ความคิดเห็นที่ 8 |
ที่เขาเอามาออกอากาศนี่ตัดเอาบางตอนออกไปบ้าง คงเพราะปัจจัยเวลา แต่ว่าก็ได้สาระนะครับ
อีกประเด็นหนึ่งที่คนฟังในห้องตบมือกันเกรียวก็คือตอนที่คุณสุทธิชัยถามว่า ท่านรู้สึกอย่างไรที่ต้องมาทำงานภายใต้คนที่เคยเป็นคู่ปรับขับเคี่ยวกันมาอย่างสูสีอย่างท่านโอบามา คำตอบของท่านฮิลลารีนั้นน่าจะบันทึกและแปลอัดสำเนาแจกจ่ายให้กับนักการเมืองของประเทศด้อยพัฒนาทั้งหลายอ่าน
ท่านบอกว่าตอนที่แพ้การคัดเลือกของพรรค ก็คิดว่าจะกลับไปเป็น ส.ว.นิวยอร์คอย่างเก่าเพราะท่านก็รักงานนั้นมาก แต่พอท่านโอบามาเป็นประธานาธิบดีก็ติดต่อมาชวนไปเป็น รมว.ต่างประเทศ ท่านก็บอกว่ามีคนเก่งๆอีกหลายคน บอกชื่อให้ด้วย ท่านโอบามาก็บอกว่าอยากได้ท่านฮิลลารีนี่แหละ โทรฯมาชวนอยู่เรื่อยๆ ยอมให้ทุกอย่าง จนท่านฮิลลารีเกรงใจ บอกว่า "You're making it hard for me." ท่านโอบามาก็หัวเราะบอกว่า เออ ก็เพราะมันยากน่ะสิ เป็นงั้นไป สุดท้ายก็เลยยอม อีทีนี้เมื่อยอมแล้วเวลาไปไหนมาไหนก็มีแต่คนถามเรื่องนี้ โดยเฉพาะไปอินโดนีเซีย คนที่โน่นก็ถามว่า ทำไมท่านทนทำงานกับคนที่เคยเป็นคู่ต่อสู้ได้ ที่โน่นน่ะ เวลาเลือกตั้งก็โกรธกันจริงๆ หลังเลือกตั้งแล้วก็ยังโกรธกันจริงๆเหมือนเก่า กลายเป็นศัตรูถาวร ท่านฮิลลารีก็บอกว่า วัฒนธรรมการเมืองของเรา เวลาเลือกตั้งก็สู้กันจริง มีการพูดโจมตีกันแรงๆทั้งสองฝ่ายเหมือนสาดน้ำรดกัน แต่เมื่อแพ้ชนะกันแล้ว ทุกคนก็ถือว่าชาติบ้านเมืองต้องมาก่อนเสมอ ทุกคนมีหน้าที่ต้องช่วยกันผลักดันสร้างความเจริญความมั่นคงให้กับชาติ เรื่องส่วนตัวไว้ทีหลัง โดยปกติสองฝ่ายนั้นที่จะไม่มีอะไรเหมือนกันเลยนั้นเป็นไปไม่ได้ มันก็ต้องมีที่เหมือนกันและที่ต่างกัน ไอ้ความต่างนี่มันก็ธรรมดาไม่อย่างนั้นมันจะต้องเลือกตั้งกันไปทำไมเพราะมันจะเหมือนกันไปหมด มันก็ต้องมีข้อต่างให้คนเขาได้เลือกกัน แต่เมื่อหลังเลือกตั้งแล้วก็ต้องมาช่วยกันทำงานเพื่อชาติ รัฐบาลท่านโอบามานั้นก็คัดเอาคนที่เก่งๆมาช่วยกันไม่ได้ถือเขาถือเรา ทุกคนก็เต็มใจทำงาน ดิฉันก็มีความสุขที่ได้ทำงานนี้และภูมิใจที่ได้สนองนโยบายของท่านโอบามาตามเป้าหมายของท่าน
ฟังแล้วก็สะท้อนใจวุ้ย เมื่อไหร่ประเทศด้อยพัฒนาทั้งหลายมันจะจำแบบนี้ใส่กะโหลกกันมั่ง
อยากให้ได้ฟังกันทั่วๆ ไม่รู้เขามีเป็นคลิปให้ดูหรือเปล่า
อ้อ แล้วก็ประท้บใจตอนที่คุณพอลถามแล้วท่านตอบน่ะแหละ ท่านฮิลลารีบอกว่า ดิฉันเป็นสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งก็แค่แปดปี เป็นวุฒิสมาชิกก็แค่แปดปี เป็น รมว.ต่างประเทศนี่ก็ยังแค่หกเดือน แต่ว่าเริ่มต้นเป็นแม่ตั้งแต่ปี 1980 แล้วก็คงจะเป็นไปตลอดชีวิต จึงถือว่าการเป็นแม่นั้นสำคัญที่สุด
สาธุ!
จากคุณ |
:
แอ๊ด ปากเกร็ด
|
เขียนเมื่อ |
:
22 ก.ค. 52 23:33:33
|
|
|
|