ความคิดเห็นที่ 1   จริงๆๆแล้วผมอยากจะเล่าเกร็ดบางอย่างสำหรับคนที่สนใจ บางคนอาจจะแซ่เดียวกันมาจากที่เดียวกันกับผมอาจจะอยากทราบ อย่างในภาพข้างต้นนั้นจะสังเกตเห็นว่าป้ายสุสาน(เจี๊ยะปี)จะล้มลงไปข้างหน้า นั่นมีที่มาครับ ในสมัยนั้นเมื่อต้นบรรพชนคนแรกตายลงไป ได้นำมาฝังไว้ ณ ที่แห่งนี้ และบรรพชนท่านมีลูกสาวคนหนึ่งซึ่งแต่งงานออกไปแล้ว(ไม่ใช่ไม่มีลูกชายนะครับ เพียงแต่ความสำคัญมันอยู่ตรงนี้) แล้วอยู่มาวันหนึ่งลูกสาว ซึ่งผมของเรียกว่าอาเหล่าโจ้วโกว ป่วย ทางบ้านที่แต่งไปนั้นคือบ้านตะกูลลิ้ม เห็นว่าคงไม่ไหวแล้วก็เลยพามารักษาและอยู่ที่บ้านตัวเอง โดยพ่อปู่ของอาเหล่าโจ้วโกวก็มาส่งด้วย โดยคนในสมัยแต่ก่อนเค้าจะมีวิธีดูว่าจะรอดไม่รอด พอดูแล้วว่าไม่รอด ทางพ่อปู่เลยหาทำเลในการฝังเมื่อมาเห็นสุสานดังกล่าวซึ่งเป็นสุสานของพ่ออาเหล่าโกวนั้น(ต้องเรียกเห็นสุสานอาชิงแกสิถึงจะถูก) เมื่อเห็นว่าทำเลดีมากเพราะที่ตรงนั้นถือว่ามีพลัง และตามภูมิลักษณ์ของเขานั้นเป็นเขารูปลักษณ์เสือขาว(แป๊ะโฮ้ว) เป็นที่ที่ดีมาก เลยคิดว่าจะนำมาฝังไว้ที่นี่ ส่วนหนึ่งทางตระกูลลิ้มเค้าก็อยากได้อนิสงฆ์จากการมาฝังที่นี่ เพราะถ้านำมาฝังที่นี่ลูกหลานตระกูลลิ้มก็จะเจริญรุ่งเรืองเช่นกัน และในทุกๆๆปีที่มีการไหว้นั้นตระกูลลิ้มก็จะมาร่วมบวงสรวงและกงจี่เช่นกัน หลังจากอาเหล่าโจ้วโกวตายลง ก็ได้นำมาฝังที่นี่ แต่สิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้นคือ!!!!! ป้ายสุสานได้ล้มลง!!!!! เมื่อเห็นว่าล้มลงก็ตั้งขึ้นใหม่ทุกครั้งทุกปี(ล้มมาตั้งแต่ฝังแล้ว) คราวนี้ตั้งขึ้นก็ล้มอีก เลยได้ไปเชิญคนที่มีญาณมาดู เค้าก็นั่งญาณและเข้าทรง อาเหล่าโจ้วโกวก็เข้าผ่านร่างทรงบอกว่า อายที่มาฝังกับพ่อเพราะคนอื่นมาเห็นเข้าใจผิดหมดว่าผัวกับเมียมาฝังด้วยกัน!!!! เพราะโดยธรรมเนียมจีนนั้นการฝังศพจะนิยมฝังกันแบบสามีภรรยา ไม่ค่อยมีแบบลูกมาฝังด้วย แต่ก็ไม่ได้แปลว่าทำไม่ได้ แต่ที่นี้อาเหล่าโกวอายก็เลยเกิดเหตุดังกล่าว เลยไม่ได้นำป้ายตั้งขึ้นตั้งแต่วันที่ทราบเหตุผล และที่นี้คนที่นั่งญาณบอกว่าดีมากเลยนะที่ป้ายล้มเพราะเค้าบอกว่าตรงจุดตั้งป้ายสุสานนั้นเป็นอะไรสักอย่างของเสือ(หน้าผากมั้ง)แล้วที่นี้ป้ายนี่ก็เปรียบเสมือนปากที่มีลิ้นยื่นออกไป ทำให้สุสานนี้ดียิ่งขึ้นและลูกหลานก็เจริญรุ่งเรืองร่ำรวยกันตลอดมา ฉะนั้นอาจจะกล่าวได้ว่า ที่หมู่บ้านผมซึ่งเป็นคนแซ่เตีย(จาง)กับแซ่ลิ้มเป็นพี่น้องกัน จึงมีอยู่ไม่น้อยสำหรับคนที่ทราบเรื่องจะไม่แต่งงานกับคนแซ่ลิ้มเป็นอันขาดเพราะถือว่าเป็นพี่น้องกันเป็นญาติกัน แต่ทุกวันนี้ความเชื่อเหล่านี้ล้วนจางหายไป ขนาดแซ่เดียวกันก็แต่งกันได้เพราะถือว่าสายรุ่นนั้นไม่ใช่รุ่นเดียวกัน จากรูปนี่เป็นพิธีกงจี่ที่ศาลบรรพชนในวันที่9เดือน9 ถ้าท่านสังเกตจะเห็นหมูตัวหนึ่ง ส่วนอีกข้างนั้นจะเป็นแพะครับ แก้ไขเมื่อ 30 ก.ค. 52 12:02:03 แก้ไขเมื่อ 30 ก.ค. 52 11:06:07 จากคุณ : ติดปีกบินไปให้ไกลไกลแสนไกล เขียนเมื่อ : 30 ก.ค. 52 11:03:22

ความคิดเห็นที่ 2   อีกรูปของสุสานบรรพชน อันนี้ถ่ายตอนวันที่8เดือน9 คือไปไหว้ก่อนวันจริงเพราะวันจริงคนเยอะมากๆๆ จากคุณ : ติดปีกบินไปให้ไกลไกลแสนไกล เขียนเมื่อ : 30 ก.ค. 52 11:07:09

ความคิดเห็นที่ 3   มุมไกลๆๆของสุสาน อันนี้คือวันจริงในการบวงสรวง จากคุณ : ติดปีกบินไปให้ไกลไกลแสนไกล เขียนเมื่อ : 30 ก.ค. 52 11:08:16

ความคิดเห็นที่ 4   ..... จากคุณ : ติดปีกบินไปให้ไกลไกลแสนไกล เขียนเมื่อ : 30 ก.ค. 52 11:08:56

ความคิดเห็นที่ 5   ภาพนี้คือขบวนแห่จากศาลบรรพชนในหมู่บ้านไปไหว้ที่สุสานของบรรพชนที่ภูเขา จากคุณ : ติดปีกบินไปให้ไกลไกลแสนไกล เขียนเมื่อ : 30 ก.ค. 52 11:09:44

ความคิดเห็นที่ 6   ...... จากคุณ : ติดปีกบินไปให้ไกลไกลแสนไกล เขียนเมื่อ : 30 ก.ค. 52 11:10:24

