ความคิดเห็นที่ 1 เริ่มกันเลยดีกว่า หมู่เกาะที่เรียกกันโดยทั่วไปว่าอังกฤษ คศ 1381 ภายใต้การปกครองของกษัตริย์รูปงาม วัยหนุ่มน้อย นามว่า Richard II ดินแดนที่ไม่เคยสงบสุขอยู่แล้ว เพราะรบพุ่งแย่งอำนาจกันมานานหลายศตวรรษ ก็กลับไม่สงบสุชยิ่งขึ้น เพราะประชาชนล้มตายกันมากมายจากโรคระบาดครั้งใหญ่ (The Black Death) ทำให้แรงงานขาดแคลนเป็นอย่างมาก สมัยนั้น การปกครองยังเป็นระบบศักดินา (Feudalism) ชาวนา (Peasants) ก็อาศัยอยู่กันเป็นหมู่บ้านบนที่นาของ Lords เพื่อทำงาน ปลูกพืชผล เพื่อส่งภาษีให้ท่านลอร์ด ซึ่งท่านลอร์ดก็จะนำภาษีส่งไปให้กษัตริย์ต่อไป ความที่คนล้มตายกันไปมาก แรงงานเหลือน้อยเต็มที ชาวนาจึงต้องทำงานกันหนักยิ่งขึ้น ท่านลอร์ดทั้งหลายก็ขยันรบกันบ่อยๆ ทำให้ต้องการเงินมากขึ้น ภาษีเลยชักสูงขึ้นไปเรื่อยๆ คนส่วนมากในสมัยกลางเคร่งศาสนา จึงพากันหันหน้าเข้าหาวัด หาพระ หาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เครื่องราง Relic ต่างๆ แต่ช่างโชคร้ายจริงๆ ที่นักบวชในสมัยนั้น ทั้งแบบที่ประจำอยู่วัด และกลุ่มที่ร่อนเร่เทศนาและขอบริจาคทานตามบ้านต่างๆ (Friars) ก็มักจะขี้โกงกันเสียมิมี พากันขูดรีดชาวนา เอากระดูกหมูป่ามาหลอกว่าเป็นกระดูกนักบุญและขายแพงๆ เป็นอาทิ สวรรค์ที่รอคอยช่างอยู่ไกลเหลือเกิน แถมกว่าจะได้ไปถึงก็ต้องบริจาคเงินกันซะเกือบหมดตัว ทำงานเท่าไหร่ก็ยังเป็นชาวนาลำบากเหมือนเดิม เพราะในสมัยนั้นมีระบบที่เรียกกันว่า Estate Theory ซึ่งแบ่งคนออกเป็นสามพวก คือ นักการศาสนา นักรบ และชาวนาผู้ทำงานหนักนั่นเอง ใครเกิดมาเป็นชนชั้นไหนก็เป็นชนชั้นนั้นไปตลอดชีวิต ทำงานหนักยังไงก็ไม่ได้ดี ยกเว้นจะหาทางไปเป็นพ่อค้า ซึ่งถึงแม้จะทำให้มีเงินมากขึ้น แต่ก็ยังไร้เกียรตืยิ่งนักในสายตาท่านลอร์ดทั้งหลายทั้งปวง นอกจากนั้น สภาพสังคมทั่วไปบนหมู่เกาะกลางมหาสมุทรแอตแลนติกแห่งนี้ ก็ยังไม่สงบสุขเท่าไหร่ มีโจรระบาดเป็นระยะ มีศึกสงครามระหว่างแคว้นก็บ่อยครั้ง ลอร์ดที่ว่ามีไว้คุ้มครองชาวบ้านบางทีก็คุ้มครองไม่ได้ ศาสนาก็พึ่งลำบาก งานก็หนัก ฟางเส้นสุดท้ายถูกวางลงบนหลังชาวนา และคนทำงานทั้งหลายที่ไม่ได้เป็นลอร์ด ในตอนกลางเดือนพฤษภาคม เมื่อผู้เก็บภาษีในแคว้น Essex ประกาศขึ้นภาษีและเก็บภาษีอีกครั้ง หลังจากที่ทำสำเร็จมาแล้วเมื่อปีก่อน จากคุณ : Chaucerian Reader (chaucerian reader) เขียนเมื่อ : 6 ส.ค. 52 10:56:53

