้องรอให้คนมาป้อน ไม่อยากฟันธง แต่เชื่อขนมกินได้เลยว่า 10 ปีข้างหน้า มีเรียนพิเศษระดับ ป.โท แน่ๆ จากคุณ : ชาเขียว - [ 27 มิ.ย. 52 14:43:14 ]

ความคิดเห็นที่ 5 อยากเหนือกว่าคนอื่น หรือสนใจ จากคุณ : เลอนัก - [ 27 มิ.ย. 52 17:07:50 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ปัญหามันอยู่ที่ระบบการเอนทรานซ์อย่างที่ผู้ใหญ่ในกระทรวงเชื่อจริงหรือ เห็นเอาแต่ปรับเปลี่ยนระบบการเอนทรานซ์มาไม่รู้กี่แบบ จนงงทั้งครูทั้งเด็ก ที่เห็นกันชัดๆ คือ ทำไม อาจารย์อุ๊ ถึงสอนนักเรียนปีนึงได้เป็นหมื่นเป็นแสนคน ยิ่งสมัยก่อน วันไหนแกเปิดรับสมัครเรียน คนแย่งสมัครเรียนจนระบบธนาคารล่ม หรือว่าต้องไล่คนสอนเคมีทั้งประเทศออกไปให้อ.อุ๊สอนคนเดียวไปเลย ยิ่งแก้ระบบเอ็นฯก็ยิ่งสร้างปัญหา เพราะมันแก้ไม่ถูกจุด จากคุณ : เพราะผมไม่มี Time Machine - [ 27 มิ.ย. 52 17:28:51 ]

ความคิดเห็นที่ 7 เมื่อมี demand ก็มี supply เป็นเรื่องธรรมดาตามหลักเศรษฐศาสตร์ ส่วนในด้านสังคมศาสตร์ผมคิดว่าเป็นค่านิยมทั้งของผู้ปกครองและตัวเด็กเอง โชคดีที่ผมไม่ได้โตมาในยุคที่โรงเรียนกวดวิชาเปิดกันกลื่นเมือง ลูกของเพื่อนร่วมงานผมอยู่แค่ ป.1 ปิดเทอมก็ยังต้องไปเรียนพิเศษแทนที่จะได้เล่นซนตามประสาเด็กอยู่ที่บ้าน จากคุณ : Furusato - [ 27 มิ.ย. 52 19:40:46 ]

ความคิดเห็นที่ 8 พวกที่สอบเข้ามหาวิทยาลัยเข้ามาได้เพราะกวดวิชา หลายๆคนเลยครับมาตายตอนเรียนปี 1 เจอมากับตัวเลย นิสิตที่ผมสอนโดนไทร์ไปหลายคน เคยถามพวกเขาเหมือนกัน บอกว่ากวดเข้ามาได้แต่ไม่แน่นเนื้อหา พอเรียนในมหาวิทยาลัยก็ตามไม่ทันเพราะพื้นไม่แน่น ไอ้เราจะปล่อยไปง่ายๆก็ไม่ได้เดี๋ยวเสียมาตรฐาน จากคุณ : กุ้งบก - [ 27 มิ.ย. 52 23:43:01 ]

ความคิดเห็นที่ 9 เราไปเรียนตามเพื่อนอ่ะ จากคุณ : i am 15 หยกๆ - [ 28 มิ.ย. 52 21:05:56 A:58.8.147.78 X: TicketID:199338 ]

ความคิดเห็นที่ 10 เพราะคนในกระทรวงโง่กว่าเจ้าของ รร กวดวิชาครับ อาจจะเเกล้งโง่ก็ได้ แต่ผมว่าโง่จริง รร กวดวิชาเก่งจริงครับสมัยนี้ เมื่อไม่กี่ปีมานี้ เด็กเก่งถึงเก่งมากๆ เรียนกวดวิชา แต่เด็กระดับสุดยอด อ่านหนังสือเอง สมัยนี้แม้เด็กระดับสุดยอดบางคน สุดยอดได้เพราะกวดวิชาแล้วครับ เมืองไทยเอกชนนำหน้ารัฐเสมอ ไม่เว้นเรื่องการศึกษา ประเทศนี้ภาครัฐล้มเหลวครับ จากคุณ : โต - [ 28 มิ.ย. 52 23:19:53 ]

