ความคิดเห็นที่ 1 ขออนุญาตอธิบายเป็นภาษาไทยนะ เพราะถ้าเขียนเป็นอังกฤษต้องใช้ technical terms เยอะ แล้วคุณจะเวียน head คนที่จะเก่งระดับเชียน essay ให้แก้แล้วได้ผล ต้องพูดอังกฤษได้ขนาดฝรั่งเจ้าของภาษาจับผิดแทบไม่ได้ เวลาแก้ จะได้แก้แต่แนวคิด การเดินเรื่อง ความสอดคล้องฯลฯ แต่ถ้าไม่ได้ระดับนั้นนะ แก้แต่ grammatical mistakes แล้วแก้เฉยๆไม่บอกว่าผิดเพราะอะไร คนแก้ก็บ้า คนเขียนก็สติแตกมากเข้าไปใหญ่ แล้วก็ไม่ได้ประโยชน์อะไรกับฝ่ายใดทั้งสิ้น มีแต่จะเสียเวลา แต่ถ้าคนแก้บอกว่า ผิดตรงไหนบ้าง แล้วคนเขียนต้องไปเรียนเรื่องอะไรเพื่อแก้ปัญหาที่ต้นตอนะ กะอีแค่ essay หนึ่งหน้าเนี่ย คนเขียน ถ้าเขียนผิดเยอะนะ จะตกใจมากๆว่า โหตายห่ะละวา ทำไมกลายเป็นต้องเรียนรู้อะไรมากมายก่ายกอง กว่าจะเขียนได้ดี ลองมาดูกันว่าคุณต้องไปเสริมทักษะไหนบ้าง  แต่อย่าเพิ่งตกใจนะ ที่จะเห็นว่าที่คุณเขียนมาเนี่ย แทบจะไม่มีประโยคไหนเลยที่ถูกต้องเป็นธรรมชาติ! I think if I learn english language not only by reading but also writing some short sentences as much as I can do. ประโยคนี้มี if คือ ถ้า ถ้ายังงั้น ...แต่ไม่ตามว่า แล้วจะยังไง  อยู่ดีๆลอยไป แล้วจบห้วนๆ ...มันยังไงกัน? writed and then post here for waiting someone approve grammar and teach me for good advice. คำว่า writed ไม่น่าจะมีนะในภาษาอังกฤษ แต่เราก็ไม่กล้าท้าพนันว่าถ้ามีจะไปแก้ผ้าวิ่งที่ .ถ.สีลม เหมือนอีตา Andrew Biggs มันพลาดท่าไป (ตอนมันท้าว่าไม่มีคำว่า freshy ในภาษาอังกฤษ)....555++++... waiting someone ผิด เพราะคุณใช้ preposition ไม่เป็น waiting someone approve grammar ผิดเพราะคุณไม่รู้เรื่อง gerund หรือ infinitive เอาเสียเลย teach me for good advice. ก็ teach ก็ teach สิ advise ก็ advise สิ หรือจะใช้ advice คุณก็ใช้ไม่เป็นเพราะคุณไม่รู้ว่า collocation ของมันคือ offer advice หรือ give advice I think it's a good thing , right ? ขอแสดงความยินดีด้วยที่ประโยคนี้ดูพอไปวัดไปวาได้ แต่ขอโทษที เคาะพิมพ์ดีดผิดหลัก แก้คำผิด แก้ infinite เป็น infinitve แก้ไขเมื่อ 16 ส.ค. 52 06:12:31 แก้ไขเมื่อ 16 ส.ค. 52 06:10:02 แก้ไขเมื่อ 15 ส.ค. 52 21:40:05 จากคุณ : fortuneteller เขียนเมื่อ : 15 ส.ค. 52 21:29:09

ความคิดเห็นที่ 2 Today I used almost of time to memorize vocabulary for prepare to toeic examination. used almost of time มันเพี้ยน  น่าจะเป็น spent most of my time หรือ spent nearly all of my time for prepare to toeic examination เพี้ยน น่าจะเป็น for toeic examination preparation ปัญหาจุดนี้คุณต้องแก้ได้ด้วยการเรียนเรื่องการใช้ adverb และ การใช้ parts of speech But concentration to study only is such a bored thing. ในกรณีนี้ concentration น่าจะใช้กับ on นะ bored thing มันเพี้ยน ที่ถูกคือ boring thing So I had accessed to the internet and played one favorite website (pantip.com) , decorated my blog and also has writen this diary here is a thing that should to do. played one favorite website ใช้ collocation ผิด ,decorated my blog ใช้ punctuation ผิด has writen this diary สะกดผิด ดูดีๆ กริยา is ในประโยคนี้ อะไรเป็น subject? คุณใช้ So I had accessed to the internet and played one favorite website (pantip.com) ,decorated my blog and also has writen this diary here  เป็น subject มันไม่ได้ มันเพี้ยน ปัญหาแก้ได้ คุณต้องเรียนเรื่อง clauses should to do เพี้ยน เพราะ verb form แบบนี้ไม่มีในภาษาอังกฤษ คุณต้องเรียน conjugation, verbs, tenses เพื่อแก้ไขปัญหานี้ Learing not only by reading the book but also doing something which love to do. Learing สะกดผิด ดูดีๆ subject ตัวไหน ทำกริยา love คุณใช้ Learing not only by reading the book but also doing something which มาเป็น subject มันผิดธรรมชาติ  ปัญหานี้ จะแก้ได้ คุณต้องเรียนเรื่อง clauses กับ relative pronouns I think it may be helped to easier to successful goal. It may be helped เพื้ยน ปัญหานี้ จะแก้ได้ต้องเรียนว่า verb ตัวไหนใช้เขียนเป็น passive หรือ active sentence ได้หรือไม่ be helped to easier to successful goal.  เพี้ยน เพราะคุณไม่เคยเรียน parts of speech แล้วก็ไม่รู้เรื่อง verb forms So I decided to write the diary by use english language. by use เพี้ยนเพราะ ผัน verb ผิด Nice to meet you all ! ดีใจด้วย คุณเขียนประโยคนี้ถูก แต่ขอโทษที เคาะพิมพ์ดีดผิด แก้ไขเมื่อ 15 ส.ค. 52 21:49:54 แก้ไขเมื่อ 15 ส.ค. 52 21:49:02 จากคุณ : fortuneteller เขียนเมื่อ : 15 ส.ค. 52 21:37:14