ความคิดเห็นที่ 7   ภาพนี้คือบ้านของบรรพบุรุษผมที่เมืองจีน(ไม่ใช่บรรพชนต้นตระกูลนะ) คือเป็นอาเหล่าโจ้วกงของผมเป็นสายทางผม ซึ่งมีพี่น้องผู้ชายเจ็คคน อยู่เมืองไทย5คน ซึ่งตายหมดแล้ว มีไปอยู่ฮ่องกงท่านหนึ่งซึ่งตอนนี้ลูกหลานเค้าก็รวยมากๆๆแต่ท่านอาเหล่าโจ้วเจ็กได้ตายไปนานแล้ว อีกคนก็อยู่เมืองจีน จากในภาพบ้านเรือนทั้งหมู่บ้านเป็นแบบนั้นจริงๆๆ มองแล้วจะเหมือนศาลเจ้ามากๆๆๆๆ บ้านหลังนี้ตอนนี้อาเหล่าหลักซิ่ม(อาเหล่าโจ้วซิ่มคนที่หกอาศัยกับลูกหลานเค้า) แต่ทางบ้านผมจากที่กล่าวไปแล้วว่าสายบ้านผมมีลูกเจ็ดคน ซึ่งสายผมเป็นลูกคนโต ทำให้ป่วยสือผมค่อนข้างต่ำเนื่องมาจากเหตุที่ว่าเป็นพี่ใหญ่สุดมีลูกหลานก่อนเค้า ผมก็เลยมีป่วยสือต่ำกว่าเค้าอย่างที่เห็น หุหุ จากคุณ : ติดปีกบินไปให้ไกลไกลแสนไกล เขียนเมื่อ : 30 ก.ค. 52 11:17:29

ความคิดเห็นที่ 8   ภาพนี้เป็นการกงจี่เคารพบรรพชนอยู่ในภาพนั้น ตรงที่ยืนสามคนด้านบนสุดที่มีคนยืนประกบ คนตรงกลางที่ใส่เสื้อแดงนั้นคือคุณกิตติ ดำเนินชาญวนิชย์ เจ้าของกลุ่มเกษตรรุ่งเรืองพืชผล(สุ่นหั่วเซ้ง)ผู้บุกเบิกสวนป่ากิตติและเจ้าของกระดาษดับเบิลเอ คนทางซ้ายมือผมจำชื่อท่านไม่ได้แล้วแต่ผมเรียกเป็นอาเหล่าเจ็กคนนี้เป็นน้องชายของเป็กตั๊ก(เป็กตั๊กตายไปแล้วเพราะโดนฆาตกรรมตาย)เจ้ามือหวยและการพนันรายใหญ่ผู้มีอิทธิพลรายใหญ่ของทางอิสาน และทางขวามือคือเจ้าของสัมปทานพวกเหล้าบุหรี่รวมถึงไพ่ในฮ่องกงยี่ห้ออะไรผมก็ไม่ถนัดนักที่เป็นตัวเลขอ่ะ 555 999 อะไรประมาณนี้ใครทราบก็ช่วยแจงให้ผมทราบด้วยนะครับว่า บุหรี่ไพ่นั้นมันยี่ห้ออะไรที่เป็นตัวเลข ที่มาเยอะคนไทยจะไปกันเยอะมากๆๆ ฮ่องกงก็เยอะ และหมู่บ้านที่ผมอยู่นี้ก็มีบุคคลที่เอ่ยไปท่านอาจจะต้องรู้จัก คือ ตังฮั้วหรือตระกูลเรืองกาญจนเศรษฐ์ ก็มาจากหมู่บ้านผมและแซ่เดียวกันคือแซ่เตีย ปล.ไม่ได้ยกข่มอะไรทั้งสิ้นนะครับผมอธิบายรวมถึงบรรยายจากที่ประสบพบมาจากการเดินทาง แก้ไขเมื่อ 30 ก.ค. 52 11:33:02 แก้ไขเมื่อ 30 ก.ค. 52 11:32:03 จากคุณ : ติดปีกบินไปให้ไกลไกลแสนไกล เขียนเมื่อ : 30 ก.ค. 52 11:31:30

ความคิดเห็นที่ 9   ภาพนี้คือการไหว้บรรพบุรุษที่บ้านผมที่เมืองจีนในวันที่8เดือน9ของจีน จากคุณ : ติดปีกบินไปให้ไกลไกลแสนไกล เขียนเมื่อ : 30 ก.ค. 52 11:33:45

ความคิดเห็นที่ 10   อีกภาพของการไหว้ที่บ้านที่เมืองจีน สังเกตอาหารจริงๆๆแล้วอาหารเหลาเชียวนะครับ อยากจะบอกว่าถูกมากๆๆๆ อย่างโต๊ะจีนบ้านเราก็สองสามพันคืออย่างต่ำๆๆอยู่นั่นอาหารเหลาแบบว่าถูกจริงๆๆ อหารแปดอย่างราคาแค่900เอง แต่อาหารเท่ากับบ้านเราหลายพันบาท จากคุณ : ติดปีกบินไปให้ไกลไกลแสนไกล เขียนเมื่อ : 30 ก.ค. 52 11:35:38

ความคิดเห็นที่ 11   แถมด้วยรูปของสถานที่ท่องเที่ยวแห่งหนึ่งซึ่งจำไม่ได้ว่าเป็นที่ไหนแต่อยู่ทางมณฑลกวางตุ้ง จากคุณ : ติดปีกบินไปให้ไกลไกลแสนไกล เขียนเมื่อ : 30 ก.ค. 52 11:37:13

ความคิดเห็นที่ 12   อีกภาพ จากคุณ : ติดปีกบินไปให้ไกลไกลแสนไกล เขียนเมื่อ : 30 ก.ค. 52 11:37:47