ความคิดเห็นที่ 11 เรื่องคุณภาพการสอนของอาจารย์ ต้องเข้าใจว่ามันเป็นไปไม่ได้ที่เราจะเจออาจารย์ที่มีคุณภาพทั้งหมด ดังนั้นในบางวิชาเราก็อาจจะต้องออกไปเสริมเอาข้างนอกครับ ข้อสอบเข้ามหาวิทยาลัยบางส่วน ไม่สอดคล้องกับเนื้อหาที่นักศึกษาเรียนในโรงเรียนครับ จึงทำให้เด็กจำเป็นต้องขวนขวายที่จะต้องหาส่วนที่เพิ่มเติมเอาจากข้างนอกครับ ถ้าต้องการวัดผู้ที่สอบว่ามีแนวโน้มจะเรียนวิชาใน ปี 1 ได้หรือไม่ ด้วยการออกข้อสอบแบบนี้ เนื้อหาการเรียนในระดับมัธยม ก็ควรที่จะปรับตามด้วย การทำข้อสอบมันมีเทคนิคครับ หลายๆ คนที่สอบได้คะแนนเยอะ บางส่วนอาจจะมาจากเทคนิคในการทำข้อสอบ และวิธีลัดต่างๆ ที่จะทำให้นักเรียนทำข้อสอบได้คะแนนเยอะที่สุด ซึ่งอาจารย์ในโรงเรียนยากที่จะทำได้ครับ อาจารย์บางคนอยากจะให้ครับ แต่เอาแค่การคุมชั้นเรียนอย่างเดียวก็สงสารอาจารย์แล้วครับ ผิดกับโรงเรียนกวดวิชา ที่ผู้สอน สามารถยิงเทคนิคได้อย่างเต็มที่ เพราะนักเรียนทุกคนที่เข้ามาเรียนมีความพร้อมที่จะรับความรู้มากกว่า เพราะคนที่เข้ามาเรียนโดยส่วนใหญ่มีวัตถุประสงค์ที่จะต้องการความรู้จริง การอ้างอิงจากวัตถุประสงค์เดิมๆ ที่เก่าแก่ว่า ผู้เรียนจบในระดับมัธยมศึกษาตอนปลายสามารถประกอบอาชีพได้ตามความรู้ที่ได้ศึกษามา ทำให้ระบบการเรียนใน ม.ปลาย ก็ยังคงอิงด้วยเรื่องแบบนี้อยู่ แต่เด็กที่เรียนโดยส่วนใหญ่มีวัตถุประสงค์เพื่อการเรียนต่อในระดับอุดมศึกษากันทั้งนั้น การแก้ไม่ถูกที่คันของประเทศเราเนี่ยแหละครับ ทำให้เด็กต้องเครียดกับการสอบมากขึ้น และต้องเสียเงินเสียทองกับการไปเรียนกวดวิชามากขึ้นกว่าเดิมเสียอีก แก้ไขเมื่อ 29 มิ.ย. 52 01:22:51 จากคุณ : KenshiroJr. - [ 29 มิ.ย. 52 01:17:27 ]

ความคิดเห็นที่ 12 ถ้าปล่อยให้โรงเรียนกวดวิชายังมีการเติบโตต่อไป จนมีทุนและอำนาจเพิ่มขึ้นมากๆ อาจสามารถครอบงำระบบการศึกษาทั้งระบบได้ เช่นแนวการออกข้อสอบเข้าสถาบันต่างๆ แนวข้อสอบระหว่างการเรียน จนกระทั่งหลักสูตรต่างๆ การแก้ปัญหาตอนนี้ไม่ได้แก้ที่ต้นเหตุสำคัญคือ ผู้ปกครอง และนักเรียนไม่มั่นใจในคุณภาพของการศึกษาในระบบครับ จากคุณ : เสธแก่ - [ 29 มิ.ย. 52 07:18:53 ]

