ความคิดเห็นที่ 1 ถ้าจำไม่ผิดคือฝนตกหนักมืดฟ้ามั่วดินตอนเสด็จพระราชดำเนิน... ซึ่งไม่เคยปรากฎมาก่อน จากคุณ : peeradol33189 เขียนเมื่อ : 20 ก.ค. 52 19:39:39

ความคิดเห็นที่ 2 ตามนี้ค้ะ เรื่องเหลือเชื่อ!?! เกี่ยวกับเรือสุพรรณหงส์ เมื่อพูดถึงเรือสุพรรณหงส์แล้วนับว่าเป็นเรือที่มีที่มาน่าสนใจไม่น้อย โดยประวัติคร่าวๆ ของเรือลำนี้ คือ เรือที่สร้างขึ้นมาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 1 โดยใช้ชื่อว่า “เรือศรีสุพรรณหงส์” ในสมัยรัชกาลที่ 6 ก็มีการปรับปรุงเรือศรีสุพรรณหงส์ที่ชำรุดทรุดโทรมครั้งใหญ่ พร้อมทั้งเปลี่ยนชื่อเป็น“เรือสุพรรณหงส์”จากนั้นก็ใช้ชื่อนี้มาจนถึงปัจจุบัน (อ่านประวัติเพิ่มเติมได้ใน“เรือพระที่นั่งสุพรรณหงส์”สุดยอดแห่งนาวาสถาปัตยกรรมสยาม) นอกจากความงามและความสำคัญของเรือสุพรรณหงส์ที่มีต่อประวัติศาสตร์ชาติไทยแล้ว เรือลำนี้ยังมีเรื่องราวเล่าขานที่ฟังแล้วแทบไม่น่าเชื่อ เกิดขึ้นเสมอ สำหรับเรื่องเหลือเชื่อที่หลายคนอาจจะทราบเลาๆหรือเคยได้ยินได้ฟังมาบ้างก็คือ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับกระบวนพยุหยาตราชลมารคเมื่อปี พ.ศ. 2539 โดยคุณราตรี บัวประดิษฐ์ หัวหน้าพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ เรือพระราชพิธี ได้เล่าว่า “ในปีนั้น(พ.ศ.2539) นับเป็นปีพิเศษที่กระบวนพยุหยาตราฯ ได้นำเรือนารายณ์ทรงสุบรรณ รัชกาลที่ 9 ที่เพิ่งสร้างเสร็จใหม่ๆ มาแล่นเป็นเรือเอกลำแรก ทำให้เรือสุพรรณหงส์ ซึ่งเดิมเคยเป็นเรือเอกมาตลอดกลายเป็นเรือรองแล่นตามหลัง “เมื่อนำเรือสุพรรณหงส์แล่นในแม่น้ำเจ้าพระยาออกตามหลังเรือนารายณ์ทรงสุบรรณได้สักพัก จู่ๆก็เกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันขึ้น คือเกิดมีพายุลมแรงมากโดยที่ไม่มีวี่แววของฝนตั้งเค้าพัดมาที่เรือสุพรรณหงส์ ขณะที่เรือลำอื่นยังแล่นได้ตามปกติ “แล้วเรือสุพรรณหงส์ก็เบนหัวเรือทำท่าเหมือนจะกลับอู่อยู่ท่าเดียว ทั้งๆที่เหล่าฝีพายซึ่งล้วนแต่มีฝีมือดี พยายามจะตั้งลำให้แล่นในแม่น้ำเจ้าพระยาแต่ก็ไม่เป็นผล เรือไม่ยอมไปตามจนสุดท้ายเมื่อเรือเกือบจะล่ม เหล่าฝีพายก็ต้องนำเรือกลับเข้าอู่เรือพระราชพิธี” คุณราตรี บัวประดิษฐ์ คุณราตรีเล่าให้ฟังเหมือนเหตุการณ์เพิ่งผ่านไปไม่นานก่อนที่จะเล่าต่ออีกว่า เรื่องนี้มีคนที่อยู่ในเหตุการณ์หลายคนต่างรู้ดี ทั้งนี้หากมาดูกันตามประวัติศาสตร์ กระบวนพยุหยาตราฯนั้น เรือสุพรรณหงส์เป็นเรือพระที่นั่งเอกมาตลอด แต่ในวันนั้นได้นำเรือนารายณ์ทรงสุบรรณไปแล่นเป็นเรือเอกแทน ทำให้เรือสุพรรณหงส์ไม่ยอม ซึ่งถ้าดูตามลำดับชั้นแล้วเรือนารายณ์ทรงสุบรรณเป็นเรือรูปสัตว์ที่มียศรองเรือสุพรรณหงส์อยู่แล้ว “ซึ่งในการจัดริ้วกระบวนปี 2539 นั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้ทรงรับสั่งว่า ถ้าจะให้ท่านประทับเรือนารายณ์ทรงสุบรรณก็ไม่ควรที่จะเอาเรือสุพรรณหงส์ลง เพราะกระบวนพยุหยาตราฯจะต้องเป็นเรือลำใดลำหนึ่งเท่านั้น” นอกจากเรื่องเหลือเชื่อของเรือสุพรรณหงส์ที่หลายคนเคยได้ยินได้ฟังเกี่ยวกับกระบวนพยุหยาตราฯปี พ.ศ. 2539 แล้ว คุณราตรียังเล่าเหตุการณ์อันน่าอัศจรรย์ที่เกิดขึ้นกับตัวเองให้ฟังว่า “ในอดีตที่นี่(พิพิธภัณฑ์เรือพระราชพิธี)เป็นเพียงสถานที่เก็บเรืออย่างเดียวเท่านั้น ต่อมาจึงปรับเปลี่ยนเป็นพิพิธภัณฑ์เรือพระราชพิธี แต่ว่าสถานที่ยังไม่ดีพอ เมื่อดิฉันมาก็ตั้งใจที่จำสถานที่แห่งนี้ให้ดีขึ้นเนื่องจาก เป็นที่เก็บเรือของพระมหากษัตริย์และมีแห่งเดียวในโลก “จึงได้ทำพิธีเซ่นไหว้แม่ย่านาง เจ้าที่เจ้าทาง พร้อมทั้งบอกท่านว่ามีความปรารถนาที่จะทำที่นี่ให้ดี และก็ต้องการงบประมาณเพื่อมาปรับปรุง ขอดลบันดาลใจให้ท่านผู้ใหญ่ให้งบประมาณในการสนับสนุนในการพัฒนา ซึ่งจากการ ที่ไหว้แล้วก็ได้รับงบประมาณมาโดยตลอด เรื่องนี้เป็นสิ่งที่พิสูจน์ไม่ได้ แต่ดิฉันก็มีความเชื่อมาโดยตลอด” หากไม่ขอขมาอาจจะถ่ายภาพเรือสุพรรณหงส์ในพิพิธภัณฑ์เรือพระราชพิธีไม่ติด เมื่อพูดถึงเรื่องแม่ย่านางแล้ว คุณราตรีเล่าด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นว่า ที่เรือสุพรรณหงส์เคยมีผู้เฒ่า ผู้แก่ หลายคน เห็นแม่น่านาง เป็นผู้หญิงผมยาว ผมขาว เดินไปมาอยู่ที่หัวเรือในยามค่ำคืน “ซึ่งเรื่องที่เรือมีแม่ย่านางนี้ หลายคนคงจะทราบดีว่าเป็นความเชื่อเกี่ยวกับการต่อเรือ เพราะการที่จะสร้างเรือขึ้นมาหนึ่งลำนั้น จะต้องมีการจัดพิธีบวงสรวง พิธีบอกกล่าวเทพยดาหรือแม่ย่านาง ที่ประจำเรือซึ่งทำจากต้นไม้ ทั้งนี้เป็นพิธีความเชื่อที่มีมาแต่โบราณ ส่วนแม่ย่านางเรือแต่ละลำนั้นจะเฮี้ยนแค่ไหน อันนี้ก็ขึ้นอยู่กับเรือลำนั้น “สำหรับพิธีกรรมบวงสรวงเรือสุพรรณหงส์นั้นก็เหมือนกับพิธีกรรมทั่วๆ ไป คือมีของเซ่นไหว้ อย่างหัวหมู เป็ด ไก่ ของคาว ของหวาน ขนมต้มแดงต้มขาว และก็จะมีพราหมณ์เป็นผู้ทำพิธีกรรมทั้งก่อนที่จะสร้างเรือเพื่อเป็นการขออนุญาต และเมื่อสร้างเรือเสร็จแล้วก่อนที่จะนำเรือลงสู่แม่น้ำก็จะมีการบวงสรวงอีกครั้งหนึ่ง เพื่อเป็นการขอพรและความเป็นสิริมงคลให้กับฝีพายและนายทหารต่างๆ ที่อยู่ประจำบนเรือ ซึ่งทั้งหมดนี้นับเป็นประเพณีโบราณที่สืบต่อกันมาช้านาน” อีกสิ่งหนึ่งที่ถ้าคุณราตรีไม่เล่าออกมาก็จะไม่รู้เลยว่า ที่โขนเรือสุพรรณหงส์นั้นจะมีการนำเหรียญบาทที่ด้านหน้าเป็นรูปในหลวงและด้านหลังเป็นรูปตราแผ่นดินใส่ลงไปในโขนเรือพร้อมทั้งทำพิธี ตามความเชื่อสมัยก่อนที่เชื่อกันว่าเพื่อความเป็นสิริมงคล” สำหรับเรื่องลี้ลับน่าเหลือเชื่อเกี่ยวกับเรือสุพรรณหงส์ยังไม่หมดเพียงเท่านี้ คุณราตรี คนเดิม เล่าเพิ่มอีกว่า ที่เรือลำนี้จะมีคนตายเซ่นสังเวยทุกปี โดยคนที่ตายส่วนมากก็มักจะเป็นพวกที่ไปลบหลู่เรือ อย่าง นายทหารคนหนึ่งเมื่อเมาแล้วได้เข้าไปนั่งในเรือแล้วก็ฉี่รดเรือ หลังจากนั้นทหารคนนั้นก็จมน้ำตายโดยไม่ทราบสาเหตุ ทั้งที่เป็นคนว่ายน้ำแข็ง “ส่วนอีกคนหนึ่ง ไปพูดจา ดูถูก ลบหลู่ จากนั้นก็เกิดเหตุเป็นไป คือว่ายน้ำอยู่ดีๆ จมน้ำตายไปเฉยเลย โดยไม่ทราบสาเหตุ นอกจากนี้เมื่อ 2 ปีที่แล้ว ที่นี่(พิพิธภัณฑ์เรือพระราชพิธี)มีน้ำท่วมมาก ลูกคนงานที่นี่อยู่ดีๆก็ตกน้ำตาย สำหรับที่นี่แล้วคล้ายๆกับว่าทุกปีจะต้องมีคนตายเสมอ “อีกเหตุการณ์หนึ่งที่เหลือเชื่อมากๆและมักจะเกิดขึ้นบ่อยก็คือ สำหรับผู้ที่มาถ่ายรูป ไม่ว่าจะเป็นผู้สื่อข่าว นักเรียน นักศึกษา ถ้าไม่มีการไหว้ขอขมาก่อนแล้ว ก็จะเกิดเหตุการณ์แปลกๆเกิดขึ้นกับรูปเหล่านั้น ไม่ว่าจะเป็นรูปที่ถ่ายไม่ติด รูปที่ถ่ายมาเสีย ดำหมด ขาวหมด ต้องกลับมาขอขมาเพื่อถ่ายใหม่” คุณรารีเล่าด้วยด้วยความระทึกขวัญ สำหรับเรื่องราวอันน่าเหลือเชื่อของเรือสุพรรณหงส์นั้นยังเป็นสิ่งที่ไม่สามารถพิสูจน์ได้ จากคุณ : พนอจัน เขียนเมื่อ : 20 ก.ค. 52 20:05:18