ความคิดเห็นที่ 2 วันที่ 30 พฤษภาคม ชาวบ้านจากหลายหมู่บ้านใน Essex ประกาศกร้าวกับ จอห์นแห่งแบมพ์ตัน และจอห์นแห่งกิลสเบอร์ก เจ้าผู้ครองที่ดินใน Essex ว่า เราจะไม่ยอมจ่ายเงินให้ท่านเอาไปรบอีกต่อไป ชาวบ้าน คิดว่า ต้องเป็นท่านลอร์ดทั้งหลายแน่ๆ ที่มารังแก เก็บเงินพวกตน พวกเขาจะรู้บ้างไหมว่า จริงๆ แล้ว Richard II นั่นเองที่เห็นดีเห็นงามกับ Parliament ในการขึ้นภาษีประชาชน!!! อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ทำท่าว่าจะสงบไปได้แปดวัน ชาวบ้านจากแคว้น Essex และ Kent ก็รวมกลุ่มกันเดินขบวน พร้อมอุปกรณ์ในการต่อสู้เท่าที่จะหาได้ เดินทางมุ่งหน้าไปยังปราสาทหรูหราของขุนนางยิ่งใหญ่หลายคน ผู้เห็นเหตุการณ์เล่าว่าชาวนาชาวบ้าน (แต่ก็มีพ่อค้า และพระประจำหมู่บ้านด้วยประปราย) เหล่านี้ป่าเถื่อนกันยิ่งนัก เข้าไปปราสาทไหนก็ไปรื้อค้น เอาอาหารที่ท่านลอร์ดกักตุนไว้ไปกินดื่มอย่างบ้าคลั่ง ปลดปล่อยนักโทษออกมาจากคุกท่านลอร์ด เผาเอกสารราชการจำนวนมาก นักพงศาวดารในยุคนั้น บันทึกไว้ชัดเจนว่า หนึ่งในแกนนำชาวบ้าน คือพระที่ค่อนข้างบ้าคนหนึ่ง (a crack-brained priest) นามว่า จอห์น บอล ผู้ชอบร้องตะโกนปลุกระดมชาวนาอยู่ตามถนนต่างๆ ด้วยคำพูดที่รุนแรง แก้ไขเมื่อ 06 ส.ค. 52 11:08:26 จากคุณ : chaucerian reader เขียนเมื่อ : 6 ส.ค. 52 10:57:53

ความคิดเห็นที่ 3 หนึ่งในคำปลุกระดมยอดนิยมของบอล ก็คือชื่อกระทู้นี้เอง Whan Adam Dalf and Eve Span, Wo was thanne a gentilman (When Adam dug and Eve spun, who was then a gentleman) ความหมายของกลอนสั้นๆ บทนี้ ก็มีอยู่แค่ว่า เมื่อพระเจ้าสร้างโลกขึ้นมาให้มี Adam กับ Eve นั้น ไม่เห็นมีใครเป็นลอร์ดที่สูงกว่าใครเลย พระเจ้าไม่เคยสร้างชนชั้นปกครองให้มากดขี่ผู้น้อย มีแต่มนุษย์เท่านั้นที่สร้างชนชั้นขึ้นมากดขี่กันเอง ท่านลอร์ดจะเคลมว่าตัวเองใหญ่กว่าชาวบ้านได้ยังไง เพราะก็ไม่ได้ทำอะไรนอกจากบังคับให้ชาวบ้าน produce and grow the wealth which they (ท่านลอร์ดเอง) spend? การประท้วงร้อนระอุยิ่งนัก ปราสาทต่างๆ ถูกบุกรุกเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ในที่สุด ในตอนบ่ายๆ ของเดือนมิถุนายน กลุ่มชาวนา ก็เดินทางเกือบถึงกรุงลอนดอน มหานครศูนย์กลางแห่งอำนาจทั้งปวง อะไรจะเกิดขึ้น ชาวนาจะเป็นฝ่ายชนะหรือไม่ Richard II จะว่าอย่างไร ท่านลอร์ดทั้งหลายเล่า จะมีชะตากรรมเป็นยังไง โปรดติดตามตอนต่อไป ................................ To be continued แก้ไขเมื่อ 06 ส.ค. 52 14:34:29 แก้ไขเมื่อ 06 ส.ค. 52 11:07:24 จากคุณ : chaucerian reader เขียนเมื่อ : 6 ส.ค. 52 10:58:38

