ความคิดเห็นที่ 1 ขอตอบเลยนะครับว่ายากมาก และเราก็น่าจะภูมิใจในความเป็นไทยนะครับ ใช่มันอาจจะแปร่ง มันอาจจะตลก แต่คนอื่นก็ไม่มีปัญหาในการสื่อสารของเรานิครับ ผมเองก็ยังมีติดสำเนียงบ้าง แต่ก็ไม่เป็นไรถ้ามันไม่ทำให้การสื่อสารเรา ผิดจุดประสงค์นะครับ คนอเมริกัน ก็มีหลายสำเนียง และต่างก็ภูมิใจในสำเนียงของตน ก็มีบ้างที่พยายามเปลี่ยน แต่มันก็ฟังหลอกๆแหละครับ If you see that your accent can get your message across; I think it is okay to have an accent since everyone has one anyway. It depends on the accent you want to be perceived to. จากคุณ : beebuzz เขียนเมื่อ : 12 ก.ค. 52 13:59:22

ความคิดเห็นที่ 2   ถ้าไม่ได้เกิดและโตที่เมืองนอก คงต้องรอตายแล้วเกิดใหม่ละครับ ถ้าจะลอกเลียนสำเนียงให้ได้แบบ native จริงๆ เรียนภาษาอังกฤษโดยที่ไม่ได้อยู่ในสภาพแวดล้อมที่ native speaking เป็นภาษาอังกฤษมาแต่อ้อนแต่ออก แ้ล้วหวังจะพูดให้เหมือน native speaker คงจะยากมากๆๆ (ใครทำได้ คงประมาณว่าเป็นข้อยกเว้น ประเภทที่ต้องมีพรสวรรค์รองรับ) ผมมีคนใกล้ตัวหลายคน เรียนหนังสือที่ประเทศอังกฤษ / อเมริกา กันมาเป็น 10+ ปี ก็ยังไม่เหมือน native speaking เลยสักคน (แม้จะพูดได้ดี แต่ก็ไม่เหมือนฝรั่งอยู่ดี) จากคุณ : ผมว่าอะนะ เขียนเมื่อ : 12 ก.ค. 52 14:04:03 A:58.8.242.224 X: TicketID:106200

ความคิดเห็นที่ 3 เราว่าอย่าไปซีเรียสกับเรื่องสำเนียงให้มากนักเลยค่ะ เอาเป็นว่าเน้นเสียงถูกต้อง สื่อสารเข้าใจก็โอเคแล้วค่ะ เพราะยังไงเราก็คือคนไทย ไม่มีทางที่เราจะเหมือนฝรั่งได้แบบ"เป๊ะๆ" ถ้าเราไม่ได้อยู่ที่นั่นตั้งแต่เด็กๆเป็นเวลานาน อย่างที่คุณเองก็บอกเอาไว้นั่นแหล่ะค่ะ ใครมาจากชาติไหนก็จะมีสำเนียงชาตินั้นๆออกมาด้วย มันเป็นเรื่องธรรมชาติค่ะ ในมุมมองของเราคิดว่าการพยายามออกเสียงให้ถูกต้อง เน้นเสียงหนักให้ถูก และสื่อสารได้ถูกต้องก็ถือว่าบรรลุเป้าหมายของการใช้ภาษาแล้วล่ะค่ะ เราว่าหัวใจของภาษาคือการสื่อสารที่เข้าใจตรงกันไม่ว่าจะเป็นสำเนียงของชาติไหนๆค่ะ อย่าไปคิดมากแล้วก็เซลเซลฟ์เลยค่ะ จากคุณ : kypsan เขียนเมื่อ : 12 ก.ค. 52 14:17:14

ความคิดเห็นที่ 4 อาจารย์ผมบอกคล้าย ๆ หลายท่านที่กล่าวมาครับ ใช้ศัพท์ง่าย ๆ ใช้ประโยคง่าย ๆ ใช้ให้ถูกกับความหมายที่เราจะสื่อ ออกเสียงให้ถูกถึงแม้จะเป็นสำเนียงแบบไทย ๆ พูดอย่างไรก็ได้ให้เขาฟังเราออกฟังเรารู้เรื่อง ซึ่งก็ช่วยได้เยอะครับ เพราะเจอนักท่องเที่ยวบ่อย ๆ ตอนนี้ไม่ค่อยกลัวเวลาจะพูดกับชาวต่างชาติละครับ จากคุณ : [[Joachim]] เขียนเมื่อ : 12 ก.ค. 52 15:48:29

ความคิดเห็นที่ 5 ทำใจครับ ก็มันสำเนียงภาษาแม่เรานี่คับ แค่พูดให้ถูกต้อง เขาก็ฟังออกคับ ไม่ว่าสำเนียงใดก็ตาม จากคุณ : pittboy2603 เขียนเมื่อ : 12 ก.ค. 52 15:58:16

ความคิดเห็นที่ 6 "..ถ้าไม่ได้เกิดและโตที่เมืองนอก คงต้องรอตายแล้วเกิดใหม่ละครับ.." >> เห็นด้วยอย่างมากถึงมากที่สุด เสียดายให้หัวใจ #2 ไม่ได้ ความจริงก็วนๆเวียนๆแถวนี้มานาน น่าจะหาล๊อกอินได้แล้วก็ไม่ยอม สำเนียงน่ะ เอาไว้ค่อยๆฝึกไปก็ได้ ฝรั่งมันเห็นหน้าดำๆมันก็รู้แล้วว่าไม่ใช่ฝรั่ง เขาก็ไม่ได้คาดหวังอะไรมากอยู่แล้ว ขนาดฟังอินเดีย ฟังสิงคโปร์เขายังทนฟังได้ ทำไมจะทนฟังเราไม่ได้ พี่ว่า จขกท กังวลเรื่องการเรียบเรียงประโยค การใช้ศัพท์ การใช้สำนวน ตลอดจนเนื้อหาสาระของสิ่งที่น้องจะพูดให้แม่นๆและเจ๋งๆดีกว่านะ สิ่งเหล่านี้ต่างหากที่สะท้อนคุณภาพคนพูดว่ามีความคิดความอ่านมีการศึกษาแค่ไหน จากคุณ : แอ๊ด ปากเกร็ด เขียนเมื่อ : 12 ก.ค. 52 16:05:06

ความคิดเห็นที่ 7 ว่าไป มันไม่เกี่ยวกับความภูมิใจในความเป็นไทยเลย ทำไมเอ่ะอ่ะ ต้องพูดเเต่ประโยคนี้ ถ้าคุณอยากจะพัฒนาอะไรให้ดีที่สุด มันย่อมเป็นเรื่องดี ซึ่งถ้าคุณไม่จริงจังกับสำเนียง เอาเเค่พอสื่อสารได้ ก็ไม่ต้องไปสนเรื่องสำเนียง ถ้าอยากจะฝึกสำเนียง ฝึกได้ จะเอาให้เทียบเท่าเป๊ะกับฝรั่งเลย ก็ทำได้ ต่อให้ไม่ต้องไปอยู่ต่างประเทศ หรือ ในสภาพเเวดล้อมฝรั่ง ก็ทำได้เช่นกัน คนมีพรสวรรค์จะไปได้เร็วกว่าเเค่นั้น ไม่ใช่คนไม่มีพรสวรรค์จะทำไม่ได้ ในวันหนึ่งๆ ฝึกพูดฝึกเลียนเเบบเสียงภาษาจากเทปซีดี ทั้งวัน หลายๆวัน หรือทุกวันเลยจนคุณรู้สึกถึงความเปลี่ยนเเปลง พยายามฝึกให้เหมือนโดยเริ่มจากไม่กี่ประโยคพอ เดี๋ยวลิ้นก็พาไปเอง ก่อนไปประโยคใหม่ๆ เเละถึงเวลาคุณเองจะสามารถพูดในสำเนียงต่างๆ ภายใต้ความถูกต้องที่ถูกเสมอ เหมือน ฝรั่งสิบคนพูดประโยคเดียวกันแต่มีสำเนียงที่ไม่เหมือนกัน แต่ก็ถูกต้องหมด ถ้าคุณไม่มีเวลา ก็อย่าคิดว่า ทำไมไม่ได้ เเต่มันอาจไม่ใช่เรื่องง่ายๆกับทุกคน อย่างก็ดี การที่มีความคิดเเต่ว่า เป็นไปไม่ได้ ถ้าทำได้อย่างน้อยต้องไปใช้ชีวิตในต่างประเทศ ทุกคุยกับฝรั่งทั้งวัน หรือ ต้องเกิดใหม่ ทำให้คนที่อยากจะฝึกอะไรก็เเล้วเเต่ไม่มีการริเริ่ม ปรับปรุง พัฒนา เเละจะไม่มีความคิดว่าทำได้ คนที่ไปอยู่ตปทมาหลายปี สำเนียงไม่ไปไหน ใช่ว่าเขาไปฝึกสำเนียงสิบปีเเล้วไม่ไปไหน เขาอาจพอใจที่มีที่เป็นอยู่ก็ได้ ซึ่งคนที่อยากได้สำเนียง เขาอาจจะใช้เวลาไม่กี่เดือน ในบ้าน เรื่องการออกเสียง ต่อให้คนไทยออกเสียงชัดเจน เเต่ถ้าให้คนฟังมาฟังก็รู้ได้อยู่ดีว่า คนนี้ฝรั่งหรือคนไทยออกเสียง ซึ่งจขกท น่าจะหมายถึงต้องการให้ได้สำเนียงฝรั่ง ไม่ใช่เเค่การออกเสียงเเละพูดชัดถ้อยชัดคำ เเละเข้าใจว่า จขกทหรือทุกคนที่ พูด ออกเสียงชัดทุกคำ เเต่พอมารวมเป็นประโยค มันก็ฟังไม่เหมือนฝรั่ง วิธีเเก้ไขนะครับ อย่างที่บอกไว้ คุณต้องพูดเลียนเเบบประโยคนึงของฝรั่งให้คุณรู้สึกว่าใกล้เคียงเเละเหมือนที่สุดให้ได้ก่อน ทั้งจังหวะ การขึ้นลง เเละโทนเสียง จนคนที่มาได้ยิน นึกว่า คุณเองเป็นฝรั่งถ้าปิดตาฟัง จากคุณ : Thaumaturge เขียนเมื่อ : 12 ก.ค. 52 16:17:10

