|
ความคิดเห็นที่ 10 |
เพิ่มเติมข้อมูลเกี่ยวกับไพร่
การสัก การสักนั้นจะสัก ชื่อเมือง กับชื่อของเจ้านาย
บริเวณที่สัก แขน ขา คอ รักแร้ - ในสมัย กรุงธนบุรี มีเฉพาะบางกรมเท่านั้นที่สักหมู่เลข ซึ่งทาสต้องสักด้วย - สมัย ร.2 สักที่หลังมือ - หลังสมัย ร.2 สักกลับที่ข้อมือ
การสัก - ในสมัย อยุธยา เจ้าเมืองหรือกรมการที่รับผิดชอบการสัก จะใช้ตราหริอเหล็กสักที่ส่งตรงมาจากเมืองหลวง
วิธีสัก - ใช้เหล็กแหลมแทงลงตามรอยหมึกที่เขียนไว้
โทษลักพาคนในสังกัดหนีออกนอกราชอาณาจักร - ฝันคอ ริบเรือน ยึดทรัพย์
โทษปลอมเหล็กสัก ขโมยเหล็กสัก - มีโทษระดับสูงสุดคือ ประหารชีวิตทั้งโครต
การขึ้นบันชีของไพร่ ่- ไพร่ทุกคนต้องมีสังกัด กรมกอง อายุได้ 9ปี มูลนายระดับล่างจะพาไปขึ้นบันชี - ลูกอยู่กรมกอง สังกัดเดียวกับพ่อแม่ - เมื่อไพร่สูง 2ศอก 1คืบ (วัดจากเท้าถึงไหล่) จะนำไปสักหมู่เลข - ไพร่ที่ผ่านการสักหมู่เลข จะแบ่งเป็นไพร่หลวง กับไพร่สม - การเกณฑ์ไพร่ ต้องอาศัยทะเบียนบันทึกกำลังคน ว่าไพร่ขึ้นสังกัด กรมกองใด การเกณ์จะมีการสั่งต่อเป็นทอด ๆ ซึ่งเจ้าหน้าที่ระดับล่างสุดจะได้รับมอบอำนาจมาจัดการ ควบคุม หรือเกณ์ไพร่พล - ทุกครั้งที่ทางการเกณ์ไพร่ ไม่ว่าจะเป็นเวลาปกติ หรือเวลาสงคราม ไพร่ต้องนำ อุปกรณ์ สัตว์เลี้ยง เสบียงอาหาร ติดตัวไปด้วย - การเกณ์แรงงานนอกเหนทอจากระยะเวลาที่กำหนด ไม่มีการมอบทรัพย์สินให้แต่อย่างใด ต้องทำงานให้ทางการฟรี (มักเกิดบ่อยในช่วงสงคราม) - ไพร่ที่อายุครบ 70ปี ตาย วิกลจริต หลบหนี จะถูกถอดชื่อออกจากบันชี
ระยะเวลาเข้าเวร - สมัยอยุธยาถึงธนบุรี ภายใน1ปี ไพร่เข้าเวร 6เดือน - สมัยร.1 ภายใน 1ปี ไพร่เข้าเวร 4เดือน - สมัยร.2 มีคนหนีเข้าป่าเยอะ จึงมีการผ่อนปลน ระยะเวลาการเข้าเวรเหนือ 3เดือน ต่อ 1ปี และคนที่พึงเข้าสังกัดใหม่ หากไม่พอใจสามารถย้ายสังกัดได้
- เจ้านายมีหน้าที่ให้การคุ้มครองลูกน้องในสังกัด โดยลูกน้องต้องตอบแทนในรูป แรงงาน ทรัพย์สิน และความจงรักภักดี - นอกระยะเวลาเข้าเวร มูลนายมีสิทธิเรียกใช้ไพร่ ทั้งเกณ์แรงงาน และเรียกของกำนัล
ว่าด้วยกรมกอง แต่ละกรมกอง จะมีตำแหน่งสำคัญ ๆ 3ตำแหน่ง คือ - เจ้ากรม (หัวหน้่า) - ปลัดกรม (ผู้ช่วย) - สมุหบัญชี (ฝ่ายบัญชี)
