ความคิดเห็นที่ 1 ไม่มีแล้วครับ  เพราะการพระราชทานบรรดาศักดิ์ได้ยกเลิกไปตั้งแต่ครั้งเปลี่ยนแปลงการปกครอง พ.ศ. ๒๔๗๕  นับถึงปัจจุบันก็เกือบ ๘๐ ปีแล้ว  ผู้ที่ได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์รุ่นสุดท้ายที่รู้จัก คือ พระมหาเทพกษัตรสมุห เจ้ากรมพระตำรวจในขวา  ก็เสียชีวิตไปแล้วเมื่อราว๑๐ ปีก่อน  ขณะที่เสียชีวิตท่านมีอายุ ๑๐๐ ปี หย่อนไป ๑๙ วันครับ จากคุณ : V_Mee เขียนเมื่อ : 26 ก.ค. 52 07:09:09

ความคิดเห็นที่ 2 เหอะๆ คุณค่าว่าไม่มีแล้วละค่ะ กว่าที่บุคคลใครสักคนกว่าจะได้รับการแต่งตั้งพระราชทานอะไรสักอย่าง แต่ละคน อายุตอนที่ได้รับก็ไม่ใช่จะน้อยๆแล้ว จนมาถึงตอนนี้ก็ผ่านมา 70-80ปีมาแล้ว มันนานมากๆเลยนะนั้น จากคุณ : คุณค่าที่คุณคู่ควร เขียนเมื่อ : 26 ก.ค. 52 09:47:52

ความคิดเห็นที่ 3   เพิ่มเติม  คุณสุดท้ายจริง ๆ ขุนพันธรักษ์ราชเดช   ไงครับ ขุน หลวง พระ พระยา เจ้าพระยา  สมเด็จเจ้าพระยา จากคุณ : Yeonsan เขียนเมื่อ : 26 ก.ค. 52 10:48:17

ความคิดเห็นที่ 4   เออแน่ะๆๆ... เราลืม "ขุนพันธ์" ผู้โด่งดังไปได้อย่างไรกันนี่... ต้นตำรับ "จตุคามรามเทพ" อันลือลั่นนั่นไง อิอิอิ... จากคุณ : แลดูเงา เขียนเมื่อ : 26 ก.ค. 52 11:02:59

ความคิดเห็นที่ 5 ถ้าผมจำไม่ผิดเข้าใจว่า  พล.ต.ต. ขุนพันธรักษ์ราชเดช (บุตร์ พันธรักษ์) น่าจะเป็นขุนนางคนสุดท้ายที่มีชิวติอยู่มาจนถึงปัจจุบัน ซึ่งท่านก็ได้ถึงแก่อนิจกรรมไปแล้วตั้งแต่ปี 2549 การพระราชทานบรรดาศักดิ์ แม้จะถูกยกเลิกตามประกาศพระบรมราชโองการ ซึ่งออกโดยคณะผู้สำเร็จราชการฯ ในปี 2485 แต่ต่อมาในปี 2487 ในสมัยที่ท่านปรีดี  พนมยงค์ เป็นผู้สำเร็จราชการฯ ก็ได้มีประกาศยกเลิกประกาศพระบรมราชโองการ  เรื่องการยกเลิกยศและบรรดาศักดิ์   โดยทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ  ให้ข้าราชการกลับคืนสู่ยศ  และบรรดาศักดิ์เดิมของตน แต่จากการที่ผมสืบค้นอย่างคร่าวๆ พบว่านอกจากการพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้ข้าราชการที่เคยกราบบังคมทูลลาออกจากบรรดาศักดิ์กลับคืนสู่บรรดาศักดิ์แล้ว ก็ไม่มีการพระราชทานบรรดาศักดิ์ให้กับฝ่ายหน้าอีก คงมีแต่การพระราชทานบรรดาศักดิ์ฝ่ายในโดยครั้งสุดท้ายในปี 2495   ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ  แต่งตั้งนางสาวสังวาลย์  บุญญรัตพันธุ์  เป็นท้าวศรีสัจจา  ถือศักดินา  1000  ได้บังคับบัญชาตัดสินว่าราชการในพระบรมมหาราชวังฝ่ายใน เมื่อยุคสมัยเปลี่ยนแปลงไป บางสิ่งบางอย่างก็คงต้องเปลี่ยนไปตามกาลเวลา ตามความเมหาะสม ถึงแม้จะยกเลิกการพระราชทานบรรดาศักดิ์ไปแล้ว แต่ก็ยังคงมีการพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ เป็นเครื่องตอบแทนบำเหน็จความชอบในราชการแผ่นดินอยู่นะครับ จากคุณ : รอยใบลาน เขียนเมื่อ : 26 ก.ค. 52 11:09:32