ความคิดเห็นที่ 8 ขอตอบ ในฐานะที่เรียน เอกภาษาอังกฤษมาโดยตรงนะครับ ค่อนข้างเห็นด้วยกับ ความเห็นด้านบนที่ว่า เป็นไปได้ยากที่จะทำให้เราออกเสียงได้เหมือน Native Speakers แต่ก็ไม่ใช่ว่าไม่มีทางครับ สิ่งที่ จขกท หมายถึง มีสอนให้นักศึกษาเอกภาษาอังกฤษ ครับ ถ้าสนใจจริง ๆ ผมแนะนำให้ศึกษา English Phonetics (สัทศาสตร์ภาษาอังกฤษ) คุณจะรู้หลักในการออกเสียงภาษาอังกฤษอย่างถูกต้อง เช่น Business คนไทยส่วนใหญ่มักจะอ่านว่า บิซซิเนส แต่ตามหลักแล้ว มีแค่ 2 พยางค์คือ บิซ'-เนิซ national คนไทยส่วนใหญ่มักจะอ่านว่า เน-ชั่น-แนล แต่ตามหลักแล้ว มันออกเสียงว่า แนช'-เชิ่น-เนิ่ล พอคุณรู้หลักการอ่านตัวอักษร Phonetics คุณก็จะสามารถไปอ่าน Phonetics ของสำเนียงต่าง ๆ และแยกแยะความแตกต่างได้ เช่น ที่เราชอบคิดว่า คนอังกฤษออกเสียงขึ้นจมูก เช่นในคำว่า Photo เขาจะออก เฟอว'-เทอว (มาจากสระ เออะ+อุ หรือลองอ่านว่า เฟอะอุ' - เถอะอุ ก็ได้ครับ) หลังจากคุณศึกษา English Phonetics จบแล้วถ้าสนใจต่อไปในระดับสูงก็ลองดู English Phonology และ English Intonation ครับ จะทำให้คุณทราบหลักการกลมกลืนเสียง หรือ เสียงสูงต่้ำในประโยคระดับสูงครับ เช่น Excuse me ฝรั่งบางคนจะออกเสียงแค่ S'cuse me ครับ เสียง S ซ...กิ้วส์มี ที่มีคนไปอยู่ต่างประเทศเป็น 10 ปีแล้วเขายังพูดได้ไม่ใกล้เคียงฝรั่ง คือเขาไม่ได้เรียน English Phonetics, English Phonology, English Intonation ไปครับ ต่อให้คนที่จบ เอกภาษาอังกฤษมาแล้วไม่ได้ฝึกฝน ก็สำเนียงไทยอยู่ดีนั่นแหละครับ ส่วนที่ว่า ฟังบ่อย ๆ หรือดูหนังบ่อย ๆ แล้วพูดตาม ก็จะช่วยระดับหนึ่งครับ แต่ไม่ เวิร์ค 100% เพราะถ้าคำไหน เราฟังมาผิด เราก็ออกเสียงผิดและคิดไปเองว่ามันถูกโดยไม่มีหลักการออกเสียงคำ ๆ นั้นมายืนยัน จากคุณ : Rifle D. เขียนเมื่อ : 12 ก.ค. 52 16:53:44

ความคิดเห็นที่ 9 ยากมากครับ สิงคโปร อินเดีย ที่ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาราชการ ยังทำกันไม่ได้เลยครับ พูดออกมานี่เดาสำเนียงได้เลยทีเดียว คนเยอรมัน ฝรั่งเศส รัสเซีย ที่ไปอยู่อเมริกาตั้งแต่หนุ่มๆ แก่แล้วก็ยังติดสำเนียงเดิมครับ ดูอย่างผู้ว่าอาร์โนลด์นั่นสิครับ แกก็ยังติดสำเนียงภาษาเยอรมันอยู่เลย ในทางตรงข้าม ฝรั่งเองที่มาอยู่เมืองไทย ต่อให้อยู่นานแค่ไหน ก็ยังพูดไทยไม่เหมือนคนไทยซะทีเดียว หรืออย่างอากงที่มาอยู่เมืองไทยตั้งแต่หนุ่มๆ จนป่านนี้ก็ยังพูดทายม่ายชักอยู่นั่นเองครับ จากคุณ : ชาเขียว เขียนเมื่อ : 12 ก.ค. 52 17:09:49

ความคิดเห็นที่ 10 "..การที่มีความคิดเเต่ว่า เป็นไปไม่ได้ ถ้าทำได้อย่างน้อยต้องไปใช้ชีวิตในต่างประเทศ ทุกคุยกับฝรั่งทั้งวัน หรือ ต้องเกิดใหม่ ทำให้คนที่อยากจะฝึกอะไรก็เเล้วเเต่ไม่มีการริเริ่ม ปรับปรุง พัฒนา เเละจะไม่มีความคิดว่าทำได้.." >> เอ ผมว่าคุณ Thaumaturge สรุปเร็วไปหน่อยนะครับ เหตุ << การที่มีความคิดเเต่ว่า เป็นไปไม่ได้ ถ้าทำได้อย่างน้อยต้องไปใช้ชีวิตในต่างประเทศ ทุกคุยกับฝรั่งทั้งวัน หรือ ต้องเกิดใหม่ >> ผล << ทำให้คนที่อยากจะฝึกอะไรก็เเล้วเเต่ไม่มีการริเริ่ม ปรับปรุง พัฒนา เเละจะไม่มีความคิดว่าทำได้ >> ถ้าบอกว่า "..อาจจะทำให้.." ละก็จะไม่ขัดคอเลย ที่ผมเห็นด้วยกับคุณ #2 แล้วก็นำมาบอกเจ้าของกระทู้ก็เพื่อให้เขาเข้าใจว่าการไม่ได้มีสำเนียงเหมือนฝรั่งเป๊ะก็ไม่ได้เป็นเครื่องขัดขวางการพัฒนาภาษาอังกฤษของเขาต่างหาก เพราะคนที่มาเรียนทีหลังอย่างพวกเรา ยังไงๆตอนเริ่มต้นการพูดสำเนียงมันก็ไม่เหมือนฝรั่งเขาอยู่แล้ว แต่ว่าอย่างอื่นนั้นเรื่อง อ่าน เขียน ฟัง มันไม่ได้ขึ้นกับความเป็นฝรั่งเท่าการพูด ฝึกไปได้เรื่อยๆ ไม่ต้องพูดเลยก็อ่านออกเขียนได้นี่นา ประสบการณ์ตรงของผมนะครับ บอกไว้ก่อนว่าไม่ได้อ้างอิงจากตำราที่ไหน ทำมากับมือ ผมก็เหมือนเด็กไทยอีกหลายล้านคนที่ความจำเป็นบังคับให้ต้องอ่านและเขียนก่อนในการเรียนภาษาอังกฤษ การฟังและการพูดมาทีหลัง แต่ผมก็พัฒนาภาษาอังกฤษของผมได้ในระดับไม่อายใคร ทักษะการพูดซึ่งถ้าจะว่าที่จริงก็พัฒนาหลังสุด ผมก็ใช้การได้ระดับบรรยายให้ฝรั่งมังค่าจีนญวนลาวเขมรแขกนานาชาติฟังได้ ใช้เจรจาความเมืองได้ ผมก็พอใจแล้ว และก็ไม่เห็นใครเขาว่าอะไร ถึงบอกเขาไปอย่างนั้น ดังนั้น สำหรับคนไทยอย่างเราๆ อยากพูดเหมือนฝรั่งก็ต้องฝึกเอาอยู่แล้วเพราะเราเริ่มจากศูนย์ จะได้แค่ไหนก็ขึ้นกับพรสวรรค์หรือพรแสวงอย่างว่า แล้วคงต้องอยู่กับแรงจูงใจด้วยอย่างที่คุณ Thaumaturge กับคุณ Rifle D.ว่า แต่ผมคิดว่าสำหรับคนทั่วไปที่ไม่ได้ร่ำเรียนทางภาษาอย่างคุณ Rifle D. จะให้บังเกิดแรงบันดาลใจมานั่งศึกษาสัทศาสตร์หรือ Phonology เป็นเรื่องเป็นราวเห็นจะมีน้อยตัว ส่วนใหญ่ก็คงต้องพึ่งพาจากการอยู่ในสิ่งแวดล้อมทีมีการใช้งานภาษาอังกฤษเป็นหลัก ซึมซับไปเองเรื่อยๆ จากคุณ : แอ๊ด ปากเกร็ด เขียนเมื่อ : 12 ก.ค. 52 17:45:51

ความคิดเห็นที่ 11 http://www.pantip.com/cafe/klaibann/topic/H8068618/H8068618.html จากคุณ : genf เขียนเมื่อ : 12 ก.ค. 52 17:54:18

ความคิดเห็นที่ 12 เห็นด้วยกับคุณ Rifle D. เพราะได้ฝึกเองตามหลักภาษาศาสตร์ ถึงแม้จะไม่เหมือน เจ้าของภาษา 100 เปอร์เซ็น แต่ก็ทำให้พูดคล่องจนเจ้าของภาษาเองไม่อยากเชื่อ ว่าเราไม่เคยไปต่างประเทศ ก็อาศัยฝึกอ่านออกเสียง ดูหนัง ฟังเพลง และใช้งานมันกับเจ้าของภาษาบ่อย ๆ แค่นี้แหละ ตอนฝึกก็ไม่ได้คำนึงถึง accent อะไรหรอกแต่ อาศัยเอาตามความถูกต้องตามหลักภาษาศาสตร์ แต่เพื่อนต่างชาติบอกว่าเรามีสำเนียงอเมริกัน คงเป็นเพราะว่าดูหนังเยอะและคลุกคลีกับเพื่อนอเมริกันเยอะ แนะนำให้ลองฝึกตามหลักภาษาศาสตร์ดู ยิ่งอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่ได้ใช้ภาษาอังกฤษ ไม่นานเชื่อว่าต้องดีขึ้นอย่างมากค่ะ จากคุณ : AunRak เขียนเมื่อ : 12 ก.ค. 52 18:07:26

ความคิดเห็นที่ 13   ผมไม่ได้ว่าไม่ควรปรับปรุง แต่บอกว่าจะให้เหมือน native speaker โดยที่ไม่ได้เกิดและโตที่ต่างประเทศนั้น มันยากมากๆๆๆ (ใน 100 คน จะมีสักกี่คนที่ทำได้? ไม่ทราบว่า คห 7 รู้จักสักกี่คน ผมก็อยู่ในแวดวงที่มีคนเรียนหนังสือเมืองนอกกันมานานๆ ยังไม่รู้จักเลยสักคน ที่พูดได้ดีนั้นมีแยะ แต่ก็ไม่เหมือนฝรั่งพูดอย่างที่ว่าไว้ข้างต้น) ประเด็นคือ การพูดให้เหมือน native English speaker นั้นมีความสำคัญกับ จขกท ขนาดไหน ตั้งเป้าหมายอนาคตไว้อย่างไร จะไปทำงานเป็นล่ามใน UN หรือเปล่า? ถ้าไม่เช่นนั้น เอาแค่หัดพูดให้ชัด มี accent บ้างตามสมควร (ไม่ใช่พูดไปแบบ mono-tone แต่ก็ไม่ต้องขนาดว่า ไม่เห็นตัวแล้วนึกว่าฝรั่งพูดหรอก) พูดให้คล่อง ตอบโต้ฝรั่งกลางที่ประชุมได้สบาย (หรือจีบสาวได้คล่อง ๆ) ใช้ภาษาให้ได้สวย ๆ ก็น่าจะพอ แล้วเอาเวลาที่เหลือจากนั้นไปใช้กับการหาความรู้อื่น ๆ ใส่ตัวบ้างจะดีกว่า ชีวิตนี้มีอะไรให้ต้องเรียนรู้อีกมากมาย ทั้งนี้ก็แล้วแต่ว่า จขกท จะเห็นว่าอะไรสำคัญกับชีวิต และจะใช้เวลาไปกับเรื่องอะไร จากคุณ : คห 2 เขียนเมื่อ : 12 ก.ค. 52 18:41:42 A:58.8.242.224 X: TicketID:106200