ความคิดเห็นที่ 13   จริงๆๆแล้วมีรูปมากกว่านี้นะครับ แต่มันอยู่กระจัดกระจายหลายบ้านเพราะคนนู๊นก็ยืมไปดูคนนี้ก็ยืมไปดู และตัวผมเองในครั้งล่าสุดที่ไปก็หลายปีแล้วเพราะตั้งแต่เข้ามหาวิทยาลัยก็ไม่ได้ไปเลยเนื่องจากเวลาไม่เหมาะเจาะที่จะไป และครั้งล่าสุดที่ไปผมเองก็เซ่อมากไปลืมกล้องถ่ายรูปไว้ที่สนามบินที่มาเก๊า!!!! เนื่องจากขากลับไปขึ้นเครื่องที่นั่นและตอนไปก็ลงที่นั่นเช่นกัน ในทริ๊ปครั้งล่าสุดที่ไป ลงมาเก๊าเที่ยวที่มาเก๊าเสร็จก็ไปจูไห่ ไปเซินเจิ้นเพื่อช๊อปปิ้งและดูโชว์และไปเที่ยวที่ต่างๆๆ ไปไหว้เจ้าพ่อเสือที่เมืองจีน(เหี่ยงบู๊ซัว)ซึ่งศักดิ์สิทธิ์มากๆๆ ว่ากันว่าในช่วงตรุษจีนวันชิวอิก จะมีการเส้นไหว้เจ้าพ่อเสือคนไปเเน่นขนัดเลยแหละทั้งคนจีนและคนโพ้นทะเล ว่ากันว่าธูปดอกแรกที่ปักในวันตรุษจีน(ชิวอิก)นั้นแพงมากๆๆ แล้วมีโอกาสได้ไปดูบ้านของ ดร.ซุนยัดเซ็น(ชุนตงซัวหรือชุนจงซาน)และไปเที่ยวอีกหลายที่มากๆๆ ซึ่งก็คุ้มเพราะได้ไปไหว้ไปดูรากเหง้าของเราและได้ไปสัมผัสกับวัฒนธรรมของจีน ซึ่งผมเองก็เป็นรุ่นที่5ที่มาอาศัยพึ่งพระบรมโพธิสมภารในประเทศไทย เป็นลูกหลานชาวจีนโพ้นทะเล แต่รุ่นของแซ่ผมตระกูลผมไม่ทราบว่ารุ่นที่เท่าไหร่คงจะประมาณสิบปลายๆๆถึงยี่สิบต้นๆๆ รุ่นที่หนึ่งของผมนั้นก็ฝังศพไว้ที่เมืองไทยคนหนึ่งคืออาเหล่าโจ้วกง ส่วนอาเหล่าโจ้วม่าฝังที่เมืองจีนและบรรพชนก่อนหน้านี้ก็ฝังที่เมืองจีน เช่นกัน ในเขาเต่า(เหี่ยงบู๊ซัว)คนละที่กับศาลเจ้าพ่อเสือนะครับ คือเข้าเต่านี่คือรูปลักษณ์ดีเด่นของเขาลูกนั้นๆๆเฉยๆๆ และรุ่นต่อๆๆมาก็ฝังที่เมืองไทย ณ ตอนนี้ รุ่นสามที่มาพึ่งพระบรมโพธิสมภารก็ยังมีชีวิตอยู่เช่นกัน อากงผมเกิดที่เมืองจีนแล้วมาเมืองไทยตั้งแต่เด็ก ส่วนอาม่าผมนั้นเกิดเมืองไทยแต่เป็นเชื้อจีนเเท้ ฉะนั้นมาถึงรุ่นผมซึ่งรุ่นที่5ก็ยังมีเชื้อจีนแท้100% หวังว่ากระทู้นี้คงจะมีสาระไม่มากก็น้อย เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนความรู้และความสนใจ สำหรับท่านใดที่สนใจเกี่ยวกับวัฒนธรรมประเพณีของคนจีน แต่ละที่ก็อาจจะมีแตกต่างกันออก มีเหมือน มีต่าง และมีแปลก ซึ่งเป็นเรื่องปกติของสังคม ครั้งหน้าถ้ามีเวลาและมีโอกาสอาจจะเอาของตระกูลอึ้งมาให้ชมเพราะอาหวั่วกงผม(ตา)แซ่อึ้ง ผมก็เคยไปครั้งหนึ่งเช่นกัน แต่รูปนั้นหายากซะเหลือเกิน ที่มีอยู่ก็มีแต่แผ่นใหญ่ใส่กรอบแขวนไว้เลยลำบากต่อการนำมาจัดการ แก้ไขเมื่อ 30 ก.ค. 52 12:39:36 แก้ไขเมื่อ 30 ก.ค. 52 12:34:58 แก้ไขเมื่อ 30 ก.ค. 52 11:54:24 จากคุณ : ติดปีกบินไปให้ไกลไกลแสนไกล เขียนเมื่อ : 30 ก.ค. 52 11:51:13

ความคิดเห็นที่ 14 ขอบคุณครับ นับถือๆๆ เลยไม่ได้ให้กิ๋ฟเลยครับ ผมเองก็เชื้อสายจีน ก็อยากรู้จังว่าสุสานต้นตระกูล อยู่ที่ไหน ? ผมเองอยู่ในรุ่นที่ 23 ของตระกูล แก้ไขเมื่อ 30 ก.ค. 52 12:34:32 จากคุณ : หนุ่มรัตนะ เขียนเมื่อ : 30 ก.ค. 52 12:21:33

ความคิดเห็นที่ 15 ขอบคุณมากๆครับผม นัีบถือว่ายังติดต่อกับญาติทางเมืองจีนยได้เหนียวแน่นอยู่เลย ของผมเคยเห็นแต่หลานชายของปู่ผม ที่เคยมาเยี่ยม 2-3 หนเอง บ้านที่เมืองจีนหน้าตาเป็นอย่างไรก็สุดจะจินตนาการได้ จากคุณ : อุ้ย (digimontamer) เขียนเมื่อ : 30 ก.ค. 52 14:35:30

ความคิดเห็นที่ 16 อยากจะให้กิ๊ฟบ้าง ให้ไมได้ ก็ได้แต่โหวต จากคุณ : บุณฑริก เขียนเมื่อ : 30 ก.ค. 52 15:26:33

ความคิดเห็นที่ 17 ชอบใจ reality show แบบนี้มากๆ เลย  เพราะเห็นความเป็นจริง รับรู้ความแตกต่างได้  อย่างชัดแจ้งครบถ้วนกระบวนความ  ขอบคุณ  คุณติดปีกบินไปให้ไกลไกลแสนไกล  อย่างมากมายครับ รบกวนถามนะครับว่า... 1. การไหว้บรรพชนในเดือน 9 วันที่ 9 จันทรคตินั้น  เป็นเฉพาะที่หมู่บ้าน จขกท หรือ ทั้ง อ.โผวเล้งครับ ? (ดูหมือนแต้จิ้วบางแห่ง เขาไหว้ช่วงเช็งเม้ง ใช่ไหม?) 2. ตอนไปไหว้สุสานบรรพชนนั้น  จะไม่มีการนำอาหารไปไหว้ใช่ไหม ? (แตกต่างจาก อย่างเช็งเม้งเมืองไทย  เราจะนำอาหารไปไหว้ที่สุสานด้วย)  นำอะไรไปเซ่นไหว้บ้างครับ 3. ที่เล่ามา จขกท ไม่ได้ไปไหว้สุสานของ รุ่นปู่ ทวด ของตนเอง(คือรุ่นบรรพชนที่ใกล้ตัว ประมาณ 5 รุ่น เทียว ทวด -- อาเหล่าโจ้วกง)  แล้วได้ไปไหว้ไหมครับ ?  มีการทำความสะอาด ถางหญ้า อย่างไรบ้างครับ +++++++++ บ้านเทียด ทวดคุณติดปีกบินไปให้ไกลไกลแสนไกล ใหญ่นะครับ  ( 7, 9 )  ภายในก็กว้าง   แสดงว่ารุ่นหลังๆ ให้ความใส่ใจดูแลบ้านเทียด ทวดดีมากเลย  จขกท ได้นอนพักค้างคืนที่บ้านคุณทวดไหมครับ  ระบบห้องน้ำที่บ้านนั้น พัฒนาเป็นรุ่นใหม่แล้วยังครับ ถามเยอะเลย  เพราะน่าสนใจมากครับ  มีหลายอย่างที่แตกต่างกัน  เมืองจีนนี่เรื่องการเซ่นไหว้บรรพชนนี้แปลกนะ  ต่างอำเภอ ต่างภาษาถิ่น  ก็แตกต่างในเรื่องการไหว้แล้วนะครับ  ซับซ้อนหลายชั้นเลยล่ะ จากคุณ : Fortunism เขียนเมื่อ : 30 ก.ค. 52 15:31:14