ความคิดเห็นที่ 4 แวะมาแปะรูปชาวนา จาก Luttrell Psalter ซึ่่งเป็นหนังสือสวดมนต์ในยุคกลางค่ะ จากคุณ : chaucerian reader เขียนเมื่อ : 6 ส.ค. 52 11:13:50

ความคิดเห็นที่ 5 รูปนี้มีชื่อเสียงมากมาย จากคุณ : chaucerian reader เขียนเมื่อ : 6 ส.ค. 52 11:14:55

ความคิดเห็นที่ 6 อันนี้มีคนงานหญิงด้วย จากคุณ : chaucerian reader เขียนเมื่อ : 6 ส.ค. 52 11:16:25

ความคิดเห็นที่ 7 รูปนี้ึืึึืึคือท่านลอร์ด Luttrell ผู้จ้างทำหนังสือ psalter กับภริยา แก้ไขเมื่อ 06 ส.ค. 52 13:17:49 จากคุณ : chaucerian reader เขียนเมื่อ : 6 ส.ค. 52 11:18:47

ความคิดเห็นที่ 8 หมดแล้วค่ะ เดี๋ยวพรุ่งนี้มาเล่าต่อนะคะ =) จากคุณ : chaucerian reader เขียนเมื่อ : 6 ส.ค. 52 11:19:37

ความคิดเห็นที่ 9 โห มานั่งตาแป๋วรอฟัง เป็นกำลังใจคนเล่า จากคุณ : แอ๊ด ปากเกร็ด เขียนเมื่อ : 6 ส.ค. 52 13:50:21

ความคิดเห็นที่ 10 ^ ขอบคุณมากค่ะ นอนไม่หลับ เลยกลับมาเล่าต่อดีกว่า 55++ เมื่อกี้ลบรูปลอร์ด Luttrell ออกไปเพราะเห็นว่าค่อนข้างใหญ่โต คราวนี้ลองไฟล์ที่เล็กลงดูค่ะ ลอร์ด Luttrell ผู้ว่าจ้างให้ทำหนังสือ Psalter และภริยา จากคุณ : chaucerian reader เขียนเมื่อ : 6 ส.ค. 52 15:11:28

ความคิดเห็นที่ 11 Harrowing จากคุณ : chaucerian reader เขียนเมื่อ : 6 ส.ค. 52 15:12:38