ความคิดเห็นที่ 14 ทำอย่างไร ถึงจะหลุดพ้น จาก ภาษาอังกฤษ สำเนียงไทย ครับ ผมตอบตามหัวข้อกระทู้ครับ เพราะถ้าจขกท ต้องการเพียงเเค่สื่อสารได้ คงไม่เปิดประเด็นนี้ขึ้นมา หรืออาจจะถามความคิดเห็นท่านอื่นๆว่า จะทำอย่างไร มากกว่า มันจำเป็นไหม เเละจากคห 2  ประเด็นคือ การพูดให้เหมือน native English speaker นั้นมีความสำคัญกับ จขกท ขนาดไหน ตั้งเป้าหมายอนาคตไว้อย่างไร จะไปทำงานเป็นล่ามใน UN หรือเปล่า? การพูดภายใต้สำเนียงต้นฉบับ ผมไม่คิดว่า มันจำเป็นต้องฝึกเพื่อการทำงานระดับ UN หรืองานระดับชาติ สูงๆ ถ้าคุณ คห หมายถึงอย่างนั้น ซึ่งสำเนียงธรรมดาไม่เด่นเเต่เก่งความรู้สูงก็เป็นล่ามได้โดยไม่ต้องคำนึงสำเนียงเหมือนกัน เพราะฉะนั้นอยู่ที่ความสนใจส่วนบุคคลมากกว่า เเม้คนที่ไม่ได้ทำงานเกี่ยวกับภาษาเลยโดยตรงก็ศึกษาได้ การพูดตามสำเนียงเเบบเจ้าของภาษาเลยกลายเป็นเรื่องเกินตัว ถ้าคนไทยจะพูดภาษาอังกฤษ มันจำเป็นจะต้องยึด ภาษาอังกฤษสำเนียงไทยเป็นมาตรฐาน? คนที่จะเอาสำเนียงเเท้ๆ จะเรียนได้ก็ต่อเมื่อต้องนำไปใช้กับการงาน... เเล้วสนับสนุนว่า พูดให้ฝรั่งเข้าใจก็พอเเล้วไม่ต้องสนใจสำเนียง เเละจะกลายเป็นเรื่องดัดจริตถ้าจะมาเน้นสำเนียง เพื่อนล้อเพื่อนเเซว เป็นต้น ซึ่งคนไทยเกือบทุกคนไม่เเคร์เรื่องสำเนียง ทุกวันนี้เลยมีอังกฤษสำเนียงไทย เเละไม่ได้มีความหมายใดๆที่ว่า คห 2 ว่าไม่ควรปรับปรุง เเต่การที่คนคิดว่าเป็นเรือ่งยาก มันจะส่งผลในเรื่องความก้าวหน้าเเละพัฒนาการเเละเลิกล้มความคิดความตั้งใจน่ะครับ ส่วนเรื่องที่ผมจะรู้จักใครที่ได้สำเนียงอย่างเจ้าของภาษาโดยไม่ได้เติบโตในตปทไหม ผมไม่ถกตรงนี้ละกันครับ เเต่จะบอกจขกทว่า มีครับ เเละถ้าคุณมีความตั้งใจจริงก็ลองดู จากคุณ : Thaumaturge เขียนเมื่อ : 12 ก.ค. 52 20:00:20

ความคิดเห็นที่ 15 อ่านแล้วติดตรงเนี้ย "คนที่ไปอยู่ตปทมาหลายปี สำเนียงไม่ไปไหน ใช่ว่าเขาไปฝึกสำเนียงสิบปีเเล้วไม่ไปไหน เขาอาจพอใจที่มีที่เป็นอยู่ก็ได้ ซึ่งคนที่อยากได้สำเนียง เขาอาจจะใช้เวลาไม่กี่เดือน ในบ้าน" จะบอกให้นะคะ ทำไมคนไปอยู่ต่างประเทศหลายปี สำเนียงไม่ไปไหน และทำไมเค้าไม่มัวมาฝึกสำเนียงให้เหมือนเจ้าของภาษา มันไม่ใช่เรื่องพอใจกับที่เป็นอยู่หรอกค่ะ เพราะถ้าเลือกได้ ใครๆก็อยากเก่งขึ้นทั้งนั้นแหละ ถามหน่อยว่าคุณเรียนภาษาอีงกฤษเพื่ออะไร การเรียนภาษาเพราะวัตถุประสงค์ในการเรียนภาษาคือต้องการใช้ในการสื่อสารและ ประกอบอาชีพใช่มั้ยคะ หรือวัตถุประสงค์แค่อยากพูดอังกฤษเหมือนฝรั่ง ถ้ามีโอกาสไปเรียนหรือทำงานต่างประเทศ แต่วันๆมัวแต่นั่งฝึกเลียนสำเนียงเจ้าของภาษา (ซึ่งเจ้าของภาษาจากแต่ละส่วนของโลกก็พูดคนละสำเนียงกัน) และติดอยู่กับมันมากเกินไป มัวแต่มาห่วงเรื่องสำเนียง แทนที่จะเอาเวลาไปพัฒนาทักษะด้านอื่น หรือเอาไปเรียนวิชาที่เป็นประโยชน์กับหน้าที่การงาน ขอถามว่า สุดท้ายคุณได้อะไรคะนอกจากสำเนียง พูดสำเนียงเหมือนฝรั่ง แต่ความรู้ด้านอื่นไม่พัฒนาเท่าที่ควร เกิดประโยชน์อะไรกับชีวิตมิทราบ หลักๆแล้ว ออกเสียงคำให้ชัด เน้นเสียงให้ถูก เพราะถ้าเน้นเสียงไม่ถูก หรือใช้คำไม่ถูกนี่ ฝรั่งฟังไม่ออกค่ะ เข้าเมืองตาหลิ่วก็ต้องหลิ่วตาตาม ถ้าคุณอยู่ออส คนออสซี่นิยมออกเสียงคำไหนแบบไหน ก็จำไว้และใช้ตามค่ะ ถ้าย้ายไปอยู่ อเมริกาหรืออังกฤษ ก็ต้องปรับกันใหม่อีกเช่นกัน เรื่องฝึกสำเนียงน่ะ มีเวลาก็ควรทำค่ะ แต่ไม่ใช่ไปเน้นเป็นเรื่องหลัก เราว่านะแทนที่จะเอาเวลาไปมัวแต่เลียนสำเนียงฝรั่ง เอาเวลาไปหัดอ่าน Journal ในสายอาชีพ แล้วฝึกทักษะการเขียน การอภิปรายเกี่ยวกับเนื้อหาที่สนใจ จะดีกว่ามั้ยล่ะ จากคุณ : The Starry Night เขียนเมื่อ : 12 ก.ค. 52 20:11:31

ความคิดเห็นที่ 16   พูดกันไปคนละ wavelength แล้ว ไปไหนมา สามวาสองศอก ขอกราบลา ขออวยพรให้ จขกท ประสบความสำเร็จในการหลุดพ้นการพูดภาษาอังกฤษสำเนียงไทยในเร็ววัน จากคุณ : คห 2 เขียนเมื่อ : 12 ก.ค. 52 20:11:40 A:58.8.242.224 X: TicketID:106200

ความคิดเห็นที่ 17 คงเป็นเพราะเจ้าของกระทู้ไปเรียนออสเตรเลียกระมังคะ สำเนียงออสเตรเลียเป็นสำเนียงที่ฟังยาก แปร่ง ถ้าหากว่าคุณเคยชินกับสำเนียงอเมริกันหรือสำเนียงบริติชมา เวลาที่พยายามหัดออกเสียงก็อาจจะกำลังจะเข้าที่เข้าทาง  เพื่อนที่ได้ฟัง ก็อาจจะชินกับสำเนียงอเมริกันพอได้ยินคุณฟังถึงได้บอกว่าสำเนียงคุณฟังตลก เพราะถ้าคุณพยายามจะให้ได้สำเนียงออสซี่ มันก็คงแปร่งในความรู้สึกของเพื่อน เพราะคนออสซี่ ถ้าไม่ได้เป็นคนเมืองจริงๆ สำเนียงออก "แอว" ไปหมดทุกอย่าง (มีเพือนออสซี่อยู่แถวนี้ราวๆ 5 คน ฟังเค้าพูดทีไรแล้วปวดหัว ปรับประสาทไม่ทัน ยิ่งเวลานั่งก๊งเหล้ายิ่งฟังไม่รู้เรื่อง อิอิ...) อย่าไปเสียเซลฟ์ไปเลยค่ะ ถ้าอยากหัดพูดสำเนียงก็หัดๆไปเถอะ อุตสาหะเข้า วันหนึ่งสำเนียงคุณก็ย่อมดีขึ้นจากเดิมอยู่เอง สิ่งสำคัญที่สุดในการหัดออกเสียงสำเนียงก็คือ คุณต้องไม่มีความเครียดและกดดันตัวเอง  อย่าพยายามกดดันหรือพยายามมากเกินไป การที่คุณอยู่ท่ามกลางคนต่างชาติที่ใช้ภาษาอังกฤษมันก็จะทำให้การพูดของคุณเปลียนไปโดยอัตโนมัติ  พยายามอย่าคลุกคลีอยู่แต่กับคนไทย แต่ให้พยายามอยู่ในสังคมของเจ้าของภาษาอยู่ให้มากที่สุด แล้วภาษาคุณจะดีขึ้นเอง ดิฉันไม่มีทั้งความรู้เรื่องสัทศาสตร์และอักษรศาสตร์อะไรจะมาอ้างอิงช่วยหรอกค่ะ นอกจากทำเองกับมือล้วนๆนี่แหละ แต่อาจจะเป็นโชคดีอยู่บ้างที่บังเอิญเป็นเด็กบ้านนอกแบบติดชายแดนจนต้องมีครูเป็นแบบครูอาสา คือ ครูที่เป็นตำรวจตระเวนชายแดนและมิชชันนารี และมิชชันนารีผมทองนี่เองที่เป็นครูภาษาอังกฤษคนแรกในชีวิต   ไม่เคยมีปัญหากับสำเนียงไทยเลยถึงแม้ว่าจะพูดทั้งไทยทั้งอังกฤษตลอดระยะเวลาที่อยู่ไกลบ้านมาเป็นสิบๆปีจนถึงแม้ขณะนี้  ดิฉันก็ไม่รู้หรอกว่าตัวเองสำเนียงอะไร ถ้ามันจะตลก ก็คงตลกพอกันกับคุณนั่นแหละค่ะ เพราะเพื่อนต่างชาติเยอะแยะ แต่ละคนก็พกสำเนียงตัวเองมากันทั้งนั้น ทั้งฝรั่งแขกจีนญี่ปุ่นรัสเซีย แต่ละคนก็ตลกๆทั้งนั้นแหละค่ะ ไม่เห็นมีคนไหนพยายามจะเปลี่ยนตัวเองกัน อย่างเพื่อนอิตาเลี่ยน ก็จะฟังไปๆเหมือนฟังอิตาเลียน คนสวิสยิ่งหนัก ไม่รู้ตกลงเธอพูดอะไร  คำว่า hundred เธอออกเสียงเป็น ฮัน โหรด  August ก็ออกเป็น ออกุส  ก็คือ อะไรก็ช่างก็จะไปทางเยอรมันปนฝรั่งเศสเสียทั้งหมด แต่ก็ไม่มีใครว่าอะไรนะ หรือเพื่อนอินโดนีเซียเธอก็จะไม่สามารถออกเสีย "ช" ได้ เพราะฉะนั้น คำว่า "she" เพื่อนอินโดฯ ก็จะออกเสียงว่า "ซี"  คำว่า reply เธอก็จะออกเสียงว่า รีเพลย์  คำว่า battery เธอก็จะออกเสียงว่า แบด-ตะ-ไร เพราะฉะนั้น ถ้าคนไทยจะออกเสียงอะไรพิลึกๆไปบ้าง เช่นออกเสียงควบกล้ำพวก Changed ออกเสียงว่า เช้นนนนนน จึ โดยไม่ใช่ ชึดึ ต่อท้าย มันก็คงไม่ถึงกับทำให้ฝรั่งฟังไม่รู้เรื่องหรอกค่ะ ข้อสำคัญ การหัดออกสำเนียง คือการไม่ใช้เสียงโมโนโทน ประเภท อายที่จะทำเสียงเหมือนนกแก้วนกขุนทอง มันจะเป็นการปิดกั้นธรรมชาติการเรียนรู้ของคุณไปโดยไม่รู้ตัว เพราะมนุษย์เป็นสัตว์สังคม ธรรมชาติให้ความสามารถในการปรับตัวและเรียนรู้มากับมนุษย์ทุกคน ถ้าคุณปล่อยไปตามสบาย ระบบ"สัมผัสอัตโนมัติ" กับระบบ "ออสโมซีส" ในตัวคุณจะช่วยคุณเอง เพราะจริงๆแล้ว เจ้าของภาษา ไม่ว่าจะภาษาไหนก็ตาม ทุกคนที่เกิดมาหรือหัดเรียนรู้ เริ่มต้นจากการฟัง แล้วจึงพูด และพูดไปตามที่ได้ยิน ถ้าคุณปล่อยให้ธรรมชาติข้อนี้ของมนุษย์ช่วยคุณในการพัฒนาสำเนียงโดยที่คุณไม่พยายามจะไปตั้งป้อมหรือกดดันมัน มันก็จะช่วยคุณเองแหละค่ะ ดิฉันไม่ได้เชื่อ หรือ คัดค้านทฤษฎีใดๆทั้งสิ้น เพราะตัวเองไม่มีความรู้ในเรื่องเหล่านั้น ไม่รู้เหมือนกันว่าตัวเอง "ฝึกออกสำเนียง" ตั้งแต่เมื่อไหร่ รู้แต่ว่าก็พูดไปตามที่ได้ยิน แล้วมันก็ออกมาเป็นแบบที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ ซึ่งก็ยังไม่เคยมีฝรั่งคนไหนบอกว่าฟังไม่รู้เรื่องนะคะ จากคุณ : น้องแมวดอย เขียนเมื่อ : 12 ก.ค. 52 20:24:17