ความคิดเห็นที่ 3 ขอบคุณค่ะ จากคุณ : บ๊วย...นิยามของคำว่าสวย เขียนเมื่อ : 20 ก.ค. 52 20:15:30

ความคิดเห็นที่ 4 ชอบดูขบวนพยุหยาตรา ไปดูที่ริมแม่น้ำก็หลายครั้ง จำได้ว่าดูการถ่ายทอดพระราชพิธีในวันนั้น ก็ขนลุกที่เห็นในทีวี เห็นเรือพระที่นั่งสุพรรณหงษ์ กำลังกลับลำอยู่ โดยไม่ยอมลอดสะพาน พระราม 7 พอในหลวงขึ้นที่ท่า ฝนก็หยุดตก เห็นในทีวีว่าท่านมีรับสั่งกับนายทหารเรือที่รับเสด็จที่ท่าน้ำนานมาก มีผู้ใหญ่เล่าเรื่องเรือพระที่นั่งสุพรรณหงษ์ แต่เล่าที่นี่คิดว่าไม่สมควรค่ะ จากคุณ : Aunty_Joy เขียนเมื่อ : 20 ก.ค. 52 21:06:01

ความคิดเห็นที่ 5 ผมเคยเขียนเรื่องนี้ลงในพันทิปเมื่อสักเดือนกว่าๆมาแล้ว  กระทู้ทั้งหมดถูกอุ้มหายไปไม่ทราบว่าด้วยเหตุผลกลใด ผมเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นในเรื่องที่ได้เล่าไปนั้นกับตาจริงๆ เห็นตลอดทั้งเหตุการณ์เพราะอยู่บนที่สูง มีหลังคาคลุมไม่ต้องวิ่งหนีฝน รายละเอียดต่างกับคุณราตรี บัวประดิษฐ์ หัวหน้าพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ เรือพระราชพิธี ได้เล่าไว้ว่า“แล้วเรือสุพรรณหงส์ก็เบนหัวเรือทำท่าเหมือนจะกลับอู่อยู่ท่าเดียว ทั้งๆที่เหล่าฝีพายซึ่งล้วนแต่มีฝีมือดี พยายามจะตั้งลำให้แล่นในแม่น้ำเจ้าพระยาแต่ก็ไม่เป็นผล เรือไม่ยอมไปตามจนสุดท้ายเมื่อเรือเกือบจะล่ม เหล่าฝีพายก็ต้องนำเรือกลับเข้าอู่เรือพระราชพิธี” ข้อเท็จจริงผมยืนยันตามที่เล่าให้ฟังไปแล้วข้างล่าง  และยืนยันว่าหลังจากเรือสุพรรณหงส์ผ่านสพานสมเด็จพระปิ่นเกล้าฯไปได้สักพัก ฝนก็ซา เรือขบวนพระราชพิธีก็ตั้งหลักได้ เรือสุพรรณหงส์ไม่ได้แตกขบวนกลับเข้าอู่ แต่อยู่ในขบวนจนเสด็จพระราชดำเนินขึ้น แก้ไขเมื่อ 20 ก.ค. 52 21:21:00 จากคุณ : Navarat.C เขียนเมื่อ : 20 ก.ค. 52 21:06:23

ความคิดเห็นที่ 6 ความคิดเห็นที่ 12 ในการพระราชพิธีในปีกาญจนาภิเษกที่ผ่านมา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนินถวายผ้าพระกฐิน ด้วยกระบวนพยุหยาตราโดยชลมารค ณ วัดอรุณราชวราราม เมื่อวันที่ 7 พ.ย. 2539 โดยจะทรงประทับเรือพระที่นั่งนารายณ์ทรงสุบรรณ เป็นครั้งแรกในพระราชพิธีนี้ ผมสนใจจึงไปรอดูขบวนเสด็จอยู่บนตึกสูงริมแม่น้ำ ก่อนเวลาที่จะเสด็จเล็กน้อย พายุฝนที่ตั้งเค้าดำทมึนก็แสดงท่าทีว่าอั้นไม่อยู่แน่ และเริ่มตกโปรยปรายแถวท่าเตียน ลมกระโชกแรงมาทางที่ผมเฝ้าดูอยู่ด้วยใจระทึก ซึ่งขณะนั้นก็ดูถ่ายทอดสดทางทีวีไปด้วย พอสายฝนโปรยมาถึงสพานสมเด็จพระปิ่นเกล้า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จลงเรือพระที่นั่งที่ท่าวาสุกรี แดดยังแจ่มอยู่ พอประทับเรียบร้อยเรือพระที่นั่งออกมาตั้งลำกลางแม่น้ำได้ ทั้งพายุทั้งฝนก็โหมกระหน่ำแบบลืมหูลืมตาไม่ขึ้น ภาพในทีวีและเสียงพากษ์หากท่านผู้ใดดูอยู่ คงจำได้ว่าทำให้เกิดระทึกหัวใจเพียงไร แต่คงจะไม่ได้เห็นภาพจริงๆดังเช่นที่ผมมองเห็นจากที่สูง ในม่านฝนนั้น ขบวนเรือพระราชพิธีโดนพายุกระหน่ำเสียแทบไม่เป็นกระบวน โดยเฉพาะลำเล็กลำน้อยทั้งหลาย ที่ฝีพายต้องแบ่งมาคอยวิดน้ำในเรือด้วย ในทีวีภาพเช่นนี้ต้องถูกตัดออกไปอยู่แล้ว คนที่ดูอยู่ทางบ้านก็คงไม่รู้ว่าเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นนั้น สาหัสสากรรจ์เพียงใด  ที่น่าตื่นเต้นมากคือตอนที่เรือพระที่นั่งอยูกลางคุ้งแถวถนนพระอาทิตย์ จะต้องลอดสพานสมเด็จพระปิ่นเกล้า ทั้งเรือพระที่นั่งนารายณ์ทรงสุบรรณ เรืออนันตนาคราช และเรือสุพรรณหงส์ ยังคงรำพายท่าหงส์ร่อนอยู่เฉิบๆ เป๋ไปตามแรงพายุ เฉียงแนวน้ำอยู่ น่าประหวั่นว่าจะไม่พ้นตอม่อเสาสะพาน เรือดิงกี้(เรือยางที่ติดเครื่องท้าย)ของทหารเรือที่ตั้งกองระวังเหตุอยู่ใต้สะพานก็ปราดออกไป ช่วยกันดันท้าย และประกบเรือพระที่นั่งจนพ้นสะพานได้อย่างปลอดภัย มีเรือสุพรรณหงส์ลำเดียวที่ห้อยท้ายเป็นเรือพระที่นั่งสำรอง ผิดแนวน้ำที่เชี่ยวกรากมาก เรือดิงกี้เหลือมาดูแลทางนี้ลำเดียวเอาไม่อยู่ เรือไหลเอากราบเรือเข้ากระแทกกับต่อม่อ อย่างจัง แต่ดิงกี้ก็ดันให้หลุดไปได้ ไม่ติดตอม่อขวางน้ำอยู่ ผมเห็นเหตุการณ์นี้ตลอดและถ่ายรูปไว้ด้วย กว่าจะพ้นตรงนี้ผมแทบจะสิ้นประดาตาย เพราะภาพทั้งหมดที่ปรากฏต่อหน้า เหตุการณ์ช่วงนี้ไม่มีใครบันทึกที่ไหนเลย แต่ผมได้ส่งภาพและความเห็นให้ผบ.ทร. และสำเนาส่งถึงท่านเลขาธิการสำนักพระราชวังด้วย เพื่อหาทางระวังเหตุในอนาคต ถ้าวันนั้นมีเรือในกระบวนล่มสักลำหนึ่ง หรือเรือพระที่นั่งเข้ากระแทก .คงสะเทือนไปทั่ว หลังจากนั้นพายุจึงเริ่มซา ฝนเพียงแต่ตกหนักอย่างเดียว พอเรือพระที่นั่งผ่านศิริราชก็เริ่มบาง ไปขาดเม็ดตอนที่เรือพระที่นั่งเข้าเทียบท่าที่วัดอรุณ เสด็จพระราชดำเนินขึ้นตามหมายกำหนดการ ทุกอย่างดำเนินต่อเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ถึงตอนนี้ ผมก็นั่งคุกเข่าลงกราบอยู่หน้าทีวี ด้วยความรัก ความห่วงใยพระองค์ท่านประดุจที่บุตรพึงมีต่อบิดามารดร ดีใจที่เหตุการณ์ผ่านวิกฤตไปได้ จากคุณ : Navarat.C - [ 6 มิ.ย. 52 11:41:22] แก้ไขเมื่อ 20 ก.ค. 52 21:25:16 จากคุณ : Navarat.C เขียนเมื่อ : 20 ก.ค. 52 21:11:06

ความคิดเห็นที่ 7 เรื่องการถ่ายภาพเรือพระราชพิธีผมก็เคยเจอครับ แต่ไม่ใช่กับเรือพระที่นั่งสุพรรณหงส์ ปกติแล้วพบชอบเรือพระราชพิธีมากๆ และไปพิพิธภัณฑ์เรือพระราชพิธีตั้งแต่ตอนเด็กๆ ตอนที่ยังสภาพไม่เป็นแบบปัจจุบัน บรรยากาศจะเก่าๆ ทึมๆ หน่อย พอดีว่าวันนั้นคุณพ่อเอากล้องไปถ่ายรูปเรือด้วย ทุกลำก็ถ่ายได้ไม่มีปัญหา อาจเพราะว่าเราตั้งใจถ่ายเก็บไว้ด้วยความชอบไม่ได้จะเอาไปทำอะไรในทางไม่ดี แต่ว่าพอมาถึงโขนเรือพระที่นั่งนารายณ์ทรงสุบรรณลำเก่าที่สร้างรูปพญาสุบรรณในรัชกาลที่สามและเติมพระนารายณ์ลงไปในรัชกาลที่ 4 พอกดชัตเตอร์ก็ปรากฎว่ากดไม่ลงเลยครับ  พอยกกล้องไปถ่ายบริเวณอื่นก็ถ่ายได้ แต่พอมาถ่ายโขนเรือนี้ใหม่ก็กดไม่ลงเช่นเดิม เป็นแบบนี้หลายครั้งมาก จนสุดท้ายคุณพ่อกับผมต้องยกมือไหว้ขอขมาและขอถ่ายรูป ก็สามารถกดชัตเตอร์ได้อย่างง่ายดายครับ จากคุณ : A ARM (A ARM) เขียนเมื่อ : 20 ก.ค. 52 22:52:55