ความคิดเห็นที่ 3 คุณรู้ไหมว่า เราใช้เวลานานมากๆกว่าจะบอกคุณได้ว่า คุณผิดตรงไหน แล้วต้องไปเรียนเรื่องอะไร แล้วถ้าเราแก้ไปเฉยๆนะโดยไม่เขียนบทเรียนให้คุณใน topics ต่างๆที่คุณไม่รูน่ะ  ต่อให้เราและคนอื่นๆช่วยๆกันแก้ไปอีก 200 ปี (ถ้าคุณยังมีชีวิตอยู่นะ) คุณก็ยังเขียนไม่เป็นธรรมชาติอยู่ดีนั่นแหละ  เนื่องจากว่า "คุณไม่ได้เรียนว่าข้อผิดพลาดคืออะไร และจะเรียนอย่างไรตามขั้นตอนที่ถูกต้อง คือวางฐานรากให้แข็งแกร่ง แล้วก็ค่อยๆต่อยอดไปสูงๆ ไม่ใช่เรียนลัดแบบนี้  คุณต้องเรียนรู้และพัฒนาทักษะต่างๆไปตามลำดับขั้นตอน เพื่อที่ว่าคุณจะได้รู้ได้ด้วยตนเองว่า อะไรผิด อะไรถูก และเพราะเหตุใด และถ้าใม่ sure คุณจะค้นข้อมูลได้ที่ไหน อย่างไร" แต่ถ้าเราเขียนบทเรียนให้ครอบคลุม topics ทั้งหมดที่คุณไม่รู้นะ เราก็นั่งหน้าคอมฯไม่ได้ไปทำมาหากินที่ไหนเลย ซึ่งมันก็มากเกินกว่าที่จะช่วยเหลือกันธรรมดาๆบนกระดานสนทนา แต่ที่เรายอมเสียเวลาในวันนี้นะ ก็เพื่อวิงวอนให้คน(หลายๆคน) ที่กำลังพยายามเรียน writing โดยการอยู่ดีๆ เขียน essay มาให้คนแก้บนเวป pantip จนกลายเป็นแฟชั่น (ในการเรียน writing ด้วยวิธีที่ผิดๆ) จนมันแพร่ระบาดไปทั่ว ห้องเรียนภาษาอังกฤษแล้ว น่ะ ให้ตระหนักว่า มันไม่ได้ผลหรอก   Believe me, it doesn’t work! ไปอ่านกระทู้นี้ต่อ แล้วคุณจะตาสว่าง บรรลุธรรม http://www.pantip.com/cafe/library/topic/K8203131/K8203131.html จากคุณ : fortuneteller เขียนเมื่อ : 15 ส.ค. 52 21:50:32

ความคิดเห็นที่ 4 มาเป็นกำลังใจให้ครับ ผมเองก้อมีโครงการจะไปต่อนอกและต้องฝึกภาษาเหมือนกันครับ ความเห็น 1,2 ใจเย็นๆเน้อ จากคุณ : ToOkToNg NaKrAb เขียนเมื่อ : 15 ส.ค. 52 21:53:07

ความคิดเห็นที่ 5   สรุป โครงสร้างภาษา จขกท ยังไม่แน่นนะ หลุดแล้วหลุดอีก haha แต่ดีแล้วที่ฝึกอ่ะครับ ให้ท่าน fortuneteller สอนดีแล้วล่ะครับ จากคุณ : Time & Space เขียนเมื่อ : 15 ส.ค. 52 22:39:44

ความคิดเห็นที่ 6 1. preposition   2. gerund 3. infinite 4. adverb 5. parts of speech 6. punctuation 7. clauses 8. conjugation 9. verbs 10. tenses 11. relative pronouns 12. passive active sentence   13. verb forms โอ้ว ไม่น่าเชื่อว่า diary สั้นๆ ธรรมดาๆ ที่ผมตั้งใจเขียนเพื่อลองฝึกแต่งประโยค กลับต้องมีความรู้เกี่ยวกับ grammar ภาษาอังกฤษอย่างน้อย 13 เรื่อง สงสัยผมคงต้องกลับไปเรียนภาษาอังกฤษร่วมกับเด็กประถมใหม่ซะแล้ว ตอนสมัยเรียนผมคงไม่ตั้งใจเรียนจนเกินไป ผลเลยต้องทำให้คุณ fortuneteller ต้องมานั่งเป็นบ้าตรวจประโยคที่แทบจะหาข้อถูกต้องทางหลักไวยากรณ์ไม่ได้เลย "ลองมาดูกันว่าคุณต้องไปเสริมทักษะไหนบ้าง  แต่อย่าเพิ่งตกใจนะ ที่จะเห็นว่าที่คุณเขียนมาเนี่ย แทบจะไม่มีประโยคไหนเลยที่ถูกต้องเป็นธรรมชาติ!" ขอบคุณมากครับสำหรับคำชี้แนะ ให้ไม่ตกใจเห็นทีคงจะยากแฮะ  เจอคำวิจารณ์ตรงๆว่า "ไม่มีประโยคไหนเลยที่ถูกต้องเป็นธรรมชาติ" ใครที่กำลังอยากฮึดสู้  เจอประโยคนี้เข้าไป ก็หงอยได้ไม่ยากเลยนะครับ "I think it's a good thing , right ? ขอแสดงความยินดีด้วยที่ประโยคนี้ดูพอไปวัดไปวาได้ แต่ขอโทษที เคาะพิมพ์ดีดผิดหลัก" ขอโทษครับ ไม่เข้าใจว่า เคาะพิมพ์ดีดผิดหลัก นี่ผมผิดยังไง จะได้นำมาปรับปรุงครับ "คุณไม่ได้เรียนว่าข้อผิดพลาดคืออะไร และจะเรียนอย่างไรตามขั้นตอนที่ถูกต้อง คือวางฐานรากให้แข็งแกร่ง แล้วก็ค่อยๆต่อยอดไปสูงๆ ไม่ใช่เรียนลัดแบบนี้  คุณต้องเรียนรู้และพัฒนาทักษะต่างๆไปตามลำดับขั้นตอน เพื่อที่ว่าคุณจะได้รู้ได้ด้วยตนเองว่า อะไรผิด อะไรถูก และเพราะเหตุใด และถ้าใม่ sure คุณจะค้นข้อมูลได้ที่ไหน อย่างไร" ผมอ่านทุกตัวอักษรที่คุณพิมพ์นะครับ เพราะผมคิดว่าอย่างน้อยคุณก็อุตส่าห์เสียเวลานั่งพิมพ์เพื่ออธิบายในหลายๆสิ่งให้ผมได้เข้าใจ แต่ผมอยากจะบอกว่าจุดประสงค์ของผมที่ผมนำมา post ลงเวปบอร์ดนี้ เพราะผมเพียงอยากรู้ว่าประโยคที่ผมแต่งนั้น มีจุดที่ต้องแก้ตรงไหนบ้าง เพื่อให้ถูกหลักไวยากรณ์มากขึ้น แต่ก็อย่างว่า ผมยอมรับว่าไม่ได้เป็นคนเก่งภาษาอังกฤษมากมาย เพียงแค่อยากฝึกฝนพัฒนาตน   แต่ก็เข้าใจดีครับว่า ผมยังอ่อนมากในเรื่องการนำไปใช้ เพราะว่าในชีวิตประจำวันไม่ได้ใช้ภาษานี้ในการทำงาน มันเลยลืมเลือนเป็นเรื่องธรรมดา แต่ ... ผมมีความเห็นว่า มันก็ไม่ถึงขนาดกับว่าการเขียนอะไรสักอย่าง มันจะต้องถูกหลักเป๊ะๆ  การจะพูดอะไรก็ต้องถูกหลักเป๊ะๆ หากเป็นอย่างนั้นมีหวังไม่ต้องพูด ต้องเขียนกันพอดี ภาษาอังกฤษสำหรับผม ขอให้ได้แค่สื่อสารกับคนรอบข้าง "พอฟังรู้เรื่อง" ไม่ต้อง expert ขนาดนั้น  ผมก็พอใจแล้วครับ "แต่ที่เรายอมเสียเวลาในวันนี้นะ ก็เพื่อวิงวอนให้คน(หลายๆคน) ที่กำลังพยายามเรียน writing โดยการอยู่ดีๆ เขียน essay มาให้คนแก้บนเวป pantip จนกลายเป็นแฟชั่น (ในการเรียน writing ด้วยวิธีที่ผิดๆ) จนมันแพร่ระบาดไปทั่ว ห้องเรียนภาษาอังกฤษแล้ว น่ะ ให้ตระหนักว่า มันไม่ได้ผลหรอก" ประโยคนี้ผมขอไม่ยอมรับนะครับ ผมไม่ได้ต้องการเขียนอะไร แล้วมาให้คนอื่นเขาแก้เพื่อเป็น "แฟชั่น" ผมว่าคุณมีทัศนคติที่ค่อนข้างจะแปลกนะครับ ห้องนี้เขาตั้งชื่อว่า "ห้องเรียนภาษาอังกฤษ" pantip เป็น webboard สาธารณะ และเป็นสังคมเปิดกว้าง ถ้าไม่ให้ใครเขามาตั้งคำถาม แล้วไม่ทราบว่าจะมีห้องนี้ไว้ทำอะไรครับ ? ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ อันไหนมีประโยชน์ผมยอมรับ และปรับปรุง แต่คุณเองก็ควรปรับปรุงในการใช้ภาษาในการสื่อสารด้วยเช่นกันนะครับ จากคุณ : คนจนที่อยากรวย เขียนเมื่อ : 15 ส.ค. 52 22:48:40

