ความคิดเห็นที่ 1 แบบนี้ใช่ป่าว ถ้าอังกฤษเรียกว่า dried-fish-stomach แก้ไขเมื่อ 06 ส.ค. 52 08:07:37 จากคุณ : หนุ่มรัตนะ เขียนเมื่อ : 6 ส.ค. 52 07:53:47

ความคิดเห็นที่ 2 บทความเกี่ยวกับกระเพาะปลา สมัยบรรพบุรุษ คือ อากง หรือ ปู่ ผม ได้ทำการ ซื้อกระเพาะปลา มา ซึ่งคนเล่นของเก่าจะทราบดีว่า กระเพาะปลาเก่า จะมีราคามากๆ ซึ่งอาจจะเป็น แสน หรือ หลายแสน ก็เป็นได้ จน อากง ผมเสียแล้ว กระเพาะปลา จึงเป็น ของ อาม่า ซึ่งอาม่า ก็เก็บไว้ อย่างดี ให้มันมีราคามากขึ้น จนปีที่แล้ว อาม่า ผมเสีย กระเพาะปลาดังกล่าว จึงตกสู่รุ่นลูกๆ ของ อากง อาม่าผม หรือพี่น้องของพ่อ ผมนั้นเอง เมื่อเดือนนี้ พี่น้องพ่อผม ตกลงเอากระเพาะปลาไปขายครับ ซึ่งถึงตอนนี้ มันมีอายุมากกว่า 40 ปีแล้วครับ คาดกันว่า มันต้องมีราคา เป็น แสนๆ แน่นอน เลยไปให้ร้านเล่นของเก่า ดูราคา และขาย ปรากฏว่า ร้านที่1 ให้ราคา 300 บาท เท่านั้น (คนในตระกูลผม งงตาแตกเลยครับ) ร้านที่ 2 ให้ ขีดละ 280 บาท (เฮ้ยเอาแล้วไง ราคา แสนกว่า ทำไมเหลือแค่นี้) ซึ่งกระเพาะปลา ตระกูลผม น้ำหนัก 180 กรัม เท่านั้น (ถ้าสมมติว่าขาย จะได้ ไม่เกิน 400 บาด สาดดดดดด) ต้องบอกก่อนว่า คนในตระกูลผม ก็ไมได้มีความรู้เรื่องนี้ชัดเจน แต่พอรู้คร่าวๆ กระเพาะปลา ก็เหมือนเหล้าเก่า ยิ่งเก็บนานยิ่งมีราคาสูง แต่ไหง เก็บ 40 ปี แล้ว มันเหลือ ไม่กี่ร้อยงี้ว่ะ ถึงพัน ก็ไม่ถึง เราเลยหาคนที่ชำนาญ ที่รู้จักกันมาตรวจสอบ (ไอ่คนที่มันดูเป็นนั้นแหละ) เขาบอกงี้ว่า อากง ผมโดนต้ม เมื่อ 40 ปีที่แล้วครับ 1.กระเพาะปลา นี้เป็นของ พม่า (ซึ่งถ้าเป็น กระเพาะปลาไทย หรือ จีน จะมีราคาสูงจริง) 2.เนื้อกระเพาะปลา มีความบาง ของดีจะต้องหนา 3.กระเพาะปลา ห้ามทำความสะอาด เก่ายังไงให้เก่าอย่างงั้น อย่างดีคือให้ตากแดด แต่บ้านผมเสือกเอาไปเช็ดเรียบร้อย 4.กระเพาะปลาที่ดี ต้องเห็นหาง แต่ของตระกูลผมไม่เห็นหาง สรุป ไม่มี *#@# ไรดีเลย เก็บ ทำห่าไร ตั้ง 40 ปี จากคุณ : หนุ่มรัตนะ เขียนเมื่อ : 6 ส.ค. 52 08:05:14

ความคิดเห็นที่ 3 ^ ^ ถือว่าได้ความรู้ละกัน ครับอย่าเสียใจ ปล. ผมชอบกินกระเพาะปลาแบบในรูปนะ อร่อยมากๆ จากคุณ : เหล่าฟาง เขียนเมื่อ : 6 ส.ค. 52 10:05:50

ความคิดเห็นที่ 4   กระเพาะปลา = fish maw จากคุณ : ผ่านมา เขียนเมื่อ : 6 ส.ค. 52 10:59:00 A:58.9.93.74 X: TicketID:172814