ความคิดเห็นที่ 18 pronunciation กับ stress ให้ถูกก็น่าจะใช้ได้แล้วเราว่า ใครจะว่าไงก็ช่าง แต่เรา ภูมิใจใน Ta English ไม่เหมือนใคร และไม่มีใครเหมือน ฮ่าๆๆ จากคุณ : ตา (ta/'o-o/') เขียนเมื่อ : 12 ก.ค. 52 20:44:53

ความคิดเห็นที่ 19 "คนที่ไปอยู่ตปทมาหลายปี สำเนียงไม่ไปไหน ใช่ว่าเขาไปฝึกสำเนียงสิบปีเเล้วไม่ไปไหน เขาอาจพอใจที่มีที่เป็นอยู่ก็ได้ ซึ่งคนที่อยากได้สำเนียง เขาอาจจะใช้เวลาไม่กี่เดือน ในบ้าน" อืม คุณคห 15 เเล้วผมบอกตรงไหนครับว่า ไปเพื่อเรียนเเต่สำเนียงเป็นเวลาสิบปี หรือคอยมัวเเต่มาฝึกสำเนียงระหว่างเรียนอะไรอย่างอื่น ถ้าเเบบนั้นจะไปตปทเรียนต่อทำไม เเละผมก็บอกอีกว่า ถ้าจะเรียนสำเนียง ไม่จำเป็นต้องไปถึงตปท เรียนที่บ้านก็ได้ ผมเพียงมาเพิ่มเติมจากข้อความนี้เท่านั้นของคุณคห2 "ผมมีคนใกล้ตัวหลายคน เรียนหนังสือที่ประเทศอังกฤษ / อเมริกา กันมาเป็น 10+ ปี ก็ยังไม่เหมือน native speaking เลยสักคน (แม้จะพูดได้ดี แต่ก็ไม่เหมือนฝรั่งอยู่ดี)" นั่นไงครับ ถึงได้บอกว่า คนที่ไปอยู่ตปทเป็นเวลานาน จะเอาเวลาเเต่มาฝึกสำเนียงคงไม่ได้ หรือบางคนที่คิดว่าพอใจกับเพียงเเค่สื่อสารให้เข้าใจเเละถูกต้องก็พอ "จะบอกให้นะคะ ทำไมคนไปอยู่ต่างประเทศหลายปี สำเนียงไม่ไปไหน และทำไมเค้าไม่มัวมาฝึกสำเนียงให้เหมือนเจ้าของภาษา มันไม่ใช่เรื่องพอใจกับที่เป็นอยู่หรอกค่ะ เพราะถ้าเลือกได้ ใครๆก็อยากเก่งขึ้นทั้งนั้นแหละ" ข้อเเรก ผมไม่ต้องให้คุณมาสอนนะครับ เเละเเน่นอนครับว่า ใครๆก็อยากเก่งขึ้นทั้งนั้น เเต่ถ้าคนไทยเน้นเรื่องสำเนียงอย่างเเพร่หลาย คงมีสถาบันเปิดคอรสสำเนียงกันถ้วนหน้าหล่ะครับ เเละทุกคนที่ผมรู้จัก นักเรียนที่ผมสอนมา 500 กว่าคน ไม่สนใจกับการเรียนสำเนียง เเละจะเลือกเเค่สื่อสารได้คล่องไม่ติดขัดไม่ผิดก็พอ เเต่ถ้าจะมาบอกว่า อยู่ๆคุณจะได้สำเนียงในพริบตา ก็มีเเต่คนอยากได้กันทั้งนั้น ทั้งหมดที่ผมพูดมานี้ อยู่ในประเด็นเเค่ว่า เป็นไปได้ไหมที่จะพูดให้ได้สำเนียงฝรั่งเเบบไม่ต้องไปตปทนานหลายปี หรือต้องตายเเล้วเกิดใหม่ เท่านั้นครับ ไม่ได้จะสรุปว่า อันไหนดีกว่าหรือสำคัญกว่าอันไหน เเละไม่ได้เเนะนำเจ้าของกระทู้ให้ตัดสินใจว่า ควรเรียนสำเนียงดีหรือไม่ กระทู้นี้เลยกลายเป็นว่า สำเนียงไม่จำเป็น ความรู้เเละทักษะอื่นสำคัญกว่า อย่าไปเสียเวลากับการเรียนดังกล่าว มันไร้สาระ จากคุณ : Thaumaturge เขียนเมื่อ : 12 ก.ค. 52 20:49:02

ความคิดเห็นที่ 20 ขอพูดในฐานะ คนที่ไม่ได้จบภาษาศาสตร์มาเลย แต่ อ่านหนังสือทางภาษาศาสตร์เล่มแรก คือ English Phonetics & Phonology ด้วยคำถามในใจเช่นเดียวกับ เจ้าของกระทู้ที่ได้ถามครับ อยากบอกว่า ผมศึกษาเป็นงานอดิเรกไปเรื่อย ฟังเทปและซีดี ควบคู่ไปกับการเรียนภาษาอังกฤษ as a Second Language หากใครได้เคยอ่านเกี่ยวกับ Language Acquisition น่าจะเข้าใจได้ว่า เมื่อเราพ้น Critical age เราจะศึกษาภาษาเป็นภาษาที่ 2 ผ่านระบบภาษาของภาษาแม่อีกทีครับ ซึ่งมันยาก แต่ก็ไม่ใช่ว่าทำไม่ได้นะครับ ก็อย่างที่ท่านข้างบนได้แนะนำ คือ ต้องศึกษา English Phonetics & Phonology โดยมีขั้นตอน คือ 1. ศึกษา Phonemes ของภาษาอังกฤษมาตรฐาน RP หรือ GA ก็ได้ เพราะ หนังสือและสื่อต่างๆมีมากมาย และเหมาะสมที่จะเป็น lingua franca ในการสื่อสาร ระหว่างสำเนียงในภาษาอังกฤษไม่ว่าคุณจะมาจากประเทศไหนก็ตาม 2. ศึกษา allophone ของ ทุกๆ allophones แล้วเปรียบเทียบกับภาษาแม่ หาข้อแตกต่าง และฝึกฝนให้แตกต่าง 3. ศึกษาเรื่อง Phonology โดยเฉพาะ stress และ Phonotactic รวมถึง Syllabicity กล่าวคือการเน้นหนักเสียง การเรียงตัวของกลุ่มพยัญชนะ และการแบ่งแยกพยางค์ ซึ่งต่างจากภาษาไทยมาก และถูกละเลยใน Advanced learners' Dictionary ทั่วไป โดยเฉพาะ ความแตกต่างของ Lax & Tense Vowels 4. ศึกษา Prosody การเชื่อมเสียงในรูปแบบต่างๆ 5.ศึกษา Intonation ถ้าพื้นฐานทางภาษาอังกฤษคุณดีอยู่แล้ว รูปหลักเปล่านี้แล้ว คุณจะซึมซับ การออกเสียงที่ถูกต้องได้เองครับ กล่าวคือ ในสมองของคุณตอนนี้ แบ่งเสียงในภาษาออกเป็นห้องเสียงแบบไทย มีกฎในการเชื่อมคำ เน้นเสียง และลงท้ายประโยคแบบไทย ที่ผมแนะนำให้ศึกษาคือ การสร้างชุด โปรแกรมของระบบเสียงอีกชุดในสมองของคุณครับ แต่ขั้นตอนที่ยากที่สุด คือการแยกแยะเสียงที่ไม่มีในระบบภาษาไทยให้ได้ แล้วคุณจะสร้างมันได้เอง รวมทั้ง เมื่อโครงสร้างระบบเสียงสมบูรณ์แล้ว การรับข้อมูลก็จะลงตัวกับโปรแกรมเสียงในสมองของคุณเองครับ ตอนนี้คุณฟังออกแล้วนะครับ เหลืออีกครึ่งทางเองสร้างเสียงนั้นให้คล้ายเจ้าของภาษาครับ ปล. มีวิธีที่ง่ายกว่านี้คือ รอไปในรุ่นลูกครับ คือสังคมไทยต้องต้องเริ่มสร้างสังคม  Bilingual ที่ทั้งสองภาษามี competence as Natives ครับ แต่ในรุ่นแรกคงต้องพึ่งครูต่างชาติในโรงเรียนวัยเด็กเล็กนะครับ เรียนรู้อย่างสนุกนะครับ ภาษามนุษย์ไม่อะไรยากเกินที่มนุษย์คนหนึ่งจะเรียนรู้ครับ คุณอาจจะไม่ได้มีสำเนียงเหมือนดร.จาก Oxford แต่ คุณอาจจะเป็นส่วนหนึ่งในการสร้าง Thai English Accents ที่ไม่ใช่ Thaiish หรือ Thai Pidgin English จากคุณ : Paphmania เขียนเมื่อ : 12 ก.ค. 52 23:07:27

