ความคิดเห็นที่ 1 ไปอยู่ในที่ๆคุณไม่ใช้ภาษาอื่นเลยยกเว้นภาษาอังกฤษประมาณ6เดือน จากคุณ : เสธแก่ เขียนเมื่อ : 21 ก.ค. 52 06:24:40

ความคิดเห็นที่ 2   ผมฝึกจาก เนื่อเพลงภาษาอังกฤษครับ หามาแล้วแปลเป็นไทย และก็ หาหนังสือฝึกภาษามาอ่านเยอะ พวกนิตยสารภาษาอังกฤษก็ซื้อมาอ่าน แรกๆจะอ่านแบบมึนๆ เรียนทางอินเตอร์เน็ตก็เอา ตอนทำงานก็เลือกไปทำงานกับฝรั่ง ความรู้อยู่รอบตัวเราครับ แล้วแต่ใครใคร่จะไขว่คว้าแบบไหน จากคุณ : theeradol เขียนเมื่อ : 21 ก.ค. 52 06:56:22

ความคิดเห็นที่ 3 search หา ่ เรียนภาษาอังกฤษด้วยตัวเอง ... มีเยอะครับ ... เลือกแนวที่เหมาะกับตัวเอง เอามาประยุกต์ให้เหมาะสม ตั้งใจจริง มุ่งมั่น ก็จะทำได้ครับ ... ผมก็กำลังฝึกฝนอยู่ ... ถ้าได้ในระดับนึง แล้วก็จะหาโอกาสมาบอกเล่ากันนะครับ ... จากคุณ : เคมีรามคำแหง เขียนเมื่อ : 21 ก.ค. 52 07:07:37