ความคิดเห็นที่ 8 มายืนยันว่าเรือสุพรรณหงส์อยู่ในขบวน  ตามที่คุณ Navarat.C  ว่าไว้ข้างบนครับ ตอนที่ี่ขบวนเรือมาถึงบริเวณผม  ฝนซามากแล้ว   ได้แต่เฝ้าฟัง ว.ด้วยใจระทึก จากคุณ : เข็มแม่เหล็ก เขียนเมื่อ : 21 ก.ค. 52 00:25:57

ความคิดเห็นที่ 9   เข้ามาดูครับ จากคุณ : slave revenge เขียนเมื่อ : 21 ก.ค. 52 01:31:48

ความคิดเห็นที่ 10 เรียนผู้ที่หลังไมค์มาถึงผม อยากดูรูปในคคห๖ที่ผมถ่ายไว้ ขอตอบทีเดียวเลย ครั้งแรกผมลัง่เลที่จะลงเพราะnetเป็นสื่อสาธารณะเกินไปหน่อย กลัวผู้หวังร้ายจะcopyเอาไปใช้ประโยชน์ให้ชาติเสียหาย แต่บัดนี้ผมคิดวิธีการได้ โดยการย่อภาพให้เล็ก ทำให้เบลอลง แต่ยังพอดูรู้เรื่อง กะจะลงต่อในกระทู้นี้แหละ หากมีผู้ร้องขอจำนวนมากพอ มาถึงตรงนี้แล้ว ถ้าผู้อยากเห็นจะvoteโดยการใส่เครื่องหมายถูกใจในคคห.นี้สัก๒๐ชื่อ ผมจะเขียนต่อและลงรูปประกอบ ถ้าไม่ถึง แสดงว่าคนไม่เห็นด้วย หรือไม่สนใจเรื่องนี้สักเท่าไหร่แล้ว ผมก็จะหยุดเพียงเท่านี้ เอาอย่างงั้นก็แล้วกันนะครับ จากคุณ : Navarat.C เขียนเมื่อ : 21 ก.ค. 52 08:07:07

ความคิดเห็นที่ 11 โหครับ บรรยายจนเห็นภาพเลยนะครับพี่Navarat.C บังเอิญผมได้อัดเทปวีดีโอไว้ขณะงานพระราชพิธีดังกล่าวไว้ ยิ่งได้อ่านคำบรรยายแล้วทำให้ผมนึกถึงเทปที่อัดไว้ได้ จำได้ว่าบนสะพานมีการประดับผาแพรสีเหลืองทองไว้ พร้อมตกแต่งด้วยผักและพริกเป็นรูปดอกไม้ ลมพัดแรงและพายุนั้นรุนแรงอย่างมาก  กล้องจับภาพเรือพระที่นั่งไว้และมีเรือแพยางของตำรวจ พยายามดันเรือพระที่นั่ง ระหว่างเส้นทางเสด็จฯ กระบวนเรือ เสียรูปกระบวนหลายคราว เนื่องจากลมแรง ฟ้าด้านหลังดำทะมึน แต่ก็ขนลุกครับ เมื่อเสด็จถึงฉนวนน้ำวัดอรุณ ฝนก็ปรอยๆ และหยุดไปในที่สุด จากคุณ : หนุ่มรัตนะ เขียนเมื่อ : 21 ก.ค. 52 08:51:49

ความคิดเห็นที่ 12 พอดีผม GIVE หมดนะครับ แต่ขอลงชื่อด้วยหนึ่ง สำหรับ ความคิดเห็นที่ 10 จากคุณ : fete เขียนเมื่อ : 21 ก.ค. 52 10:58:22

ความคิดเห็นที่ 13 เข้ามาดู จากคุณ : yoryeo เขียนเมื่อ : 21 ก.ค. 52 11:03:21

ความคิดเห็นที่ 14 สาดกิฟต์ ไป 3 คะเเนน ให้คุณ Navarat C อยากชมมากครับ เพื่อนๆที่อยากชม มาช่วยกันสาดกิฟต์หน่อยครับ ขอบคุณครับ จากคุณ : panard1 เขียนเมื่อ : 21 ก.ค. 52 11:47:27

ความคิดเห็นที่ 15 มารอติดตามกระทู้ครับ จำได้ว่าเรือพระที่นั่งเกือบชนฝั่งที่ศิริราชหรือเปล่าไม่แน่ใจ จากคุณ : ดอกนางแย้ม เขียนเมื่อ : 21 ก.ค. 52 12:33:45

ความคิดเห็นที่ 16   เข้ามาลงชื่อรอดูภาพด้วยคนครับ จากคุณ : ปูเสื่อรอ (MA<O>MiYA) เขียนเมื่อ : 21 ก.ค. 52 13:15:08

ความคิดเห็นที่ 17 ให้ไปแล้วเป็นลำดับที่ ๘ กำลังรอชม อยู่ครับ ปี ๒๕๓๙ ผมอยู่ชายแดนทางเหนือ  ไม่มี ทีวี ให้ดู จากคุณ : นายช่างปลูกเรือน เขียนเมื่อ : 21 ก.ค. 52 13:28:17

ความคิดเห็นที่ 18 สวัสดีท่านพี่ครับ เข้ามาลงชื่อ แม้จะไม่ค่อยมีเนตใช้ ผมว่า วิธีการป้องกันรูปนำไปใช้อย่างผิดกฎหมายลิขสิทธิ์ คือท่านพี่ต้องใส่ลายน้ำลงไปในรูปครับ แล้วดึกๆจะเข้ามาใหม่ครับผม จากคุณ : jassb1 เขียนเมื่อ : 21 ก.ค. 52 13:38:25

ความคิดเห็นที่ 19 มาลงชื่อ ขอชมรูปด้วยคนค่ะ จากคุณ : Winchester เขียนเมื่อ : 21 ก.ค. 52 13:42:11

ความคิดเห็นที่ 20 นับไปนับมาได้ครบแล้วค่ะ   ลงรูปได้แล้ว ที่เล่าว่ามัวแต่พายเพยิบพยาบอยู่นั้น  นึกออกเลย ท่าพาย มี พายกราย   พายกรีด   พายกระเดียด   และ พายนกบิน แหะ ๆ    ตำราโบราณว่าไว้ จากคุณ : แสนอักษร เขียนเมื่อ : 21 ก.ค. 52 14:15:34

ความคิดเห็นที่ 21 ช่วยกันโหวตด้วยดีไหมครับ ? จากคุณ : jassb1 เขียนเมื่อ : 21 ก.ค. 52 14:23:29

ความคิดเห็นที่ 22 ลงชื่อมารอชมภาพอยู่ครับ จากคุณ : jaxcu เขียนเมื่อ : 21 ก.ค. 52 14:30:26

ความคิดเห็นที่ 23 รอชมนะครับ หายไปไหนแล้วอะครับ จากคุณ : จ้องจนปวด เขียนเมื่อ : 21 ก.ค. 52 15:45:58

ความคิดเห็นที่ 24 รอชมภาพด้วยคนครับผม จากคุณ : แสงเรืองรองของฟ้าหลังฝน เขียนเมื่อ : 21 ก.ค. 52 16:07:16

ความคิดเห็นที่ 25 แป่ว คนที่ ๑๙ มารอดูค่ะ จากคุณ : thezircon (thezircon) เขียนเมื่อ : 21 ก.ค. 52 16:09:43

ความคิดเห็นที่ 26 เอ่อ มารอดูด้วยครับ จากคุณ : ไม้โมก เขียนเมื่อ : 21 ก.ค. 52 16:50:28

ความคิดเห็นที่ 27 ขอบคุณทุกท่านที่สนใจเหตุการณ์บ้านเมืองในอดีตนะครับ ผมจะลงเรื่องนี้โดยเอาหนังสือที่ส่งให้ผู้บัญชาการทหารเรือมาตัดต่อเป็นช่วงๆ และแทรกภาพไว้เพือให้เหมาะแก่การนำเสนอในหน้าของพันทิป ระหว่างนี้ ขอความกรุณาอย่าปาด จนกว่าจะจบเรื่องนะครับ จากคุณ : Navarat.C เขียนเมื่อ : 21 ก.ค. 52 17:00:36

ความคิดเห็นที่ 28 1 จากคุณ : Navarat.C เขียนเมื่อ : 21 ก.ค. 52 17:01:32

ความคิดเห็นที่ 29 2 จากคุณ : Navarat.C เขียนเมื่อ : 21 ก.ค. 52 17:02:18

ความคิดเห็นที่ 30 3 จากคุณ : Navarat.C เขียนเมื่อ : 21 ก.ค. 52 17:04:04

ความคิดเห็นที่ 31 4 จากคุณ : Navarat.C เขียนเมื่อ : 21 ก.ค. 52 17:04:40

ความคิดเห็นที่ 32 5 จากคุณ : Navarat.C เขียนเมื่อ : 21 ก.ค. 52 17:05:12

ความคิดเห็นที่ 33 6 จากคุณ : Navarat.C เขียนเมื่อ : 21 ก.ค. 52 17:05:58

ความคิดเห็นที่ 34 7 จากคุณ : Navarat.C เขียนเมื่อ : 21 ก.ค. 52 17:07:13

ความคิดเห็นที่ 35 8 จากคุณ : Navarat.C เขียนเมื่อ : 21 ก.ค. 52 17:07:46

ความคิดเห็นที่ 36 9 จากคุณ : Navarat.C เขียนเมื่อ : 21 ก.ค. 52 17:08:49

ความคิดเห็นที่ 37 10 จากคุณ : Navarat.C เขียนเมื่อ : 21 ก.ค. 52 17:09:26

ความคิดเห็นที่ 38 11 จากคุณ : Navarat.C เขียนเมื่อ : 21 ก.ค. 52 17:10:07

ความคิดเห็นที่ 39 ผมคิดว่า เราควรต้องยอมรับความจริงที่เกิดขึ้นตามประวัติศาสตร์ ให้ลูกหลานทราบทั้งความสำเร็จและความผิดพลาดอันเป็นธรรมดาของผลงานมนุษย์ ทั้งนี้เพื่อให้เกิดการเรียนรู้ จะได้หาทางหลีกเลี่ยงไม่ทำความผิดซ้ำแล้วซ้ำเล่า คำว่า"ประวัติศาสตร์ซ้ำรอย" จะได้เกิดเฉพาะเรื่องที่ดีๆ ไม่ใช่เรื่องร้ายที่ไม่ควรจะเกิดขึ้นมาได้อีก เพราะความไม่รู้ หรือความประมาทของเราเอง จากคุณ : Navarat.C เขียนเมื่อ : 21 ก.ค. 52 17:18:36