ความคิดเห็นที่ 18 โหวตให้เรียบร้อย และ ขอบคุณสำหรับกระทู้นะครับ ปล.ผมมีข้อสงสัยจะสอบถามเพิ่มเติมครับ 1.จากรูปที่ 8 ผมเข้าใจว่ากำลังไหว้คำนับอาเหล่าโจ๋วโกว ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบกับรูปที่ 6 แสดงว่า ตำแหน่งที่ฝัง อยู่เหนือ พ่อของอาเหล่าโจ๋วโกว ใช่มั้ยครับ (ชักงง จนผมเรียกลำดับไม่ถูก) 2.สังเกตด้านข้าง ๆ ฮวงจุ้ย มีลักษณะเหมือนยังเป็นป่าอยู่เลย เลยแปลกใจ เพราะถ้าเป็นเมืองไทย คงมีฮวงจุ้ยเต็มไปหมด จนแทบจะไม่เหลือที่ว่าง หรือเป็นเพราะพื้นที่บริเวณนั้นค่อนข้างมีพื้นที่เหลือเฟือ เลยสามารถฝังศพกระจายกันห่าง ๆ ได้ 3.ไม่ทราบว่าภาพถ่ายนี้ประมาณ พ.ศ.ใดครับ 4.เหตุใดจึงเลือกวันทำพิธีเป็นวันที่ 8-9 เดือน 9 (ซึ่งน่าจะเป็นช่วงเทศกาลกินเจพอดี) หรือเพราะว่าเป็นวันครบรอบวันเสียชีวิตของอาเหล่าโจ๋วโกวครับ 5.แล้วที่โน่นยังมีธรรมเนียมการไหว้ตามเทศกาลต่าง ๆ เหมือนเมืองไทยอีกมั้ยครับ เช่น พวกเช็งเม้ง,สารทจีน จากคุณ : ตัง เขียนเมื่อ : 30 ก.ค. 52 15:37:45

ความคิดเห็นที่ 19   สวัสดีครับคุณfortunism จากที่คุณถามผมมานะครับ อาจจะให้รายละเอียดได้เท่าที่ทราบนะครับ 1. การไหว้ในวันที่9เดือน9ตามจันทรคติ เป็นการเส้นไหว้ตามธรรมเนียมเป็นการระลึกถึงบรรพชนครับ มันเป็นคนละอย่างกับเช็งเม้ง อย่างเช็งเม้งอยู่นู๊นเค้าก็ไหว้เหมือนบ้านเราในช่วงมีนาเมษาเหมือนกัน แต่อย่างธรรมเนียมโบราณการไหว้เช็งเม้งเค้าจะนิยมไหว้กันในวันที่3เดือน3ตามจันทรคติ เรียกเช็งเม้งในวันนี้ว่า"เหล่าเช็งเม้ง"ซึ่งก็มีไม่น้อยในเมืองไทยที่ยึดวันนี้เป็นวันไหว้ ส่วนที่เราไหว้กันในช่วง4-5เมษายน แล้วแต่ปีนั้น เรียกว่า "ซิงเช็งเม้ง" แต่ในกรณีนี้เป็นการไหว้คนละแบบกับวันเช็งเม้งครับ(ไม่รู้จะพอเข้าใจที่ผมอธิบายป่าวเพราะผมเองอธิบายยังงง สื่อออกมาได้ไม่ดีนัก) ส่วนเฉพะหมู่บ้านผมมั้ย คือมันเป็นธรรมเนียมของตระกูล ฉะนั้นก็ไหว้เฉพาะที่สืบเชื้อมาจากตระกูลผม แต่ก็มีต่างหมู่บ้านมาไหว้เช่นกัน เพราะมันแตกแขนงพี่น้องออกจากหมู่บ้านนี้เยอะมากๆๆๆๆ จากที่ผมกะหรือถามๆๆมา โผวเล้งแซ่ของผมเยอะมากๆๆๆๆ 2.การไหว้ต้นบรรพชนดังกล่าว มีการนำของไปไหว้ด้วยครับ เพียงแต่บ้านผมจะไปไหว้ล่วงหน้าที่นั่นหนึ่งวันเพราะวันจริงคนจะเยอะมากๆๆ เกรงว่าจะไม่สะดวกในการไหว้ ส่วนการไหว้ในวันจริงก็คือไปไหว้เฉยๆๆและไปกงจี่ครับ ส่วนของไหว้ก็ไม่แตกต่างกับบ้านเรามากนัก ก็มีของไหว้อย่างที่บ้านเราไหว้ เพียงแต่เท่าที่ผมสังเกตกระดาษเงินกระดาษทองของที่นู๊นจะแตกต่างกับเราเรา สามารถดูได้จากภาพในกระทู้ที่มีรอยเผาแต่ยังไหม้ไม่หมด 3.มีการไปไหว้เช่นกันครับ คือปีหนึ่งเราไปก็ไปไหว้ แต่เวลาเช็งเม้งจริงก็มีญาติที่อยู่เมืองจีนไปไหว้ เท่ากับว่าปีหนึ่งไหว้สองครั้งครับเพราะคนที่เมืองไทยเวลาไปก็อยากไปไหว้เหมือนกัน ติดแต่ตรงที่อยู่บนเขาสูงพอสมควร รถไปไม่ถึงยังต้องเดินต่อ แต่วิวสวยมากๆๆเพราะมีคล้ายๆๆอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่อยู่ข้างหน้า ตอนแรกก็กะจะนำมาให้ชม แต่หารูปไม่เจอประจวบกับกล้องหายด้วยตอนทริปที่ไปคราวนั้น พวกเรื่องทำความสะอาดถางหน้าอะไรก็ไม่ได้ทำเองครับ จ้างให้คนเค้าไปทำครับแต่บางทีญาติที่อยู่เมืองจีนเค้าก้ไป แต่ภาระนี้ไม่เคยตกมาถึงคนที่มาจากเมืองไทยเพื่อมาไหว้ ขอบคุณนะครับคือบ้านหลังนี้พี่น้องช่วยกันส่งเงินไปซ่อมแซมอยู่ตลอดครับ พวกเรื่องห้องน้ำห้องท่าก็ดีหมดมีส้วมมีฝักบัว เครื่องทำน้ำอุ่นสะดวกครบครันหมด เพราะพี่น้องทางเมืองไทยช่วยเหลือตลอดส่งเงินไปให้ไม่ขาดเวลาไปนี่ก็ต้องแลกเงินหยวนไปแจกพี่น้องด้วย ฮ่าาา แต่เค้าดีใจมากเลยนะที่ไปเยี่ยม ส่วนเรื่องค้างคืนไม่ได้ค้างครับ คือไปกันนี่ไปแบบทัวร์คือจัดทัวร์ไปกันว่าจะไปไหนบ้าง ไปไห้วเสร็จจะไปเที่ยวไหนต่อ เช่นปีนี้ไปเซินเจิ้นแล้ว ปีหน้าหลังจากไหว้ก้ไปซีอาน ปักกิ่ง เซี่ยงไฮ้ หรือเมืองต่างๆๆตามที่อยากไป แต่จะไปหลังไหว้เสร็จเท่ากับเป็นการรวมญาติไปในตัวไปเที่ยวด้วยกันเฉลี่ยแล้วปีๆๆหนึ่งที่ไปนั้นประมาณสามสิบคนเห็นจะได้ เฉพาะที่ฝั่งผมจัดไปนะครับ จากคุณ : ติดปีกบินไปให้ไกลไกลแสนไกล เขียนเมื่อ : 30 ก.ค. 52 16:00:02