ความคิดเห็นที่ 4 เอามาจากคำตอบกระทู้นึงเมื่อหลายวันก่อนค่ะ ความคิดเห็นที่ 17 [ถูกใจ] [แจ้งลบ]   เราเห็นว่าการเรียนภาษาด้วยตัวเองเป็นสิ่งที่เป็นไปได้ค่ะ อยาก ยกตัวอย่างตัวเราเองให้ฟัง เราไม่เคยเสียเงินไปเรียนพิเศษภาษาอังกฤษเลยแม้แต่บาทเดียว เรียนมหาลัยก็ไม่ใช่เอกภาษาอังกฤษ แต่ตอนจบมา มาทำงานที่คุณสมบัติข้อแรกที่เขาต้องการคือภาษาอังกฤษ เพราะเป็นออฟฟิศต่างชาติ มีคนไทยคือเราคนเดียว ตอนหลังเราย้ายมาอยู่ออสเตรเลีย เราก็ทำงานบริษัท ในออฟฟิศ เหมือนกับฝรั่งทั่วไป โดยที่มาถึงก็ได้งานเลย ไม่ต้องไปเรียนภาษาอะไรเพิ่มเติม เราเรียนภาษาด้วยการแชทค่ะ สมัยก่อนประมาณสิบปีมาแล้ว เราแชทยาฮู่ เมื่อก่อนคนโรคจิตไม่เยอะเหมือนสมัยนี้ เมื่อก่อนเราโง่มากขนาดฝรั่งถามว่า how do you do เรายังไม่รู้จะตอบว่ายังไงเลยค่ะ แต่เราก็แชทมาเรื่อยๆ เลือกแชทกับคนที่ใช้ภาษาอังกฤษที่ถูกต้องหน่อย พวกที่ใช้ภาษาวัยรุ่นมา เราก็รู้ไว้ รู้เพื่อรู้ แต่ไม่ใช้ เพราะว่า การใช้ภาษาที่ถูกต้องมันจะแสดงให้เห็นว่าเรารู้แบบมีการศึกษา ไม่ใช่ไปเก็บตกมาจากชายหาด หรือภาษาอังกฤษพัทยา อะไรแบบนี้น่ะค่ะ เรา ก็แชทมาเรื่อย แล้วก็เวลาฝรั่งพูดอะไรมา เราจะเอารูปประโยคมาจับแยก มาทำความเข้าใจ ว่าทำไมมันเป็นแบบนี้ เอาหลักการในหนังสือเข้าไปจับ เขาพูดอะไรมา เราต้องรู้ว่ามันมีที่มาที่ไปอย่างไร ถ้าเขาใช้ประโยคภาษาพูด เราก็ต้องรู้ว่า ภาษาเขียนหรือภาษาที่เป็นทางการคืออะไร เราก็ใช้วิธีนี้เรื่อยมา แล้วภาษาพัฒนาแบบก้าวกระโดดมากนะคะ สองปี ภาษาเราสามารถใช้พูดคุยกับฝรั่งรู้เรื่องเลย อ้อ เราพยายามออกเสียงให้คล้ายฝรั่งด้วยค่ะ การออกเสียงคล้ายฝรั่งไม่ใช่การพูดรัวๆ ลิ้นพันกัน เหมือนที่คนไทยหลายคนชอบทำนะคะ การออกเสียงคล้ายฝรั่งของเราคือ พยายามออกเสียงให้ชัด ตัวควบกล้ำ ตัว R ตัว S เสียงตัวสะกดต้องออกให้หมด ไม่งั้นการพูดก็ไม่สำเร็จผล เพราะภาษาไทยเราไม่มีเสียงสุดท้าย อย่างคำว่า การ์ด เราก็ออกเสียง ก๊าด แต่ภาษาอังกฤษ ถ้าคำว่า card เราต้องออกเสียงตัว R ด้วย ตัว D ด้วย คือเป็น คารดดึ อะไรประมาณนี้ คือพยายามเรียนรู้ทุกแง่ของภาษา ทั้งพูด อ่าน เขียน ส่วนฟัง เราก็ไม่ได้ชอบฟังเพลงฝรั่งนะคะ แต่ชอบดูหนังฝรั่ง แต่ก็ปีนึงเข้าโรงหนังไม่กี่ครั้ง เพราะนั้นเราเลยหาคนฝรั่งจริงๆมาพูดด้วย ตอนสมัยเรียนมีนักเรียนแลกเปลี่ยนฝรั่งเยอะ เราก็เข้าไปทำความรู้จัก ไปคุยกับเค้า ไปทำงานสอนภาษาไทยให้ฝรั่ง (ได้เงินด้วย ได้พูดกับเจ้าของภาษาด้วย) คือจะบอกว่าถ้าเราตั้งใจจริง การเรียนภาษาของเราจะพัฒนามากขึ้นแล้วพัฒนาแบบก้าวกระโดด้วยค่ะ แล้วพอเราใช้ภาษาอังกฤษได้คล่องแล้ว เราจะไม่ต้องคิดเป็นภาษาไทยก่อนแล้วแปลเป็นอังกฤษอีกต่อไป แต่เราจะพูดออกมาเลย และเราจะไม่คิดว่า เหตุการณ์แบบนี้ต้องใช้เทนส์ไหน แต่เราจะพูดออกมาโดยใช้เทนส์ที่ถูกต้องออกมาเลย ซึ่งต้องใช้เวลาและการฝึกฝน แต่เรารับรองและยืนยันว่า เป็นไปได้แน่นอนค่ะ จากคุณ : Le Cielo เขียนเมื่อ : 21 ก.ค. 52 07:50:26

ความคิดเห็นที่ 5 เราขอแนะนำกระทู้แล้วกันนะคะ (ถ้าทำตามได้รับรองผลแน่ๆค่ะ....ว่าต้องเก่งขึ้นไม่มากก็น้อย) http://topicstock.pantip.com/library/topicstock/2008/09/K7033954/K7033954.html สู้ ๆ นะคะ จากคุณ : ตะกอนเคมี เขียนเมื่อ : 21 ก.ค. 52 12:00:57

ความคิดเห็นที่ 6 ลงเรียน ป.ตรี อีกใบสาขา ภาษาอังกฎษ ครับ เชื่อผมสิ จากคุณ : okb เขียนเมื่อ : 21 ก.ค. 52 14:36:13

ความคิดเห็นที่ 7 Practice makes perfect ! You can surely learn by yourself but need to practise with someone. จากคุณ : Fortunism เขียนเมื่อ : 21 ก.ค. 52 17:55:54

ความคิดเห็นที่ 8   อยากรู้ว่าที่ คห 4 บอกว่าแชทกับฝรั่งนี่ แล้วจะไปหาฝรั่งที่ไหนได้อ่ะค่ะ เคยคิดเหมือนกันว่าอยากมีเพื่อนเป็นชาวต่างชาติไว้ฝึกภาษา แต่จะมีได้ไงอ่ะคะ มีแต่เพื่อนคนไทยอ่ะ จากคุณ : Know-it-all (Know-it-all) เขียนเมื่อ : 21 ก.ค. 52 19:51:58