ความคิดเห็นที่ 7 มาให้กำลังใจอีกคนจ้า ถ้าคุณเป็นผู้หญิง อิฉันจะบอกว่า You go, girl.  หมายความว่า เอาโลด อิหล่า จากคุณ : แม่ค้าลูกชิ้นนึ่ง เขียนเมื่อ : 15 ส.ค. 52 22:50:44

ความคิดเห็นที่ 8   ผมเข้าใจคุณ Fortuneteller และชื่นชมครับคุณมากที่อุตสาห์เขียนอธิบายออกมาให้ หลายๆครั้งที่ผมก็รู้สึกคล้ายๆ กัน แต่ผมไม่ใจเอาพอที่จะอดทนเขียนออกมาให้ ผมเคยพูดบางอย่างให้คนรอบข้างฟัง ในประเด็นที่คุณ fortunetellerว่ามานี่แหละ แล้วคนรอบข้างจำนวนกลับมาว่าผมเป็นตัวประหลาด ผมก็เลยพยายามที่จะ keep my mouth shut ครับ จากคุณ : pokemon trainer เขียนเมื่อ : 15 ส.ค. 52 23:06:17 A:125.27.51.233 X: TicketID:000119

ความคิดเห็นที่ 9 เฮ่อ....  ไม่รู้จะว่าไง อาจารย์หมอดู  อุตส่าห์นั่งพิมพ์มาตั้งเยอะ ขอบคุณนะคะ คนอ่านก็ได้ความรู้ด้วย (แอบ save และ) จขกท..  สู้ๆค่ะ  คือ ใครๆก็แล้วแต่หากมีข้อสงสัยก็เอามา discuss กันในเว็บบอร์ดนี่แหละน่ะ ดีแล้ว ซึ่งการพูดคุย แลกเปลี่ยน  ย่อมจะแตกต่างจาก นักเรียน นักศึกษา ที่ทำการบ้านภาษาอังกฤษ เสร็จแล้วก็อยากให้งานตัวเองดูดี  ก็เอามา post ในนี้ให้คนช่วย แบบนี้  มันจะไม่ได้อะไร ถูกมั้ย  ไม่เกิดการพัฒนาตนเอง แค่อยากหาตัวช่วยเท่านั้น มันก็เป็นสิทธิที่จะทำได้นะ  คนตอบก็.. ใครใคร่ตอบ ตอบ  ใครไม่สะดวกก็ไม่เป็นไร ซึ่งดูแล้ว จขกท ก็คงอยากพูดคุยแลกเปลี่ยนมากกว่า  cool ค่ะ จากคุณ : Classic (พระเอกละครหลังข่าว) เขียนเมื่อ : 15 ส.ค. 52 23:12:57

ความคิดเห็นที่ 10   I think it's a good thing , right ? ขอแสดงความยินดีด้วยที่ประโยคนี้ดูพอไปวัดไปวาได้ แต่ขอโทษที เคาะพิมพ์ดีดผิดหลัก" ขอโทษครับ ไม่เข้าใจว่า เคาะพิมพ์ดีดผิดหลัก นี่ผมผิดยังไง จะได้นำมาปรับปรุงครับ ---------------------- comma จะต้องอยู่ติดกับคำว่า thing ครับ ไม่ต้องเคาะ spcae bar ก่อนพิมพ์เครื่องหมาย comma I think it's a good thing, right ? ตอนผมอยู่โรงเรียนมัธยม มีสอบ dictation (เขียนตามคำบอก) ถ้าเครื่องหมายต่างๆ ผมใส่ไม่ตรงช่องที่ให้เขียน มันจะทำให้ทุกคำที่อยู่ตามหลังมา มันเลื่อนไปหมดเลย ซึ่งจะทำให้คะแนนผมหายไปหมดเช่นกัน ทำให้ผมต้องใส่ใจเรื่องเครื่องหมายวรรคตอนครับ จากคุณ : pokemon trainer เขียนเมื่อ : 15 ส.ค. 52 23:19:37 A:125.27.51.233 X: TicketID:000119

ความคิดเห็นที่ 11   แก้คำผิดครับ "และชื่นชมคุณมากครับ" "คนรอบข้างจำนวนมากกลับหาว่า" จากคุณ : pokemon trainer เขียนเมื่อ : 15 ส.ค. 52 23:24:29 A:125.27.51.233 X: TicketID:000119

ความคิดเห็นที่ 12 พอเข้าใจที่คุณหมอดูพยายามบอกนะคะ คือว่าตัวเองก็เป็นอย่างนั้นเหมือนกันค่ะ ถ้าอะไรที่ยาวมากๆ ก็จะผ่านไป เพราะถ้าจะแก้อะไรที่ยาวๆ แถมอธิบายด้วยว่าผิดตรงไหน จริงๆ แล้วควรเป็นอย่างไรนี่คงหาคนที่มีเวลามากขนาดนั้นยากเพราะเท่าที่สังเกตดู คนที่แวะเวียนมาห้องสมุดบ่อยๆ เป็นคนทำงานแล้วกว่าครึ่ง คงไม่มีใครมีเวลามาอ่านและอธิบายอะไรให้ใครยาวๆ สำหรับตัวเองถ้าจะเข้าไปช่วยตอบอะไรเกี่ยวกับภาษาอังกฤษก็จะเลือกแต่ที่สั้นๆ เป็นแบบถามสำหรับคำเดียวหรือประโยคเดียวแค่นั้นค่ะ ยาวกว่านั้นไม่ไหวเพราะไม่มีเวลา แบบถามคำเดียว วลีเดียว หรือประโยคสั้นๆ สังเกตดูสิคะจะมีคนเข้าไปช่วยตอบมาก จากคุณ : กุลธิดา (kdunagin) เขียนเมื่อ : 15 ส.ค. 52 23:32:32

ความคิดเห็นที่ 13 ในประเด็นที่ว่า อะไรที่ยาวมากๆ มันต้องใช้ถ้อยคำที่ยาว รวมถึงระยะเวลาที่นานในการอธิบาย และคนส่วนใหญ่เป็นคนวัยทำงาน ไม่มีเวลาว่างมากมานั่งอ่านทั้งประโยค อืม ... อันนี้เห็นด้วยครับ มองมุมกลับกัน จะให้ใครมานั่งตรวจประโยคยาวๆ มันก็เสียเวลาอยู่ ขอบคุณมากสำหรับอีกหนึ่งมุมมองครับ คุณกุลธิดา จากคุณ : คนจนที่อยากรวย เขียนเมื่อ : 15 ส.ค. 52 23:36:50