ความคิดเห็นที่ 21 1.  ถ้าทุ่มเทให้การฝึกสำเนียงมากไป   จะทำให้เสียเวลาแทนที่จะไปพัฒนาด้านการสื่อความหมายให้สำเร็จ ตรรกะนี้  มัน..ใช่หรือคะ   ส่วนตัวดิฉันไม่คิดว่าจริง  แต่ก็ไม่ขอถกเถียงในประเด็นนี้นะคะ  ใครคิดอย่างไรก็แล้วแต่ท่าน 2.  คงต้องเกิดใหม่ถึงจะสำเนียงเหมือน a native speaker อันนี้  เป็นความรู้สึกส่วนตัว --- หม่อมปลื้ม  เค้าสำเนียงเหมือนเจ้าของภาษานะใช้ได้  ส่วนใครจะปลื้มหรือไม่ปลื้มหม่อมปลื้ม    ก็แล้วแต่เถอะ ถ้าจำไม่ผิด  ปลื้มเคยเล่าว่าไปอยู่อเมริกาตอน "ปริญญาตรี"  ไม่ได้อยู่แต่เด็ก ---  ตอนเรียนอยู่  มีเพื่อนคนหนึ่งชื่อ หลุย  ไปเรียน hi schl ที่อเมริกา กลับมาพูดเหมือนเป็นฝรั่งเปี๊ยบ ---  เคยรู้จักน้องคนหนึ่งผู้ชาย  ไปเรียน hi schl ที่แคนาดาสองปี   กลับมาก็พูดเหมือนฝรั่งเช่นกัน .......   พวกนี้  ไม่เห็นเค้าต้องไปเกิดใหม่เลยเนอะ    มีตัวอย่างอีกเยอะ  ขี้เกียจพิมพ์ยืดยาว ส่วนตัวเชื่อว่า  เป็น "ทักษะเฉพาะตัว" เหมือนร้องเพลงน่ะ  บางคนมันไม่เห็นต้องไปเรียนที่ไหนเลย  ร้องเพราะถูกคีย์ตั้งแต่เด็ก บางคน  หัดร้องยังไงก็ร้องไม่ตรงคีย์   บางคน สอนกันหนักๆหน่อยก็เลยตรงคีย์ได้ 3.  ภูมิใจในสำเนียงอังกฤษที่มีเอกลักษณ์ไทย  ไม่จำเป็นต้องใช้สำเนียงเจ้าของภาษา อันนี้ โอเคเลย  เป็นความสุขส่วนตัว  ขอโมทนาสาธุด้วย รู้จักกับอาจารย์ภาควิชา physics มหิดลท่านหนึ่ง  แกจบจากอังกฤษ พูดภาษาอังกฤษคล่องเป๊ะ  แต่ใช้สำเนียงไทย  ดูดีอยู่นะ  ดีเลยหล่ะ อุ้ย  ลืมใส่ชื่อ Classic จ้า แก้ไขเมื่อ 12 ก.ค. 52 23:40:55 จากคุณ : พระเอกละครหลังข่าว เขียนเมื่อ : 12 ก.ค. 52 23:39:46

ความคิดเห็นที่ 22   #19 ครับ... ยังไงก็เป็นไปไม่ได้ที่จะเหมือนสำเนียงใดสำเนียงหนึ่งร้อยเปอร์เซนต์ ถ้าคุณไม่ได้เป็น สมาชิกของสังคมนั้น (member of a community of practice) (อันนี้ไม่พูดถึง idiolect นะครับ) คล้ายมากได้...​แต่เหมือน...ไม่มีทาง... ต่อให้คนเขียนตำรา..เช่น พิณทิพย์ ทวยเจริญ หรือ ปรารมภ์รัตน์ มาพูด ก็ไม่เหมือนอาร์พี...คนที่ฟัง(เป็น)ก็รู้... ถ้าจะฝึกให้คล้ายมาก (ตอบจขกท) ก็พอจะทำได้...อย่างที่ #18 แนะนำ... แต่ว่า very unlikely ... เพราะว่า (ยกตัวอย่างเช่น) คำแนะนำที่ว่าให้ศึกษาหน่วยเสียงย่อย (allophone) มันไม่มีทางศึกษาได้หมด... ที่เค้าเอามาสอนๆกันมันแค่แบบพื้นๆ aspirated, unas, unreleased นั่นแค่สามตัวอย่าง หรือแบบ clear l, dark l, devoiced l, etc...นั่นก็คร่าวๆ...จริงๆอาจจะกล่าวได้ด้วยซ้ำว่า ทุกเสียงทุกตำแหน่ง..เป็น allphonic variation ล้วนๆ ... ดังนั้นคงเป็นไปไม่ได้ที่มานั่งศึกษาทุกตัว... อีกอย่าง reading style กับ spontaneous speaking style มันไม่เหมือนกัน... ดังนั้น เวลาเราไปพูดจริงๆ ฝึกมาดีอย่างไร ก็"หลุด"ได้อยู่แล้ว(เพราะมีส่วนอื่นๆให้ต้องคิด ต้องระวัง)... จะให้มาเหมือนเจ้าของภาษาคงทำไม่ได้ครับ... จากคุณ : texasprofessor เขียนเมื่อ : 12 ก.ค. 52 23:42:08 A:67.159.44.103 X: TicketID:220235

ความคิดเห็นที่ 23 เสริมอีกหน่อยว่า อันที่จริงเรื่องของการเรียนภาษา ทั้งหมดมันก็ควรต้องไปพร้อมๆกันอ่ะนะ (จึงจะไม่เกิดปัญหาเเบบทุกวันนี้) การออกเสียง คำศัพท์ ไวยกรณ์ เเต่ต้องค่อยๆเรียนค่อยๆสะสมมาเรื่อยๆเเต่เล็ก สำเนียงจึงเกิดขึ้นเองโดยอัตโนมัติ ไม่จำเป็นต้องไปหาเวลาฝึกเอาเองหรือกับที่ไหนๆ แต่เนื่องจากที่นี่เป็นประเทศไทย เเละกับความเป็นจริงที่ว่าภาษาอังกฤษไม่ได้เป็นภาษาเเม่ จึงเน้นภาษาเพืยงเพื่อการสอบให้ได้เกรดดีๆให้ผ่านๆไปเท่านั้น ที่บ้านก็คุยเเต่ภาษาไทย บวกสภาพเเวดล้อมที่ไม่เอื้ออำนวยให้เกิดความเคยชินด้านการพูดฟังภาษาอังกฤษ จึงต้องมาเรียนภาษาอังกฤษเพิ่มเติมในภายหลังเเบบลวกๆเพื่อจะมาทำงาน หรือเรียนต่อ กับคอรสไวยกรณ์สำหรับคนอ่อนไวยกรณ์ คอรสโทเฟลสำหรับคนจะเรียนต่อ คอรสสนทนาธุรกิจ คอรสออกเสียงในสาขาสัทศาสตร์ในมหาลัยหรือบางสถาบัน ฯลฯ เเต่ถ้าเรียนโดยเริ่มเน้นภาษาในทุกๆส่วนไปพร้อมกัน ปัญหาเรื่องฟังไม่ออก พูดออกเสียงผิดๆ หรือใช้ศัพท์ไวยกรณ์ไม่เป็น ก็จะหมดไปหรืออย่างน้อยก็ลดปัญหาเหล่านี้ไปได้มาก ส่วนมากที่ฟังเจ้าของภาษาไม่รู้เรื่องก็เป็นเรื่องสำเนียงเเหละครับ ทั้งๆที่เขาพูดเรื่องธรรมดาๆมากับไวยกรณ์คำศัพท์ที่เรารู้จักเป็นอย่างดี อย่างการเชื่อมต่อพยัญชนะท้ายกับสระเริ่มต้นที่ตามมา   จึงมีคำเเนะนำต่างๆตามมาภายหลังว่า "ต้องฝึกฟังให้เยอะๆ ให้คุ้นเคย หาฝึกได้ตามเวปต่างๆ หรือจากหนัง วิทยุ วันนึงควรฟังกี่ชั่วโมง ๆ ฯลฯ " ภาษาอังกฤษตอนนี้ถือเป็นวิชาพื้นฐานเเละเป็นภาษามาตรฐานที่จำเป็นยิ่ง จึงน่าจะมาพัฒนาระบบการเรียนการสอนตั้งเเต่เริ่มต้น มากไปกว่าการมาเน้นภาษาทีหลังเเบบเฉพาะหน้าซึ่งจะกลายเป็นเรื่องยาก เพราะเราจะยิ่งไม่มีเวลา ยิ่งโตขึ้น เวลาก็ยิ่งมีจำกัด เเละก็มีความรับผิดชอบต่างๆมากมาย ปัญหาส่วนตัว (ลิ้นเเข็ง หูเเละสมองไม่รับ ความอายไม่มั่นใจ) จึงต้องมาเลือกว่า อะไรสำคัญจำเป็นกับผู้จะเรียน อะไรไม่สำคัญ สำเนียงจึงกลายเป็นเรื่องไม่จำเป็นหรือจำเป็นน้อยที่สุดทันที จากความคิดที่ว่าภาษาเอามาใช้เพื่อสื่อสารกันให้เข้าใจเป็นพอ เเต่หารู้ไม่ว่า สำเนียงนี่เเหละที่ทำให้เราเข้าใจเเละไม่เข้าใจภาษา ทุกส่วนมันสำคัญหมด ไม่ควรขาดอะไรไป คนเก่งไวยกรณ์จัดก็ฟังไม่ออกกันก็มี คนฟังเก่ง เเต่ไม่เข้าใจว่าเเท้จริงหมายถึงอะไรเพราะรู้ไวยกรณ์ไม่ครบ เป็นต้น เเต่ก็นะ คงเป็นไปไม่ได้อีกนั่นเเหละที่จะจ้างครูฝรั่งมาสอนให้ทุกโรงเรียนนอกจากรร นานาชาติซึ่งมันเเพงมาก อีกทั้งจะมาปลูกฝั่งให้คนรักภาษาอังกฤษเเต่เด็กอีก ปัญหาทั้งหลายนี้จึงคงอยู่ไปเรือ่ยๆ จากคุณ : Thaumaturge เขียนเมื่อ : 12 ก.ค. 52 23:57:19

ความคิดเห็นที่ 24   ลองซื้อหนังสือ CD มาฝึก... ถ้าอยากจริงๆ เพื่อการงาน หรือ สำเนียงมันแข็งแปร่งมากๆต้องการขัดเกลา หรือ เพื่อความพอใจส่วนตัว ก็มีแบบ professional ช่วยทางนี้ อาจจะไม่กำจัดสำเนียง แต่ช่วยลดสำเนียงได้ เขาเรียก voice coach, speech coach, speech-language pathologist, หรือ speech therapy อะไรนี่แหละ บางมหาวิทยาลัยก็อาจมี speech clinic ให้บริการ ... จากคุณ : - เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 52 00:06:30 A:72.81.183.56 X:

ความคิดเห็นที่ 25 ส่วนคห 22 ผมจะเห็นด้วยกับคุณนะครับเเละทุกท่าน ว่ายากหรือเป็นไปไม่ได้ที่จะให้ได้ 100% เเต่เนื่องจากผมเจอมาเเล้วเเละฝรั่งเองก็งงทึ่งเหมือนกัน ซึ่งยังไงผมก็ยืนกรานเป็นเสียงเดิมว่า ทำได้ครับ เเต่อาจเป็นส่วนน้อย ที่ถึงจะเป็นเพียงไม่กี่ปซของทั้งหมด เเต่มันก็ยังเป็นปซของความเป็นไปได้ครับ จากคุณ : Thaumaturge เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 52 00:07:34