ความคิดเห็นที่ 20 ผมก็เชื้อสายจีนแท้ๆ แต่ยังไม่เคยกลับไปที่บ้านเกิดบรรพบุรุษเลย รู้แต่ว่าอยู่ โผวเล้ง  อากงเล่าให้ฟังว่า  ทวดผมหนีแม่ มาเมืองไทยคนเดียวตอนอายุ13 มีกล่องมาใบนึง กับกระบี่ไว้ป้องกันตัว (อยู่เมืองจีน อดตาย) มาสู้ชีวิตที่เมืองไทย จนร่ำรวย  พอมีเงินแล้วก็กลับไปหาแม่ เพื่อจะรับมาอยู่เมืองไทย  ก่อนออกเดินทางไปจีน ทวดซื้อข้าวไปให้เต็มลำเรือ ทำให้เหล่าโจ๋ม่า(แม่ของทวด) ไม่ยอมมาไทย เพราะเป็นห่วงข้าว  ทวดเลยซื้อที่ทำสุสาน กับ เตรียมโลงศพฝังมุกให้ จะได้หมดห่วง แต่กว่าจะได้ใช้นี่นานเลย เหล่าโจ๋ม่า สิ้นบุญ อายุ 105 ปี รูปนี้เป็นกล่องที่ ทวดผม ติดตัวมาไทย ตอนอายุ13  ผมนำมาเก็บไว้ที่บ้านเพื่อเป็นศิริมงคล จากคุณ : jin leng เขียนเมื่อ : 30 ก.ค. 52 16:04:13

ความคิดเห็นที่ 21 อันนี้เป็นกระบี่ที่ ทวด พกติดตัวมาด้วย สมัยนั้นต้องเดินข้ามเขา สัตว์ร้ายเยอะ เด็กอายุ13 เดินทางคนเดียว ผมฟังแล้วก็อดทึ่งไม่ได้ จากคุณ : jin leng เขียนเมื่อ : 30 ก.ค. 52 16:05:48

ความคิดเห็นที่ 22   ตอบคุณตังนะครับ 1.ตำแหน่งฝังศพนั้นคือตำแหน่งเดียวกันครับ คืออาเหล่าโจ้วโกวและพ่อของแกฝังในตำแหน่งเดียวกัน จากภาพที่หกคนที่ยืนอยู่ไม่ใช่ประธานนะครับ ภาพที่แปดสามคนบนสุดคือประธานในการกงจี่ ในภาพที่หกเป็นตำแหน่งที่คนที่เค้ามาไหว้เค้าก็มาคับนับเช่นกันหรืออาจจะเป็นคนที่มายืนรอตอนทำพิธีเพราะถ้าเราสังเกตนั้นมันจะเป็นชั้นๆๆ สามารถมีที่ยืนได้หลายชั้นนะครับ ซึ่งการยืนนั้นจะมีการเรียงลำดับรุ่นของตระกูล(ป่วยสือ) 2.ฮวงซุ้ยนี้อยู่บนภูเขาครับ จริงๆๆข้างล่างๆๆๆของฮวงซุ้ยบรรพชนก็มีฝังอยู่เช่นกัน แต่ก็อาจจะไม่เยอะมาก เพราะอาจจะเป็นเพราะเป็นบริเวณของบรรพชนเลยไม่มีใครอยากทำเหมือนกับเค้ากลัวว่า บ่ตั่วบ่โส่ย(ผมคิดเองนะ) และในปัจจุบันโนบายของจีนไม่ให้ทำฮวงซุ้ยแล้วนะครับ ส่วนมากจะเผากันแล้วนะที่เมืองจีน ยกเว้นแอบทำกับคนมีเงิน เงินๆๆๆเท่านั้นที่สามารถทำได้ครับ 3.ภาพถ่ายนี้ถ่ายในช่วงที่ผมไปครั้งล่าสุดไม่มั่นใจว่า2548หรือ2549นี่แหละครับเพราะหลังจากเข้ามหาวิทยาลัยก็ไม่มีโอกาสเหมาะที่จะได้ไปอีก กะว่าจะหาเรื่องไปไม่ปีนี้ก็ปีหน้า อิอิ 4.เหตุที่เลือกวันนี้ผมก็ไม่ชัวร์เท่าไหร่นะครับ ไม่แน่อาจจะเป็นคล้ายวันตาย(จ๊อขี่)ก็ได้ แต่วันนี้เค้ามีธรรมเนียมการไหว้มานานหลายชั่วอายุคนแล้วครับ 5.ยังมีการไหว้เช่นกันครับ แต่โดยภาพรวมผมว่าเมืองไทยน่าจะเหนียวเเน่นมากกว่า เพราะที่เมืองจีนนั้นยังมีปัญหาหลายด้าน เศรษฐกิจสังคมค่าครองชีพต่างๆๆ แต่ในปัจจุบันรัฐก็ส่งเสริมคนชราให้มีรายได้เช่นกัน อย่างตอนผมไปนั้นเหล่าหลักซิ่มก็มีงานอะไรไม่รู้คล้ายๆๆกับกลุ่มแม่บ้านนี่แหละมาทำวันหนึ่งแกมีรายได้50-80หยวน!!! แต่โดยรวมผมให้คนจีนโพ้นทะเลที่อยู่เมืองไทยไหว้เก่งที่สุดครับ แต่จากที่ทราบมาทางเหนือเดี๋ยวนี้ไหว้เจ้าไม่เท่ากับทางใต้คือแถบมณฑลกวางตุ้งซึ่งโพ้นทะเลในแถบบ้านเราล้วนมาจากทางใต้ทั้งสิ้น จากคุณ : ติดปีกบินไปให้ไกลไกลแสนไกล เขียนเมื่อ : 30 ก.ค. 52 16:15:11

ความคิดเห็นที่ 23 เห็นด้วยครับ คนจีนที่มาอยู่ไทย ไหว้เจ้าเก่งที่สุด อาม่าผมไหว้ทุกเทศกาลเลย เคร่งมาก    ตัวผมก็ชอบไหว้เจ้าด้วย ชอบบรรยากาศจีนๆ จากคุณ : jin leng เขียนเมื่อ : 30 ก.ค. 52 16:25:01

ความคิดเห็นที่ 24   สวัสดีครับคุณjin leng กล่องของคุณทวดคุณขลังดีนะครับ กระบี่ก็ดูสวยมากๆๆ จริงครับอาม่าผมนี่ไหว้เจ้าเก่ง ทำทุกอย่างพับกระดาษ ทำขนมไหว้ทุกเทศกาล ไหว้หมดทุกเทศกาล ตรุษจีน สารทจีน เช็งเม้ง(สี่แห่ง) ไหว้บะจ่าง ไหว้พระจันทร์ ไหว้ขนมบัวลอย(สารทกลมเกลียว) ซึ่งวันไหว้บัวลอยนี้ก็น่าสนใจอีก เพราะเค้าบอกมาว่าถ้าไหว้บัวลอยแล้วกินบัวลอยในวันนั้นอายุเราจะเพิ่มขึ้น1ปี คือโตขึ้นอีกหนึ่งปี แล้วก็เจ้าขึ้นสวรรค์(ซิ้งเจียที24เดือน12จีน) ซิ้งเหลาะที(เจ้าลงสวรรค์4เดือน1จีน) หรือวันเกิดเจ้าองค์ไหนๆๆก็ไหว้หมด มีเดินธูป ซิโกว(เทกระจาด)ก็ไปหมด ทำหมดทำบุญยังทำ หุหุ คนจีนโพ้นทะเลบ้านเราสารพัดจริงๆๆ แก้ไขเมื่อ 30 ก.ค. 52 16:33:02 จากคุณ : ติดปีกบินไปให้ไกลไกลแสนไกล เขียนเมื่อ : 30 ก.ค. 52 16:32:16