ความคิดเห็นที่ 13 เพิ่งอ่านมติชนสุดสัปดาห์ คอลัมน์อาหารสมอง เล่าเรื่องการกวดวิชา ในฮ่องกงและเกาหลีที่เฟื่องฟูมากๆ        ที่ฮ่องกงครูสอนกวดวิชาระดับท็อป ๒๐ มีรายได้เดือนละ ๑๐ ล้านเหรียญฮ่องกง        ที่เกาหลีมีการกวดวิชา(เสียเงิน) ทางออนไลน์ด้วย ผู้ปกครองต้องเสียค่าใช้จ่ายมากมายเพื่อให้ลูกได้กวดวิชา        สาเหตุหลักอันดับหนึ่งก็คือ ค่านิยมที่พ่อแม่ต้องการให้ลูกได้เข้าเรียนในสถาบันที่มีชื่อเสียง มีศิษย์เก่าหลายคนที่ออกมาทำงานแล้วมีตำแหน่งใหญ่โต สามารถส่งเสริมช่วยเหลือเจือจุนรุ่นน้องของสถาบันตัวเองได้        เนื่องจากบ้านเมืองแถบเอเชียยังคงตัดสินคนที่สี(สถาบัน) มากกว่าฝีมือหรือผลงานของแต่ละบุคคลนั้น แก้ไขเมื่อ 29 มิ.ย. 52 09:30:57 จากคุณ : surgman - [ 29 มิ.ย. 52 09:29:14 ]

