 |
ความคิดเห็นที่ 5 |
การเรียน writing โดยการให้คนเก่งๆช่วย edit essay ให้นั้น จะได้ผลก็ต่อเมื่อคนที่เรียน writing คนนั้น พูดภาษาอังกฤษเรื่องง่ายๆในชีวิตประจำวัน จนคล่องมากๆ ไม่มีผิดพลาดเรื่องอะไรที่พื้นฐานมากๆ (จะได้คิดเป็นภาษาอังกฤษตอนเขียนได้ยังไงล่ะ) instructor หรือ editor จะได้ edit แนวคิด การเดินเรื่อง ความสอดคล้อง...ฯลฯ ไม่ใช่มานั่งแก้ grammar ระดับ ม.4 อย่างที่เห็นเขียนๆกันมาให้ edit กันบานเบอะ ในห้องเรียนภาษาอังกฤษนี่น่ะ บางคนนะเรียนเอกอังกฤษเพื่อที่จะออกไปเป็นอาจารย์สอนภาษาอังกฤษด้วยนะ แต่ไม่รู้ว่า คำว่า beauty กับ beautiful น่ะ มันใช้สร้างประโยคต่างกันอย่างไร เจอแบบนี้นะ ทั้ง editor ทั้ง learner ก็เลยบ้าไปเลยทั้งคู่ ที่ websites ที่ฝรั่งเจ้าของภาษาเขามาระดมทีมช่วยคนเรียนภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่สอง ที่เราไปท่องเที่ยวมาหลายๆแห่งนะ เขามีกฎเหล็กเลยหละว่า 1. ไม่ edit จดหมายสมัครงานหรือ resume ให้ 2. ไม่ edit essay ให้ 3. แต่ถ้าสงสัยว่าเขียนถูกหรือเปล่า เขียนมาเป็นข้อความสั้นๆ แล้วถามได้เป็นจุดๆ ว่าตรงไหน ถูกหรือผิด เพราะอะไร? เขาจะช่วยตอบให้ ความลับที่จะบอกให้ นั่นก็คือว่า คนที่ยังไม่รู้ sentence structure types ระดับพื้นฐานมากๆ แถมยังไม่รู้อีกด้วยว่าคำศัพท์ในภาษาอังกฤษเกือบทุกคำ มัน มีพฤติกรรมเฉพาะตัว ของมันเอง นั่นก็คือ เวลาเอาไปใช้งาน มันจะมี สูตร เหมือน สูตรคณิตศาสตร์ (เรียกว่า collocations) เลยหละ เราแค่คิดแบบคนไม่ได้เรียนภาษามา แต่เรียนคณิตศาสตร์มา เราก็พอที่จะคำนวณตัวเลข จำนวน permutations ของ sentence structure types กับ collocations ของคำศัพท์พื้นฐานที่ใช้กันในชีวิตประจำวัน แค่ 3000 คำ (ที่เขียนเรื่องทุกอย่างง่ายๆในชีวิตประจำวันได้ครบถ้วน) นะ พอคำนวณออกมาแล้ว จากคำศัพท์พื้นฐาน 3000 คำ พอเอาไปเขียนประโยคพลิกแพลง ภายใต้กฎกติกาต่างๆ ที่ยุ่งยากนะ น่าจะมีจำนวน permutations นับล้านๆความเป็นไปได้
!!! นั่นก็หมายความว่า ถ้า learner เขียนแต่ essay ทุกวัน ให้ instructor edit โดยที่ learner ไม่เรียนด้วยตัวเองตามลำดับขั้นตอน แบบเล่น building blocks คือวางฐานรากให้แข็งแกร่ง แล้วค่อยๆต่อยอดไป ...จนรู้ได้เองว่าเขียนถูกหรือผิด (โดยการค้นข้อมูลเอง) นะ.... ชาติหน้าบ่ายๆ learner คนนั้น ก็ยังเขียนภาษาอังกฤษไม่เป็นภาษาคน เราว่า อะนะถ้าใครเขียนผิดขนาดโดนแก้ทุกประโยค คือไม่มีประโยคไหนที่เขียนถูกธรรมชาติเลยนะ learner คนนั้น ควรหาตำราเรื่อง grammar, sentence structure หรืออะไรทำนองนี้มาอ่าน แล้วทำแบบฝึกหัดให้มากๆ แล้วหัดเปิด esl dictionaries เพื่อเรียนรู้วิธีเอาคำศัพท์ไปสร้างประโยคให้ถูกต้อง ก่อนขยับไปเขียน essays ยากๆ คือหัดเดินก่อนแล้วค่อยหัดวิ่ง การเสพย์สื่อภาษาอังกฤษทุกอย่าง (ไม่ใช่อ่านอย่างเดียว) ผสมผสานกับการอ่านตำรา grammar กับการอ่านตำรา writing นะ คน ที่เรียนภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่สอง แต่ละคน ลงเอยจำสิ่งที่เจ้าของภาษาพูดและเขียน แล้วเอามาดัดแปลงพูดเขียนเองจนเป็นธรรมชาติ ได้ไม่เท่ากัน เพราะ learner แต่ละคนมีพรสวรรค์กับพรแสวงไม่เท่ากันนั่นเอง
แก้ไขเมื่อ 10 ส.ค. 52 03:06:19
แก้ไขเมื่อ 10 ส.ค. 52 02:59:50
จากคุณ |
:
fortuneteller
|
เขียนเมื่อ |
:
10 ส.ค. 52 02:59:23
|
|
|
|
 |