ความคิดเห็นที่ 6 ขุนพันธ์ ท่านเสียเมื่อปี 2549 แต่เมื่อปี 2550 ผมอ่านหนังสือพิมพ์ข่าวงานพระราชทานเพลิงศพ พล.ต.ต.หลวงสุนทรวิทยารักษ์(ถ้าจำไม่ผิดนะ) หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ เคยเอาประวัติท่านไปลงในหน้าคัทลียาจ๊ะจ๋า เท่าที่จำได้คือ ท่านเกิดปี 2446 ดังนั้นเมื่อมีงานพระราชทานเพลิงศพท่านในปี 2550 ท่านน่าจะมีอายุยืนถึง 104 ปี ส่วนบรรดาศักดิ์ท่านก็สูงกว่า ขุนพันธ์ คือชั้นคุณหลวง ถ้าใครคนใดทำงานที่ไทยรัฐ หรือเคยอ่านบทความนั้น ช่วยลิงค์มาให้อ่านใหม่หน่อยนะครับ จักขอบพระคุณเป็นอย่างยิ่ง........... จากคุณ : คนชุมพรนอนกรุงเทพ เขียนเมื่อ : 26 ก.ค. 52 12:02:04

ความคิดเห็นที่ 7   ผมเคยอ่านเจอ (จากที่ไหนจำไม่ได้แล้ว) ว่าสมัยจอมพลสฤษดิ์เป็นนายกฯ เขามีความคิดจะฟื้นฟูบรรดาศักดิ์พวกนี้ขึ้นมาใหม่ รวมทั้งการให้พระเจ้าแผ้นดินเสด็จพระราชดำเนินไปไหนมาในพระนครด้วยรถม้าพระที่นั่ง แต่ในหลวงไม่เอาด้วย จากคุณ : ชาวจีนศึกษา ณ TU เขียนเมื่อ : 26 ก.ค. 52 12:09:17