ความคิดเห็นที่ 5 กระเพาะปลาตากแห้ง จีนแต้จิ๋วเรียกว่า " หื่อเผีย " ในอดีตเขามักจะเอากระเพาะปลาตากแห้งเก่า ๆ ไปให้ร้านขายยาจีนหั่นเป็นแว่น ๆ ด้วยมีดหั่นยา ( เพราะเนื้อกระเพาะแห้งจะแข็งมากจนมีดธรรมดาหั่นไม่ลงแน่ ) จากนั้นก็เจียดชุดยาจีนแผนโบราณ เพื่อนำมาตุ๋นร่วมกับกระเพาะปลา สรรพคุณ เพื่อให้ความอบอุ่นแก่ร่างกายในหน้าหนาว และ เหมาะสำหรับสุภาพสตรีในช่วงหลังคลอดหรืออยู่เดือน เขาว่าจะช่วยให้มดลูกเข้าอยู่ได้เร็วครับ จากคุณ : โซ้ยตี๋ (skavee) เขียนเมื่อ : 6 ส.ค. 52 11:41:14

ความคิดเห็นที่ 6 โห ไม่เคยรู้เลยว่ากระเพาะปลาก็ต้องเก่าเก็บขนาดนั้น จากคุณ : booklovers เขียนเมื่อ : 6 ส.ค. 52 13:47:46

ความคิดเห็นที่ 7 ที่บ้านมีเหลืออยู่ลูกนึง อากงซื้อมาจากปักกิ่งเมื่อเกือบ40ปีก่อน ซื้อมาหลายลูกเลย ตอนนี้ดำสกปรก แข็งอย่างกับหิน เมื่อสิบกว่าปีก่อน ร้านขายยาจีนเพื่้อนอากง เคยมาขอแบ่งไป ลูกละ 3-4หมื่นนี่แหละ จากคุณ : jin leng เขียนเมื่อ : 6 ส.ค. 52 15:11:15

ความคิดเห็นที่ 8 บ้านผมก็มีอยู่หลายอันเหมือนกัน เก็บจนหยากไย่ขึ้นและมีฝุ่นเต็มไปหมด เคยหยิบลงมาดู แข็งยังกับหินแน่ะ เก็บมานานหลายปีมาก จำไม่ได้ว่ากี่ปี แต่มีอยู่ช่วงหนึ่งที่ อาซิ้มเพิ่งคลอดลูก และอยู่ไฟ ซึ่งได้เอาลงมาตุ๋นกับยาจีน ซึ่งผมก็ลองแอบกินดู ก็อร่อยดีครับ เคยสงสัยว่าทำไมไม่เอามากิน ที่บ้านบอกว่าเหมือนกับ คห ที่ 5 ครับ ถ้ามันมีราคาเราก็จะเก็บต่อไป 555 จากคุณ : silvania00 เขียนเมื่อ : 6 ส.ค. 52 15:45:16

ความคิดเห็นที่ 9 โถ..คุณหนุ่มรัตนะ  ก็เอามาต้มกินซะ ให้หายแค้นใจ  ฮึมมม... ****** พาไปดูกระเพาะปลาสด ราคาเป็นล้าน  จริงๆ   เพราะกระเพาะปลาใหญ่ยักษ์นี้ เป็นของ ปลาหมี่ยน (ภาษาจีน)   ขนาดยักษ์  จับได้บริเวณทะเลของ Zhanjiang, Guangdong, China มีคนเขาเสนอซื้อที่ราคา 200,000 หยวน   แต่เจ้าของภัตตาคารที่ซื้อปลามา ไม่ขายกระเพาะปลา แต่จะเก็บไว้เป็น"สมบัติ" ของร้านอาหาร แก้ไขเมื่อ 06 ส.ค. 52 16:58:24 จากคุณ : Fortunism เขียนเมื่อ : 6 ส.ค. 52 16:31:01

ความคิดเห็นที่ 10 มาดูซิว่า เจ้าของกระเพาะอันบนนั้น หน้าตาหล่อเหลาแค่ไหน เป็นปลาเหมี่ยนสีเงิน  หนัก 54 กก  ยาว 1.66 เมตร  เส้นรอบตัว 1.34 เมตร ทางร้านนำมาขายปลีก ในราคา   480 หยวน  ต่อ 1 ชั่งจีน ( 500 กรัม)  แสดงว่า เนื้อปลา ประมาณ 7 พันบาทเศษ ต่อ 1 กิโล ยังมีรูปอีกหลายรูป  จาก http://zjphoto.yinsha.com/file/200705/2007051414220176.htm แก้ไขเมื่อ 06 ส.ค. 52 16:50:09 จากคุณ : Fortunism เขียนเมื่อ : 6 ส.ค. 52 16:48:57