ความคิดเห็นที่ 25 ครับ เหมือนกับอาม่าผมเลย ต้องทำเองทุกอย่าง มาระยะหลัง อายุมาก พ่อถึงบอกให้เลิกทำ ซื้อไหว้ง่ายกว่า แต่ตอนนี้ไม่มีบรรยากาศนั้่นแล้ว อาม่าผมเพิ่งสิ้นบุญไปสองเดือนก่อนเอง เหลือแต่ผมไหว้คนเดียว ตามที่อาม่าเคยสั่งไว้ ปีนึงต้องไหว้อะไรบ้าง   พูดแล้วก็คิดถึงอาม่า จากคุณ : jin leng เขียนเมื่อ : 30 ก.ค. 52 16:36:27

ความคิดเห็นที่ 26 เห็นพ่อเคยบอกว่าเหล่าม่ามีหมอนเก่าแบบจีน เป็นกระเบื้องอะครับ เคยเห็นตุ้มหูเก่า พอเหล่าม่า จากไปก็แจกลูกหลานกับคนละคู่ หมอนจีนครับ แต่มันนี้เป็นอันใหม่ จากคุณ : น้ำเต้าสีรุ้ง (เหนียวเนื้อ) เขียนเมื่อ : 30 ก.ค. 52 16:40:41

ความคิดเห็นที่ 27 ลืมรูป -*- จากคุณ : น้ำเต้าสีรุ้ง (เหนียวเนื้อ) เขียนเมื่อ : 30 ก.ค. 52 16:41:24

ความคิดเห็นที่ 28 ผมมีกระดุมทองคำ ของ ทวดครับ ทวดมี 3เม็ด ให้รับขวัญตอนผมเกิด 1เม็ด อยู่ที่อาม่า กับ น้องสะใภ้อาม่า คนละเม็ด  ตอนนี้ผมมีอยู่สองเม็ด อาม่ายกให้ จากคุณ : jin leng เขียนเมื่อ : 30 ก.ค. 52 16:48:04

ความคิดเห็นที่ 29 มรดกตกทอดของคุณ Jin Leng สวยจังค่ะ ดูมีค่าทางจิตใจมากๆเลยค่ะ จากคุณ : กะปอมหน้าหวาน เขียนเมื่อ : 30 ก.ค. 52 19:18:06

ความคิดเห็นที่ 30 สุดยอดมากครับ เสียดายทางผมไม่ค่อยมีอะไร อากงเป็นน้องคนเล็ก ผมเกิดเมืองไทยรุ่น2เอง แต่ยังไม่เคยกลับไปเยี่ยมเลย(แต่เคยมีลูกพี่ลูกน้องฝั่งแม่มาเที่ยวไทย) พี่น้องอาเหล่ากงผมไปไต้หวันกันทั้งนั้นเลย ส่วนลูกหลานพี่น้องอากงในไทยก็แทบไม่รู้จักกันในรุ่นผมแล้ว สมาคมแซ่ ก็ไมได้ไปหลายทีแล้ว จากคุณ : ขอเอาชื่ออากงเป็นเดิมพัน เขียนเมื่อ : 30 ก.ค. 52 23:10:40

ความคิดเห็นที่ 31 คุณ jin leng ครับ.. แหม...มีของสะสมเยอะหมือนกัน  ดีจังเลย เป็นผู้สืบทอดธรรมเนียมคนสำคัญของตระกูลแล้ว  เป็นกำลังใจให้ครับ  (เรื่องไหว้เจ้า ไหว้บรรพบุรุษ ทำทุกเทศกาล งานหนักนะเนี่ย) ++++++++ ศิษย์น้องน้ำเต้าสีรุ้ง.. หมอนรูปทรงน่ารักจังเลย  หนุนนอนสบายไหม ใช้วัสดุอะไรนั่น (คล้ายวัสดุสานเสื่อจัง)   แล้วน้องเคยเห็นอันที่เป็นเซรามิกไหม +++++++++++++ คุณ ติดปีกบินไปให้ไกลไกลแสนไกล  ครับ. ขอบคุณในคำอธิบายมากครับ  คุณอธิบายละเอียดแล้วครับ เข้าใจครับ  ผมได้ถามอาเจ๊ผมเรื่อง วันที่ 9 เดือน 9 จันทรคติ   พี่สาวผมบอกว่า จีนกลางเรียกว่า ฉง หยาง เจี๊ยะ Chong2 Yang2 Jie2   (ภาษาจีนแต้จิ้ว อาจจะเรียกว่า ตง เอี้ย จก ?)  คือ เทศกาลเก้า 2 ตัว  ผมไปค้นมาเพิ่มเติม  จึงพบว่า 9 เดือน 9 นั้น มีธรรมเนียมการไหว้บรรพบุรุษเช่นกัน (คือคล้ายเทศกาลเช็งเม้ง แต่ต่างวันเวลา)  โดยเฉพาะแถวมณฑลฮกเกี้ยน   และ 3 เดือน 3 ก็มีการไหว้บรรพบุรุษเช่นกัน ที่เมือง จางโจว ของฮกเกี้ยน  ถือเป็นทำพิธีของเทศกาลเซ็งเม้งเช่นกัน บางทีเขาก็ไหว้เพียงครั้งเดียว ในหนึ่งปี คือ ทำเป็นพิธีเช็งเม้งเลย แต่ปัจจุบัน คงเพราะหลายๆ แห่ง  หลายๆ คน มีฐานะเศรษฐกิจดีขึ้น  จึงขยันไหว้บรรพบุรุษมากขึ้นด้วย  จะได้ เฮง เฮง อย่างที่เกาะไหหลำ  เขาก็ไหว้บรรพบุรุษในวันที่ คนแต้จิ้ว ไหว้เจ้าในเทศกาลขนมบัวลอยไง  เรียก ตง จื๋อ เจี๊ยะ   (22 ธค.)  (แต้จิ้ว เรียก ตัง จี่ จก) ทำเป็นเทศกาลเช้งเม้งเลย    พอวันที่ตรงกับเทศกาลเช็งเม้งคือ 5 เมษ  เขาก็มี กงจี่ ไหว้ที่ศาลบรรพบุรุษ  แต่ไปๆมาๆ ก็กลายเป็น ไหว้ทั้ง 2 เทศกาลเลย คล้ายๆกับที่คุณติดปีกบินไปให้ไกลไกลแสนไกล เล่านั้นแหละ  คนแต้จิ้วเมืองไทยไปตอน 9 เดือน 9 ก็ไปไหว้ สุสานปู่ทวดด้วย  สุสานต้นบรรพชนด้วย  พอเช้งเม้ง คนจีนที่พื้นที่นั้นก็ไหว้สุสานปู่ทวดอีกครั้ง เข้าตำรา  ลูกหลานมีอันจะกิน ทำการค้ารุ่งเรือง  บรรพชนก็พลอยได้หน้าได้ตา  อิ่มหนำสำราญ เพราะลูกหลานขยันไหว้    ใช่ไหม ท่านผู้อ่าน  อิอิอิ จากคุณ : Fortunism เขียนเมื่อ : 30 ก.ค. 52 23:54:33