ความคิดเห็นที่ 8 ณ ตอนนี้ผมว่าอาจจะยังคงมีเหลืออยู่บ้างมั้งครับ แต่ท่านน่าจะอายุเกิน 100 ปีไปแล้ว ส่วนภริยาของท่านขุน คุณหลวง พระ พระยา นั้น ยังคงมีชีวิตอยู่หลายท่านครับ ซึ่งแต่ละท่านอายุยืนมากๆเลยครับ จะลองเอามาให้อ่านนะครับ -ท่านผู้หญิงยสวดี  อัมพรไพศาล(102 ปี) ภริยาของหลวงอัมพรไพศาล -ท่านผู้หญิงสายหยุด  ดิฐการภักดี(95 ปี) ภริยาของหลวงดิฐการภักดี(2449-2540) -คุณหญิงสำอางค์  ช่วงเกษตรศิลปการ(อายุ 104 ปี) ภริยาของพระช่วงเกษตรศิลปการ ผู้ร่วมก่อตั้งมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ -คุณหญิงระรวย  อรรถวิภาคย์ไพศาล(97 ปี) ภริยาของหลวงอรรถวิภาคย์ไพศาล -นางพร้อมยุทธมารยาตร(คุณยายอุบล  องคสิงห์ อายุ 102 ปี) ภริยาของขุนพร้อมยุทธมารยาตร ************* ส่วนที่ถึงแก่กรรมไปแล้วเท่าที่เคยได้อ่านมานะครับ -ท่านผู้หญิงพโยม  เสนีณรงค์ฤทธิ์(ถึงแก่อนิจกรรม เมื่อ4 พ.ค. 2552 อายุ102 ปี) ภริยาของ พล.ต.พระยาเสนีณรงค์ฤทธิ์ -ท่านผู้หญิงถวิล  ประกอบนิติสาร(ถึงแก่อนิจกรรมเมื่อปี 2549 อายุ 99 ปี) ภริยาของหลวงประกอบนิติสาร -คุณหญิงหลุยส์  มไหสวรรย์(2442-2546 สิริอายุ 104 ปี) -คุณหญิงประเทียบ  ชลทรัพย์(2444-2548 สิริอายุ 104 ปี) มารดาของท่านผู้หญิงวิจิตรา  ธนะรัชต์ -คุณหญิงสุชาดา  อรรถวิจิตรจรรยารักษ์(สิริอายุ 89 ปี) ภริยาของหลวงอรรถวิจิตรจรรยารักษ์ -คุณหญิงนิ่ง  สุรพันธเสนีย์(2452-2552 สิริอายุ 100 ปี) ภริยาของพระยาสุรพันธเสนีย์ -นางชาญภูเบศร์(นาฏยา  สถาปิตานนท์**2451-2549 สิริอายุ 98 ปี) ภริยาของหลวงชาญภูเบศร์ และเป็นมารดาของท่านผู้หญิงอิศรา  บุรณศิริ -นางมหาเทพกษัตรสมุห(บรรเลง  สาคริก**2451-2545 สิริอายุ 94 ปี) ภริยาของพระมหาเทพกษัตรสมุห(เนื่อง  สาคริก**2441-2541 สิริอายุ 100 ปี) -นางพงศนวรัตน์(ถึงแก่กรรมเมื่อปี 2545 สิริอายุ 91 ปี) ภริยาของหลวงพงศนวรัตน์ -นางนิติอรรถทะเบียนเขตต์(ถึงแก่กรรมเมื่อปี 2551) -นางบูรณวุฒิ(ทรัพย์  สาระเกษตริน**2441-2550 สิริอายุ 109 ปี) ภริยาของขุนบูรณวุฒิ ************************ จากคุณ : คนชุมพรนอนกรุงเทพ เขียนเมื่อ : 26 ก.ค. 52 12:36:58

ความคิดเห็นที่ 9 ถ้ามีคนที่เกิดปี พ.ศ. 2450 แล้วเข้ารับราชการตั้งแต่ยังอายุน้อย  พออายุ 25 (พ.ศ. 2475) ก็ได้บรรดาศักดิ์เ็ป็น หมื่น หรือ ขุน    ถ้ามีชีวิตอยู่มาจนถึงปัจจุบัน ก็จะมีอายุ 102 ปี   ถ้าอย่างนี้คงพอจะมีหลงเหลืออยู่บ้างนะครับ  เพียงแต่เราไม่รู้กันเท่านั้นเอง จากคุณ : รัษฎา เขียนเมื่อ : 26 ก.ค. 52 12:52:01

ความคิดเห็นที่ 10   ขอบคุณมากครับ มีหลวงทรงกรมที่เพิ่งจะสิ้นพระชนม์ไปไม่นานก็คือ กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ เรื่องท่านขุน คุณหลวงที่ยังมีชีวิตอยู่ อาจจะยังพอหลงเหลืออยู่บ้างก็ได้นะครับ เพียงแต่พวกเราไม่ทราบเท่านั้นเอง จากคุณ : Ice Dragon เขียนเมื่อ : 26 ก.ค. 52 14:56:47

ความคิดเห็นที่ 11 ^ ^ เอ ผมว่าความเห็นข้างต้น คุณ Ice Dragon น่าจะสับสน และนำมาปนกัน ระหว่าง        - เจ้านาย ได้รับพระราชทาน "กรม" เป็นบำเหน็จความชอบ กับ        - บรรดาศักดิ์ขุนนาง นะครับ ดูจากที่ว่า "มีหลวงทรงกรม"  ซึ่งอ่านแล้วงง คือ ปกติแล้ว ผู้ที่จะ "ทรงกรม" ต้องเป็นเจ้านายตั้งแต่พระองค์เจ้าขึ้นไป และจะ "ทรงกรม" ชั้นไหน (กรมหมื่น กรมขุน กรมหลวง กรมพระ กรมพระยา) ขึ้นกับจะทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ขณะที่ยศ "หลวง" เป็นยศของข้าราชการคนสามัญ ซึ่งจะไม่มี "หลวง" คนไหนได้รับพระราชทาน "ทรงกรม" แน่นอนครับ (ไม่นับกรณีขึ้นราชวงศ์ใหม่นะครับ) จากคุณ : !P!O!N!G! (NaRoOn) เขียนเมื่อ : 26 ก.ค. 52 16:33:45