ความคิดเห็นที่ 12 II ยิ่งเดินทางมาไกลเท่าไหร่ ก็ดูเหมือนว่าอารมณ์ของกลุ่มชาวนา จะยิ่งร้อนระอุยิ่งขึ้นเป็นเท่าทวีคูณ ความโกรธของพวกเขามุ่งตรงไปยังเหล่าท่านลอร์ด ขุนนาง นักบวชชั้นสูง และที่ปรึกษาของพระราชา ซึ่งหนี่งในคนสำคัญที่สุดนั้นคือ ดยุคแห่ง Lancaster ผู้มีนามว่า John of Gaunt ซึ่งเป็นลุงของ Richard II และเป็นขุนนางที่มีบทบาทอย่างยิ่งในการเมืองทั้งภายในและนอกประเทศ ชาวนามิได้โกรธหรือสงสัย Richard II เลย พวกเขากลับเชื่อกันด้วยซ้ำไปว่ากษัตริย์แอบสนับสนุนฝ่ายตนอยู่เงียบๆ ความมุ่งหวังสูงสุดของพวกชาวนาก็คือกำจัดท่านลอร์ดทั้งหลายออกไปให้หมด แผ่นดินแห่งนี้จะได้มีแต่กษัตริย์และคนธรรมดาอยู่กันอย่างเป็นสุข ("with King Richard and the true commons" qtd in Hilton, Bond Men Made Free 225) โดยไม่ต้องมีลอร์ดมาอยู่เหนือหัว มาคอยกดขี่กีดกันไม่ให้ชาวบ้านได้ใกล้ชิด Richard II ได้อีก ภาพ John of Gaunt Credit: home.gwu.edu/~jhsy แก้ไขเมื่อ 06 ส.ค. 52 15:19:03 จากคุณ : chaucerian reader เขียนเมื่อ : 6 ส.ค. 52 15:18:12

ความคิดเห็นที่ 13 ทันทีที่มาถึงลอนดอน บรรดาประชาชนคนธรรมดาที่อยู่ในเมืองพากันเห็นใจเพื่อนร่วมชะตากรรม ก็เลยพากันช่วยลดสะพานลอนดอน (London Bridge) ลงมาให้ชาวนาได้พากันยาตราเข้าไปประท้วงได้สะดวกๆ   เมื่อเข้าไปในเมืองได้สำเร็จ เหล่าชาวนากับชาวเมืองลอนดอนที่มีฐานะไม่ค่อยดีนัก ก็รวมตัวกันก่อจลาจลครั้งยิ่งใหญ่ ความเกลียดชังในความไม่เท่าเทียมกันในสังคมที่สั่งสมมานานทำให้พวกเขาร่วมมือกันทำลายเคหสถ่านของผู้ที่มีฐานะดีกว่า เช่นเหล่าทนายความ พระตำแหน่งสูงๆ ข้าราชการชื่อดัง รวมทั้งกลุ่มพ่อค้าชาวเฟลมิช ที่มาตั้งรกรากอยู่บนเกาะนี้ได้พักใหญ่แล้ว เหล่าผู้ประท้วงประสบความสำเร็จอย่างมาก เมื่อปราสาทนามซาวอยของ John of Gaunt ผู้เป็นลุงและที่ปรึกษาของพระราชาถูกเผาทำลาย ดีที่เจ้าตัวไม่อยู่เลยรอดพ้น ส่วน Simon Sudbury อาร์คบิชอบแห่งแคนเทอบิวรี่ กลับไม่โชคดีขนาดนั้น เพราะท่านถูกเหล่าชาวนาจับไปตัดหัวที่หอคอยแห่งลอนดอน (Tower of London) พร้อมกับผู้ติดตาม และข้าราชการกับพระผู้โชคร้ายอีกหลายคน ความเสียหายทั้งหมดนั้นบีบบังคับให้ Richard II พระราชาผู้เยาว์วัย จำต้องพยายามติดต่อกับเหล่าแกนนำ อันประกอบไปด้วย Wat Tyler, John Ball, และ Jack Straw เพื่อเจรจาต่อรองขอสงบศึกและเพื่อรับฟังข้อเรียกร้องของประชาชน.... Richard II จากคุณ : chaucerian reader เขียนเมื่อ : 6 ส.ค. 52 15:22:40