ความคิดเห็นที่ 14 เราให้ใจคุณหมอดูเพราะอย่างน้อยแม้ว่าคุณเค้าจะคิดแบบนั้นแต่ก็ยังอุตส่าห์มีน้ำใจมาช่วยพิมพ์ช่วยแก้ให้ซะยืดยาว ถ้าคุณเล่นห้องนี้ประจำก็น่าจะรู้สไตล์ของพี่เค้านะคะ ส่วนของคุณเราให้กำลังใจค่ะ เราไม่เคยไปเรียนภาษาอังกฤษที่ไหนเลย วิธีที่เราใช้ก็แชทค่ะ สำหรับเราใช้ได้ผลมาก โชคดีที่เพื่อนเราเป็นฝรั่งที่ใช้ภาษาอังกฤษอย่างถูกต้องค่ะ เวลาเราคุยกับเค้าเราก็ดูลักษณะการใช้ของเค้าไปด้วย แล้วก็ลองเอามาใช้บ้าง โดยดัดแปลงให้เหมือนเป็นของเราค่ะ พอสังเกตุๆๆๆๆๆๆไปเรื่อยๆเวลาเห็นคำภาษาอังกฤษที่ไหนก็พยายามสังเกตุการใช้ การวางคำ แล้วมันก็จะกลายเป็นความเข้าใจที่เกิดขึ้นกับตัวเราเอง ไม่ใช่สิ่งที่คนอื่นมาบอกเราว่าอันนี้ถูกอันนั้นผิด แต่เราก็ยังไม่เกิดความเข้าใจอยู่ดีว่าไอ้ที่ผิดมันผิดยังไง อะไรประมาณนี้นะคะ ทีนี้ไดอารี่ของคุณเราไม่ออกความเห็นแล้วเพราะว่าพี่หมอดูเค้าพูดไปหมดแล้ว แต่เราไม่เห็นด้วยนะคะที่คุณคิดว่าการใช้ภาษาอะไรก็ตามในโลกนี้ แกรมม่าร์ไม่ใช่เรื่องสำคัญ ถ้าคุณเป็นแค่นักท่องเที่ยวไปเที่ยวต่างประเทศก็ว่าไปอย่าง แต่ถ้าคุณอยากจะพูดได้เขียนได้อย่างถูกต้อง และgracfully เราคิดว่าแกรมม่าร์เป็นเรื่องสำคัญมากๆ และทำให้เรามั่นในตัวเองมากขึ้นด้วย และอยากบอกตรงนี้ไว้เลยว่าจากประสบการณ์ตรงเลยนะ คนที่ไปอยู่ต่างประเทศเป็นปีๆ เอาตัวรอดได้ แบบแกรมม่าร์แตกๆหักเนี่ย สำหรับเราไม่เรียกว่าเป็นคน "พูดเก่ง" หรือ "เขียนเก่ง" ได้หรอกนะ ปล.เราก็กำลังเรียนอยู่ ไม่ได้บ้าแกรมม่าร์นะ แต่เราเป็น นศ. ถ้าแค่แกรมม่าร์ยังใช้ให้ถูกหลักไม่ได้ก็ไม่รู้จะมาเสียตังค์เรียนทำไมกัน เลยอยากให้คุณเปลี่ยนความคิดเกี่ยวกับแกรมม่าร์นะคะ มันไม่ได้ยากจนจะเป็นข้ออ้างที่ทำให้เราไม่สามารถจะใช้ให้ถูกต้องได้หรอกค่ะ ปล.2 แกรมม่าร์ สำหรับเราถ้าเริ่มจากง่ายๆเลย ทั้งเซฟตัวเอง และไม่ทำให้งง ควรเริ่มจากการใช้ Tense ง่ายๆ ให้ถูกต้องค่ะ ไม่ต้องไป had+V.3+ อะไรให้มากมาย เอาง่ายๆแต่ชัวร์ๆ แล้วเราก็จะเข้าใจอะไรที่มันยากๆขึ้นไปได้ดีขึ้นตามลำดับค่ะ แก้ไขเมื่อ 16 ส.ค. 52 00:09:44 จากคุณ : หนูฟั่นเฟือน เขียนเมื่อ : 15 ส.ค. 52 23:58:26

ความคิดเห็นที่ 15 Yet, I've seen fortuneteller's long speech as a constructive criticism. "Criticism is something we can avoid easily by saying nothing, doing nothing, and being nothing" Don't despair though, keep at it and one day you will get somewhere. Best wishes. แก้ไขเมื่อ 16 ส.ค. 52 00:41:26 จากคุณ : genf เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 52 00:03:53

ความคิดเห็นที่ 16 ขอบคุณคุณหนูฟั่นเฟือนมากครับสำหรับคำแนะนำที่ตรงประเด็น เอาตรงๆเลยไหม ผมสารภาพเลยก็ได้ว่าเรื่อง grammar ของผมนั้นอ่อนแอมากๆ ที่ร่ำเรียนมา เพราะว่าไม่ได้ใช้เป็นประจำ เลยทำให้ลืมไปเกือบหมดแล้ว ตอนนี้กำลังไล่ทบทวนอยู่ ก็พอจะรื้อฟื้นกลับมาได้บ้าง แต่คงต้องอาศัยเวลาสักพัก ภาษาอังกฤษ กับ คนไทย หากไม่ได้เรียนจบเอกอังกฤษ หรือไม่ได้สนใจจริงๆจังๆ จะให้พูดหรือใช้ให้ถูกตามหลักไวยากรณ์ ผมก็ยังมองว่าเป็นเรื่องที่ยากอยู่ดี (ผมมองรวมถึงคนส่วนใหญ่นะครับ) แต่ยอมรับและเห็นด้วยครับว่า หากรู้และใช้หลัก grammar เป็น ย่อมเป็นผลดีต่อทั้งตัวผู้ใช้ และผู้รับฟังด้วย เอาเป็นว่าผมจะพยายามนะครับ ----------------------------------------- ถึงคุณ  fortuneteller นะครับ ก่อนอื่นผมต้องขอบคุณคุณมากๆเลย กลับมานั่งคิดอีกที ถึงแม้ถ้อยคำที่คุณใช้ บางประโยคอาจจะทำให้ตะขิดตะขวงใจได้บ้าง แต่หากมองในแง่ของการสละเวลามาตอบกระทู้เชิงบรรยาย ต้องยอมรับถึงความปรารถนาดีเลยครับ เอาเป็นว่า ผมจะพยายามให้มากๆครับ แล้วครั้งหน้า เราจะมาเจอกันใหม่ รับรองว่า จะไม่ให้คุณต้องมาบ่นผมให้ยืดยาวอีกแน่นอนครับ ^_^ จากคุณ : คนจนที่อยากรวย เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 52 00:11:31

ความคิดเห็นที่ 17 รับทราบค่ะ มีอะไรที่พอจะช่วยเหลือได้ก็ยินดีนะคะ ช่วงนี้เพิ่งเปิดเทอมกำลังอยากลองวิชา 555 ล้อเล่นค่ะ ;) จากคุณ : หนูฟั่นเฟือน เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 52 00:56:03