ไพร่ต้องเสียเงินให้ทาง การ 4ประเภท คือ 1. จังกอบ เมื่อผ่านด่าน 10หยิบ 1 2. อากร อัตราเท่ากันทุกคน(เหมือนกับเสียภาษี) 3. ส่วย ไพร่ต้องส่งสิมีค่า หรือเงินทอง เพื่อใช้แทนแรงงาน ซึ่งแต่ท้องที่จะเรียกสิ่งของไม่เหมือนกัน เช่น ดินประสิว ทองคำ ดีบุก ฯลฯ ซึ่งไพร่จะเสียส่วยมากกว่าทาส 2เท่า 4. ฤชา ธรรมเนียมค่าติดต่อกับทางการ ไม่ว่า จะติดต่อกับข้าราชการ ฟ้องรอง ขึ้นศาล ฯลฯ ต้องเสียค่าฤชา (ค่าฤชาแพง ไพร่ธรรมดา ไม่มีปัญญาจ่าย)
ว่าด้วยบุคคลที่ไม่ต้องสักเป็นไพร่ หรือไม่ต้องเข้าเวร - ข้าราชการศักดินา 400 ขึ้นไป จัดเป็นข้าราชการระดับสูง ตนและญาติไม่ต้องสักเป็นไพร่ ข้าราชการระดับสูงได้รับการแต่งตั้งจากพระมหากษัตริย์โดยตรง และข้าราชการระดับสูงสามารถแจ้งตั้งข้าราชการระดับล่างได้ แต่ต้องแจ้งให้พระมหากษัตริย์ทรงทราบ - ข้าราชการศักดินา 400 ลงมา(หัวปาก พัน หมื่น ขุน) จัดเป็นข้าราชการระดับล่าง มีสิทธิไม่ต้องสักเป็นไพร่เฉพาะตนเองคนเดียว - เสมียน ไม่ต้องเข้าเวร ข้าราชการหรือมูลนายแต่ละคน จะมีสเมียนได้ 3-30 คน - พระสงฆ์ สามาเณร นักบวช ไม่ต้องสักเป็นไพร่ แต่ก่อนบวช ต้องแจ้งชื่อตน บิดา มาดา ญาติผู้ใหญ่ ภูมิลำเนาก่อน ถึงจะบวชได้ และจะปรากฏรายชื่อในบัญชีหางว่าวขแงวัด ซึ่งบัญชชีนี้ สังฆการีธรรมการ ต้องนำไปยื่นต่อทางการเป็นระยะ ๆเพื่อเช็คจำนวน - ทาสไม่ต้องเข้าเวร ยกเว้นว่าจะเป็นไพร่มีรายชื่อเข้าเวร แต่ขายตัวเป็นทาส จึงต้องเข้าเวรด้วย - สิบยก สิบสองยก สิบห้ายก กล่าวคือ เจ้านาย เชื้อพระวงศ์ ลูกน้องในสังกัดนั้น 10 คน ยกให้1 เรียกว่า สิบยก ไม่ต้องเข้าเวร
ข้าราชการศักดินา 5,000 - 10,000 ลูกน้องในสังกัดนั้น 12 คน ยกให้1 เรียกว่า สิบสองยก ไม่ต้องเข้าเวร
ข้าราชการศักดินา 400 - 3,000 ลูกน้องในสังกัดรั้ร 15 คน ยกให้1 เรียกว่า สิบห้ายก ไม่ต้องเข้าเวร
- คนต่างชาติ ชาวยุโรป และชาวจีนไม่ต้องสักเลข ในที่นี้ขออยธิบายเฉพาะชาวจีนอย่างเดียว
ชาวจีนสามมารถเลือกได้ว่า จะเป็นไพร่หรือไม่ ถ้าเลือกที่จะไม่เป็นไพร่ เมื่ออายุได้ 20ปี ขึ้นไปต้องเสียเงินค่าผูกปี้ข้อมือจีนทุก ๆ 3ปี ในสมัย ร.2 ค่าผูกปี้ 2บาท 1สลึง ต่อ การผูก 1 ครั้ง ในสมัย ร.4 ค่าผูกปี้ 4บาท 1สลึก ต่อ การผูก 1ครั้ง ซึ่งเมื่อดูราคาพบว่า ราคาถูกมาก(เทียบกับไพร่) และชาวจีนที่ผูกปี้ สามารถเดินทางในราชอาณาจักรอย่างอิสระ
จากคุณ |
:
Sarani
|
เขียนเมื่อ |
:
26 ก.ค. 52 19:54:01
|
|
|
|
|