|
ความคิดเห็นที่ 6 |
ขอเล่านิทานให้ฟังเหมือนคุณแอ๊ดบ้างค่ะ
ตอนที่กำลังใกล้จะจบ คือกำลังคอย defend dissertation ก็ได้งานสอนในมหาวิทยาลัยในอีกรัฐหนึ่ง ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าสอน public speaking ค่ะ ในเวลานั้นอาจารย์สอน public speaking, debate, oral communication ในมหาวิทยาลัยในสหรัฐนี่หาทำยายากมาก ตัวเองตอนที่ส่งใบสมัครมาก็ไม่ทันได้คิด พอดีกับพื้นฐานปริญญาแทบทุกใบที่มีมันสนับสนุนไปในทางนั้นด้วย คือปริญญาในการพูดนี่มันไม่มีโดยตรงไงคะ มันต้องมาจากคนที่จบในสาขาอื่น แล้วพวก speech, public speaking, oral communication นี่มันเป็นวิชาบังคับสำหรับนักศึกษาที่เข้าเรียนมหาวิทยาลัยปีแรกเสียด้วย ความต้องการผู้สอนจึงมีในทุกมหาวิทยาลัย ทีนี้พอส่ง cover letter พร้อม CV มาปุ๊บ Dean ของ department ก็เรียกตัวให้บินมา 'เจอกันหน่อย' ปั๊บ ไม่เรียกว่าสัมภาษณ์ด้วยซ้ำ ประมาณว่ายังไงก็รับแล้ว
พอได้งานก็เอาละซี สอนนักศึกษาอเมริกัน ชั่วโมงแรกๆ นี่เตรียมตัวน่าดูเลย จะพูดอะไรในห้องเรียนนี่เขียนเป็นบทออกมาเลยนะคะ (ก็ปริญญาโทใบหนึ่งที่มีมันเป็นสาขา Theatre Arts นี่ค่ะ) เสร็จแล้วก็ท่องบทไปยืนสอน speech หน้าชั้นเรียนทุกวัน มันไม่เป็นธรรมชาติเลยค่ะ เวลาที่พูดก็มัวแต่ห่วงบทว่าต่อไปเขียนไว้ว่าอะไร ขนาดท่องบทไปก่อนหน้าแล้วนะนั่นน่ะ เทอมนึงสอนหลาย section มาก ก็ดีหน่อยที่ชั่วโมงอื่นๆ ไปพูดซ้ำกับที่พูดไปในอีกห้องแล้ว พอจำบทกับความรู้สึกเวลาที่พูดได้บ้างแล้ว ชั่วโมงหลังๆ ก็คล่องขึ้น แต่ไม่มีวันพูดได้เป็นธรรมชาติหรอกค่ะ ก็เลยเห็นสัจธรรมว่าเวลาพูดในที่ชุมชน
1). อย่าเขียนละเอียดทุกคำว่าจะพูดอะไรบ้าง ทำเป็น outline ไปดีที่สุด
2). ช่วงแรกของสิ่งที่จะพูด เตรียมไปให้ชัดเจน ฝึกช่วงแรกไปให้ดีที่สุด พอพูดผ่านช่วงแรกๆ ไปแล้ว ความคุ้นเคยกับสิ่งที่พูดจะตามมาเอง ความคุ้นเคยกับสถานที่แล้วสภาพแวดล้อมในเวลานั้นก็เริ่มมีแล้ว ช่วงต่อๆ ไปของสิ่งที่พูดก็จะพูดได้คล่องขึ้น
3). ถ้าเป็นไปได้ ทำความคุ้นเคยกับสถานที่ที่จะพูดไว้ก่อนหน้าค่ะ วันก่อนจะพูด ลองไปเดินๆ ดูเวทีและสถานที่ที่ต้องพูด รับรู้ feel ของมันก่อนหน้าวันจริงน่ะค่ะ
4). เวลาที่พูด ฝึกตัวเองให้สบตาคนฟัง กวาดสายตาไปให้ทั่วห้องถ้าทำได้ แรกๆ อาจประหม่าหน่อย แต่พอนานๆ เข้า เราจะรู้สึกว่าเราควบคุมสถานที่และผู้ฟังของเราไว้ได้ เราจะ connect กับผู้ฟังโดยตรง และตัวเราเองก็จะรู้สึกดีขึ้นตามลำดับ เคยเห็นไหมคะ ครูที่เวลาสอนตามองเพดานตลอด สมัยเด็กๆ เคยมีครูแบบนั้นอยู่คนนึง เวลาสอนแกไม่เคยสบตาใครเลย ตาแกจะมองขึ้นสูงเหนือศีรษะนักเรียนตลอด เจอครูแบบนั้นเข้า นักเรียนเองก็อึดอัดค่ะ ให้ความรู้สึกว่าครูแกคงประหม่าน่าดูเลย
เมื่อเรากวาดสายตารอบห้อง สบตาผู้ฟังให้ได้มากคนที่สุดแล้ว เราจะเจอใครสักคนในห้องนั้นที่ยิ้มเมื่อเราสบตาด้วย หรือพยักหน้าแสดงว่าเห็นด้วยกับสิ่งที่เราพูด เมื่อเจอคนๆ นั้น (หรือหลายคนที่ทำอย่างนั้น) แล้ว เราจะรู้สึกดีค่ะ จะมีกำลังใจและมีความกล้า สนุกที่จะพูดต่อไปเรื่อยๆ พอเจอคนๆ นั้นก็พยายามกลับมาเขาเรื่อยๆ ไม่ว่าจะกวาดสายตาไปที่ไหน หรือสบตาใคร ก็กลับมาลงที่คนๆ นั้น แล้วจะรู้สึกดีจนพูดได้จบโดยไม่ประหม่าอีกเลยค่ะ
5). เวลาฝึก ให้ฝึกกับกระจก จากนั้นก็ให้ใครสักคนถ่ายวิดีโอเวลาที่พูด แล้วเอามาดู จะมองเห็นปัญหาและข้อบกพร่องเวลาที่พูดชัดเจนค่ะ
6). ก่อนขึ้นเวทีไปพูด ให้สูดหายใจเข้าลึกๆ หลายๆ ครั้ง ออกซิเจน มีผลช่วย calm your nerve ได้ดีอย่างไม่น่าเชื่อเลยค่ะ
ตอนนี้นึกออกเท่านี้ค่ะ ขอให้โชคดี พูดในที่สาธารณะได้โดยไม่มีปัญหานะคะ ครั้งแรกครั้งที่สองผ่านไป ครั้งต่อๆ ไปก็ง่ายขึ้นแล้วค่ะ
จากคุณ |
:
กุลธิดา (kdunagin)
|
เขียนเมื่อ |
:
22 ก.ค. 52 00:48:03
|
|
|
|
|