ความคิดเห็นที่ 14 มันเป็นปัญหาของระบบการศึกษาไทยที่ยากจะเยียวยาครับ... ผมเองเพิ่งมีโอกาสได้เข้ามาอยู่ในวงการกวดวิชาเมื่อ 4 สัปดาห์ ที่ผ่านมานี้เองครับ เนื่องจากหลานชายเพิ่งเข้าเรียนในชั้น ม.4 แล้วเจอปัญหาของการสอนที่โรงเรียนมาครับ โรงเรียนที่ว่านี้เป็นโรงเรียนขนาดใหญ่อยู่ใน จ.ระยอง ครับ ไปเจออาจารย์ที่สอนวิชาเคมีคนหนึ่ง จบการศึกษาถึงระดับปริญญาเอก ทางด้านการศึกษา แล้วก็กลับมาสอนในวิชาเคมีที่โรงเรียนเหมือนเดิม แต่ปัญหากลับกลายเป็นว่า ไม่มีนักเรียนคนไหนที่เรียนกับแกรู้เรื่องเลย ด้วยความเห็นใจว่าวิชานี้น่าจะเป็นวิชาพื้นฐานที่เด็กหลายคนต้องนำไปใช้ ในอนาคต ก็เลยตัดสินใจใช้เวลาว่างในวันอาทิตย์นัดสอนเสริมให้กับ หลายชายและเพื่อนๆ เริ่มต้นจากกลุ่มเล็กๆ เพียงไม่กี่คน ขณะนี้ 4 สัปดาห์ผ่านไปแล้ว มีน้องๆ นักเรียน ม.4 มานั่งเรียนกับผมถึง สัปดาห์ละ 30 คน มันเป็นเรื่องที่น่าคิดเหมือนกันนะครับ... ปัญหาที่ผมพอจะวิเคราะห์ถึงสาเหตุได้ก็มีประมาณนี้ครับ 1. เนื้อหาที่บรรจุไว้ในหลักสูตรปัจจุบันมันโหดร้ายเกินไปสำหรับเด็ก: คุณทราบหรือไม่ว่าเด็กสมัยนี้ต้องเรียนวิชาเคมีพื้นฐานกันตั้งแต่ ม.ต้น พอขึ้น ม.ปลาย เนื้อหาที่เรียนทางกระทรวงศึกษาก็ยัดเยียด ความรู้ระดับมหาวิทยาลัยมาให้เด็กเรียน สรุปได้ว่า เด็ก ม.4 สมัยนี้ต้องมานั่งเรียนเนื้อหาของ เด็กมหาวิทยาลัย ปี 1 กันแล้ว 2. ครูในโรงเรียนมีภาระงานที่ต้องรับผิดชอบมากเกินไป: บางคนนอกจาก งานสอนแล้วต้องเป็นหัวหน้ากลุ่มสาระการเรียนรู้ บางคนต้องเป็นหัวหน้า แผนก บางคนต้องไปช่วยงานฝ่ายปกครอง ทำงานระเบียน คุมห้องสมุด แทนที่จะรับผิดชอบเรื่องการสอน ตรวจการบ้าน กลับต้องเอาเวลาไปทำ งานพิเศษพวกนั้นด้วย 3. ครูบางคนทำผลงานวิชาการแบบเห็นแก่ตัว: เพื่อที่จะได้เลื่อนฐานะจาก ครูชำนาญการเป็นครูเชี่ยวชาญ ถ้าเทียบกับสมัยก่อน ก็คือ พวกที่ทำ อาจารย์ 3 อะไรทำนองนั้น เมื่อครูต้องทำผลงาน แทนที่จะเอาเวลามา สอนหนังสือ ก็เอาเวลามาแจกใบงาน ให้เด็กทำใบงาน ประเมินศักยภาพ การสอน เพื่อจะได้มีหลักฐานในการส่งเรื่องขอขึ้นเงินเดือน 4. ครูบางคนสอนในห้องเรียนแบบกั๊กๆ : เพราะถ้าสอนรู้เรื่องหมด ก็จะไม่มี เด็กไปเรียนพิเศษกับตัวเอง ลำพังสอนในห้องเรียน กินเงินเดือนอย่างมาก ก็ได้ไม่เกินเดือนละ 30,000 (เงินเดือนข้าราชการ) แต่ถ้าเจียดเนื้อหาและ เทคนิกบางอย่างไว้สอนในที่เรียนพิเศษ เด็กนักเรียนหนึ่งคนก็ต้องจ่ายให้ เทอมละ 2,000 บาท สมมุติว่ามีคนเรียน 50 คน ก็ได้เหนาะๆ แล้ว เทอม ละ 100,000 บาท เอาไปดาวน์รถได้สบายๆ 5. เด็กนักเรียนมองการกวดวิชาเป็นแฟชั่น: บางคนไปกวดวิชาในสถาบัน ที่แตกต่างจากเพื่อน พอคะแนนสอบออกมาสูงกว่าเพื่อนก็ได้ภูมิใจว่า ติวเตอร์ที่สอนตัวเองเก่ง เพื่อนคนอื่นโง่เองที่ไปเรียนกับพวกนั้น บางคน ก็ถือโอกาสเข้าโรงเรียนกวดวิชาเพื่อที่จะได้เจอเพื่อนใหม่จากต่างโรงเรียน หรือแม้แต่ใช้การกวดวิชาเป็นข้ออ้างที่จะออกจากบ้านในวันหยุดเพื่อ พบปะสังสรรค์กับเพื่อนๆ ผมเอาแค่สาเหตุหลักๆ มาเขียนไว้แค่นี้ก่อน จริงแล้วปัญหานี้มันสั่งสมมากับสังคมไทยอยู่นานพอสมควรแล้ว ไม่อย่างนั้นคงไม่มีเจ้าของโรงเรียนกวดวิชาบางแห่ง มีเงินซื้อตึกใหญ่โต เพื่อสร้างศูนย์กวดวิชาที่ใหญ่ที่สุดในประเทศอยู่แถวๆ แยกพญาไท หรอก ผมจำได้ว่า สมัยผมยังนักเรียน ม.ปลาย ไว้ผมทรงรองหวี คอร์สเรียนเคมี สำหรับนักเรียน 1 คน ของติวเตอร์เคมีชื่อดังย่านสะพานควาย ขอแค่สมัคร คอร์สติว ENT ก็ได้ความรู้พอที่จะสอบ Entrance ได้แล้ว แต่ปัจจุบัน ใครที่จะเรียนเคมีกับติวเตอร์คนนั้นแบบสมบูรณ์แบบพร้อมลงสนาม ต้องเรียนทั้งสิ้น 11 คอร์สต่อไปนี้ เพื่อเก็บคะแนนในห้อง และเตรียมตัวสอบ รูปแบบต่างๆ ที่ สทศ และ มหาวิทยาลัยออกแบบไว้ 1. พื้นฐานเคมี ม.ต้น 2. เคมี ม.4 เล่ม 1 3. เคมี ม.4 เล่ม 2 4. เคมี ม.5 เล่ม 1 5. เคมี ม.5 เล่ม 2 6. เคมี ม.6 7. สรุปพื้นฐานเคมีบรรยาย 8. สรุปพื้นฐานเคมีคำนวณ 9. เคมีพื้นฐาน O-NET 10. คอร์ส Entrance 11. คอร์สตะลุยโจทย์   แม้ว่านักการเมืองหรือนักการศึกษาจะพยายามปฏิรูประบบการรับเข้า ศึกษาต่อในระดับมหาวิทยาลัยมาเป็นรูปแบบไหนก็ตาม คนที่ได้ประโยชน์ สูงสุดก็ยังคงเป็นสถาบันกวดวิชาต่างๆ นั่นเอง รู้สึกท้อใจกับระบบการศึกษาไทยทุกครั้งที่นั่งรถไฟฟ้าผ่านแยกพญาไท.... แก้ไขเมื่อ 30 มิ.ย. 52 08:12:31 จากคุณ : P-type Alchemist - [ 29 มิ.ย. 52 17:34:50 ]