ความคิดเห็นที่ 40 ในความเห็นที่แนบ   เป็นความเห็นของ คุณ Navarat.C  ในเบื้องต้น    บางข้อก็สรุปตัดสินไปด้วยแล้ว     ผมว่าไม่ค่อยยุติธรรมกับกองทัพเรือ  สักเท่าไหร่  ที่จะเอามาลงในที่สาธารณะ   โดยที่ ทร.ไม่อยู่ในฐานะที่จะตอบได้ จากคุณ : เข็มแม่เหล็ก เขียนเมื่อ : 21 ก.ค. 52 17:42:43

ความคิดเห็นที่ 41 ขอบคุณสำหรับภาพและเรื่องราว นับเป็นความรู้ที่น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง จากคุณ : พนอจัน เขียนเมื่อ : 21 ก.ค. 52 17:43:15

ความคิดเห็นที่ 42 ผมเอาเรี่องต่อไปนี้มาลง ไม่ได้หมายความว่าเป็นเพราะหนังสือฉบับข้างบนของผมเลยเกิดการเปลี่ยนแปลงข้างล่างนะครับ อย่าเข้าใจผิด ผมเพียงแต่ต้องการให้เห็นว่า กองทัพเรือไม่ได้นิ่งนอนใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และมีการเตรียมการที่ดีสำหรับครั้งหลังๆต่อมา เรื่องและภาพตอนนี้มาจาก Blockของคุณ ning เมื่อจะมีพยุหยาตราโดยชลมารค กองทัพเรือจะเตรียมการล่วงหน้ายาวนานขึ้น โดยมีลำคับขั้นตอนคือ หลังจากได้คัดเลือกฝีพายแล้ว ก็นำมาฝึกกันบนบกก่อน ภาพที่เห็นนี้เรียกว่า เขียงฝึก จำลองเหมือนการพายอยู่บนเรือ เพื่อครูฝึกจะได้ตรวจสอบท่าทางของแต่ละคนโดยละเอียด เขาจะฝึกกันบนเขียงฝึกนี้ประมาณ 60 วัน แก้ไขเมื่อ 21 ก.ค. 52 17:53:49 จากคุณ : Navarat.C เขียนเมื่อ : 21 ก.ค. 52 17:44:04

ความคิดเห็นที่ 43 หลังจากนั้นก็จะฝึกกันต่อในบ่อฝึกพาย พายในเรือก็จริงแต่เรือจะผูกโยงให้อยู่กับที่ไม่วิ่งไปไหน นี่คือท่าเอกคือท่าหงส์เหิร ซึ่งจะพายเฉพาะเรือพระที่นั่งเท่านั้น เช่น เรือพระที่นั่งสุพรรณหงส์ เรือพระที่นั่งนารายณ์ทางสุบรรณ รัชกาลที่ 9 เรือพระที่นั่งอนันตนาคราช และเรือพระที่นั่งอเนกชาติภุชางค์ ฝึกกันในบ่อฝึกประมาณ 60 วัน ฝึกพายกันทีละหลาย ๆ ลำ พร้อมกับเสียงเห่ เพื่อให้เข้าจังหวะกัน หลังจากนั่นก็จะฝึกพายในแม่น้ำกันต่อไป จากคุณ : Navarat.C เขียนเมื่อ : 21 ก.ค. 52 17:45:28

ความคิดเห็นที่ 44 บันทึกเหตุการณ์ที่คุณ Navarat.C ลงไว้ในกระทู้นี้ เป็นหลักฐานสำคัญทางประวัติศาสตร์ แต่ที่สำคัญกว่าคือการมองเหตุการณ์อย่างเป็นเหตุเป็นผล ประเมินสถานการณ์เพื่อการแก้ไขต่อไปในอนาคต ไม่ใช่คิดแต่จะยกเป็นเรื่องอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์เล่าลือกันต่อไป ผู้เกี่ยวข้อง "ต้อง" พิจารณานะครับ จากคุณ : CrazyHOrse เขียนเมื่อ : 21 ก.ค. 52 17:52:14

ความคิดเห็นที่ 45 คุณเข็มแม่เหล็กครับ เรื่องนี้เป็นเรื่องประวัติศาสตร์นะครับ มันผ่านไปกว่า๑๒ปีแล้ว และผมคิดว่า มันถึงเวลาที่จะเปิดเผยเต่อสาธาณะสียทีโดยผมเลือกห้องสมุดพันทิปนี่แหละเป็นเวที วันนั้น ผมเป็นประชาชนคนดู กองทัพเรือเป็นผู้แสดง ผลการแสดงเป็นอย่างไร ผมมีสิทธิ์ที่จะวิจารณ์อย่างตรงไปตรงมา ความจริงตอนนั้น ถ้าผมจะทำอะไรตามสิทธิ์จริงๆ โดยการนำไปเสนอในสื่อสิ่งพิมพ์ก็ยังทำได้ แต่ผมไม่ทำ และจะไม่เห็นด้วยหากหลังจากนี้ใครจะเอารูปของผมไปใช้ประโยชน์ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไร  เรารู้เห็นกันแค่นี้ก็พอแล้ว ที่ออกมาคราวนี้ก็เพราะมีการบันทึกที่เพี้ยนไปจากความเป็นจริง ผมมีหลักฐานที่ดีกว่าจึงกล้าเสนอเช่นนี้ ทร.ไม่ต้องตอบโต้หรอกครับ ไม่มีใครไม่รักทหารเรือ  ยิ่งผมด้วยแล้ว ไม่เคยมีอคติกับทหารเรือในเรื่องนี้เลย จากคุณ : Navarat.C เขียนเมื่อ : 21 ก.ค. 52 18:23:11

ความคิดเห็นที่ 46 ศักดิ์สิทธิ์คร้าบคุณพี่ คุณครูผมเคยเล่าให้ฟังว่า (ปี 39 ผมยังจำความไม่ได้เลย) ตอนนั้นท่านก็นั่งดูทีวีอยู่ เห็นฝนตกกระหน่ำเลย ท่านก็ว่าเป็นอาถรรพ์ (ใช้คำนี้ถูกป่าวหว่า)ของเรือพระที่นั่งสุพรรณหงส์ที่ถูกลดชั้นไปแล่นท้ายกระบวน แต่ท่านก็เล่าว่าตอนจบ ตอนเทียบท่าที่วัดอรุณฯ ฝนหยุดแล้ว กล้องแพนไปที่เรือพระที่นั่งสุพรรณหงส์ โอ้โฮ คุณครูบอกว่าตอนนั้นงามมากครับ แบบว่าแสงแดดกำลังส่องออกมาต้องตัวเรือ เป็นอะไรที่น่าชมมาก (อันนี้ผมเล่าตามที่ครูบอกนะครับ) ฟังแล้วยังอยากเกิดมาทันดูเลยอ่า คุณครูยังเสริมอีกว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีบุญญาธิการมากเหลือเกิน ตอนนั้นฝนกระหน่ำแค่ไหน แค่จะเสด็จขึ้นท่าท้องฟ้าก็สว่างพลัน ฟังแล้วผมขนลุกเกรียวเลยครับ *แก้ไขพิมพ์ผิดครับ แก้ไขเมื่อ 21 ก.ค. 52 18:36:29 จากคุณ : แสงเขียว (greenflash) เขียนเมื่อ : 21 ก.ค. 52 18:35:33

ความคิดเห็นที่ 47 การบอกว่าข้อเท็จจริงของเหตุการณ์เป็นอย่างไร     ยิ่งมีภาพประกอบยิ่งเป็นประโยชน์ แต่ข้อคิดเห็นส่วนตัวที่เสนอ ทร.   สรุปจากผู้เสนอด้านเดียว ในคราวโน้น    แล้วมากางให้ดู เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องปกปิดอะไร    คนเห็นมากมาย    เพียงแต่ไม่มีรูปทางสื่อสาธารณะเท่านั้น ถ้าบอกว่ามีรูปแล้วมีสิทธิ์ว่ากล่าวให้เสียหายได้  มันก็กระไรอยู่ เหตุสุดวิสัยมันก็เกิดขึ้นได้   ก็แก้ไขกันไป      คิดกันได้ คิดกันออก ทั้งนั้นแหละครับ   โดยเฉพาะคนที่รับผิดชอบยิ่งคิดหนักนะผมว่า จากคุณ : เข็มแม่เหล็ก เขียนเมื่อ : 21 ก.ค. 52 18:39:34

ความคิดเห็นที่ 48 ถ้าบอกว่ามีรูปแล้วมีสิทธิ์ว่ากล่าวให้เสียหายได้ ^ ^ ผมไม่ได้เขียนอะไรอย่างนั้นสักนิด ลองกลับไปอ่านใหม่เถิดครับ แต่ถ้าบอกว่า ผมมีสิทธิ์พูดความจริง โดยมีรูปที่ผมถ่ายเองมายืนยันสิ่งที่ผมเห็นด้วยตา ^ ^ อย่างนี้ถูกครับ จากคุณ : Navarat.C เขียนเมื่อ : 21 ก.ค. 52 18:52:35

ความคิดเห็นที่ 49 .....ขอชื่นชมท่านNavarat.C ..ครับ (เสียดายกิ๊ฟหมด) จากคุณ : รู้น้อยไปหน่อย เขียนเมื่อ : 21 ก.ค. 52 19:00:31

ความคิดเห็นที่ 50 ผมพูดถึงหนังสือเสนอ ทร.ที่นำมาโพส     เป็นการสรุปจากความเห็นส่วนตัวที่ขาดข้อมูล ในข้อ 2   ที่สรุปอย่างนั้น     เสียหายหรือไม่   ลองย้อนไปดู ประเด็นคือ  การนำภาพมาให้ดูก็เป็นเรื่องปกติ     แต่มาสรุปอย่างนั้นผมไม่เห็นด้วย  เพราะผมรู้ว่าพวกเขาฝึกหนักก่อนทำงานจริง เหตุสุดวิสัย    จะบอกว่าขาดความชำนาญและประสบการณ์   ได้อย่างไร จากคุณ : เข็มแม่เหล็ก เขียนเมื่อ : 21 ก.ค. 52 19:03:00

ความคิดเห็นที่ 51 เหตุเกิดขึ้นแล้ว    มองไปจุดไหนก็เห็นเป็นจุดอ่อนได้ง่ายครับ ถึงต้องขอให้มองอย่างเห็นใจคนทำงานบ้าง    ไม่มีใครอยากให้เกิดหรอกครับ จากคุณ : เข็มแม่เหล็ก เขียนเมื่อ : 21 ก.ค. 52 19:17:17