ความคิดเห็นที่ 12 แล้วอย่าง พระเศวตอดุลยเดชพาหนฯ จะถือเป็นบรรดาศักดิ์ได้ไหม จากคุณ : bangkokguy เขียนเมื่อ : 27 ก.ค. 52 12:45:42

ความคิดเห็นที่ 13   พล.ต.ต. ขุนพันธรักษ์ราชเดช  ท่านเป็นข้าราชการฝ่ายหน้า ท่านสุดท้ายยที่ได้รับพระราชานบรรดาศักดิ์ที่ "ขุน"  มิใช่หรือครับ มิใช่ท่านสุดท้ายที่ยังมีชีวิตอยุ่นี่ ส่วนในกรณีสมเด็จฯ กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์   นั่นเป็นพระราชวงศ์ฝ่ายใน เเละได้รับพระราชทานสถาปนาพระอิสริยยศเพื่อเป็นบำเหน็จความชอบและคุณูปการที่ทำคุณแก่เเผ่นดิน เละเป็นไปตามพระราชอัธยาศรัย เนื่องด้วยทรงมีพระราชอนุสรณ์คำนึงถึงสมเด็จพระที่นางเเต่องค์เดียวในพระองค์  อาจมิใช่เป็นบรรดาศักดิเช่นเเต่เดิม เนื่องด้วยไม่มีกรมกองเเละสรรพกำลังพลในนวังกัด เป็นเเต่เพียงทรงพระนาม เพื่อเป็นเกียรติเท่านั้น จากคุณ : hoshi_pupu :: ข้าหลังวัง เขียนเมื่อ : 27 ก.ค. 52 13:29:26

ความคิดเห็นที่ 14 นึกขึ้นเล่นๆ ว่า นอกจากคนแล้ว ยังมีช้างที่มีตำแหน่งขุนนางด้วยใช่ไหมคะ จากคุณ : พี่เหมาโหล เขียนเมื่อ : 27 ก.ค. 52 18:19:44

ความคิดเห็นที่ 15 อ่าครับ เมื่อเห็น "ยศช้าง" ก็โปรดอย่าลืม "ขุนนางพระ" ตามภาษิตโบราณที่ว่า "ยศช้างคุณนางพระ" ที่กล่าวคือ บรรดาศักดิ์ของช้างหลวง และสมณศักดิ์ของพระ ที่ถึงแม้ว่าจะเป็นตำแหน่ง แต่ก็มิได้มีกำลังไพร่พลหรืออำนาจแต่อย่างใด ส่วน "หลวงทรงกรม" อันนี้คิดว่าจะเป็นความเข้าใขคลาดเคลื่อน หากเป็นเมื่อก่อน สมเด็จฯ เจ้าฟ้าฯ กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์  จะทรงเป็น "สมเด็จในกรม" ของ "หลวงนราธิวาสราชนครินทร์" แต่ด้วยเหตุที่ไม่ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเจ้ากรม ปลัดกรม และสมุห์บัญชี  อย่างแต่เดิม มินั้น เราอาจจะได้เห็น ผู้ที่มีบรรดาศักดิ์ที่ยังมีชีวิตอยู่ อย่างน้อย  ๓ ท่านก็เป็นได้ จากคุณ : พระนายไวย เขียนเมื่อ : 27 ก.ค. 52 19:39:25