ความคิดเห็นที่ 18 อยากแนะนำให้คุณเจ้าของกระทู้อ่านมากๆ ค่ะ แรกๆ อาจมีปัญหาเรื่องศัพท์บ้างนะคะ แต่อย่าไปสนใจมัน คำไหนถึงข้ามไปก็ยังรู้เรื่องโดยรวมก็ข้ามไปก่อน คำไหนจำเป็นต้องรู้ความหมายเพราะไม่งั้นช่วงนั้นอ่านไม่รู้เรื่องก็เปิดดิกหาคำแปล การเห็นรูปประโยคมากๆ เห็นในรูปแบบต่างๆ กัน ศัพท์ที่เมื่อก่อนไม่รู้คำแปล ต่อมาพอบอกได้แล้วหมายถึงอะไร แล้วเห็นคำนั้นบ่อยๆ เพราะอ่านมาก เห็นในรูปแบบการใช้ที่ต่างๆ กัน ก็จะค่อยๆ คุ้นเคยกับมันไปเองค่ะ จะคุ้นเคยกับรูปแบบประโยคหลากหลาย หลายๆ ประโยคอธิบายไม่ได้ด้วยซ้ำว่าทำไมถึงเป็นอย่างนั้น แต่เวลาที่เห็นประโยคไหนถูกก็จะรู้ว่าถูก ประโยคไหนผิด ก็จะรู้ว่าผิด แม้จะอธิบายไม่ได้ก็ตาม เพราะความคุ้นเคยที่เกิดจากการอ่านมากๆ นั่นแหละค่ะ จากคุณ : กุลธิดา (kdunagin) เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 52 02:21:37

ความคิดเห็นที่ 19 จขกท  ถือซะว่าผู้ใหญ่ (คุณ Fortuneteller อาวุโสกว่าคุณพอสมควรนะ เท่าที่รู้ เดาอายุคุณจากที่คุณบอกว่ากำลังเตรียมสอบ) แกตักเตือนด้วยความหวังดี ผมเห็นคุณ Fortuneteller ก็เขียนแบบนี้กับทุกคนนั่นแหละ จุดที่คุณ Fortuneteller ต้องการบอกก็คือ แก้ตรงนี้ให้ (แบบว่าเขียนที่คุณให้มาใหม่ โดยไม่ได้อธิบายอะไรเลย) ถ้าคุณไม่รู้ว่าทำไมถึงผิดได้ด้วยตัวเอง มันก็ไม่มีประโยชน์เลย สิ่งที่คุณทำได้ดีที่สุดถ้าเป็นแบบนั้น คือจำประโยคที่แก้นั่นไปทั้งประโยค โดยไม่รู้หลักการ ไม่สามารถนำไปดัดแปลงกับประโยคอื่นๆได้  เราสามารถดูได้ว่า คุณมีพื้นฐานดีขนาดไหนก็จากวิธีการเขียนของคุณ ที่ขอบอกว่า พื้นยังไม่แน่น ยังมั่วไปมั่วมา มันไม่ผิดที่คุณจะโพสให้คนมาแก้ให้ แต่ประโยชน์ที่ได้มันไม่คุ้มกับเวลาที่คนอื่นจะมาตรวจแก้ให้  ครั้นจะให้อธิบายจุดผิดให้หมด ก็เสียเวลา แต่ขอบอกว่า คุณ Fortuneteller อุตสาห์เขียนจุดผิดคุณออกมาก ซึ่งเยอะมากนะ เพียงแต่แก ไม่ได้บอกว่า ที่ถูกคืออะไร เพราะบอกไปก็ไม่มีประโยชน์  แกถึงบอกว่าต้องไปศึกษาเรื่องอะไรบ้างแทนไง มันมีประโยชน์มากกว่า สิ่งที่คุณทำมันเหมือนกับว่า คุณอยากเล่นฟุตบอล แต่พื้นฐานยังไม่มีเลย แปรลูก ส่งลูกก็ยังไม่เป็น แต่อยากหัดยิงลูกไซด์โค้ง เป็นต้น  หรือ เปรียบเทียบกับเด็ก ที่เพิ่งหัดคลาน แต่อยากวิ่งได้ซะแล้ว แก้ไขเมื่อ 16 ส.ค. 52 03:20:50 จากคุณ : Tiger อู๊ด เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 52 03:08:52

ความคิดเห็นที่ 20 เผอิญเข้ามาแก้คำผิด ใน คคห 1 เราผิดผิดเป็น infinite แต่ที่ถูกต้องเป็น infinitive ก็เลยอยากจะตอบคุณ จขกท ว่าขอโทษทีที่เขี่ยนอะไรเหมือนกับไม่ให้กำลังใจ  คือเมื่อ 4 วันมานี่ เราตอบกระทู้คล้ายๆของคุณมา 4-5 กระทู้ ตอนตอบไปก็ยอมรับว่า ใจไม่ดี มันเป็นอะไรเหมือนกับ "กระทู้พลีชีพ" ให้ จขกท แต่ละรายโกรธเรา ซึ่งก็มีคนหลายคนโกรธเรา แต่ตามเหตุผลที่เราให้ไว้ในหลายๆกระทู้ พอสรุปได้ว่า ภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่เรียนยากมากๆภาษาหนึ่ง มันมีเรื่องยุ่งๆหลายอย่าง จึงจำเป็นต้องเรียนรู้ทักษะหลายอย่าง ซึ่งทักษะเหล่านี้ ต้องสะสมมาหลายปีตั้งแต่ ประถม มัธยมต้น และมัธยมปลาย พอโตแล้วจะทบทวน มันก็ง่ายหน่อย บางทีนะ คุณค้นจาก google เพื่อหาบทเรียนตามชื่อ topic แต่ละ topic ที่เราบอกว่าคุณเขียนผิดเพราะไม่รู้ topic ไหนบ้าง แค่นี้คุณก็เรียนได้ด้วยตัวเอง โดยมีเงื่อนไขว่า คุณต้องมีทักษะ reading comprehension มากพอที่จะอ่านและเข้าใจบทเรียนภาษาอังกฤษที่อาจารย์ฝรั่งเขียนบนเวปต่างประเทศ แต่ถ้าคุณยังไม่เก่ง reading comprehension มากพอ  วิธีการที่ดีที่สุด และถูกที่สุด ก็คือหาหนังสือเด็ก ม.1- ม.4 มาอ่านทบทวน และทำแบบฝึกหัดเยอะๆ เมื่อคุณทำเช่นนี้ได้แล้วนะ คุณจะรู้ได้เองโดยธรรมชาติเลยว่าตรงไหนถูก หรือผิด และเพราะอะไร และถ้าไม่ sure คุณจะหาข้อมูลเองได้ที่ไหน อย่างไร จากคุณ : fortuneteller เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 52 06:28:08