ความคิดเห็นที่ 52 อ้าว ก็มัวแต่พายเฉิบๆจนเรือชนตอม่อไงครับ ยังไม่เรียกว่าขาดความชำนาญและประสบการณ์อีกหรือ? ถ้าพายจ้ำ พายงัด เสียตั้งแต่๕-๑๐นาทีก่อนหน้าก็ไม่ชนแล้ว คุณเป็นทหารเรือใช่ไหม ถ้าเรือรบชนอะไรก็ตาม ผบ.เรือจะแก้ตัวหลุดไหม? ยิ่งเรือพระที่นั่งด้วยแล้ว พันท้ายนรสิงห์ มีเหตุยิ่งกว่าสุดวิสัย ขนาดพระเจ้าเสือยังไม่เอาโทษแล้ว ยังยืดอกรับผิดไม่ยอมปฏิเสธโทษประหาร นี่สิครับชายชาญทหารเรือ ดีนะครับ สมัยนี้ไม่ใช่สมัยกรุงศรีฯ เพิ่มตอบคคห.๕๑ ประวัติศาสตร์เกิดขึ้นแล้วก็แล้วกันไป ครั้งหลังๆนี่ทร.ก็ทำดีแล้วนี่ครับ ซ้อมกันเข้มข้นมาก เมื่อก่อน ซ้อมกันไม่กี่ครั้งเอง แก้ไขเมื่อ 21 ก.ค. 52 19:26:14 จากคุณ : Navarat.C เขียนเมื่อ : 21 ก.ค. 52 19:20:26

ความคิดเห็นที่ 53 ชักไปกันใหญ่แล้ว    เห็นคนเดียวคิดคนเดียว    ยังไงก็ได้ แล้วมีใครแก้ตัวไหม   งานนี้    ผมไม่เคยได้ยินนะ เลยไม่ทราบว่า  คุณ Navarat.C  ต้องการอะไรกันแน่   ไปถึงพันท้ายนรสิงห์ โน่นแล้ว จากคุณ : เข็มแม่เหล็ก เขียนเมื่อ : 21 ก.ค. 52 19:31:41

ความคิดเห็นที่ 54 เพิ่มตอบคคห.๕๑ ประวัติศาสตร์เกิดขึ้นแล้วก็แล้วกันไป ครั้งหลังๆนี่ทร.ก็ทำดีแล้วนี่ครับ ซ้อมกันเข้มข้นมาก เมื่อก่อน ซ้อมกันไม่กี่ครั้งเอง แก้ไขเมื่อ 21 ก.ค. 52 19:26:14 จากคุณ : Navarat.C เขียนเมื่อ : 21 ก.ค. 52 19:20:26 [แก้ไข] ...................................................................................................... นี่แหละที่ผมว่าด่วนสรุป    ...ไม่กี่ครั้งเอง.. จากคุณ : เข็มแม่เหล็ก เขียนเมื่อ : 21 ก.ค. 52 19:34:50

ความคิดเห็นที่ 55 เข้ามาดูครับ และเท่าที่เห็นไม่เห็นว่า ทร.จะเสียหายตรงไหน เพราะ เป็นเรื่องที่ไม่สามารถคาดการณ์ได้ล่วงหน้า ไม่มีใครโทษ ทร.หรอกครับ ไม่รู้โทษตรงไหนจริงๆ จากคุณ : fete เขียนเมื่อ : 21 ก.ค. 52 19:40:11

ความคิดเห็นที่ 56 จริงๆ เหตุการณืนี้ก็ตั้งแต่ 2539 นะคับ ถ้าผมจำไม่ผิด เป็นระยะเวลา ที่ห่างจากการจัดกระบวนพยุหยาตราทางชลมารคครั้งหลังสุดในปี 2525 (ถ้าผมจำไม่ผิด) นานพอสมควร ดังนั้น ความชำนาญ ความผิดพลาด อาจเกิดขึ้นได้ต่อให้ซ้อมกันมามากก็เถอะครับ ความชำนาญยังอาจจะ ไม่มีเท่าปัจจุบันนี้ซึ่งทั้งระยะเวลา ประสบการณ์มีมากขึ้น ก็เป็นผลให้กระบวรเรือนั้นงดงามเรียบร้อยไปได้ ที่คุณ Navarat.C ทำเป็นจดหมายมอบให้กองทัพเรือนั้น ก้เป็นเพียง ข้อเสนอแนะจากการสังเกตของผู้ชมเท่านั้นเองครับ ที่มองเห็นและ ช่วยเสนอในมุมมองที่เห็น ส่วนกองทัพเรือจะได้นำไปแก้ไขหรือจะ ชี้แจงอย่างไร แล้วแต่ทางนั้นจะพิจารณาเอง เพราะคนที่ได้ชมและรับรู้เหตุการณ์ในครั้งนั้น ทั้งตั้งแต่การซ้อมและวันจริงนั้น ทราบถึงความ ตั้งใจดีของกองทัพเรือ และสิ่งที่เกิดก็เป็นอุบัติเหตุ จึงไม่ใช่เรื่องที่เป็น การชี้ความผิดและทำให้กองทัพเรือเสียหายแต่อย่างใด นี่จากความเห็นที่ได้อ่าน และได้ร่วมรับรู้เหตุการณ์นี้ด้วยคนนึงนะคับ จากคุณ : พ่อปลัด (พ่อปลัด) เขียนเมื่อ : 21 ก.ค. 52 19:58:08

ความคิดเห็นที่ 57 คุณพ่อปลัด เจรจาชอบแล้ว ขอบคุณที่เข้าใจผมครับ ส่วนคคห.๕๓ ๕๔ ถามผมว่า "คุณ Navarat.C  ต้องการอะไรกันแน่" ^ ^ ต้องการให้เข้าใจว่านี่เป็นเรื่องของประวัติศาสตร์เมื่อกว่า๑๒ปีมาแล้วครับ ที่เอาเอกสารมาให้อ่าน แทนที่จะเขียนขึ้นมาใหม่ ก็เพราะเห็นว่ามันเป็นประวัติศาสตร์เหมือนกัน เป็นเรื่องที่ผมคิดของผมตอนนั้นไม่ใช่ที่คิดตอนนี้ เหตุการณ์ครั้งกระนั้น มีทีวีแล้ว อาจจะมีใครอัดเทปไว้ด้วย ไปเปิดดูได้ คุณจะซัอมไม่กี่ครั้งหรือร้อยครังไม่สำคัญ สำคัญที่วันจริง โดนทั้งพายุฝน โดนทั้งกระแสน้ำที่เชี่ยวกราก จนแตกขบวน คุณยังรำเฉิบ รำเฉิบ  ตั้งแต่หน้าท่าวาสุกรีมาจนเข้าคุ้งสพานสมเด็จพระปิ่นเกล้า เพราะซ้อมมาท่าเดียว คุณเคยเห็นเรือพายที่เดินหน้าทางกราบข้างบ้างไหม ไม่ได้เอาหัวเรือไปนะครับ คือมันลอยตามกระแสลมกระแสน้ำไง ไม่ใช่แรงพาย ชาวบ้านดูอยู่ เขาหัวใจจะวาย นี่มันข้อเท็จจริง ทำไมต้องแก้ตัวว่าสุดวิสัย ถ้าซ้อมมาทุกท่า มันก็ไม่สุดวิสัยนะซี กลับมาที่เรื่องใดก็ตามที่เป็นประวัติศาสตร์ไปแล้ว และมีข้อมูลมาเปิดเผยทีหลัง ที่รุนแรงกว่านี้มีเยอะแยะ เฉพาะเรื่องของทหารเรือ วันหลังจะเอาเรื่องจริงที่เกาะช้าง ตอนรล.ธนบุรีต่อตีกับลามอตต์ปิเกต์มาเล่าให้ฟัง รับรองคนละversionกับที่กองประวัติศาสตร์ทหารเรือเขียน แต่ใครอย่ามาเร่งผมนะครับ วันดีคืนดีก่อนผมจะเอาลงของผมเอง จากคุณ : Navarat.C เขียนเมื่อ : 21 ก.ค. 52 20:39:33

ความคิดเห็นที่ 58 เชิญครับ    ผมไม่ก้าวล่วงวิธีคิด ขอบคุณที่นำภาพมาให้ชมครับ จากคุณ : เข็มแม่เหล็ก เขียนเมื่อ : 21 ก.ค. 52 20:56:52

ความคิดเห็นที่ 59 ขอบคุณคุณเข็มแม่เหล็กครับ รู้สึกยินดีที่ได้แลกเปลี่ยนความเห็นกับคุณครับ จากคุณ : Navarat.C เขียนเมื่อ : 21 ก.ค. 52 21:20:22

ความคิดเห็นที่ 60 คุณ Navarat.C ครับ ด้วยความเคารพครับ ขอเรื่อง พม่าแต่งกระบวนพยุหยาตราทางชลมารค รบกับเรือเหล็กอังกฤษ ด้วยครับ ว่าทำไมถึงทำเช่นนั้นครับ ทั้งที่รู้ว่าสู้ไม่ได้ ทหารเรืออังกฤษยังเสียใจเลยที่ยิงเรือเหล่านั้น จากคุณ : ppnyc เขียนเมื่อ : 21 ก.ค. 52 22:05:08

ความคิดเห็นที่ 61 ผมพอจะยืนยันได้คนหนึ่งครับ เพราะมีญาติเป็นฝีพาย ว่า ในการซ้อมพายเน้นที่การฝึกท่าพายตามแบบแผน มากกว่า การฝึกเพื่อให้พายเรือเป็น และการนำเสนอข้อมูลต่อสาธารณะชน ทั้งยังมีข้อเสนอแนะไปยัง ทร. นับว่าเป็นการสร้างคุณาประโยชน์แก่ชาติมากครับ จากคุณ : หวายดิบ (ชัยนาท) เขียนเมื่อ : 21 ก.ค. 52 22:10:30

ความคิดเห็นที่ 62 วันนั้นเราก็อยู่ในเหตุการณ์นะคะ  เพราะชมพระบารมีอยู่ในเรือที่อยู่หน้ากรมอู่  ขอยืนยันว่าเรือพระที่นั่งสุพรรณหงษ์อยู่ในขบวน วันนั้นฝนตกหนักมากจนเรือพระราชพิธีโคลง  ทุกคนที่ยืนอยู่ข้างๆเราได้แต่ภาวนาว่าให้มนุษย์กบนำเรือยางออกไปแก้สถานการณ์ให้ทัน  เพราะทั้งลมทั้งฝนกระหน่ำแบบฟ้าปิด แต่พอเรือถึงท่าวัดอรุณ  สิ่งมหัศจรรย์ก็บังเกิด  เพราะฟ้าเปิดจนสว่างไสว  เรายังจำความประทับใจได้ดี ว่าแสงอาทิตย์ที่ส่องลงมากระทบกับกระบวนเรือทั้งหมดสวยงามมาก  เป็นครั้งแรกในชีวิตที่ได้รับเสด็จแบบใกล้ๆและเป็นครั้งแรกที่ได้ชมกระบวนพยุหยาตราทางชลมารค จากคุณ : นานนุนนอน เขียนเมื่อ : 21 ก.ค. 52 22:11:22