ความคิดเห็นที่ 15 ถามว่าการกวดวิชาจำเป็นหรือเปล่า สำหรับผมตอนนั้นผมเป็นรุ่นสุดท้ายที่มีการสอบเทียบครับ รู้สึกว่าจำเป็นมากครับ ได้ อ.อุ๊ ,อ.ช่วง ,อ.สมัย ช่วยให้สอบ Ent ติดคณะวิศวกรรมศาสตร์ สถาบันหนึ่งย่านสามย่านได้ ทั้งที่ไม่เคยเรียน ม.6 ก็ตาม  แต่เรียนแค่ Course Ent อย่างเดียว สำหรับวัตถุประสงค์สมัยนี้อาจจะต่างกัน ตรงที่อยากเพิ่มเกรด ม.ปลาย และเพื่อสอบ O-Net ,A-Net มากกว่า และต้องกวดวิชาตลอดตั้งแต่ ม.4 - ม.6 สำหรับทางแก้ ที่ฝากรัฐบาลแก้ไข คือ เรื่องของการยกระดับมาตรฐานการศึกษาในโรงเรียนให้ดีกว่านี้ ,คนที่จบคณะครุศาสตร์ หรือสายด้านการศึกษาควรมีคุณภาพกว่านี้ เพื่อที่จะได้คุณครูที่มีคุณภาพ อาจจะปลูกฝังให้เด็กที่มีผลการเรียนดี เลือกคณะเหล่านั้น และให้ผลตอบแทนที่ Reasonable ประมาณนี้หละ และอยากให้ยกเลิกแนวคิดประเภทจับฉลากเข้าเรียนโรงเรียนในพื้นที่ อันนี้เป็นความรู้สึกส่วนตัว เพราะเป็นรุ่นแรกที่เจอนโยบายนี้ ทำไมการศึกษาต้องขึ้นกับโชคชะตาด้วย จากคุณ : วศวิ (วศวิ) - [ 30 มิ.ย. 52 07:38:56 ]