ความคิดเห็นที่ 14 Richard II ออกมาพบกลุ่มชาวนาผู้เรียกร้องความยุติธรรม illustration from a fifteenth-century manuscript of Jean Froissart's Chronicles (Bib. Nat. Fr. 2644, fol. 154v). Credit: home.gwu.edu/~jhsy จากคุณ : chaucerian reader เขียนเมื่อ : 6 ส.ค. 52 15:27:01

ความคิดเห็นที่ 15 รอติดตามตอนต่อไปนะครับ จากคุณ : เจ้าคุณแม่ทัพ เขียนเมื่อ : 6 ส.ค. 52 20:10:38

ความคิดเห็นที่ 16   โอ้โห นานๆจะเจอท่านผู้เชี่ยวชาญเรื่องยุคกลาง นับถือๆ จ้า รอดูต่ออยู่นะจ้ะ จากคุณ : แมวก่อนประวัติศาสตร์จากก้นครัว (แมวคาบมีด) เขียนเมื่อ : 6 ส.ค. 52 21:10:52

ความคิดเห็นที่ 17 III The Fateful Negotiation การเจรจาต่อรองมิได้เกิดขึ้นในปราสาทราชวัง ดังการต่อรองทางการเมืองทั่วไป เพราะอีกฝ่ายหนึ่งเป็นเพียงสามัญชนคนธรรมดา หาได้มีเลือดสีน้ำเงินดังเหล่าราชวงศ์ทั้งหลายไม่ ดังนั้น ทั้งสองฝ่าย ทั้งฝ่ายพระราชา และกลุ่มผู้ก่อการ จึงนัดพบกันที่ Mile End นอกกรุงลอนดอน แน่นอน ว่าคำถามที่คาใจ Richard II ที่สุดก็คือ กลุ่มผู้ก่อการต้องการอะไร หนึ่งในบรรดาแกนนำตอบคำถามพระราชาอย่างกล้าหาญ เพราะคิดว่าอย่างไรเสียพระราชา ซึ่งเป็นเจ้าเหนือหัว เป็นผู้ปกครองแผ่นดิน ก็ต้องอยู่ข้างเดียวกับประชาชนแน่นอน Richard II คงไม่มีทางไปเข้าข้างเหล่าขุนนางและท่านลอร์ดผู้ชั่วร้ายทั้งหลายเป็นแน่ คำตอบของกลุ่มชาวนา ก็คือ "เราต้องการให้ท่านปลดปล่อยเราให้เป็นอิสระตลอดกาล (We want you to make us free forever and ever) ทั้งเรา ทั้งทายาทของเรา และจงยึดดินแดนจากลอร์ดๆ มามอบคืนให้เราให้หมด พวกเราจะได้ไม่ต้องถูกเรียกว่าเป็นทาสที่ติดมากับพื้นดิน อีกต่อไป (so that we shall never again be called serfs or bondmen)" (qtd in Froissart's Chronicles 221) ภาพ The Fateful Negotation จากคุณ : chaucerian reader เขียนเมื่อ : วันรพี 05:58:55

ความคิดเห็นที่ 18 นอกจากนี้ เหล่าชาวนายังเรียกร้องให้พระราชาประหารชีวิตผู้ที่ชาวนาเห็นว่าเป็นลอร์ดที่ชั่วร้าย ทรยศต่อ Richard II ซึ่งแน่นอนว่า John of Gaunt ลุงของ Richard II เองย่อมเป็นหนึ่งในรายชื่อเหล่านั้น พร้อมทั้งยังเรียกร้องให้พระราชาอนุญาตให้พวกชาวนามีสิทธิเข้าไปล่าสัตว์ในที่ดินต่างๆ อีกด้วย ในนาทีวิกฤต Richard II ทำท่าว่าจะยอมรับในข้อเสนอของชาวนา ด้วยการบอกให้สลายการชุมนุมไปซะ คงเหลือไว้แต่ตัวแทนจากหมู่บ้านต่างๆ ซึ่งพระราชาจะมอบจดหมายปลดปล่อยให้นำไปแจกชาวบ้านในแต่ละหมู่บ้านต่อไป ชัยชนะกำลังจะอยู่ในมือประชาชนแล้ว!!! ไม่ต้องเป็นทาสติดดินอีกต่อไปแล้ว มีสิทธิทำกินโดยเสรี บนแผ่นดินของหมู่เกาะนี้แล้ว จริงหรือ?!?!?!? จากคุณ : chaucerian reader เขียนเมื่อ : วันรพี 06:08:48