ความคิดเห็นที่ 21 การที่คนไทยหลายๆคนเขียนภาษาอังกฤษแล้วประโยคมันผิดธรรมชาติเหมือนของ จขกท นับว่าเป็นเรื่องปกติ อย่าได้ไปท้อใจ  คนไทยหลายๆคนเรียนศัพท์ยากๆเพิ่ม แล้วก็พูดมันผิดๆ แล้วก็เขียนมันผิดๆ แต่ก็สื่อสารเรื่องยากๆได้ในระดับน่าทึ่งมากๆเลยทีเดียว เราจะเล่าให้ฟังเมื่อปลายปีที่แล้ว เราไปเป็นล่ามใน finance company แห่งหนึ่ง ทางบริษัทต้องการซื้อ software คำนวณด้านการเงินจากบริษัท software ที่มีชื่อเสียงจากประเทศปากีสถาน แต่พอเราไปทำจริงๆเข้า คนไทยในบริษัท finance company แย่งเราทำงานล่ามหมด เราได้แต่นั่งเฉยๆทุกวันเป็นเวลา 1 เดือน นานๆที ก็ช่วยเขานิดหน่อย สิ่งที่เราเจอนะก็คือ ในระหว่างการพูดโต้ตอบกันระหว่างคนไทย (หลายสิบคน) กับแขกปากีสถาน 6 คน (แขกมากัน 12 คน แต่เข้าประชุมทีละ 6 คน) จากบรรดาคนไทยหลายสิบคนที่พูดนะ มีคนไทย "เพียงคนเดียว" ที่พูดภาษาอังกฤษ ไม่มีผิดเลยแม้แต่ประโยคเดียว! แต่คนไทยรายอื่นๆอีกหลายสิบคนต่างก็พูดผิดๆพอๆกับที่คุณ จขกท เขียนเลยหละ แต่ทุกคนก็สื่อสารกับแขกปากีสถานรู้เรื่องเป็นอย่างดี แปลกไหมล่ะ?!!? ทีนี้เรื่องที่น่าทึ่งอีก ก็คือตอนใช้ projector ฉายข้อความจากคอมพิวเตอร์ขึ้นจอในห้องประชุมเพื่อ discuss กันในรายละเอียดต่างๆ นะ พอเรามองขึ้นจอ พบว่า "ไม่มีคนไทยคนไหนเขียนประโยคภาษาอังกฤษได้แบบเป็นธรรมชาติครบทุกประโยคในแต่ละหน้าที่ฉายขึ้นจอเลย...!!!!????..." ถึงจะไม่ผิดมากเท่าของ จขกท แต่ก็ผิดเยอะจนถึงขั้นต้องใช้เวลาเรียนใหม่นานหลายปี กว่าจะแก้ไขเยียวยาข้อผิดพลาดได้หมด แต่ถ้าไม่อยากเรียนเพื่อแก้ไขเยียวยานะ เขียนอังกฤษผิดๆแบบนั้น ก็ยังสื่อสารเรื่องยากๆรู้เรื่องได้นะ คือเขียนผิดธรรมชาติ (แบบคนที่ไม่ใช่เจ้าของภาษาเขียน) แต่อ่านรู้เรื่องยังไงล่ะ แต่ในทางกลับกัน ภาษาอังกฤษที่แขกปากีสถานเขียน มันออกมาดีพอๆกับภาษาอังกฤษของพวกสิงคโปร์ (ที่เคยเป็นเมืองขึ้นอังกฤษ) เลยหละ  เราก็เลยงงว่า เอปากีสถานไม่ใช่เมืองขึ้นอังกฤษ แล้วเขาเรียนภาษาอังกฤษกันยังไงหว่า คนรวม 12 คน ทุกคนจึงเขียนได้ดีเหมือนชาวสิงคโปร์หมดเลย มันเป็นเพราะอะไร? แต่พอคิดทบทวนให้ดีๆนะ ก็ร้องอ๋อว่า ประเทศปากีสถานเคยเป็นส่วนหนึ่งของประเทศอินเดียซึ่งเคยเป็นเมืองขึ้นของอังกฤษนั่นเอง แก้ไขเมื่อ 16 ส.ค. 52 21:14:38 แก้ไขเมื่อ 16 ส.ค. 52 21:12:23 แก้ไขเมื่อ 16 ส.ค. 52 08:19:32 จากคุณ : fortuneteller เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 52 06:53:13

ความคิดเห็นที่ 22 ^ ^ ข้อความที่เขียนใน #21 ไม่ใช่พูดกวนๆนะ แต่พูดด้วยใจจริงว่า จขกท ไม่ต้องท้อใจ พูดผิดๆ เขียนผิดๆ ก็ยังใช้ประกอบอาชีพได้ สื่อสารได้ในระดับยากๆ ก็ยังพอทำได้ เหมือนๆกับพวกคนไทยใน finance company ที่เราไปเจอมา พวกเขาช่วยๆกันเป็นล่ามแปลเรื่องขั้นตอนการทำงานในบริษัทเขาให้แขกปากีเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์ได้อย่างถูกต้อง  ในขณะที่ตัวเราเองที่พูดอังกฤษถูกต้องมากกว่าคนไทยพวกนั้น แต่เราก็ยังไม่สามารถที่จะทำงานล่ามได้ดีเท่าพวกเขาเนื่องจากว่าเราไม่ได้เป็นพนักงานในนั้น และเราไม่รู้ขั้นตอนที่แปลกๆซับซ้อนของงานของพวกเขา ถ้าเราแปลไปตามเนื้อผ้านะ โอกาสที่เราจะแปลผิด จะมีมากกว่าเสียอีก เราจึงนึกชื่นชมคนไทยพวกนั้นอยู่ในใจนะว่า "ใจเด็ดจริงๆว่ะ กล้าแสดงออก กล้าพูดกล้าเขียน ไม่กล้วผิด" ^ ^ ที่พูดนี่เราหมายถึง ถ้าคนไทยต้องการเรียนภาษอังกฤษไปใช้สื่อสารนะ ถ้ามันเรียนแล้วได้แค่นี้ ก็ไม่ต้องไปท้อใจ เพราะว่าประเทศไทยไม่ได้เป็นเมืองขึ้นอังกฤษ มันได้แค่นี้ก็เหลือกินแล้ว แก้ไขเมื่อ 16 ส.ค. 52 07:18:59 จากคุณ : fortuneteller เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 52 07:18:38

ความคิดเห็นที่ 23 แล้วถามว่าถ้าคนไทยรายอื่นๆจะเรียนจนพูดและเขียน ให้ดีกว่าพนักงาน finance company แห่งนั้น จะได้หรือไม่ คือไม่ให้มีผิดเลย หรือผิดน้อยกว่านั้นอีกหลายๆเท่า (กรณีทะเยอทะยานน้อยหน่อย) มันจะทำได้หรือไม่? ตอบว่า "ทำได้ แต่ไม่ใช่ทำโดยการเขียน essay ให้คนแก้บนเวปอย่างแน่นอน" คนไทยที่ไปอยู่ต่างแดนนานๆ ถ้าอ่านหนังสือภาษาอังกฤษมากๆ ไม่เรียน grammar เลย บางทีก็ยังพัฒนา senses บางอย่าง ที่ทำให้เขียนภาษาอังกฤษได้ดูเป็นธรรมชาติหน่อย เนื่องจากการอยู่ในสภาพแวดล้อมของการพูดอังกฤษทุกวัน มันทำให้ grammar ในระดับพื้นฐาน ซึมเข้าไปในหัวบ้างพอสมควร แต่คนไทยเรียนในเมืองไทย ถ้าไม่เรียน grammar ใน topics ต่างๆตามที่เราแนะนำคุณ จขกท (จริงๆแล้วต้องเรียนมากกว่านั้นอีกหลายเท่า) นะ จะเขียนให้ดีกว่าพนักงาน finance company (ที่เราบอกว่าเขียนผิดทุกหน้า) รับรองว่า ไม่มีทางเป็นไปอย่างแน่นอน เลยหละ ถามว่า แล้วมีคนไทยคนไหนไหม ที่เรียนในเมืองไทยแล้วเขียนได้ดีมากๆ ตอบว่า มีสิ ดูคุณสุทธิชัย หยุ่นสิ ทำไมเขาพูดเขียนอังกฤษได้ดีมากๆ ทั้งๆที่เรียนภาษาอังกฤษในเมืองไทย คำตอบก็คือ "เขาใช้ความเพียรพยายามมากๆ โดยการพัฒนาทักษะต่างๆไปตามลำดับขั้นตอนที่ถูกต้อง และที่เขาประสบความสำเร็จทางด้านภาษาได้ในระดับสูงๆมากๆนั้น มันไม่ใช่เพราะเขาเรียนลัดโดยการเขียน essay มาแปะให้คนแก้บนเวปอย่างแน่นอน" คนที่เรียนภาษาอังกฤษอย่างคุณสัทธิชัย หยุ่น เขาจะรู้วา เขียนแบบไหน ถูกหรือผิด และเพราะอะไร และถ้าไม่ sure จะไปค้นข้อมูลได้ที่ไหน อย่างไร แก้ไขเมื่อ 16 ส.ค. 52 07:43:59 จากคุณ : fortuneteller เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 52 07:40:55