ความคิดเห็นที่ 63   เพิ่งกลับมาอ่านต่อ ตอนที่มาถึงบ้านครับ เห็นมีการ อภิปรายเรื่องการฝึกซ้อม เลยหาเอาข้อมูลเบื้องต้นที่ค้นเจอ มาลงเปรียบเทียบนะครับ การฝึกซ้อม กระบวนเรือในปี 2539  ประมาณ 7 เดือน คือ มิ.ย.-พย.2539 อ้างอิงมาจาก http://www.navy.mi.th/royal/kanchana/proj71t.htm ครับ ส่วนในการฝึกซ้อมของปี 2549 ประมาณ 9 เดือน คือ ต.ค.2548 - มิ.ย.2549 อ้างมาจาก http://www.navy.mi.th/sctr/royal_barge_60/60_5.php พอจะเห็นได้ว่า ใช้เวลาเตรียมการมากขึ้น ในครั้งหลังนะครับ จากคุณ : MA<O>MiYA เขียนเมื่อ : 21 ก.ค. 52 22:40:14

ความคิดเห็นที่ 64 คุณppnycครับ บันทึกนั้นเป็นภาษาอังกฤษ ถ้าไปแปลว่าขบวนพยุหยาตราโดยชลมารคก็เกินไป ถ้าแปลว่าเป็นกองเรือรบแปรขบวนเข้าต่อตีตามภาพ ก็น่าจะถูกต้องกว่า ตามนั้นแหละครับ เรือพม่าเป็นเรือไม้ใช้ฝีพาย ต้องรีบเข้าประชิด ฝีพายจะได้เปลี่ยนเป็นทหารดาบเข้าตีรันฟันแทง อังกฤษขนทหารราบใส่เรือบด กำลังยกพลขึ้นบก ถ้าพม่าเข้าประชิดตัวได้ก็ต้องตะลุมบอนตายเป็นเบือเหมือนกัน ดังนั้น อังกฤษเมื่อได้เปรียบที่มีปืนใหญ่ลูกแตกก็ต้องใช้ความได้เปรียบ เอาอาวุธยาวยิงเรือพม่ายับเยินไปทั้งกองทัพ ไอ้ที่ว่าไม่อยากยิงนี่ ฟังไม่ขึ้นครับ พวกมันไม่อยากตายมากกว่า แต่เรืออังกฤษที่เป็นเรือเหล็ก อยู่ในลึก กองเรือพม่ายังไปไม่ถึงเพราะยับเสียก่อน จึงยังไม่ทันได้ยิงปืนเรือสักนัดกระมังครับ จากคุณ : Navarat.C เขียนเมื่อ : 21 ก.ค. 52 22:42:18

ความคิดเห็นที่ 65 ไม่ใช่รบในทะเลครับ ดูเจดีย์กลางรูปก็ได้ครับ รบที่อิระวดี พม่าไม่ติดปืนเรือเลย ไม่แต่งปืนเหมือนที่ไทยแต่งในเรือรบแบบพายเลยครับ พม่าแต่งกระบวนยุทธเรือโบราณมาหลายร้อยลำ แม่น้ำเชี่ยวมาก พม่าล่องมาตามกระแสน้ำ แต่อังกฤษทวนด้วยเรือกลไฟ ติดปืนหัวเรือพายตามในรูป เล่นซะม่าน ล่มเกือบหมด เพราะม่านทะเลาะกันเรื่องเงินทุนส่งสะเบียงช่วยรบ แล้วอังกฤษก็ยึดวังพระเจ้าสีป้อเมืองม่าน พาไปขังที่อินเดียพร้อมพระมเหสี ในรูปน่าจะเป็นกองเรือม่านที่ยอมแพ้มากกว่าครับ เห็นทหารผิวคล้ำคือทหารราบอินเดียครับ ทุกวันนี้เรือโบราณประเภทนี้ยังมีเพื่อประเพณีและสัญลักษณ์ทางวัฒนธรรม พม่าครับ ด้วยความเคารพครับ จากคุณ : ppnyc เขียนเมื่อ : 21 ก.ค. 52 23:47:20

ความคิดเห็นที่ 66 ติดตามค่ะ น่าสนใจมากทีเดียว^^ จากคุณ : Miracles in my life เขียนเมื่อ : 21 ก.ค. 52 23:58:57

ความคิดเห็นที่ 67 ขอบคุณครับ คุณ Navarat C ที่นำข้อมูลดีๆ มาเผยแพร่เสมอ ที่นี่คนอ่านคงมีวุฒิภาวะพอที่จะรู้ว่าอะไรเป็นอะไร รบกวนช่วยนำข้อมูลดีๆ มาเผยแพร่ต่อไปครับ จากคุณ : kingkeng เขียนเมื่อ : 22 ก.ค. 52 01:25:15

ความคิดเห็นที่ 68 ก่อนอื่น ขอขอบพระคุณ อาจารย์ Navarat C มากๆนะครับที่มีกระทู้ดีๆแบบนี้มาให้ได้ติดตาม  คือหลังจากที่ผมได้อ่านกระทู้นี้แล้วตั้งแต่ที่ยังไม่ได้มีการนำภาพมาลง ผมก็ไปหาดูใน youtube และผมเองก้อนั่งดูมาสองวันแล้ว ตอนนั้นผมเพิ่งจะ 12 ขวบ แต่พอมาย้อนดูรู้สึกว่าวันนั้นกระแสน้ำจะแรงมาก ผมดูไปจนถึง ไฟล์ที่7,8,9 ซึ่งไฟล์ที่7นั้นฟ้ายังสว่างอยู่ แต่พอช่วงกลางไฟล์ที่ 8 ฝนก็เริ่มกระหน่ำลงมา ตอนนั้นเรืออนันตนาคราช ลอดใต้สะพานพระปกเกล้าไปได้แล้ว แต่หลังจากนั้นก็จะเป็นเรือพระที่นั่ง แล้วก็เรือสุพรรณหงส์ ซึ่งเรือพระที่นั่งตอนที่ลอดใต้สะพานนั้นก็ดูเหมือนว่าจะเซขวางลำอยู่กลางแม่น้ำ แต่ผมก็สังเกตูเห็นว่าคนที่ถือหางนกยูง ได้แสดงท่าทีว่าให้เปลี่ยนท่าพาย โดยจ้วงให้เร็วขึ้น แต่คงเป็นเพราะเรือพระที่นั่งลำใหญ่มากอีกทั้งสังเกตุจากพายแล้ว แตะน้ำเพียงนิดหน่อยไม่น่าจะช่วยอะไรได้ นิดนึงนะครับ  ทราบมาว่้าเรือพระที่นั่งทั้งสี่ลำนั้น คือ เรือสุพรรณหงส์ เรือนารายณ์ทรงสุบรรณ รัชกาลที่9 เรืออนันตนาคราช และเรือเอนกชาตภุชงค์ เป็นเรือที่มีท่าพายเฉพาะ คือท่านกบิน การที่จะเปลี่ยนท่าพายได้นั้น ตามโบราณราชประเพณี จะต้องทูลขอพระบรมราชานุญาตก่อน เป็นไปได้มั้ยครับว่า ตอนนั้นไม่ได้มีวิทยุสื่อสารระหว่างเรือพระที่นั่งลำอื่นๆ ทำให้ไม่ได้เปลี่ยนท่าพาย เหมือนที่เรือพระที่นั่งนารายณ์ทรงสุบรรณ รัชกาลที่9 เปลี่ยนเป็นพายจ้วง เพราะได้ขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตแล้ว เนื่องจากทรงประทับอยู่ในเรือ ผมมาแสดงความคิดเห็นนะครับ ยังไงช่วยชี้แนะด้วย เคารพและขอบพระคุณในความรู้ที่นำมาแบ่งปันและเผยแผ่ครับ ท่านอาจารย์ Navarat C จากคุณ : มหัทธนะ เขียนเมื่อ : 22 ก.ค. 52 02:47:02

ความคิดเห็นที่ 69 ดูคลิปที่ 9 แล้วน่ากลัวอะทั้งลมทั้งฝนกระหน่ำลงมาซะเรื่อไม่เป็นขวบนเลย พอคลิปที่ 10 กลางๆคลิปฝนก็กระหน่ำลงมาอีก จนเรื่อตำรวจน้ำต้องคอยขนาบข้างๆเรือพระที่นั่ง จากคุณ : ghv2 เขียนเมื่อ : 22 ก.ค. 52 04:39:07

ความคิดเห็นที่ 70 ตอบคุณppnyc คคห.๖๕ รูปที่เอามาลงเป็นสงครามครั้งที่๑ สมัยพระเจ้าบาคญีดอ รบกันในอิระวดีตอนล่างของยั่งกุ่งครับ คิดว่าเจดีย์นั้นคือชเวดากอง เรือใหญ่ของอังกฤษผมเขียนว่าอยู่ในลึก ไม่ได้แปลว่าทะเล ผมเอาเรือรบพม่าที่สร้างในชั้นหลังมาให้ดู เห็นปืนใหญ่หัวเรือใช่ไหมครับ สมัยนั้นปืนพม่าไม่มีอำนาจการยิงเท่าอังกฤษ ก็เลยแพ้ เช่นเดียวกับสงครามครั้งที่๒ สมัยพระเจ้าสีป่อ พม่าแพ้ปืนใหญ่อังกฤษทุกสมรภูมิครับ จากคุณ : Navarat.C เขียนเมื่อ : 22 ก.ค. 52 07:22:41

ความคิดเห็นที่ 71 คคห๖๘ ขอบคุณคุณมหัทธนะครับ เรืองเหล่านี้ เรารู้น้อยกว่านายทหารเรือที่เกี่ยวข้อง ยิ่งเรื่องต้องขอพระบรมราชานุญาตก่อนเปลี่ยนท่าพายนี่ ถ้าจริงดังที่ว่าก็ยิ่งต้องทบทวนวิธีการปฎิบัติ ไม่ให้เรือพระราชพิธีเข้าสู่ที่คับขันได้ เอาเถิดครับ มาถึงนี่แล้ว ไม่ต้องย้อนหลังไปแนะนำอะไรใครดอก อย่างที่คุณเข็มแม่เหล็กว่าไว้นั่นแหละ เรื่องอย่างนี้คนทร.เขา"คิดกันได้ คิดกันออก ทั้งนั้นแหละครับ   โดยเฉพาะคนที่รับผิดชอบยิ่งคิดหนัก"   ตอนนี้เราควรมีหน้าที่แค่ยกประวัติศาสตร์มาเตือนสติ โดยหวังจะไม่ให้เกิดประวัติศาสตร์ซ้ำรอยในอนาคตเท่านั้น จากคุณ : Navarat.C เขียนเมื่อ : 22 ก.ค. 52 07:43:10