ความคิดเห็นที่ 9 คห. 8 ครับ Internet เป็นสื่อกลางที่ง่ายที่สุดในโลกในการหาเพื่อนชาวต่างชาติแล้วนะครับ จากคุณ : LightBlaze เขียนเมื่อ : 21 ก.ค. 52 21:51:06

ความคิดเห็นที่ 10   มาร่วมแชร์ประสบการณ์ครับ ผมเรียนภาษาฝรั่งเศสด้วยตัวเองอยู่ เรียนมาสองปีกว่าแล้ว โดยผมไม่ได้ลงเรียนที่ไหนเลย และไม่เคยมีความรู้มาก่อน ตอนม.ปลายผมเรียนแผนวิทย์ ผมเริ่มต้นจากเข้าเวบ bbc language จะมีบทเรียน มีตัวอย่างสนทนาง่ายๆ ให้ลองฟัง แล้วก็ไปซื้อหนังสือตำราเรียนมาอ่านจากศูนย์หนังสือจุฬา ในหนังสือจะมีสื่อการสอนเป็น cd rom มาให้หัดฟังประกอบด้วย ว่างๆ ก็อ่าน ทำแบบฝึกหัด หันผันเวิร์บ แล้วก็หัดแต่งประโยคง่ายๆ และเขียนไดอารี่ไปด้วย เรื่องหัดฟังอาศัยโดยดูช่อง tv5 (ช่องของฝรั่งเศส) ประกอบไปด้วย ดูรู้เรื่องมั่ง ไม่รู้มั่งเพราะภาษานี้มันฟังยากจริงๆ แต่ก็หัดฟังๆ ไป ถ้ารายการมันน่าเบื่อมากผมก็ไม่ดู อีกอย่างนึงคือ ผมเองเลี้ยงกระต่าย และเล่น facebook และเข้า group คนรักกระต่าย ทำให้ได้รู้จักกับคนรักกระต่ายจากฝรั่งเศสมากมาย ก็เลยได้อาศัยแชท กับคนเหล่านี้แหละ เป็นการฝึกภาษาฝรั่งเศสไปในตัว อันไหนไม่รู้เรื่องก็ใช้ babelfish เอา ทุกวันนี้พอพูดได้ครับ แต่สำเนียงไม่ดีหรอก ผมรู้ตัวอยู่ แต่ก็สามารถต้อนรับลูกค้าฝรั่งเศส ที่มาติดต่องานได้ดี ถึงแม้ว่าผมอาจจะไม่ได้ภาษาดีขนาดจะเขียนจดหมายธุรกิจเป็นภาษาฝรั่งเศสได้ แต่โดยรวมก็ถือว่าดี ในระดับสนทนาทั่วไปครับ ลูกค้าทุกคนยังชม และ ตกใจ เวลาที่ผมบอกว่า ผมไม่เคยเรียนภาษาฝรั่งเศสนะ ผมเรียนเองจาก bbc และหนังสือ มาเป็นกำลังใจให้นะครับ คุณก็ทำได้ จากคุณ : niveluno เขียนเมื่อ : 21 ก.ค. 52 23:32:35 A:125.25.150.119 X: TicketID:156402

ความคิดเห็นที่ 11 #10 คุณแน่มาก ภาษาเป็นทักษะ ไม่ฝึกก็ไม่ชำนาญ จากคุณ : แอ๊ด ปากเกร็ด เขียนเมื่อ : 22 ก.ค. 52 05:47:42