ความคิดเห็นที่ 16 เมื่อระบบการศึกษาแบบสามัญของรัฐไม่มีประสิทธิภาพ ก็ปิดโรงเรียนสามัญซ่ะ ส่วนเรื่องประกาศนียบัตร ก็ให้สอบเทียบเอาเลย แล้วให้เด็กเรียนจากโรงเรียนกวดวิชาทั้งหมดเลย เมื่อหน่วยงานใดไร้ประสิทธิภาพก็ปิดไป ก็แค่นั้น ผมไม่มีลูก แต่อยากให้มีความเท่าเทียมกันทางการศึกษา และโรงเรียนสามัญของรัฐมีมาตรฐานเพียงพอ ทุกวันนี้เหมือนว่า ลูกคนมีสตางค์และอยู่ในเมืองเท่านั้นที่มีโอกาสทางการศึกษา ผ่านการเรียนกวดวิชา ส่วนเด็กต่างอำเภอ บ้านนอก ก็เรียนไปแบบตามมีตามเกิด กันเช่นนั้นหรือ ผมเรียนไม่เก่ง และ IQ ไม่สูงพอ เรียนกวดวิชามาเยอะ แต่ก็สอบไม่ได้ครับ ผมไม่ได้โทษโรงเรียนกวดวิชา แต่ผมโทษตัวผมเอง ที่ความรู้พื้นฐานไม่เพียงพอ และระดับมันสมองไม่เหมาะสมในการสอบแข่งขัน จนผมเริ่มมาปรับตัวได้ตอนเรียน ป.ตรี และ เรียน ป.โท จากอเมริกา ผมไม่เชื่อว่าโรงเรียนกวดวิชาจะมีส่วนสำคัญให้เด็กสอบได้ ผมเชื่อในเรื่องของความรู้พื้นฐานที่สะสมมา สภาพแวดล้อมของเด็ก  IQ และโรงเรียนสามัญของเด็กมากกว่าครับ ว่ามีผลสำคัญในเรื่องการแข่งขัน เราต้องมองย้อนไปดู เด็กต่างอำเภอบ้านนอกที่ไม่ได้เรียนกวดวิชา ทีสอบติดหมอ วิศวะ หรือประสพความสำเร็จในการเรียนการสอบก็มีเยอะ พวกเขาเหล่านั้นทำอย่างไรล่ะครับ ถ้าไม่พึ่งพาการสอนจากอาจารย์ในโรงเรียนสามัญ และแสวงหาความรู้เอง ความคิดเห็นของผม อาจเป็นเช่นนี้เพราะว่าผมไม่มีลูก ถ้าผมมีลูกผมเองก็คงต้องดิ้นรนให้ลูกได้เรียนกวดวิชาเพิ่มเติม เพราะผมต้องให้โอกาสลูก ลูกผมต้องพลาดไม่ได้ แม้ว่าผมจะไม่เชื่อในคุณภาพของโรงเรียนกวดวิชา แต่ก็ต้องให้ลูกเรียนกวดวิชา ท่ามกลางความกังขาในใจผม แล้วผมจะมาเดือดร้อนอะไรกับประเด็นนี้ ใครมีเงินจ่าย ใครมีเงินก็ซื้อโอกาสไป  ใครไม่มีโอกาสเรียนกวดวิชาก็ต้องแสวงหา หน ทางอื่นต่อไป ที่นี้ประเทศไทย... ปล.เห็นด้วยกับความคิดเห็นของ จขกท.นะครับ มันน่ากลัวมากถ้าปล่อยให้ระบบการศึกษาของประเทศเป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆ จากคุณ : ทองนพคุณ - [ 30 มิ.ย. 52 18:27:39 ]

ความคิดเห็นที่ 17 ง่ายๆก็คือเป้าหมายการสอนมันต่างกันครับ โรงเรียนสอนความรู้ตามที่กระทรวงศึกษาธิการกำหนดมา ส่วนโรงเรียนกวดวิชาสอนทำโจทย์สอบเข้ามหาวิทยาลัย ที่กลัวกันว่าโรงเรียนกวดวิชาจะมีอิทธิพลกับคณะกรรมการออกข้อสอบหรืออะไรพวกนั้น...กลัวว่าการศึกษาไทยจะล้มเหลว โถ่...ไม่ต้องไปไกลขนาดนั้นหรอกครับ การศึกษาไทยมันล้มเหลวแล้วครับ ถ้าโรงเรียนกวดวิชาทำให้นิสิตมหาวิทยาลัยถามอาจารย์ในห้องสอนว่า "ตรงนี้ออกสอบไหม" จากคุณ : HotChoc - [ 1 ก.ค. 52 03:01:02 ]

ความคิดเห็นที่ 18 test จากคุณ : okb - [ 1 ก.ค. 52 15:11:45 ]