ความคิดเห็นที่ 32   สวัสดีครับคุณหนุ่มรัตนะ ขอบคุณที่เข้ามาชมกระทู้นะครับ ถ้าคุณอยากทราบเรื่องเกี่ยวกับต้นตระกูลคุณ ผมว่าน่าจะลองไปหาสมาคมของตระกูลคุณดู เพราะอาจจะได้อะไรดีๆๆมากขึ้นครับ ยังไงถ้าคีบหน้ายังไงก็บอกกล่าวกันบ้างนะครับ หุหุ สวัสดีครับคุณอุ้ย ที่บ้านผมก็ไปมาหาสู่กันตลอดอย่างเมื่อสองปีที่แล้วก็มีลูกอาเหล่าโกวมาเยี่ยมที่เมืองไทย ตอนแรกเค้าโทรไปบ้านน้องของอากงผมเค้าตกใจว่าจะมีญาติเมืองจีนมา ไปมาก็เลยบางอ้อกันนึกว่าโทรผิดไป ขอบคุณมากนะครับคุณบุณฑริก ที่เข้ามาชมกระทู้ สวัสดีครับคุณขอเอาชื่ออากงเป็นเดิมพัน ขอบคุณนะครับที่เข้ามาชมกระทู้ คุณFortunismครับ มันก็จริงของคุณนะครับพอลูกหลานได้ดีก็ไหว้กันใหญ่ สมัยก่อนวิกฤติ40ไม่ค่อยได้ไปบ่อยนัก พอมาเจอวิกฤติต้มยำกุ้งเข้าพากันเจอหนักๆๆเพราะญาติๆๆผมไปกู้เงินมาจากต่างประเทศมาลงทุนทั้งนั้นเลยเจอใหญ่ บางคนอยากตายสารพัดจะเป็น แต่บ้านผมไม่เจอเพราะดีที่กู้สถาบันการเงินภายในประเทศเลยเจ็บน้อย เค้าก็ไปไหว้ขอพรกันที่ไหนก็ไปเพราะตอนนั้นไม่มีทางไปเสร็จเค้าก็มาขอพรอาเหล่าโจ้ว ปรากฎว่าทุกอย่างดีขึ้นตามลำดับ เค้าก็เลยพากันเชื่อศรัทธามากๆๆมาไหว้กันทุกปี มันก็เลยเป็นที่มาที่มาไหว้เมืองจีนทุกปี ส่วนเรื่องวันไหว้ต่างๆๆขอบคุณมากนะครับสำหรับความรู้ใหม่ จริงๆๆบ้านผมไหว้เช็งเม้งที่เมืองไทยหลายที่ เลยต้องจัดวันไหว้ดีๆๆ เช่นที่ที่1ก็ไหว้ทุกวันที่3เดือน3ของทุกปี ที่ที่2ไหว้ในวันเช็งเม้งของปีนั้นๆๆ ที่ที่3หาฤกษ์งามยามดีไหว้เอา  ในส่วนซาง่วยชิวซาที่คุณบอกว่าเมืองจางโจวเค้าไหว้ ผมไม่แน่ใจนะครับอาจจะมีธรรมเนียมคล้ายคลึงกันเพราะคนจีนในสมัยแต่ก่อนเค้าไหว้เช็งเม้งกัันวันที่3เดือน3 เรื่องนี้อากงอาม่าก็เล่ามาให้ฟังนานแล้ว วันสุดท้ายของการไหว้เช็งเม้งจริงๆๆคือวันที่3เดือน3ตามจันทรคติ แต่พอมาในปัจจุบันอาม่าบอกว่าธรรมเนียมมันเปลี่ยนไปบ้าง เพราะอย่างเช็งเม้งนั้นมันเป็นชื่อสารท์หรือชื่อฤดูฤดูหนึ่งเพราะคนจีนในหนึ่งเดือนแบ่งออกได้2สารทหรือสองฤดูย่อยๆๆ ยังไงช่วยชี้แนะด้วยนะครับ แก้ไขเมื่อ 31 ก.ค. 52 01:01:36 จากคุณ : ติดปีกบินไปให้ไกลไกลแสนไกล เขียนเมื่อ : 31 ก.ค. 52 00:58:48

ความคิดเห็นที่ 33 ดีใจที่ได้มาอ่านครับ บ้านผมตั้งแต่อากงกับอาม่าเสียไปก็ไม่ได้ติดต่อกับญาติทางฝั่งเมืองจีนอีกเลย จากคุณ : เหล่าฟาง เขียนเมื่อ : 31 ก.ค. 52 09:49:00

ความคิดเห็นที่ 34 สวัสดีครับ คุณFortunism   เหล่ากงผม ก็มีของติดตัวแค่นี้แหละครับ แกขี้เหนียวมาก ไม่ซื้ออะไรเลย นอกจากที่ทาง เครื่องทองเครื่องเพชร ไม่มีหรอก มีกระดุมทองนี่แหละ  ที่ได้มา เพราะคุณพ่อผม เป็นหลานคนเดียวที่ดูแลเอาใจใส่ทวด สิบขวบก็พาทวดไปรักษามะเร็งที่ รพ. รามา คนเดียว   พ่อ ดูแลมาทวดตลอด   พ่อเคยเล่าว่า ตอนออกมาตั้งตัวทำอาชีพใหม่ๆ เงินก็ไม่มี เวลาพาทวดไปหาหมอ ต้องไปกู้เงิน ยืมรถคนอื่นเพื่อพาไป(ลูกหลานคนอื่นไม่มามองเลย มองแต่สมบัติ)   พ่อผมจะเน้นสอนเรื่องกตัญญูมาเป็นที่หนึ่ง มาถึงตอนนี้พวกผมก็ได้เห็นผลแห่งการทำดีแล้ว สมบัติของทวดทั้งหมด ตกเป็นของอากง จากอากง ก็เป็นของพ่อผม พี่น้องคนอื่นไม่ได้เลย เพราะไม่เคยมาดูแล พ่อแม่   อีกเรื่องที่เห็นได้ชัด คือการทำธุรกิจ ถึงจะเจอปัญหาอะไร จะมีทางออกเสมอ เศรษฐกิจแย่ แต่การค้าก็ยังดีต่อเนื่อง    พ่อเคยพูดว่า กตัญญูไม่มีวันตกอับ ส่วนคุณพ่อผมเอง กลายเป็นนักสะสมพระเครื่องไปแล้ว(เก็บอย่างเดียวไม่ขาย) ผมก็เลยชอบไปด้วย ชอบหยิบออกมาถ่ายเล่น เพลินดี จากคุณ : jin leng เขียนเมื่อ : 31 ก.ค. 52 10:21:57

ความคิดเห็นที่ 35 อ่านแล้วได้ความรู้มากเลยเลยค่ะ ขอบคุณจขก.และทุกคนที่มาแบ่งปันความรู้และประสบการณ์นะคะ จากคุณ : Noshka เขียนเมื่อ : 31 ก.ค. 52 10:22:41

ความคิดเห็นที่ 36 รูปทางบ้านเกิดทวด มีแค่สองภาพเองครับ ญาติทางโน้น จัดงานศพให้ เหล่าโจวม่า(แม่ของทวด) แล้วถ่ายรูปส่งมาให้ทวดดู จากคุณ : jin leng เขียนเมื่อ : 31 ก.ค. 52 10:23:39

ความคิดเห็นที่ 37 . จากคุณ : jin leng เขียนเมื่อ : 31 ก.ค. 52 10:23:56

ความคิดเห็นที่ 38 สวัสดีครับทุกคน ขอร่วมติดตามชมด้วยคนนะครับ จากคุณ : เจียะป้าอู่สื่อ (tongboy) เขียนเมื่อ : 31 ก.ค. 52 11:41:06