ความคิดเห็นที่ 12 ไปถามหาวิธีฝึกร้อยแปดวิธีสุดท้ายหัวใจของมันคือ "ฝึก" นั่นแหละ แต่ละคนก็จะมาวิธีการที่เหมาะกับตนเองไป อย่างเรา ไม่ได้ตั้งใจฝึก แต่ไม่ได้แปลว่า เก่งได้เอง เพียงแต่ขยันเรียนในห้อง และมีความสนใจ รวมทั้งบอกตัวเองว่า ฉันสามารถ ไม่ต้องกลัว พูดมั่วผิด มันไม่ได้เป็นประเด็น พอรู้สึกดีกับตัวเองว่า ฉันสามารถ ก็จะเปิดใจเรียนรู้ได้ คิดว่าคนเกิน 80 % เรียนไม่ได้หรือลำบากเป็นเพราะปิดกั้นตัวเองด้วยความรู้สึกว่า "ทำไม่ได้" ซึ่งมันเป็นแค่การ "คิดไปเอง" ไม่ได้เป็นความจริงที่กำลังเกิดกับเรา ส่วนมากก็เป็นแบบ "ไม่ได้ทำ" หรือ "ไม่กล้าทำ" กลัวโน่นนี่ไปหมด ถ้าเปลี่ยนทัศนคติได้ก็จะดีมากค่ะ สำหรับ เราเปิดรับภาษาอังกฤษมาในชีวิตประจำวันตั้งแต่ก่อนเรียนมหาวิทยาลัย เรื่องของเรื่องคือ เราขี้เกียจรอ Harry Potter ก็ลุยอ่าน จริงๆเริ่มอ่านนิยายภาษาอังกฤษตั้งแต่ตอนอยู่ม.1 (แต่อ่านหนังสือตำราหนังพ่อ แบบอ่านเล่นๆรู้เรื่องบ้างไม่รู้เรื่องบ้าง ตอนป.5-6) ตอนที่ครูให้อ่านนอกเวลาก็อ่านแป้บเดียวได้ รู้สึกว่ามันไม่ยากและสนุก เป็นคนแรกที่อ่านจบด้วย (สองชม. หนังสือเล่มไม่หนานัก ราวๆ 50-60 หน้า)  หลังจากนั้นก็ติดใจ แล้วก็ไม่กลัวอีกเลย หลังจากนั้นมาก็ไม่หนักใจ สอบก็ไม่รู้สึกว่ายากเพราะรู้สึกดี พอมีความรู้สึกดีๆก็อยากเรียน ดูหนังก็ดูมันไป ซีรีย์ดูไปแบบไม่กะว่าเรียนรู้ ดูผ่านแบบเอามัน เอาสนุก มันก็ไม่ได้เป็นการบังคับตัวเอง แต่ให้ตัวเองสบายๆกับการเรียน ไม่ต้องวิ่งเปิดพจนานุกรมทันทีแต่จดๆไว้ก็ได้ (ไม่ใช่ว่านั่งจ้องจดศัพท์) เวลาอ่านหรือฟังอย่าไปเจาะเฉพาะๆคำหรือความแต่ต้องดูโดยรวมค่ะ ก็ประมาณนี้ จากคุณ : kurika เขียนเมื่อ : 22 ก.ค. 52 12:37:07

ความคิดเห็นที่ 13 หัวใจคือ"การฝึก"จริงๆครับ ตอนเริ่มแรกๆ ผมใช้แรงจูงใจของผู้ชายครับ คือ มีโอกาสพบชาวต่างชาติน่ารักๆ ก็เริ่มสร้างจินตนาการว่าสาวต่างชาติหน้าตาน่ารักจะมาเที่ยวเมืองไทยกับผม ผมจะพาเธอเที่ยวเมืองไทย ผมจะพูดว่าไงบ้างล่ะ ก็จินตนาการคำบรรยายกันไป มันเริ่มจากตรงนั้นจริงๆ ตอนอยู่มัธยมต้น 55555 และเสริมว่า การฝึกฝนทักษะทั้ง 4 ด้านไปพร้อมๆกันจะช่วยเสริมซึ่งกันและกันมากกว่าการมุ่งจะฝึกทักษะด้านเดียว เช่น ถ้าคุณอ่านมาก ฟังมาก คุณก็มีศัพท์ และตัวอย่างประโยคมากขึ้นสำหรับการพูด การเขียน ถ้าคุณพูดมาก เขียนมาก คุณก็จะมีความสงสัยเพิ่มขึ้นว่า ศัพท์ที่คุณรู้เนี่ยใช้ยังไง   ถูกหรือยัง   การฝึกครบทั้ง 4 ด้านจะทำให้คุณพัฒนาได้เร็วขึ้นครับ เอาใจช่วยครับ .. จากคุณ : ไข่ต้มกะนมอุ่น เขียนเมื่อ : 22 ก.ค. 52 13:08:12

ความคิดเห็นที่ 14   คห 9 คะ คือรู้ว่ามันต้องใช้ internet แหล่ะค่ะ แต่ที่อยากรู้คือ แล้วหาจากในไหนอ่ะ facebook เหรอ หรือ add ใครอะไรยังไง แล้วคุยอะไรกันเหรอ อยากฟังประสบการณ์จากคนที่ได้ใช้วิธีการเพื่อนทาง internet ไงคะ จากคุณ : Know-it-all (Know-it-all) เขียนเมื่อ : 22 ก.ค. 52 23:22:47