ความคิดเห็นที่ 24 ขออนุญาตนอกเรื่อง สงสัยมานานแล้วว่าคุณ fortuneteller พิมพ์ได้เร็วนาทีละกี่คำครับ ผมเห็นแล้วเหนื่อยแทน คาราวะ 1 จอก สำหรับการสละเวลามาช่วยรุ่นลูกรุ่นหลานมากมายขนาดนี้ จากคุณ : หนุ่มไทยไร้นาม เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 52 07:46:00

ความคิดเห็นที่ 25 เพื่อนร่วมงานของเราคนหนึ่ง (เคยเจอกันตอนนั่งทำงานด้วยกันในบริษัทแปลเอกสารแห่งหนึ่ง) ก็เรียนจบในเมืองไทย แต่ที่โต๊ะทำงานเขานะ เราเห็นเขามีตำราอ้างอิงเรื่องทุกเรื่องที่เราพูดถึง (ที่เราพูดให้คุณ จขกท ฟังน่ะ) จริงๆแล้วเขามีตำรามากกว่านั้นอีกหลายเท่า  ซึ่งทำให้เขาค้นข้อมูลได้ว่าเขียนแบบไหนมันถูก และมันผิด และเพราะอะไร? และถ้าไม่ sure จะค้นข้อมูลที่ไหน อย่างไร เพื่อนร่วมงานเราคนนี้เปิดตำราพวกนั้นอ่านหลายปี จนมันขาดกระจุยไปหลายเล่ม งานที่เขาทำคือแปลเอกสารภาษาอังกฤษยากๆหลายประเภทเป็นภาษาไทย แปลมา 10 กว่าปี จนแปลเร็วมากๆ แต่แทบไม่ได้แปลไทยเป็นอังกฤษเลย ก็เลยไม่ค่อยได้เขียนภาษาอังกฤษ แต่เขาก็แอบซุ่มๆฝึกทักษะการเขียนมาตลอดเลยนะ จนเปลี่ยนงาน ไปทำงานที่ news desk ของหนังสือพิมพ์ภาษาอังกฤษแห่งหนึ่ง ตอนนี้หละ หัดเขียนเต็มตัวเลย ฝึกไปฝึกมานะ (ฝีกเขียนอังกฤษไปอีกหลายปี) ตอนนี้นะ เขาเขียนภาษาอังกฤษได้ดีในระดับทำงานเป็น copyeditor อยู่ในหนังสือพิมพ์ฝรั่งแห่งนั้นนั่นหละ ข้อความภาษาอังกฤษที่เขาเขี่ยน ที่เราเห็นเป็นครั้งสุดท้ายนะ เราตกใจกล้วมากๆว่าเขาเขียนได้ดีเหมือนฝรั่งตัวจริงเสียงจริงที่เป็น professional journalist เขียนเลยหละ คนไทย 2 คนที่เราพูดถึง (คือสุทธิชัย หยุ่น กับอดีตเพื่อนร่วมงานของเรา)  ที่เขียนภาษาอังกฤษเก่งมากๆ เรียนในเมืองไทยนี่หละ แต่เรียนจากตำราที่กองสุมกันอยู่จนท่วมหัว แบบว่า ถ้าหล่นลงมาทับร่างนะ เจ้าของตำราก็แบนเลยหละ ถึงเก่งระดับเทพได้ "ไม่ใช่เขียน essay ให้คนแก้บนเวป อย่างที่กำลังเป็นแฟชั่นใน pantip" ถ้าใครคิดว่า อยู่ดีๆเรียน writing 60 ชม แล้วเก่ง หรือเขียน essay วันละเรื่องให้คนแก้บนเวปทุกวัน แล้วเก่งนะ ให้อ่านทบทวนเรื่องคุณสุทธิชัย หยุ่น กับเรื่องเพื่อนร่วมงานของเรา ให้ดีๆ แล้วให้ตระหนักว่า คนพวกนี้ กว่าจะเก่งได้นะ ออกแรงเรียนมากๆ เป็นเวลาหลายปี เกิน 10 ปีอย่างแน่นอน ไม่ใช่เรื่องหมูๆอย่างที่ หลายๆคนคิดกัน กรณีเพื่อนเรา เขาแปลเอกสารยากๆจากอังกฤษเป็นไทยมานานกว่า 10 ปีจนจำ sentence structure types ได้ และ grammar ซึมเข้าสมอง แต่เขาก็ยังค้นคว้าเสริมความแข็งแกร่งจากตำราอีกเป็นกองพะเนินเทินทึก กว่าเขาจะเขียนได้เหมือน professional journalist  แต่ในขณะเดียวกันนะ มีนักแปลคนหนึ่ง ที่แปลหนังสือยากๆมาแล้วหลายร้อยเล่ม แปลเร็วจนคนอ่าน อ่านไม่ทัน มารับสารภาพในกระทู้บนเวปแห่งหนึ่งว่า (เราจำทุกถ้อยคำไม่ได้ แต่ข้อความประมาณนี้)   "ผมแปลหนังสือภาษาอังกฤษหลายประเภทมาหลายร้อยเล่ม ผมอ่านภาษาอังกฤษแตกฉาน เรื่องยากๆที่ผมไม่รู้ผมก็มีที่ปรึกษา  แต่ผมพูดอังกฤษกับเขียนอังกฤษไม่ได้เลย เพราะคืนครูไปหมดแล้ว" แปลกไหม ถ้าเทียบเพื่อนร่วมงานเรากับนักแปลหนังสือคนนี้ ทำไมคนๆหนึ่งอ่านภาษาอังกฤษเยอะๆ แล้วเขียนอังกฤษได้ดี แต่อีกคนหนึ่งอ่านอังกฤษเยอะๆ แล้วกลับเขียนอังกฤษไม่ได้เลย  เพราะอะไร? ลองไปคิดเป็นการบ้านดู...นั่งบริกรรมดูดีๆ แล้วจะพบทางสว่าง แก้ไขเมื่อ 16 ส.ค. 52 08:07:34 จากคุณ : fortuneteller เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 52 07:49:44