ความคิดเห็นที่ 26 ขึ้นอยู่กับพรสวรรค์ของคนจริงๆ รุ่นน้องเรียน AFS แค่ 1 ปี แม้กับมาเรียนมหาวิทยาลัยในไทย สำเนียงเหมือน American มากถึงมากที่สุดเมื่อจบมาทำงานแล้ว เธอมีพรสวรรค์ในการฟัง แยกแยะ ร้องตามเพลงไทยฝรั่งแค่ฟังสักเที่ยวหรือสองเที่ยว ผมว่าเธอหูทองมากๆ ส่วนอีกคน เรียนในออส 6 ปี กลับมาสำเนียงยังเหมือนไทยๆ เช่นเดิม พูดไม่คล่อง แต่เขียนเก่งมาก คนนี้มีปัญหาในการฟังแต่ไหนแต่ไรแล้ว ฟังเพลงไม่รู้เนื้อตั้งแต่อยู่ ม ปลาย อยู่ที่พรสวรรค์ และพรแสวงจริงๆ จากคุณ : K.Senior เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 52 03:06:28

ความคิดเห็นที่ 27 เราว่า คคห 22 พูดถูกนะ แล้ว คนที่ฟัง(เป็น)ก็รู้...อันนี้เรื่องจริงมากๆเลยหละ...!!! ยกตัวอย่างเช่นเรามีเพื่อนคนไทยคนหนึ่งที่แต่งงานกับผู้หญิงอังกฤษที่พูดชัดแบบผู้ดีอังกฤษจริงๆ (เราคิดว่าแฟนเพื่อนเราพูดชัดแล้วพูดเพราะมากๆ จริงๆ ในตอนนั้น) ซึ่งในเวลาไล่เลี่ยกันเราก็แต่งงานกับผู้หญิงอังกฤษที่พูดอังกฤษแบบสำเนียง cockney   พอแฟนเพื่อนเราเจอแฟนเรา แล้วคุยกันนะ  เราก็หลงคิดว่าแฟนเพื่อนเราพูดแบบ RP ผู้ดีมากกว่าแฟนเราที่พูดสำเนียง cockney แต่ที่ไหนได้ พอพูดกันได้ไม่กี่คำนะ แฟนเราดันทักแฟนเพื่อนเราออกมาว่า "You've got a slight foreign accent, haven't you?"   ...เราก็งงว่ะ แล้วหันไปถามเพื่อนเราว่า "เฮ้ยแฟนเรารู้ได้ไงกันหว่า หรือเดามั่ววะ?"   เพื่อนเราตอบว่า เมียเขาก็เคยโดนคนอังกฤษด้วยกันทักบ่อยๆว่ามี foreign accent ...คือว่า พ่อเธอเป็นชาว Polish (ขนาดเมียเพื่อนเราเกิดในอังกฤษยังมีสำเนียงพ่อติดมานิดๆเลยหละ) เพื่อนเราอธิบายว่าพวกเราคนไทยฟังกันไม่รู้หรอก (เพื่อนเราก็ยอมรับว่าทีแรกเขาก็ฟังไม่รู้) แต่พวกคนอังกฤษฟังกันเอง รู้แฮะ....??!! แล้วอีกอย่างหนึ่งคนไทยหลายๆคนที่พูดสำเนียงอเมริกันที่คนไทยด้วยกันออกปากชมว่า "ชัดเหมือนเจ้าของภาษา" น่ะ ส่วนใหญ่ "ชวนเชื่อ" ว่าชัด เพราะมีเสียง drawl นำหน้ามาแต่ไกล และออกเสียง r ทุกหนทุกแห่ง ได้ดีจริงๆ ก็เลย ฟังค่อนข้างแนบเนียน แต่พอเอาเข้าจริงๆนะ บ่อยครั้งที่ในหลายๆจุด "จะมีที่พอจะหาจับผิดได้" ที่เจอ ซึ่งเราตั้งฉายามันว่า "สระหลอก" คือหลอกให้ออกเสียงผิด เพราะ stress มันย้ายที่ (เสียงสระเลยเปลี่ยนไปเรื่อยๆ)  บางที สระเอ กลายเป็น สระอิ หรือสระอิ กลายเสียง schwa นะ...ฯลฯ... เราจับผิดได้บ่อยๆว่าคนไทยพวกนั้นไม่ได้ออกเสียง "สระหลอก" อย่างถูกต้อง แต่อาศัย  เสียง American drawl กับเสียงตัว r นำหน้ามาแต่ไกล (จนกลบสำเนียงไทยไปได้หลายส่วน) เลยฟังดูแนบเนียนดีมากๆ แต่ว่าอะนะ ถ้าอัดเสียงมาวิเคราะห์และสังเคราห์กันดีๆแล้วนะ ถึงขนาดมาดู phonetic transcription หรือดู graph เสียงยันกัน จะบอกได้เลยหละว่า ถ้าฟังกันดีๆแล้วนะ อย่างที่เรียกว่า "คนที่ฟัง(เป็น)ก็รู้...."  นั่นหละ จะหาส่วนที่ไม่เหมือนเจ้าของภาษา 100% ได้มากพอสมควรเลยทีเดียวหละ...!!! แก้ไขเมื่อ 13 ก.ค. 52 11:05:01 แก้ไขเมื่อ 13 ก.ค. 52 05:01:39 แก้ไขเมื่อ 13 ก.ค. 52 04:58:22 จากคุณ : fortuneteller เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 52 04:53:33

ความคิดเห็นที่ 28   เข้ามาอ่านเก็บความรู้ค่ะ ขอไม่แสดงคคห นะคะ แต่นอกเรื่องค่ะ จขกทเก่งนะคะ ที่แยกสำเนียง จีน ญี่ปุ่น ฝรั่งเศส เยอรมัน ฯลฯ ดิฉันเองกลับแยกได้ระหว่าง อังกฤษ อเมริกัน และออสเตรเลีย แต่ไม่สามารถสำหรับคนต่างชาติค่ะ เพราะส่วนตัวดิฉันว่าภาษาอังกฤษสำเนียงต่างชาตินั้นแยกยากกว่าสำเนียง native ยกเว้นสำเนียงอินเดียแยกได้ง่าย อีกอย่างมีหน้าตาให้ดูประกอบด้วยค่ะ จากคุณ : ผ่านมา เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 52 07:23:44 A:115.129.2.90 X: TicketID:166806

ความคิดเห็นที่ 29   จขกท ไม่ต้องคิดหนีสำเนียงไทยหรอกครับ การออกเสียงที่ถูกต้องและใช้ภาษาที่ดีคงไม่ต้องถึงขั้นนั้น ผมเองยังหนีทองแดงไม่ได้ 100% เลย ส่วนภาษาอังกฤษผมยอมแพ้ครับที่จะให้สำเนียงเหมือนเจ้าของภาษา ไม่มีพรสวรรค์ใดๆเลย ยังไม่ใกล้เคียงด้วยซ้ำทั้งๆที่จบชั้น 15 ที่ AUA ก่อนมาอเมริกาเมื่อ 37 ปีที่ แล้ว แม้แต่ภาษาเขียนก็ยังไม่น่าพอใจเลย แต่เคยสอนภาษาไทยให้ข้าราชการคนหนึ่ง ผมแยกไม่ออกว่าเธอมีแม่เป็นจีนพ่อเป็นอเมริกันขาว ผมออกเสียงคำไทยคำไหนเธอทำตามได้หมด แม้แต่ "ง" ตอนนี้คงพูดไทยปร๋อไปแล้ว เพราะมาอยู่ไทยสามปีแล้ว ขออนุญาตสวัสดี คุณ : แอ๊ด ปากเกร็ด , คุณ genf, คุณ: texasprofessor, คุณ : K.Senior สบายใจที่จะเรียกท่านทั้งหลายว่านักภาษา จากคุณ : อิสวาสุ เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 52 08:11:55 A:71.114.54.31 X: TicketID:146114

ความคิดเห็นที่ 30 สวัสดีครับ คุณอิสวาสุ สบายดีนะครับ ลูกศิษย์คุณอิสวาสุมาทำงานกระทรวงสาธารณสุขหรือครับ เห็นที่นั่นมีหน่วยงานร่วมไทย-สหรัฐฯอยู่ด้วยอีกแห่งหนึ่งนอกเหนือไปจากหน่วยที่ผมเคยทำงาน จากคุณ : แอ๊ด ปากเกร็ด เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 52 09:23:55

ความคิดเห็นที่ 31   สวัสดีครับ อยู่สถานทูตครับ จากคุณ : อิสวาสุ เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 52 09:46:47 A:71.114.54.31 X: TicketID:146114

ความคิดเห็นที่ 32 >>> ทำอย่างไร ถึงจะหลุดพ้น จาก ภาษาอังกฤษ สำเนียงไทย ครับ ขอตอบแบบกำปั้นทุบดินค่ะ ... ฝึก ฝึก ฝึก ฝึก และ ฝึก ค่ะ มันไม่มีทางอื่นค่ะ ส่วนจะฝึกด้วย "วิธี" ใด อันนั้นแล้วแต่จะหาความรู้ ลองทำด้วยตัวเองค่ะ บางคนไปเ้รียนทางภาษาเลย บางคนมีแฟน สามี/ภรรยา เป็นเจ้าของภาษา บางคนดูหนังฟังเพลง บางคนแฮงก์เอ้าท์กับฝรั่ง แล้วก็ "ฝึก" เลียนสำเนียงเอา ขอเอาใจช่วยค่ะ จากคุณ : Genuine XXX เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 52 10:34:10

ความคิดเห็นที่ 33 จากประสบการณ์ที่พบคนไทยที่อยู่ต่างแดนนานๆมาหลายรายที่แต่ละคนก็อยู่ประเทศโน้นบ้างประเทศนี้บ้างนะ ขอบอกได้เลยว่า จขกท (ที่อยู่ออสเตรเลีย) กับคนไทยคนอื่นๆที่อยู่อังกฤษ อาจไม่โชคดีมากเท่าคนไทยกลุ่มที่อยู่อเมริกานานๆ เพราะอะไร? ตอบ เพราะจากสถิติที่เจอคนไทยชมคนไทยด้วยกันว่าพูดชัดเหมือนเจ้าของภาษา (จะจริงๆไม่จริง ก็สุดแล้วแต่จะคิด) นั้น ส่วนใหญ่จะชมคนไทยพูดสำเนียงอเมริกัน (ไม่ค่อยจะมีคนไทยชมคนไทยพูดสำเนียงออสซี่หรือสำเนียงอังกฤษ) เพราะตามที่เราอธิบายไว้ใน คคห 27 นั้นก็คือว่า American drawl และเสียงตัว r ในสำเนียงอเมริกัน (ซึ่งมีออกเสียงมากกว่าในสำเนียงคนอังกฤษหลายเท่านั้น) "ช่วยทำลายสำเนียงไทยไปได้หลายส่วน" (เราคิดว่า สำเนียงอเมริกันมันหนักกว่าสำเนียงไทย) แต่จะพูดเหมือนอเมริกันจริงๆหรือเปล่า นั่นมันอีกเรื่องหนึ่ง ก็อย่างที่พูดไว้ว่า "คนที่ฟัง(เป็น)ก็รู้..." แต่ในขณะเดียวกัน สำเนียงคนอังกฤษ ไม่ค่อยจะมีเสียงอะไรหลายๆเสียงที่จะมาทำลายสำเนียงไทย (สำเนียงไทยหนักกว่าสำเนียงคนอังกฤษ) เราว่าเสียงคนออสซีก็คงคล้ายๆกัน (มีคนอังกฤษบอกว่าคนออสซี่พูดคล้ายๆคนอังกฤษจาก Birmingham หรืออะไรทำนองนั้น) และสำเนียง RP ของคนอังกฤษมี intonations ที่ซ้บซ้อนมากๆ  คือมันคล้ายๆกับร้องเพลง ถ้าร้องผิด key หรือผิดจังหวะ ไปแม้แต่นิดเดียว ละก็ "เสียงมันจะแปร่งออกไปเลย จนขนาดคนหูไม่แหลมคมมากนัก ก็ฟังรู้" จึงทำให้คนไทยที่เรียนภาษาอังกฤษแบบ British English พูดแล้วใส่ intonations แบบเป็นธรรมชาติเหมือนคนอ่านข่าว bbc ให้เหมือนๆนะ จะทำได้ยากมากๆจนถึง nearly impossible ส่วนใหญ่จะทำได้แค่ออกเสียงชัด stress ชัด แล้วพูดออกมาเป็นแบบ monotone จากคุณ : fortuneteller เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 52 10:58:19