ความคิดเห็นที่ 72 ตอนนั้นบังเอิญได้พี่คนนึงเป็นครอบครัวทหารเรือพาไปดูกระบวนเรือพระราชพิธีในที่ของกองทัพเรือ จำได้แม่นเลยว่าตอนนั้นลุ้นมากให้ตำรวจน้ำเอาเรือยางหนุนเทียบเรือพระที่นั่งเพื่อไม่ให้โคลงสุดตัว ถึงอยู่บนฝั่งยังเห็นว่าเรือยางตำรวจน้ำห่างจากผืนน้ำแค่นิดเดียวเองค่ะ พอในหลวงเสด็จขึ้นเท่านั้นแหละ ฟ้าแจ้งฝนหายเชียว ขนลุกเลย ครั้งนั้นเป็นครั้งแรกในชีวิตที่ได้เห็นเรือพระที่นั่งใกล้ๆ งามมากๆ เลยค่ะ จากคุณ : kirara (kirara_chan) เขียนเมื่อ : 22 ก.ค. 52 11:30:25

ความคิดเห็นที่ 73 ผมเห็นด้วยอย่างยิ่งในประเด็นที่ว่าควรดูฟ้าดูฝนด้วยครับ อันนี้สำคัญที่สุด ประสบการณ์สอนว่าถ้าฝนตกหนัก ลมแรง ต่อให้พายเก่งแค่ไหนก็ไม่เหลือครับ ไม่มีทางเอาชนะทั้งลม ทั้งกระแสน้ำเชี่ยวได้เลย ยิ่งเรือที่มีหลังคาตรงกลางแบบนี้ นั่นแหละ กินลมดีนักแล ผมมันลูกแม่น้ำ บ้านอยู่ริมน้ำ พูดได้เต็มปาก ยามฝนตกลมแรง เขามีแต่หลบเข้าฝั่งกันทั้งนั้นแหละครับ จากคุณ : หนุ่มไทยไร้นาม เขียนเมื่อ : 22 ก.ค. 52 12:02:12

ความคิดเห็นที่ 74 เพิ่งเดเข้ามาไม่ได้เข้ามาหลายวัน ขอบคุณ คุณ NAVARA C มากสำหรับกระทู้และภาพดีๆ อย่างนี้ แต่รู้สึกผิดหวังกับคำบอกเล่าของคุณราตรีมาก เพราะดิฉันได้อยู่ในเหตุการณ์ ดิฉันได้ไปเฝ้าชมพระบารมีและชมกระบวนเรืออยู่ที่บริเวณสถานีรถไฟบางกอกน้อย ซึ่ง ททท. ได้จัดให้เป็นที่ชมกระบวนเรือในวันนั้น ต้องบอกว่าวันนั้นไม่มีใครคิดว่าฝนจะตกหนักขนาดนั้น เพราะระหว่างที่นั่งรอขบวนเสด็จ พวกเราที่นั่งรอต้องนั่งกางร่มกัน แดดร้อนมาก โดยเฉพาะเป็นแดดบ่ายซึ่งร้อนแรงมาก พอใกล้เวลาเคลื่อนกระบวน ฝนตั้งเค้ามาอย่างน่ากลัวมืดมาก มาจากทางด้านทิศเหนือของแม่น้ำเจ้าพระยา พวกเราก็ได้แต่พูดกันว่าจะเสด็จก่อนฝนตก หรือฝนจะตกก่อนเสด็จฯ พอได้เวลาเราก็ได้ยินเสียงเห่จังมาจากท่าวาสุกรี ต่างก็ภาวนากันอีกว่า ให้กระบวนเรือไปถึงวัดอรุณก่อนแล้วฝนค่อยตก แต่ปรากฎว่าพอเรืออเนกชาติภุชงค์ผ่านสะพานพระปิ่นเกล้ามา ได้นิดเดียวฝนก็ตกลงมาอย่างหนัก เรืออเนกชาติภุชงค์ ยังคงลอยลำอยู่กลางแม่น้ำ (เท่าที่พยายามมองเพราะฝนตกหนักอย่างมากสายฝนหนาเม็ดจนทำให้มองระยะไกลไม่ดี) ดิฉันจำได้ว่าพอฝนตกหนักลมแรงขนาดนั้น ไม่มีคนไทยคนไหนนั่งติดที่นั่งเลยทุกคนยืนขึ้นกลางสายฝน แล้วพูดเหมือนๆ กันว่า "เรือในหลวง" "เรือในหลวงอยู่ไหน"  แล้วในสายฝนที่ตกแรงมากๆ เรือนารายณ์ทรงสุบรรณ ก็โผล่หัวเรือเข้ามาใกล้กับฝั่งสถานีรถไฟบางกอกน้อยมาก มากขนาดที่พวกเราตรงนั้นได้เห็น "พระบาทมเด็จพระเจ้าอยู่หัว" ทรงประทับนิ่ง ทอดเนตรตรง แล้วเรือก็เซมาตามแรงของลมที่พัดอย่างแรง  และพัดต่อไปใกล้กับรั้วของโรงพยาบาลศิริราช  คนไทยที่ดูอยู่ในบริเวณนั้น ต่างส่งเสียง "ทรงพระเจริญ" บ้าง "เรือในหลวงโดนพายุ" เซ้งแซ่ไปหมด ก็เป็นเรื่องที่แปลกมากๆ พอท้ายเรือนารายณ์ทรงสุบรรณ สุดสายตาพวกเรา ฟ้าเปิดแดดออก แต่ดิฉันยืนยันได้ว่า เรืออเนกชาติภุชงค์ เรือพระที่นั่งสุพรรณหงษ์ เรืออนันตนาคราช ยังคงเคลื่อนไปตามแรงฝรพายในแม่น้ำ ไม่แตกกระบวนแต่อย่างใด แต่ภาพถ่ายของคุณ NAVARA C ดิฉันเข้าใจว่าถ่ายจากคอนโดสูงริมแม่น้ำเจ้าพระยา ขอบคุณที่ทำให้เราเห็นภาพที่ไม่เคยเห็น ในความเห็นวันนั้นพายุแรงมากจริงๆ ถ้าทหารพายไม่เข้มแข็งอาจบังคับเรือไม่อยู่ก็เป็นได้  ทุกคนต้องการถวายงานต่อพระองค์ท่านอย่างดีที่สุด  แต่เหคุการณ์วันนั้เป็นเรื่องที่ไม่คาดคิดมาก่อนเลยแม้แต่นิด จากคุณ : สุริยนันทนารี เขียนเมื่อ : 22 ก.ค. 52 14:31:50

ความคิดเห็นที่ 75 ตอนนั้นเพิ่ง9ขวบเองค่ะ เสียดายที่ไม่ได้มีส่วนรับรู้ในเหตุการณ์วันนั้นเลย แต่ตอนนี้ได้ทราบแล้ว ขอบคุณชาวห้องสมุดพันทิพและคุณNavarat.Cมากค่ะ จากคุณ : thezircon (thezircon) เขียนเมื่อ : 22 ก.ค. 52 16:11:56

ความคิดเห็นที่ 76 นับเป็นประวัติศาสตร์เหมือนกัน ที่เดือนนี้ไม่ค่อยได้เข้าพันทิป เลยมี Give ให้ทุกกระทู้ที่อยากให้สมใจ             ท่านที่ตอบกระทู้ ยกคำกล่าวอ้างอันบิดเบือนประวัติศาสตร์อย่าง ชัดแจ้ง ควรที่จะ ขออภัยผู้อ่านด้วยว่า ถ้อยคำอันนำมากล่าวว่าเรือกลับลำ กลับไปไม่เข้าขบวนเสด็จเป็นถ้อยคำให้สัมภาษณ์อันไม่ถูกต้อง ไม่สมควร         ส่วนกรณียืนยันด้วยภาพ ทั้งหมด นับเป็นกรณีศึกษาของนักประวัติศาสตร์ชาติไทย อย่างแท้จริง สมควรที่คุณ นวรัตน์ซี จะลำดับความคิด ให้เป็นประวัติศาสตรที่ควรศึกษาและ จัดระเบียบสิ่งเหล่านี้ไว้ให้ชนรุ่นหลัง ได้รับทราบ           ขอบคุณที่นำภาพ และ หลายท่านได้ให้ข้อความยืนยัน          เรื่องอันเกี่ยวแก่ประวัติศาสตร์เบื้องสูง ไม่ควรที่จะถูกบิดเบือน โดยผู้ใดผู้หนึ่งอิงอิทธิปาฏิหาริย์ อันไม่จริงแท้เสียด้วย ต่อไป ก็จะกลาย เรื่องไปเป็นอื่น อีก ร้อยปี พันปี ไปเสียเล่า (ป.ล. มาแก้ไขคำว่า ท่านผู้ตั้งกระทู้ เป็น ท่านผู้ตอบกระทู้ ขออภัยด้วย ) แก้ไขเมื่อ 22 ก.ค. 52 21:13:48 จากคุณ : tiki_ทิกิ เขียนเมื่อ : 22 ก.ค. 52 21:09:37

ความคิดเห็นที่ 77 เรื่องเล่าแบบนี้ผมก็ได้ฟังมาเหมือนกับครับ โดยได้ยินมาจากผู้หลักผู้ใหญ่ที่ผู้คนให้ความเชื่อถือมากเพราะท่านเป็นนักประวัติศาสตร์แต่งหนังสือประวัติศาสตร์มาหลายเล่ม โดยท่านเล่าว่าเรือสุพรรณหงส์ แล่นเข้าไปขวางหน้าเรือพระที่นั่งนารายณ์ทรงสุบรรณเลย โดยที่ฝีพายเรือสุพรรณหงส์ถึงกับหน้าถอดสีเป็นแถบ...แล้วก็ให้เหตุผลคล้ายๆที่คุณรารตรีหัวหน้าพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ เรือพระราชพิธี เล่านั่นแหละครับ ตัวผมเองก็ไม่ได้อยูในเหตุการณ์ก็เชื่อไปตามท่านเล่าล่ะครับด้วยเห็นว่าท่านเป็นผู้หลักผู้ใหญ่ โชคดีเหลือเกินครับที่คุณNavarat.Cได้นำความจริงพร้อมหลักฐานมาประกอบ ช่วยได้มากจริงๆครับ โชคดีที่เรื่องนี้ผมไม่ได้เอาไปเล่าให้ใครฟังต่อ ไม่งั้นคนรุ่นหลังๆก็จะได้รับข้อมูลข่าวสารที่ผิดเพี้ยนไป ขอขอบคุณ คุณNavarat.Cจากใจจริงครับ ที่ช่วยให้ผมหูตาสว่างเสียที ขอบคุณมากๆอีกครั้งนึงครับ จากคุณ : กบในกะลาครอบ (katathorn) เขียนเมื่อ : 22 ก.ค. 52 21:31:08