ความคิดเห็นที่ 19 ไม่จริง???? ว้า!!!! จากคุณ : แอ๊ด ปากเกร็ด เขียนเมื่อ : วันรพี 09:39:43

ความคิดเห็นที่ 20 ^ นั่นสิคะ จริงหรือเปล่าเนี่ย IV The Beginning of the End ชัยชนะที่เพิ่งได้รับนั้นช่างยิ่งใหญ่นัก เหล่าชาวนาจึงขอนัดคุยกับพระราชาอีกครั้งในวันรุ่งขึ้นเพื่อยืนยันข้อตกลง ระหว่างที่การเจรจาดำเนินไปอย่างตึงเครียด นายกเทศมนตรีแห่งลอนดอนก็กระทำการอุกอาจ สังหาร Wat Tyler หนึ่งในสามแกนนำหลักโดยที่มิได้มีใครคาดคิดมาก่อน ชาวนาทั้งหมดตะลึงงัน ทันทีที่สติกลับมาอีกครั้ง ทุกคนก็ร้องตะโกนเซ็งแซ่ สับสนอลหม่านกันไปสิ้น หลายรายเตรียมง้างคันธนูเพื่อสังหารเจ้าหน้าที่บ้านเมืองให้ตายตามผู้นำของตนไป การสังหาร Wat Tyler จากคุณ : chaucerian reader เขียนเมื่อ : วันรพี 14:10:36

ความคิดเห็นที่ 21 ในนาทีวิกฤตนั้นเอง พระราชาวัยหนุ่มของเราก็ควบม้าออกไป (อันนี้หลายแหล่งเขียนไม่ตรงกัน แต่เราขอเชื่อว่าขี่ม้าออกไปละกันนะคะ ฟังดูโก้เก๋เป็นอัศวินยุคกลางดี) ยังหมู่ประชาชนที่กำลังโกรธแค้นและสับสน พร้อมกับประโยคเด็ด ที่สยบความวุ่นวายลงได้เหมือนร่ายมนตร์ "ข้าเป็นกษัตริย์ของพวกเจ้า เป็นผู้นำของพวกเจ้า ใครที่จงรักภักดีต่อข้า ขอให้ตามข้าไปยังทุ่งที่เปิดกว้างเดี๋ยวนี้" (I am your king, your leader, your captain, and those of you who are loyal to me are to go at once into the open field) จากผู้นำที่เป็นชาวนาด้วยกัน ตอนนี้ กลุ่มผู้ก่อการได้พระราชาเป็นผู้นำที่แท้จริงแล้ว จากคุณ : chaucerian reader เขียนเมื่อ : วันรพี 14:23:17