ความคิดเห็นที่ 34 ตกลง ถ้าคุณ จขกท เขาคิดถึงการ "หนี" ภาษาอังกฤษสำเนียงไทย หนี แปลว่าต้องพูดสำเนียงอังกฤษเหมือนเจ้าของภาษา 100% จนถึงขนาดต้องให้คนหูทอง หูเทพ คนความสามารถสูงส่งฟังเป็น มาฟังแล้วจับไม่ได้ อย่างนั้นหรือ? คนต่างชาติ สำเนียงได้ไม่เหมือนเจ้าของภาษา 100% อันนี้ แน่ยิ่งกว่าแน่ จริงอย่างที่สุด แต่คนต่างชาติที่อยากจะ "สำเนียงดี ใกล้เคียง native" ก็คงไม่ต้องถึงกับไปเกิดใหม่หรอกเนอะ เพราะว่า  เหมือนกับ #25  เคยได้ยินฝรั่งชมคนไทยด้วยกันมาแล้วเรื่องสำเนียง เจ้าของภาษาเค้าออกปากชมเอง  ก็แสดงว่าคนไทยคนนั้นก็พอใช้ได้อยู่  ถึงแม้จะไม่ใช่ 100% เออ  หรือว่าเจ้าของภาษาคนนั้นเค้าอาจจะ "ฟังไม่เป็น" ก็เป็นได้มั้งนะ แก้ไขเมื่อ 13 ก.ค. 52 11:57:35 แก้ไขเมื่อ 13 ก.ค. 52 11:23:31 จากคุณ : Classic (พระเอกละครหลังข่าว) เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 52 11:19:09

ความคิดเห็นที่ 35 โอ้ ไปกันใหญ่ครับบ ตัวผมเอง ขอแค่ พูดให้ถูกต้อง เรียงประโยคให้ถูกต้องตามหลัก Grammar Pronounce ให้ถูกต้อง แค่นี้ก็พอใจแล้วครับ  แต่คือตอนนั้นคือเสียความมั่นใจ นิดหน่อย กับคำพูดของเพื่อน ที่บอกว่า โห ไปเรียนตั้งหลายเดือนแล้ว แต่ไม่เห็นจะดีขึ้นเลย สำเนียงตลก มากๆ  (คำว่าตลกนี่มันทำให้รู้สึกแย่กว่า สำเนียงไทยอีกนะ)   ทั้งๆ ที่เพื่อนผมคนนี้ ภาษาก็แย่กว่าผมแน่นอน ไม่ต้องพูดถึงเรื่องสำเนียง   อ้อ แต่เค้าก็เก่งกว่าผมในเรื่องของศัพท์ทางการแพทย์ แหละ   เพราะเรียนมาทางด้านนี้ ฮ่า ฮ่า จากคุณ : NO one see ME เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 52 11:29:48

ความคิดเห็นที่ 36 ถึงบอกไงว่า อย่าคิดมาก ลุยโลด แล้วดีเอง จากคุณ : แอ๊ด ปากเกร็ด เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 52 12:39:11

ความคิดเห็นที่ 37 สำหรับเรา เราว่าแค่ stress ให้ถูกที่  คุยแล้วไม่ต้องถามซ้ำบ่อยๆ ก็พอแล้วล่ะค่ะ เคยคุยกับฝรั่ง เค้าชมว่าสำเนียงดี หลงดีใจอยู่ตั้งนาน ไปๆ มาๆ เห็นเค้าชมทุกคน เลยรู้ว่าจริงๆ แล้วฝรั่งปากหวานนี่เอง จากคุณ : lalabel เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 52 13:20:19

ความคิดเห็นที่ 38 ยากแต่ไม่ใช่เป็นไปไม่ได้ มีขั้นตอนดังนี้จ้า 1. หัด phonetics ออกเสียงให้ถูกทั้ง consonants และ vowels จะตามมาตรฐานอังกฤษ/อเมริกัน/ ออสซี่อะไรก็ว่าไป 2. หัด stress เรียนมันทุกตัวทุกคำ stress ผิด ก็คือพูดผิดจ้ะ ทำ 1-2 ได้คุณก็พูดภาษาอังกฤษได้ค่อนข้างดีแล้ว คนไทยส่วนใหญ่ก็ได้แค่นี้แหละ เพราะเรียนมากว่านี้มันก็ไม่ค่อยจำเป็น แต่ถ้าคุณเป็นพวกนักแสดง หรือล่ามมืออาชีพที่ไม่ได้เกิดมา bilingual คุณต้องเข้าโรงเรียนพิเศษ หรือจ้างผู้เชี่ยวชาญมาสอนข้อ 3 คือ 4. เรียน intonation และ speech pattern อยากจะได้สำเนียง แคลิฟอเนียร์ สำเนียงอังกฤษ หรือสำเนียงนิวยอร์ค ฯลฯ อะไรก็ได้ทั้งนั้น ปล จากประสบการณ์ส่วนตัว สำเนียงอังกฤษ และออสเตรเลีย เลียนแบบค่อนข้างยาก ให้เลียนสำเนียงมาตรฐานอเมริกัน (ที่พูดกันแถบ Northeast) จะพูดได้เหมือนง่ายที่สุด ปลล เท่าที่รู้มีโรงเรียนวิชา speech เฉพาะอยู่ที่เวียนนา แต่ที่อื่นๆก็คงมีจ้ะ จากคุณ : อำแดงมา เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 52 13:30:54

ความคิดเห็นที่ 39 สำหรับเราคิดว่าการไปอยู่ต่างประเทศไม่เกี่ยวกับสำเนียงมั้ง เพราะเราเองก็ไม่เคยมีสำเนียงไทยอ่ะ ส่วนมากจะติดเป็นอเมริกัน บางครั้งที่พูดเป็นบริติช อาศัยการดูหนัง ฟังเพลงเอา เคยไปอเมริกาแค่ครั้งเดียวไม่นานด้วยแค่ไม่กี่เดือน แต่สำเนียงอ่ะได้มาก่อนหน้านั้นแล้ว อาจจะไม่เป๊ะๆแต่ก็คล้ายเจ้าของภาษาอยู่มาก จากคุณ : PanG (PanGuN) เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 52 13:38:40

ความคิดเห็นที่ 40 มาสนับสนุน ความคิดเห็นที่ว่า สำเนียง ไม่ค่อยจะมีความจำเป็นในการสื่อสารเท่าไหร่ ขอให้ pronunciation ถูก ฝรั่งฟังออกหมดครับ แต่ถ้าเป็นความชอบส่วนตัว ที่อยากจะพูดให้ใกล้เคียงเจ้าของภาษา ก็ต้องฟังพูดคุย เยอะๆละครับ แล้วก็คงจะปรับตัวให้พูดใกล้เคียงได้เอง ส่วนจะนานแค่ไหนก็แล้วแต่ๆละคนมั๊งครับ ถ้าเป็นไปได้ ผมอยากพูดสำเนียงทาง british ฟังดูน่ารักดี (ผมอยู่ California) จากคุณ : หมี่จับกัง เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 52 14:11:03

ความคิดเห็นที่ 41   เราคิดว่าการออกเสียงให้เหมือน native เนี่ยประกอบจากสองส่วน ส่วนแรก คือการออกเสียงให้ถูกต้องอย่าง native ส่วนที่สอง คือ วิธีการเปล่งเสียงคะ การออกเสียงให้ถูกต้องเนี่ย สามารถเรียนรุ้กันได้ อย่างความเห็นด้านบนยกตัวอย่างให้ฟัง คุณอาจจะใกล้เคียงกับ native 70-80% แต่ปัญหาคือการเปล่งเสียงในส่วนที่สอง ด้วยธรรมชาติของภาษาไทย จีน แถบเอเชีย เราออกเสียงจากปาก คอ ลิ้นแบนๆ ในขณะที่ฝรั่งออกเสียงขึ้นจมูก เพราะงั้น ทำยังไงก็ไม่เหมือนคะ เราเปลี่ยนตรงนี้ไม่ได้นะคะ คนเอเชียที่เกิดในอเมริกา บางคนยังทำไม่ได้เหมือนกันคะ เพราะที่บ้านอาจจะพูดภาษาจีนหรือเวียตนามนะ จากคุณ : su su! เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 52 16:35:45 A:202.79.203.43 X: TicketID:159640