ความคิดเห็นที่ 11 แต่ตัวที่ราคาดีที่สุดคือ ปลาเหมี่ยนสีทองตัวนี้  กระเพาะมันจะเป็นชั้นยอด จับได้ในปี 2007  นน. 49 กก  ราคา 580,000 หยวน จาก http://www.southcn.com/news/dishi/zhanjiang/ttxw/200704030081.htm จากคุณ : Fortunism เขียนเมื่อ : 6 ส.ค. 52 16:54:54

ความคิดเห็นที่ 12 แนบศัพท์ จากคุณ : Fortunism เขียนเมื่อ : 6 ส.ค. 52 16:57:38

ความคิดเห็นที่ 13 คุณ : หนุ่มรัตนะ   ฮาดีครับ   เห็นด้วยกับคุณเหล่าฟาง  อิอิ คุณ : Fortunism  กระเพาะอย่างใหญ่อะครับ จากคุณ : น้ำเต้าสีรุ้ง (เหนียวเนื้อ) เขียนเมื่อ : 6 ส.ค. 52 19:35:28

ความคิดเห็นที่ 14   http://item.taobao.com/auction/item_detail-db1-a8eecbc84906b4a40a942a42b50fb8f7.jhtml อย่างใน link อันนี้เค้าขายกันกี่บาทคะ อ่านออกแค่ 5 % เอง แงๆ >"< จากคุณ : OL girl (OL Girl) เขียนเมื่อ : 6 ส.ค. 52 22:47:36

ความคิดเห็นที่ 15 ไปดูราคาตามลิงก์ข้างบนให้แล้ว เหมือนแกล้งกัน  เขาเขียนว่า ราคา 19 หยวน  ถูกมากสำหรับกระเพาะปลาเหมี่ยน  ตามรูปน่าจะของแท้ พอพยายามเลื่อนลงไปข้างล่างเรื่อยๆ  ก็จะเป็นว่า  ราคา ข้างบนคือ ต่อ 10 กรัม  เท่านั้น ดังนั้นราคาจริง (ไม่ได้คิดเป็นอันละเท่าไร) คิดตาม นน.  คือ 190 หยวน ต่อ 100 กรัม ( 1 ขีด) เป็นเงินไทยประมาณ 1 พัน บาท ต่อ 1 ขีด จากคุณ : Fortunism เขียนเมื่อ : วันรพี 16:14:50

ความคิดเห็นที่ 16 “ กระเพาะปลา ที่แข็งๆ ตากแห้งเป็นสิบๆปี ที่ขายตามร้านขายยาอะคะ ” ไทยเรียก กระเพาะปลา จีนบางที่ก็เรียก หื่อโต้ว แต่ที่จริงแล้วมันมิใช่กระเพาะของปลา แต่เป็น “ ถุงลมของปลาทะเล ” จก.เรียก หวีเปี้ยว ตจ.เรียกหื้อผา(ถุงลม) และภาษาอังกฤษ เรียก dried fish bladder แต่เรียก เป็นที่เข้าใจกันว่า หื่อเผีย และเขียนเป็นตัวจีนตาม คห.12 (ตัวที่สอง) เมื่อตอนเด็กๆ หน้าหนาวในกรุงเทพ จะหนาวยาวที 10-20 วัน หายใจทีเป็นไอทางยาว คุณแม่ผมจะตุ๋นหื่อเผีย(อย่างเล็ก ราคาไม่แพง)ให้ลูกๆกินแก้หนาว อร่อยดี  เวลากินไม่หมดเก็บในตู้เย็น มันจะกลายเป็นเจลาตินแบบน้ำขาหมู กินอร่อยไปอีกแบบ แต่การเตรียมค่อนข้างยุ่งยาก เพราะต้องนำมันมาแช่น้ำซาวข้าวและต้องคอยเปลี่ยนถ่าย หลายวันม้นจึงจะนิ่มพอที่จะตัดแบ่งเป็นชิ้นเล็กๆ แล้วจึงนำมันไปตุ๋น แบบเอาหม้อเล็ก ใส่ในหม้อน้ำใหญ่ ตุ๋นทีหนึ่งก็ต้องครึ่งค่อนวัน ถุงลมปลาที่ดาดๆ เมื่อก่อนเขานำมาต้มเคี่ยวเป็น “กาว” เรียก หื่อกา หรือ กาวปลา แก้ไขเมื่อ 09 ส.ค. 52 15:22:55 จากคุณ : แปลงนาม เขียนเมื่อ : 9 ส.ค. 52 15:18:05