ความคิดเห็นที่ 39 ตอบคุณติดปีกบินไปให้ไกลไกลแสนไกล ไว้จะพยายามสืบเสาะค้นหาดูครับ ไม่ได้ติดต่อกับญาตที่ปักกิ่งมานานแล้ว คุณ jin leng ครับ พระเครื่องสวยๆทั้งนั้นเลยนะคับ ทรงผนวช - ลพ.ไปล่ - ลพ.ทวด - ลพเดิม - ฐานคู่ - ในหลวงทองคำ - จิตรลดา สก. งามๆจังเลยครับ ชอบๆๆ จากคุณ : หนุ่มรัตนะ เขียนเมื่อ : 31 ก.ค. 52 14:44:19

ความคิดเห็นที่ 40 สวัสดีครับ คุณหนุ่มรัตนะ ชอบพระเครื่องด้วยหรอครับ ยินดีที่ได้รู้จักครับ จากคุณ : jin leng เขียนเมื่อ : 31 ก.ค. 52 15:53:30

ความคิดเห็นที่ 41 แนะสายนครปฐมเพียบเลยนะครับ แค่ลพ.ทิม โอ๊ย เห็นลพ คูณ อีก ...โหตามด้วย วัดพนัญเชิง อีก ละลานตาไปหมดเลยครับ ไว้คุยกันต่อก็ได้ครับ เกรงใจ จขกท. เขา ..อิอิ จากคุณ : หนุ่มรัตนะ เขียนเมื่อ : 31 ก.ค. 52 16:03:00

ความคิดเห็นที่ 42   มีรูปมาเสริมแต่เป็นรูปเล็กหน่อยนะครับ อันนี้เป็นรูปของป้ายวิญญาณที่อยู่ศาลประจำตระกูลที่เมืองไทยนะครับ ศาลนี้อยู่แถวอ่อนนุชครับ ข้างในนั้นที่เห็นเป็นทองๆๆคือเป็นป้ายที่เปิดผ้าแล้วคือคนที่ตายไปแล้ว ส่วนคนที่ยังไม่ตายก็ยังไม่เปิดผ้าถ้าสังเกตก็คือที่เป็นสีน้ำตาล ฉะนั้นเลยมีทั้งสองสี อันนี้เป็นศาลที่จำลองมาจากเมืองจีนเพื่อสะดวกต่อการไหว้ของลูกหลานที่ไม่สะดวกเดินทางไกล และใครที่สนใจอยากเอาบรรพบุรุษของตัวเองหรือเอาตัวเองไปไว้ที่นั่นก็สามารถทำได้เช่นกัน โดยต้องซื้อที่ในตู้นั้นและป้ายวิญญาณ ราคาก็สูงมากพอสมควรยิ่งข้างล่างๆๆใกล้้กับตรงกลางจะแพงมากๆๆๆ บนๆๆจะราคาค่อนข้างถูกกว่าแต่โดยรวมก็ยังราคาสูงอยู่ แต่ที่บ้านผมก็เอาไปไว้ที่นั่นด้วยเพราะอากงอาม่าบอกว่าถึงตายไปแล้วไม่มีลูกหลานไหว้ เอามาไว้ที่นี่ยังไงก็มีกินเพราะมีคนมาไหว้.... แก้ไขเมื่อ 31 ก.ค. 52 18:57:43 จากคุณ : ติดปีกบินไปให้ไกลไกลแสนไกล เขียนเมื่อ : 31 ก.ค. 52 18:53:04

ความคิดเห็นที่ 43   ปีที่คุณทวดของคุณ jin lengเสียนั้น ไม่ทราบว่า2459หรือ2519ครับ เพราะจากที่ดูรูปภาพเหมือนเก่ามากเลยทีเดียว แต่ไม่รู้ว่าถ้า2459ความเจริญมันจะมาถึงท้องถิ่นของเมืองจีนหรือยัง สมัยนั้นกล้องน่าจะยังไม่ถึงท้องถิ่นของจีน อาจจะมีแถบเซี่ยงไฮ้ปักกิ่งหรือหัวเมืองใหญ่ๆๆ จากภาพผมว่า2519??หรืิอป่าวครับ จากคุณ : ติดปีกบินไปให้ไกลไกลแสนไกล เขียนเมื่อ : 31 ก.ค. 52 19:56:59

ความคิดเห็นที่ 44 สวัสดีครับ คุณติดปีกบินไปให้ไกลไกลแสนไกล  เรื่องปีที่เสียนี่ผมก็ไม่ทราบเลยครับ ในภาพไม่ใช่งานศพทวดผมครับ เป็นงานศพแม่ของทวด  ส่วนตัวผมเองยังจำหน้าทวดไม่ได้เลย ท่านสิ้นบุญตอนผมอายุ ไม่กี่เดือนเอง  ไว้จะลองถามอากงดูครับ จากคุณ : jin leng เขียนเมื่อ : 31 ก.ค. 52 20:16:53

ความคิดเห็นที่ 45 น่าจะ 2519 อย่างที่คุณ  ติดปีกบินไปให้ไกลไกลแสนไกล  ว่าไว้นะครับ (แหม...เชื่อแล้วว่า ชำนาญศาสตร์ทางจันทรคติ) เพราะคุณ jin leng  อายุไม่กี่เดือนเอง   เพราะถ้าเป็น 2459 นี่ คุณ jin leng   น่าจะยังใช้คอมฯ ไม่เป็นแน่  อิอิอิ มาแซวก่อนนอน   ไม่มีแรงมาคุยยาวๆแล้ว จากคุณ : Fortunism เขียนเมื่อ : 31 ก.ค. 52 23:34:02

ความคิดเห็นที่ 46 คุณพี่Fortunism  ไม่เคยอะครับ  ส่วนอันนี้ทำมาจากหวายเทียม แต่ก็เหมือนกับหลาสติก 55 ถ้าให้นอนหลับก็ไม่ไหวอะพี่ แต่ถ้านอนงีบๆก็ได้อยู่ครับ จากคุณ : น้ำเต้าสีรุ้ง (เหนียวเนื้อ) เขียนเมื่อ : 1 ส.ค. 52 21:40:48

ความคิดเห็นที่ 47 เข้ามาดูกระทู้นี้แล้วรู้สึกดีจังเลยครับ แต่ อากง ผมไม่เคยพูดเรื่องลำดับอะไรแบบนี้เลยครับ  เลยไม่รู้ แต่ ผมเคยเดินทางไปไหว้แบบนี้ ที่ ซัวเถา ครับ  ตอนเด็ก ยังไม่ประสาอยู่ 3 ครั้งครับ แต่ อากง ผมส่งเงินไปให้ทางนู่นตลอด  จนตอนนี้ทางนู่น เขาเปิดโรงแรมซัวเถา อินเตอร์ใหญ่โตไปแล้วครับ  เวลาไปก็สะดวกมีที่พักครับ แต่อากง ผมเสียไปแล้ว  ป๊าผม ก็ไม่เคยติดต่อทางนู่น คิดว่าก็คงจะขาดกันไปแล้วและครับ น่าเสียดายจริงๆ ครับ ออ แต่ล่าสุด ไปเมื่อ 3 ปีก่อน ก็ลองติดต่อดู ทางนู่นก็เลยเอารถเบนซ์มารับอย่างดีมากๆ เลยครับ แต่ก็ เนอะ ไม่รู้จะได้ติดต่อกันอีกไม น่าเสียดายครับ แก้ไขเมื่อ 03 ส.ค. 52 01:04:32 จากคุณ : BIZZARE เขียนเมื่อ : 3 ส.ค. 52 01:03:20