ความคิดเห็นที่ 16 เรียน คูณ hoshi_pupu พล.ต.ต. ขุนพันธรักษ์ราชเดช ไม่ใช่ข้าราชการคนสุดท้ายที่ได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์เป็นที่ "ขุน"  นะครับ เพราะขุนพันธ์ฯ ได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์ ในงานเฉลิมพระชนมพรรษาของรัชกาลที่ 7 ซึ่งในครั้งนั้นมีผู้ได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์เป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะผู้ที่ได้เลื่อนเป็น "ขุน" น่าจะมีไม่ต่ำกว่า 50 ท่านครับ และเท่าที่สืบค้นในเว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา ผู้ได้รับพระราชททานบรรดาศักดิ์ให้เป็นขุนท่านสุดท้ายน่าจะเป็น รองอำมาตย์ตรี ขุนจงนิมมิต (ผุด จิยะจันทร์) รับราชการในราชบัณฑิตยสภา โดยได้รับพระราชทานเมื่อวันที่ 8 เมษายน 2475 เนื่องในงานเฉลิมราชสิริสมบัติ จะใช่ท่านนี้หรือไม่คงต้องตรวจสอบอีกครั้งครับ แก้ไขเมื่อ 27 ก.ค. 52 21:57:41 จากคุณ : รอยใบลาน เขียนเมื่อ : 27 ก.ค. 52 21:47:56

ความคิดเห็นที่ 17   ขุนขยับ กับกระจายครับ (เปลืองกับข้าวมากพวกนี้  ทีหลังต้องซื้อขนมโก๋ให้กินก่อนร่ำสู๋รา หุหุ) จากคุณ : Pier Gerlofs Donia เขียนเมื่อ : 27 ก.ค. 52 21:50:20

ความคิดเห็นที่ 18 ขอถาม ในสมัยที่ยกเลิกตำแหน่งขุนนาง การพระราชทานบรรดาศักดิ์ นั้น มีการยกเลิกสมณศักดิ์ ด้วยหรือไม่ หรือไม่มีการยกเลิกสมณศักดิ์เลย ต่อเนื่องมาจนปัจจุบัน จากคุณ : มาลัย เขียนเมื่อ : 28 ก.ค. 52 22:34:19

ความคิดเห็นที่ 19   สมณศักดิ์ยังมีพระราชทานอยู่จนปัจจุบันครับ มีหลายตำแหน่ง หลายขั้น อธิบายโดยละเอียดจะยาวมากๆ ผมยกคร่าวๆมาจากวิกินะครับ ชั้นยศสมณศักดิ์ของพระสงฆ์ไทยในปัจจุบัน สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก 1 พระองค์ สมเด็จพระราชาคณะชั้นสุพรรณบัฏ 8 รูป พระราชาคณะเจ้าคณะรอง ชั้นหิรัญบัฏ 19 รูป พระราชาคณะชั้นธรรม 35 รูป พระราชาคณะชั้นเทพ 66 รูป พระราชาคณะชั้นราช 144 รูป พระราชาคณะชั้นสามัญ 394 รูป พระครูสัญญาบัตรชั้นตรี-โท-เอก-พิเศษ(ไม่จำกัดจำนวน) พระครูฐานานุกรม ตั้งได้ตามจำนวนที่ปรากฏในสัญญาบัตรของพระราชาคณะ พระครูประทวนสมณศักดิ์ (พระครูผู้อุปการะการศึกษา)(ไม่จำกัดจำนวน) จากคุณ : Ice Dragon เขียนเมื่อ : วันภาษาไทยแห่งชาติ 10:25:24

ความคิดเห็นที่ 20 คห.18   คุณมาลัยเค้าคงหมายถึงว่าเคยมีการยกเลิกการใช้สมณศักดิ์เหมือนกับการยกเลิกการใช้บรรดาศักดิ์ของขุนนางที่ยกเลิกไปแล้วก็กลับคืนบรรดาศักดิ์ให้ใหม่หรือไม่ ก็ต้องตอบว่าในช่วงที่มีการยกเลิกการใช้บรรดาศักดิ์หลังการเปลี่ยนแปลงการปกครอง   ไม่ได้มีการยกเลิกการใช้สมณศักดิ์ไปด้วย  แต่ใช้ต่อเนื่องจากอดีตมาจนถึงปัจจุบันเลย สรุป  ไม่เคยมีช่วงไหนเลยที่มีการยกเลิกการใช้สมณศักดิ์ของพระสงฆ์ จากคุณ : รัษฎา เขียนเมื่อ : วันภาษาไทยแห่งชาติ 14:49:02