ความคิดเห็นที่ 15 คห. 14 งั้นผมเล่าประสบการณ์เก่าๆ ละกันนะครับ ถ้าเป็นสมัียก่อนที่เราเริ่ม chat กันแรกๆ ด้วย irc หรือ โปรแกรมที่คนไทยทั่วไปรู้จักในชื่อของ pirch ในตอนนั้นแม้แต่คนไทยด้วยกันจำนวนหนึ่งก็ใช้ภาษาอังกฤษในการ chat กัน เรื่องที่คุยก็เป็นเรื่องทั่วไปๆ อาจเพราะในสมัยนั้นการ chat กับคนแปลกหน้าจะเป็นเรื่องปกติ การทักทายจึงเป็นไปในลักษณะใกล้เคียงหนังสือ คือ เริ่มจากทักทาย ถามชื่อ มาจากไหน อายุเท่าไหร่ และสนใจอะไร หากมีความสนใจคล้ายๆ กัน ก็ทำให้เราหาเรื่องๆ อื่นๆ มาคุยกันต่อได้ แต่ถ้าเป็นยุคนี้ (ผมเองก็หยุด chat มานานแล้ว) ก็เริ่มจากหา communities ที่คุณสนใจ แต่เป็น communities ระดับสากล คล้ายๆ website พันทิพย์นี่แหละ เวลาเรามีความสนใจที่เหมือนๆกัน เรื่องที่จะคุยมันก็ออกมาเรื่อยๆ เอง แต่ถ้าถามผมว่า communities ลักษณะไหนหาเพื่อน(ต่างชาติ)ได้ง่ายที่สุด ก็ต้องบอกว่า  communities ลักษณะหาคู่ หรือ หาเพื่อน เพราะธรรมชาติของมนุษย์คือสนใจเพศตรงกันข้าม เมื่ออีกฝ่ายสนใจในตัวคุณ เขาก็อยากรู้เรื่องของคุณ ประเทศของคุณ และเมื่อเรามีใครสักคนสนใจเกี่ยวกับตัวเรา เราก็พร้อมที่เล่าสิ่งที่อีกฝ่ายสนใจ (แต่อย่าเล่าข้อมูลเฉพาะ ที่เป็นของคุณนะ สมัยนี้มันอันตราย)เมื่อได้เป็นเพื่อนกันแล้ว คุณจะคงสภาพความสัมพันธ์ให้เป็นไปในลักษณะใดก็แล้วแต่คุณ สรุปแล้วผมว่า ถ้าเรานำความสนใจที่มีอยู่สร้างแรงจูงใจในการฝึก มันก็เป็นยากระตุ้นที่ใช้ได้เหมือนกันนะครับ ปล. ในหลายๆ communities ก็มีกฏระเบียบของเค้า หาคุณจะไปเข้าร่วมก็ควรศึกษาด้วยนะครับ ผมเคยเข้าไปร่วมใน communities แห่งหนึ่ง(ของฝรั่ง) สมัยนั้นก็พิมพ์ภาษาของเค้าผิดๆ ถูกๆ (ไม่ใช่ภาษาอังกฤษนะครับ) เหล่าผู้ดูแลจึงไม่ปลื้ม และพยายามจะไล่ผมออกจาก community ของพวกเค้า ผมก็เลยบอกไปว่าผมเป็นคนต่างชาตินะ อยากเข้ามาเพื่อฝึกภาษา จึงเป็นที่ยอมรับ หลายคนก็ช่วยกันสอน จากคุณ : LightBlaze เขียนเมื่อ : 23 ก.ค. 52 00:40:06