ความคิดเห็นที่ 42 เรามายืนยันให้ออกเสียงให้ถูกต้อง "L" and "R", "SH" and "CH" ให้ถูกต้องเพราะเจ้าของภาษาจะไม่เข้าใจคุณเลยถ้าคุณออกเสียงไม่ถูกต้อง ยกตัวอย่างง่ายๆ เช่น คำว่า "rice" "lice" ความหมายเปลี่ยนไปเลย อีกคำที่ตอนแรกทำให้เรามัปัญหานิดหน่อยเวลาออกเสียงซึ่งสำหรับเรา ยกให้เป็นคำเทพปราบเซียนเลยทีเดียวเหมือนจะง่ายแต่ออกให้ถูกต้องอะยากคำว่า "Australia" อาจจะธรรมดาสำหรับท่านอื่นแต่สำหรับเราเวลาเอ่ยถึงประเทศนี้แต่ก่อนต้องหยุดนิดนึงเพื่อออกเสียงให้ถูก แฟนเราจะติงเป็นประจำว่าออกเสียงให้ถูก ต้องชัดไม่งั้นเจ้าของภาษาจะงงได้ค่ะ  สำเนียงยูอะมีแต่ว่าถ้ามี "สำเนียง" แต่ออกเสียงไม่ถูกต้องก็ไม่มีความหมายหรอก (นี่คือสิ่งที่แฟนเราบอกเราเสมอๆค่ะ) ตัวเราเองแต่ก่อนเรามั่นใจระดับหนึ่งว่าเราออกเสียงชัดและสำเนียงก็ใช้ได้อยู่พอมาเรียนที่นี่ สาขาที่เรียนและยิ่งมาเจอแฟนทำให้เราหมดความมั่นใจและกลับไปฝึกออกเสียงใหม่ด้วยตัวเอง  วิธีฝึกของเราก็ง่ายมากๆ ฝึกหัดพูดคำนั้นหลายๆครั้งเวลาอาบน้ำ อยู่คนเดียวก็หัดไปเรื่อย Australia นี่ฝึกพูดเป็นร้อยจนได้แบบราบรื่นถูกต้อง เวลาเดินออกไปข้างนอกกับแฟนก็ "right" "left"แบบนี้ไปเรื่อยๆ เพราะเราบางทีเวลาพูดเร็วๆๆจะ"ลืม" ออกเสียง "r" "l" เสมอสิ่งเป็นนิสัยที่ไม่ดีมาก ต้องปรับปรุง ขอนอกเรื่องนิดนึงเป็นเรื่องเกี่ยวกับภาษาเหมือนกัน ซึ่งทำให้เพื่อนคนเกาหลีในห้องเรียนถึงกับไม่ชอบหน้าเราเลยทีเดียว คือวันนั้นอากาศร้อนมากเธอก็พูดว่า "Oh, I'm very hot" แล้วก็เอาหนังสือมาพัดๆๆให้มีลมเย็นๆ ด้วยความหวังดีจริงๆของเราและประกอบกับเธอเป็นเพื่อนของเราด้วย เราก็บอกและอธิบายกับเธอไปว่าพูดแบบนี้ไม่ได้นะมันจะหมายความว่า ชั้นเนี่ยเซ็กซี่มากๆ ถ้าจะพูดให้พูดว่า "it's too warm or it's really warm" เธอโกรธเราค่ะ และเอาเราไปว่าลับหลัง คือเราก็คิดไงคะว่าถ้าเราพูดผิดแล้วมีคนแก้ให้เรานี่เราจะดีใจมากเพราะเราจะได้ไม่ทำไป พูดผิดๆในครั้งต่อไป แต่พอโดนเธอทำแบบนี้ไปก็เป็นงง และทำให้เราเก็บปากเก็บคำไปเลยค่ะ จริงๆเรากลับตลกนะคะอาจจะเป็นความอ่อนไหวของแต่ละคนต่างกัน (แก้ไขย่อหน้า) แก้ไขเมื่อ 13 ก.ค. 52 17:05:33 แก้ไขเมื่อ 13 ก.ค. 52 17:03:49 จากคุณ : Piccolo Amore เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 52 17:01:14

ความคิดเห็นที่ 43   แล้วเพื่อน จขกท.คนที่แซวล่ะครับ สำเนียงไหน จากคุณ : พลายแป้ง เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 52 18:30:41 A:128.178.254.216 X: TicketID:120371

ความคิดเห็นที่ 44 ไม่ได้อ่านข้างบนนะ แต่อยากตอบกระทู้ เกิดไปแย้งข้อความใคร อย่าว่ากันนะ เราใช้วิธีเลียนแบบอย่างเดียว ไม่มีหลักการอะไรอ่ะ   ให้เสียงมันบันทึกไว้ในสมอง คิดว่ามันคงมีช่องเก็บที่ไหนสักช่องล่ะ สังเกตตัวเองว่าช่วงที่รวมอยู่ในกลุ่มฝรั่งเลย สำเนียงจะได้ใกล้เคียง ถ้าห่างออกมานานๆ  สำเนียงก็อาจจะแย่ลงบ้าง แต่มันไม่ถึงกับหายไปไหน ติดสำเนียงชาติตัวเองไม่ใช่เรื่องที่น่าอับอายนะคะ เราเห็นดาราฝรั่งเยอะแยะ เป็นชาติไหนสำเนียงเขาก็ติดชาตินั้น   ถ้าไม่เหน่อจนน่าขันหรือฟังไม่รู้เรื่อง ก็ไม่ต้องคิดมากน่ะ จากคุณ : TulipOnLine เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 52 21:33:06

ความคิดเห็นที่ 45 Yet another victim of learning English from classroom.  It's rather obvious that learning from unnatural method would lead to unnatural results. To reach native-speaker level, you have to learn from mixing English into your daily life from the start and let it comes naturally.  As side benefits, this method is free, no homework to do, less stressful and can even be fun.  My 10-year old daughter learn English by playing with her Canadian friends.  She does not know any rules of English language but she speak native English with perfect grammar.  She also speaks native-level Thai because she speaks in Thai with us daily. Thai people only think classroom and text book.  That's why they can only be good but can never be great.  Once you follow the wrong path, it's hard to unlearn and get back to the right path.  Ever wonder why Thai students put up with 12 years of English classe in primary/secondary school and may be study some more in a university,  but they can not use English as well as a 10-year old girl who put up little or no effort in learning English? แก้ไขเมื่อ 13 ก.ค. 52 23:34:36 แก้ไขเมื่อ 13 ก.ค. 52 22:01:08 แก้ไขเมื่อ 13 ก.ค. 52 21:55:47 แก้ไขเมื่อ 13 ก.ค. 52 21:53:47 จากคุณ : Tisco fan เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 52 21:46:26

ความคิดเห็นที่ 46 You are who/what you think you are.... I'd say...As long as you think of English "as a second language", you'll have it as that, a second language. Think about it. จากคุณ : Ta (ta/'o-o/') เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 52 22:15:21

ความคิดเห็นที่ 47 Dear Ta I think I need a drink, preferably a stiffish one. Here's looking at you, kid. จากคุณ : แอ๊ด ปากเกร็ด เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 52 23:39:36

ความคิดเห็นที่ 48 พอเข้าใจ จขกท อยู่นะคะ เพราะเคยโดนมาเหมือนกัน ของเราไม่ใช่เรื่องที่ว่าพูดอังกฤษสำเนียงไทยแล้วอายใครเค้า หรือกลัวว่าใครจะรู้ว่ามาจากไทยหรอกค่ะ แต่ที่มันเสียเซลฟ์สุดๆ ก็เพราะโดนคอมเมนต์มาสองหนติดๆกัน (แบบที่ไม่รู้ว่าใครเป็นคนให้คอมเมนต์ด้วยค่ะ ไม่รู้ว่าคนเขียนมาเป็นคนจากชาติไหน) บอกว่าฟังการพรีเซนต์ของเราไม่รู้เรื่องเลยสักนิด เพราะภาษาอังกฤษของเราไม่มี accent ค่ะ T_T (ก็คืออังกฤษแบบไทยๆนั่นล่ะค่ะ) ทำใจอยู่สักพักเหมือนกัน ตอนนี้ก็พอทำใจได้แล้ว ก็คงได้แต่ทำให้ดีที่สุดล่ะค่ะ จากคุณ : White Amulet เขียนเมื่อ : 14 ก.ค. 52 01:23:25

ความคิดเห็นที่ 49   โอ้โฮ ยาวเลย ความจริงไม่น่ายาวขนาดนี้ถ้า จขกท ไม่ยกประเด็นเรื่อง "ลอกเลียนสำเนียงให้ได้แบบ native จริงๆ" ขึ้นมา อย่างที่ว่า ให้หลุดพ้นสำเนียงไทยน่ะพอได้ แต่ให้เหมือน native English speaker จริงๆ น่ะ ยากมาก ฝรั่งที่เคยทำงานกับผม เธอเป็นลูกครึ่ง พ่อเป็น American แม่เป็น Swedish โตขึ้นมาในทั้ง 2 ประเทศ เราฟังดูเธอพูดก็คิดยังว่าสำเนียง American ชัดๆ เลย (west coast) แต่ฝรั่งฟังก็ยังบอกว่าไม่ใช่คน American ที่บอกว่ายากนั้น ไม่ได้หมายความว่า จขกท ไม่ต้องสนใจการพูดให้ชัด แต่ว่า พูดให้ชัดแบบฝรั่งโดยที่ไม่ได้ขนาดเหมือน native speaker นั้นไม่ได้มีอะไรเสียหาย เห็นพวกเกิดและโตเมืองไทย ไปเรียนเมืองนอกบ้าง ก็ได้สำเนียงฝรั่งมาบ้าง (ฟังดูรู้ว่านักเรียนเก่าอเมริกา / อังกฤษ) ขนาดนี้พบเห็นได้เสมอ ซึ่งแค่นี้ก็ต้องใช้ความตั้งใจฝึกฝนมากพอสมควรแล้ว แต่ขนาดให้เหมือน native speaker นั้น ยังไม่เคยเจอ จากคุณ : ผ่านมาอีกที เขียนเมื่อ : 14 ก.ค. 52 10:35:15 A:58.8.177.48 X: TicketID:106200

ความคิดเห็นที่ 50   สำเนียงไทยดีที่สุดครับ จากคุณ : ทอม เขียนเมื่อ : 14 ก.ค. 52 11:27:59 A:112.142.142.43 X: TicketID:182789

ความคิดเห็นที่ 51 I wish I were kind of a blue-blooded too. For now I can only afford Eng. training not living in Eng. environment. จากคุณ : Classic (พระเอกละครหลังข่าว) เขียนเมื่อ : 14 ก.ค. 52 18:39:13

ความคิดเห็นที่ 52 ขออนุญาตเล่าประสบการณ์เพื่อนชาวไต้หวันคนหนึ่งของเรา ชื่อ Donald เขาย้ายตามครอบครัวมาอยู่อเมริกาตอนอายุ 5 ขวบ อยู่บ้านพ่อ-แม่พูดจีนกัน แต่เขาคนนี้สามารถพูดภาษาอังกฤษได้อย่างคนอเมริกันเลย แม้เพื่อนชาวอเมริกันคนอื่นก็ยังนึกว่า Donald เป็นคนเอเชียที่เกิดและเติบโตที่อเมริกา ส่วนพี่สาวที่อายุมากกว่า Donald 1 ปีก็พูดภาษาอังกฤษสำเนียงจีนนะ เราไม่ทราบว่า Donald ใช้กระบวนการไหน ในการฝึกออกเสียง หรือเป็นความสามารถในการเลียนแบบ (เพราะ Donald จะร้องเพลงคาราโอเกะ เก่งด้วย) เชื่อว่า นักภาษาศาสตร์ มีทฤษฎีรองรับแน่เลย จากคุณ : Mermaid AI เขียนเมื่อ : 15 ก.ค. 52 21:21:24

ความคิดเห็นที่ 53 มันขึ้นกับความตั้งใจ และการฝึกฝนค่ะ จากคุณ : Living Extreme เขียนเมื่อ : 17 ก.ค. 52 03:35:19

ความคิดเห็นที่ 54   Watch BBC chanel and learn from those reporter or presentaer. I have did all the time and it is well result. Beware American movei many poor English. Watch and listen BBC TV or radio. จากคุณ : Deeda เขียนเมื่อ : 24 ก.ค. 52 14:39:52 A:192.168.236.67 X:58.137.14.198

ความคิดเห็นที่ 55 อาจารย์ฝรั่งเคยบอกเราว่า สำเนียงภาษาอังกฤษของแต่ละคนแต่ละเชื้อชาตินั้น  เป็นเสน่ห์อย่างหนึ่ง ไม่ต้องพยายามพูดให้เหมือนเจ้าของภาษาเป๊ะๆหรอก เพราะอีกสิบปียี่สิบปีก็ไม่มีทางพูดได้แบบนั้น ให้ภูมิใจในสำเนียงของตัวเอง และถ้าสื่อสารกันรู้เรื่องก็เพียงพอแล้ว แต่ถ้าอยากจะให้สำเนียงเหมือนเจ้าของภาษามากขึ้นก็ต้องฝีกฝนค่ะ จากคุณ : rodaleens เขียนเมื่อ : 31 ก.ค. 52 00:23:59