ความคิดเห็นที่ 78 ขอบคุณคุณtiki_ทิกิมากครับที่ให้กิ๊ฟผมคนเดียวมากมายอย่างที่ไม่เคยได้รับจากกระทู้ใดมาก่อน จากคุณ : Navarat.C เขียนเมื่อ : 22 ก.ค. 52 21:46:40

ความคิดเห็นที่ 79 เรียนคุณ ทิกิ ตามที่ได้กล่าวว่า            ท่านที่ตอบกระทู้ ยกคำกล่าวอ้างอันบิดเบือนประวัติศาสตร์อย่าง ชัดแจ้ง ควรที่จะ ขออภัยผู้อ่านด้วยว่า ถ้อยคำอันนำมากล่าวว่าเรือกลับลำ กลับไปไม่เข้าขบวนเสด็จเป็นถ้อยคำให้สัมภาษณ์อันไม่ถูกต้อง ไม่สมควร ต้องขอโทษด้วยที่่ลืมพิมพ์เครดิตว่านำข้อมูลนั้นมาจากไหน เพราะด้วยความปรารถนาดี เห็นมีผู้เข้ามาถาม แล้วจำได้คลับคล้ายคลับคลาว่าเคยอ่านมาจากที่ใดที่หนึ่ง จึงได้กดเข้าไปค้นหาในกูลเกิ้ล และก๊อปปี้ข้อความมาให้อ่าน มิได้กล่าวยืนยัน หรือชี้ไปว่าเป็นเช่นนั้น เมื่อมีผู้เข้ามาให้ข้อมูลที่มีเหตุมีผลมากกว่า ก็ทำความเข้าใจให้แก่หลายๆท่าน ก็ต้องขอขอบคุณ ที่กรุณามาให้ความสว่าง อย่าได้ว่ากล่าวผู้มาร่วมสนทนาเลย ถ้าไม่มีข้อมูลด้านบน มาให้ทราบ จะมีข้อแย้งมาลบล้างได้หรือไม่ ถ้าที่กล่าวมาถึงผู้ตอบกระทู้ คือตัวดิฉัน ก็ต้องขอโทษ ที่นำข้อมูลที่ได้ก๊อปปี้มาแล้วไม่เป็นเรื่องถูกต้อง จากคุณ : พนอจัน เขียนเมื่อ : 22 ก.ค. 52 22:24:39

ความคิดเห็นที่ 81 ... เข้ามาดู จากคุณ : Mr. Fusion เขียนเมื่อ : 22 ก.ค. 52 22:50:11

ความคิดเห็นที่ 82 เคยอ่านบทสัมภาษณ์คุณราตรี บัวประดิษฐ์ นานมาแล้ว ถ้าจำไม่ผิดที่คุณราตรีพูดข้่่างต้นหมายถึงเมื่อตอนนำเรือสุพรรณหงส์ และเรือพระที่นั่งนารายณ์ทรงสุบรรณออกมาซ้อมครั้งแรกครับ ไม่ได้หมายถึงเหตุการณ์วันจริงครับ จากคุณ : chiboy เขียนเมื่อ : 23 ก.ค. 52 01:26:49

ความคิดเห็นที่ 83   กราบขอบพระคุณอย่างสูงสำหรับข้อมูลค่ะ จากคุณ : ไอรดา เขียนเมื่อ : 23 ก.ค. 52 01:48:07 A:71.108.157.25 X: TicketID:191776

ความคิดเห็นที่ 84 เป็นวันที่ติดอยู่ในใจไม่ลืมเลยอีกวันหนึ่ง   วันนั้นผมดูอยู่ในศิริราชตรงสระว่ายน้ำ   ติดรั้วริมแม่น้ำเลย  ฝนตกจนตัวเปียกโชกไปหมดทุกคน แต่ก็ไม่มีใครถอย   ได้เห็นตอนที่เรือพระที่นั่งนารายณ์ทรงสุบรรณถูกลมและฝนซัดจนหันเหเข้ามาทางฝั่งศิริราชจบเกือบจะชนตลิ่งก็ว่าได้    ห่างจากฝั่งแค่ไม่กี่เมตร   ตอนนั้นเห็นสมเด็จพระบรม ฯ ถึงกับเสด็จลุกขึ้นยืนเลยเพื่อร่วมหาทางช่วยและแก้ไข   ภายนอกเรือก็มีดิงกี้ของทางทร.ประกบอยู่หลายลำ    ประชาชนที่ยืนเบียดกันเปียกฝนอยู่หลายคน  ตั้งท่าชักชวนกันจะกระโดดลงน้ำเพื่อลงไปช่วยผลักเรืออีกแรงหนึ่ง     ตอนนั้นผมก็นึกอยู่ในใจเหมือนกันว่าถ้าแรงเล็ก ๆ ของเราช่วยได้ ผมโดดด้วยเหมือนกัน  แต่พอดีเห็นมีทหารเรือมาช่วยกันอยู่เยอะอยู่แล้ว  เลยได้แค่เอาใจช่วยอยู่บนบก  และเหตุการณ์ก็ผ่านพ้นไปได้ด้วยดีอย่างที่หลาย ๆ ท่านเล่ามาแล้ว จากคุณ : Minimally Chic เขียนเมื่อ : 23 ก.ค. 52 09:03:16

ความคิดเห็นที่ 85 ขอบคุณทุกๆท่านมากๆค่ะ สำหรับความรู้และข้อเท็จจริง ไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าเรื่องราวเป็นแบบนี้ เห็นจากในทีวีแค่ว่าพอในหลวงเสด็จขึ้นจากเรือฝนก็หยุดทันที แค่นี้เราก็ขนลุกแล้วค่ะ ขอบคุณจริงๆค่ะ จากคุณ : apple a day เขียนเมื่อ : 23 ก.ค. 52 11:36:02

ความคิดเห็นที่ 86 เคยอ่านหนังสือของคุณภัทราวดีนานมากมาแล้ว จำได้เลาๆ คล้ายๆ กับความเห็นที่ 82 ของคุณ chiboy ว่าเกิดขึ้นตอนซ้อมเรือพระที่นั่งนารายณ์ทรงสุบรรณไปแล่นเป็นเรือเอก แล้วเรือพระที่นั่งสุพรรณหงส์เป็นเรือรองคราแรก จากคุณ : มีดปลายแหลมในความมืด เขียนเมื่อ : 23 ก.ค. 52 11:37:39

ความคิดเห็นที่ 87 หลังจากเหตุการณ์นั้น เรือสุพรรณหงส์ก็กลับมาเป็นเรือเอกเหรอครับ? จากคุณ : taro-tg69 เขียนเมื่อ : 23 ก.ค. 52 12:55:15

ความคิดเห็นที่ 88 ขอบคุณทุกท่านข้างบนค่ะ  อ่านไปขนลุกไป ขอบคุณนะคะ จากคุณ : จุดตานิด เขียนเมื่อ : 23 ก.ค. 52 13:43:00

ความคิดเห็นที่ 89 ขอบคุณครับ จากคุณ : SATADA เขียนเมื่อ : 23 ก.ค. 52 16:25:08

ความคิดเห็นที่ 90 ขอบคถุณทุๆท่านที่นำเรื่องราวดีๆมาแบ่งปันให้อ่านกันครับ ปี 39 ตอนนั้นพึ่งเกิดได้ 4 ปีเอง จากคุณ : akkarachai เขียนเมื่อ : 23 ก.ค. 52 20:26:52

ความคิดเห็นที่ 91 สงสัยตามคห.87ด้วยค่ะว่า หลังจากนั้นเรือพระที่นั่งนารายณ์ทรงสุบรรณได้เป็นเรือเอกอีกรึเปล่าคะ หรือว่าใช้เฉพาะเวลาในหลวงเสด็จเท่านั้น คุ้นๆว่า2ครั้งล่าสุด เรือสุพรรณหงส์เป็นเรือเอก จากคุณ : Book&Beer เขียนเมื่อ : 24 ก.ค. 52 02:55:59

ความคิดเห็นที่ 92 ^ ^ ^ ผมก็เห็นว่าเรือสุพรรณหงส์เป็นเรือเอกเหมือนกัน จากคุณ : taro-tg69 เขียนเมื่อ : 24 ก.ค. 52 07:36:34

ความคิดเห็นที่ 93 อ่านถึงคห.5 กับ 6 ก็เริ่มเข้าจุดไคลแมกซ์ หยุดอ่านไม่ได้แล้วครับ จะให้กิฟท์มากสุดแค่3 ก็คงไม่พอ พันทิปคงต้องเพิ่มโควต้าให้ถึง 5 ล้วนะครับ ขอบคุณทุกท่านที่ให้ข้อมูล โดยเฉพาะอย่างยิ่งคุณ NAVARAT C. ครับ จากคุณ : NickyNick เขียนเมื่อ : 24 ก.ค. 52 09:00:26

ความคิดเห็นที่ 94 วันนั้นดูอยู่ที่ท่าเทเวศน์ค่ะ...ปลาบปลื้มแม้จะได้เห็นพระราชวงศ์อยู่ไกล ๆ   ยังจำได้ว่าพอเรือแล่นผ่านท่าปุ๊บ ฝนกระหน่ำลงมาเลย  เราก็รอจนเรือผ่านไปหมดขบวน  แล้วก็วิ่งกลับหอเลยค่ะ  เหตุการณ์ต่อจากนั้นไม่เคยทราบมาก่อนเลย เพราะอยู่ที่หอไม่มีทีวีดูค่ะ  เพิ่งมาทราบเหตุการณ์ต่อจากนั้นก็วันนี้เอง  ขอบคุณทุก ๆ คห.ค้า จากคุณ : azami_hi เขียนเมื่อ : 24 ก.ค. 52 16:31:08

ความคิดเห็นที่ 95   ให้กิ๊ฟไม่ได้ ขอโหวตก็แล้วกันค่ะ ขอบคุณสำหรับข้อมูลดีๆ จากคุณ : pumpkin&blackbeauty เขียนเมื่อ : 24 ก.ค. 52 22:14:14

ความคิดเห็นที่ 96 ผมได้เห็นตอนปี 2525 ตอนแรกคิดว่าเรืออนันตนาคราชน่าจะสวยที่สุด แต่พอเจอของจริง เรือสุพรรณหงส์เด่นที่สุด ยิ่งตอนเห็นชัดๆตอนผ่านหน้านี่ ขนลุก สวยจริงๆครับ จากคุณ : I love Alpha เขียนเมื่อ : 25 ก.ค. 52 20:18:21

ความคิดเห็นที่ 97   ขอบคุณมากครับ อ่านแล้วขนลุก ยิ่งไปดูในยูทูปยิ่งขนลุกจริงๆๆ จากคุณ : ติดปีกบินไปให้ไกลไกลแสนไกล เขียนเมื่อ : 25 ก.ค. 52 21:11:32

ความคิดเห็นที่ 98 ในหลากหลายความรู้สึก ขอกล่าวคำว่า ขอบพระคุณค่ะ จากคุณ : หญ้าสีเขียว เขียนเมื่อ : 26 ก.ค. 52 06:20:52