ความคิดเห็นที่ 16   - เริ่มต้นอย่างไร ? ตอนนั้นเด็กมาก ไม่มีอะไรเลยนอกจาก passion เลยฝึกแบบสุ่มๆ เริ่มจากการอ่าน student weekly และ NJ รวมทั้ง chat กับฝรั่ง ทาง ICQ - และอะไรบ้างที่เป็นแรงบันดาลใจ ให้มุ่งมั่นที่จะทำให้สำเร็จ อาจดูไม่สมเหตุสมผล ตอนป.6 เราได้ยินโฆษณาทางโทรทัศน์เป็นเสียงเด็กพูดชื่ออัลบั้มของนักร้องคนหนึ่ง ฟังแล้วเพราะมากสำหรับเรา ตั้งแต่นั้นมาเลยตั้งเป้าว่าจะต้องพูดอังกฤษให้เก่งให้ได้ - แล้วมีวิธีฝึกอย่างไรบ้าง ช่วยยกตัวอย่างหน่อย ก็ดีครับ ฝึกแบบเว้าแหว่งมาตั้งแต่ ม.1-3 จนกระทั่งม.4 จึงฝึกเป็นระบบตามวิธีที่อยู่ในหนังสือครูเคท พัฒนาทุกทักษะ เราใช้เวลาตลอดปิดเทอมใหญ่ม.4 ฝึก ฟัง - ฟังเพลงฝรั่ง ดูหนังฟังแต่เสียงดั้งเดิม ไม่อ่านซับ เปิดทั้งวัน พูด - ฝึกพูดให้เหมือนเป๊ะตั้งแต่ a-z ไล่ไปยังคำ ไล่ไปยังประโยค บางทีเราพูดคำเดิมซ้ำกันมากกว่าร้อยรอบ ถึงจะพอใจว่าพูดเหมือนแล้ว     สมมติสถานการณ์ ว่าถ้าเกิดขึ้น จะพูดอะไร     (สมัยนั้นเน็ตยังไม่ดี พูดกับฝรั่งทางเน็ตไม่ได้) อ่าน - เราอ่านหนังสือภาษาอังกฤษจำนวนมหาศาล ไม่เปิดพจนานุกรม ศัพท์ที่เคยไม่รู้ หลังจากที่เห็นในหลายบริบท เป็นสิบรอบ ร้อยรอบ ก็จะรู้ความหมายเอง โครงสร้างไวยากรณ์ ก็ได้จากวิธีนี้ ไม่ต้องอ่านหนังสือไวยากรณ์ เขียน - เขียนบันทึกแต่ละวัน และ chat กับฝรั่ง ด้วยความรักทำให้ไม่เบื่อและไม่ท้อ บวกกับวินัย ในที่สุดเราก็ใช้ภาษาอังกฤษได้เหมือนเจ้าของภาษา ใครไม่รู้ก็คิดว่าเราจบเมืองนอกมา อีกอย่าง เราไม่เคยหวงความรู้ สำหรับคนที่อยาก chat กับฝรั่ง ง่ายมากค่ะ เข้าเว็บต่างประเทศที่เป็นเรื่องที่เราสนใจ เหมือนเราชอบดนตรี ก็จะสมัครเว็บ www.lastfm.com จะมีคนมาทัก หรือไม่เราก็ทักเค้าก่อนทาง shout box (เหมือนที่ทิ้งข้ิอความใน facebook)  ถ้าถูกคอก็ให้เมล์กัน จากนั้นก็คุยกัน ทำใจให้สบาย เหมือนเราคุยกับเพื่อนคนไทยที่แหละค่ะ สัพเพเหระ เช่น วันนี้เป็นไง มีเรียนรึเปล่า ไปคอนเสิร์ตมาเหรอ เป็นไงมั่ง swine flu ระบาดมั้ยที่เมืองเธอ เป็นต้น อีกทางที่เราใช้คือ www.okcupid.com เป็นเว็บหาคู่ แต่เค้าทำดีค่ะ มีคนน่าสนใจเยอะ และมีระบบกรองดี หากไม่อยากเจอพวกหื่น เราได้เพื่อนดีๆ คบกันนานๆหลายคนจากทั้งสองเว็บนี้ จากคุณ : Dr. Strangelove เขียนเมื่อ : 23 ก.ค. 52 21:19:00

ความคิดเห็นที่ 17 ตอบคุณ Know-it-all ค่ะ เมื่อก่อนแชทใน yahoo messenger ค่ะ เข้าไปในห้องแชท เลือกได้จะคุยกับห้องไหน แบ่งตามความสนใจก็มี แบ่งตามประเทศ ตามเมือง ก็มี แต่อย่างที่บอกว่าสมัยก่อนคนโรคจิตไม่เยอะ (นอกจากจะเจออินเดีย เกลียดมาก) แต่หลังๆพอเราไม่จำเป็นต้องแชทเพื่อฝึกแล้วเราก็เลิกแชท ไม่รู้ตอนนี้เป็นยังไงบ้าง จากคุณ : Le Cielo เขียนเมื่อ : 24 ก.ค. 52 19:32:16