ความคิดเห็นที่ 22 ทั้งสิ้นหวัง สับสน และดีใจไปด้วยในเวลาเดียวกัน เหล่าชาวนาจึงตัดสินใจตามพระราชาไปยังทุ่งเปิดกว้าง (?) นาม Clerkenwell ณ ที่นั้นเอง ที่ความจงรักภักดี และความไว้วางใจที่พวกเขามีให้กับ Richard II ถูกทำลายลงไปหมดสิ้น เมื่อเหล่าชาวนาถูกล้อม และโดนจับกันเป็นจำนวนมาก การชุมนุมสลายลงไปทันตาเห็น หลายคนหนีเข้าป่า บ้างก็หนีตายกลับแคว้นตัวเอง ส่วนแกนนำที่เหลืออีกสองคนก็ถูกจับประหารชีวิต พระราชา ที่เหล่าชาวนารัก และเชื่อมั่นนักหนา ก็ได้กล่าวสุนทรพจน์ปิดท้ายเหตุการณ์นี้ไว้อย่างเจ็บแสบ เป็นการเตือนมิให้ชาวบ้านธรรมดากล้าลุกมาต่อกรกับทางการบ้านเมืองอีก ชาวบ้านนี่ก็เหลือเข็ญจริงๆ มาขอให้พระราชาประหารท่านลอร์ดได้ยังไง รู้หรือเปล่าว่าท่านลอร์ดทั้งหลายก็เป็นญาติกับ Richard II ทั้งนั้น เลือดย่อมข้นกว่าน้ำแน่นอน และนี่คือคำกล่าวปิดท้ายของ Richard II ต่อเหตุการณ์ที่ภายหลังถูกจดจำในนามว่า "The Peasants' Revolt of 1381" "Rustics you were and rustics you will remain; you will remain in bondage, not as until now, but in a state even more vile" ขออนุญาตไม่แปลนะคะ... แก้ไขเมื่อ 08 ส.ค. 52 04:19:35 จากคุณ : chaucerian reader เขียนเมื่อ : วันรพี 14:34:15

ความคิดเห็นที่ 23 ถึงแม้ว่า กบฏชาวนา ในปี 1381 จะจบลงภายในเวลาแค่เพียงไม่กี่วัน แต่เหตุการณ์ครั้งนี้ก็ถูกจารจำอยู่ในความทรงจำของหมู่เกาะอังกฤษไปอีกนานเท่านาน หลายคนถึงกับอ้างว่า 1381 Revolt นี้เป็นจุดเริ่มต้นในการต่อสู้เพื่ออิสรภาพ และประชาฺธิปไตยของชาวอังกฤษกันเลยทีเดียว ซึ่งผู้เขียนไม่ค่อยเห็นด้วยเท่าใดนัก เพราะสำหรับเรา มันเป็นการต่อสู้เพื่อ ความยุติธรรม มากกว่า เพื่อประชาธิปไตยโดยตรง Richard II อยู่ในตำแหน่งอีกไม่นาน ก็โดนขุนนางขับไล่ลงจากบัลลังก์ เพราะใช้งบประมาณไปมหาศาล บวกกับคลื่นใต้น้ำและการเมืองภายในทั่วๆ ไปตามสไตล์สังคมอังกฤษ แต่ The Peasants' Revolt ไม่เคยถูกลืมเลือน.. (ยังไม่) จบบริบูรณ์ Works Consulted Dobson, Richard Barrie. The Peasants’ Revolt of 1381. London: Macmillan, 1970. Dyer, Christopher. “The Social and economic Background to the Rural Revolt of 1381. ”The English Rising of 1381. Ed. R. H. Hilton and T. H. Aston. Cambridge, Cambridge University Press, 1984. Hilton, Rodney. The English Peasantry in the Later Middle Ages. Oxford: Oxford University Press, 1975. Justice, Steven. Writing and Rebellion: England in 1381. Berkeley: University of California Press, 1994. แก้ไขเมื่อ 07 ส.ค. 52 14:46:55 จากคุณ : chaucerian reader เขียนเมื่อ : วันรพี 14:44:21

ความคิดเห็นที่ 24 อ่า ลืมบอกไปว่า... ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามอ่านนะคะ ^^ จากคุณ : chaucerian reader เขียนเมื่อ : วันรพี 14:45:18

ความคิดเห็นที่ 25 ที่ใดมีการกดขี่  ที่นั่นย่อมมีการต่อสู้ แต่น่าสงสารประชาชนผู้จงรักภักดีตอ่ King  นะคะ จ้าวชีวิต  ทำไม่ถึงทำกันได้ลงคอ จากคุณ : Gasalong เขียนเมื่อ : วันรพี 23:00:13