ความคิดเห็นที่ 26 โอ้สวัสดีคุณหนุ่มไทยไร้นาม  ตื่นเช้าจริงๆนะ พิมพ์ภาษาไทย ไม่เคยวัดความเร็วแฮะ แต่รู้ว่า ความเร็วยังสู้พวกเด็กๆที่รับจ้างพิมพ์ดีดไม่ได้หรอก แต่ถ้าพิมพ์อังกฤษนะ ตอนเครื่องไม่ร้อน นาทีละประมาณ 70 คำ แต่ถ้าเครื่องร้อน บางทีพิมพ์ได้ 90 กว่าคำ ถ้าใครให้ราคาดีๆนะ จะเปลี่ยนอาชีพเป็นรับจ้างพิมพ์ดีดภาษาอังกฤษ มันซะเลย...ฮาๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ไปก่อนแระ ไปทำงานดีกว่า Have a nice day. จากคุณ : fortuneteller เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 52 07:58:07

ความคิดเห็นที่ 27 ขอคาราวะคุณ fortuneteller อีก 1 จอก ความจริงแล้วไม่เห็นต้องพิมพ์เยอะขนาดนั้นก็ได้มั้งคะ อ่านแล้วจะเป็นลม จากคุณ : หนูฟั่นเฟือน เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 52 11:16:45

ความคิดเห็นที่ 28 ที่บ้านเปลี่ยนคีย์บอร์ดไปกี่อันละ ฮ่า ฮ่า เอิ๊ก จากคุณ : แม่ค้าลูกชิ้นนึ่ง เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 52 11:29:46

ความคิดเห็นที่ 29 ^ ^ ตั้งแต่ notebooks มันลงราคาฮวบเลย (คงเป็นเพราะจอ lcd มันถูกลง) นะ แล้วพอ desktop เครื่องสุดท้ายของเราสิ้นชีพวายชีวา ไปเมื่อประมาณเดือนพฤศจิกายนที่แล้ว เราซื้อ notebook มาเครื่องหนึ่ง แต่ไม่กล้าพิมพ์บนตัว notebook (เพราะกลัวพัง) เราใช้ usb keyboard ต่อ แล้วพิมพ์แรงๆ จวบจนถึงทุกวันนี้นะ เราเปลี่ยน keyboards ไป 3 อันแล้วน่ะ...555+++...นับว่าคิดถูกแล้วที่ไม่พิมพ์บน notebook น่ะ... จากคุณ : fortuneteller เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 52 12:25:09

ความคิดเห็นที่ 30 นับถือคุณหมอดูมากค่ะ ที่ลงรายละเอียดขนาดนี้  (เราเลยได้เรียนรู้ไปด้วยเลย) แล้วก็นับถือคุณ จขกท. ด้วยที่ไม่โกรธ  เพราะเห็นหลายคนแล้วที่โกรธคุณหมอดู สู้ๆ นะคะ ปล.  ยังไม่เคยเห็นใครต้องเปลี่ยนคีย์บอร์ดเพราะพิมพ์เยอะเลย  มันพังยังไงเหรอคะ  นึกไม่ออก จากคุณ : lalabel เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 52 19:02:55

ความคิดเห็นที่ 31 ^ ^ ^ ที่เห็นเฮียแกเขียนยาวๆนั่น แกพิมพ์ไม่ถึงห้านาทีดี คีย์บอร์ดที่ไหนมันจะไม่พัง จากคุณ : แม่ค้าลูกชิ้นนึ่ง เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 52 19:15:40

ความคิดเห็นที่ 32 I have been writing English more than 30 years, using computer keyboard. I have yet to break a single one. Still a novice in typing, compared to khun Fortune teller. 555 จากคุณ : K.Senior เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 52 23:11:50

ความคิดเห็นที่ 33 เข้ามาอ่านที่ทุกคน post ครับ  ^^ จากคุณ : คนจนที่อยากรวย เขียนเมื่อ : 17 ส.ค. 52 00:02:37

ความคิดเห็นที่ 34 ^ ^ ^ คุณ จขกท ถ้าคุณไม่โกรธเรานะ ก็จะดี...เราจะแนะนำให้คุณไปอ่านกระทู้อีกกระทู้หนึ่งที่เราปั่นไว้ (จริงๆแล้วเราตอบกระทู้คนอื่นเขา) แล้วคุณก็จะเห็นได้ว่า การเรียนภาษาอังกฤษ ให้ไม่พูดผิดหรือเขียนผิด (เพราะรู้ว่า อะไรผิด อะไรถูก เพราะอะไร และถ้าไม่ sure จะหาข้อมูลได้ที่ไหน อย่างไร) นั้น...มันต้องวางฐานรากที่แข็งแกร่งมากๆ เสียก่อน แล้วจึงค่อยพัฒนาไปตามลำดับขั้นตอนที่ถูกต้อง ซึ่งนับว่า "ออกแรงเยอะมากๆ แล้วก็ต้องทนความเจ็บปวดอย่างแสนสาหัสมากๆ (กรณีของเรานะ เราโดนวงเวียนเขียนกระดานอันใหญ่ๆหวดเอา จนเจ็บระบบเลยหละ...) ตาม link นี้ไปอ่านกระทู้นั้นได้   http://www.pantip.com/cafe/library/topic/K8208316/K8208316.html จากคุณ : fortuneteller เขียนเมื่อ : 17 ส.ค. 52 04:57:54

ความคิดเห็นที่ 35 No pain, No gain. ...Practice makes perfect.... จากคุณ : ไข่ต้มกะนมอุ่น เขียนเมื่อ : 17 ส.ค. 52 15:01:00

ความคิดเห็นที่ 36 ผมมักจะอ่านที่คุณหมอดูตอบเปนประจำครับ ได้ความรูเพิ่มเติมดี ขนาดว่าผมเรียนภาษากับฝรั่งมาตั้งแ่ต่เด็กๆ แต่มันก้อใช้ว่าจะครอบคลุมไำปทุกอย่าง ยังมีอีกหลายเรื่องที่ยังต้องเรียนรู้ครับ คุณ จขกท ดีแล้วครับที่ไม่โกรธคุณหมอดู ไม่มีใครที่ไม่เคยผิดหรอกครับให้คิดซะว่าเป็นความรู้ดีกว่าครับ ไอสิ่งที่คุณหมอดูแนะนำไป ผมเชื่อว่า อ.สอนภาษาหลายๆคน ไม่สามารถอธิบายได้ครับ จากคุณ : ลุงเค้ก เขียนเมื่อ : 17 ส.ค. 52 17:12:03

ความคิดเห็นที่ 37 มาเป็นกำลังใจให้คุณเจ้าของกระทู้ค่ะ เราก็ไม่เก่ง ภาษาอังเหมือนกันค่ะ และวางแผนว่าจะสอบโทอิคเหมือนกันด้วย เราเรียนศิลป์ภาษามานะ แต่ไม่เคยสนใจพวก tense หรือ grammar อะไรเลย เพราะเราคิดว่าเราสามารถ สื่อสารกับคนต่างชาติรู้เรื่องแล้ว ไม่น่าจะยากอะไร แต่พอลองทำข้อสอบดูแล้ว ทำแกรมม่าร์ ผิดเยอะมาก ตอนนี้เลยมานั่งทบทวนใหม่ และเหนว่ามันเป็นสิ่งที่สำคัญมาก ในการใช้ภาษาอังกฤษ สิ่งที่คุณ fortuneteller บอกเราว่าดีมากๆเลยนะคะ ได้ความรู้มากๆ ต้องขอขอบคุณด้วยค่ะ แล้วเราจะติดตามกระทู้ของคุณ fortuneteller เรื่อยๆค่ะ ^^ จากคุณ : B*wiki เขียนเมื่อ : 17 ส.ค. 52 19:32:51