 |
ความคิดเห็นที่ 24 |
|
ไหนๆจะเถียงกันทั้งทีแล้วก็ศึกษาเรื่องนี้ให้มากๆนะจ้ะ มี2ประเด็นนะนะ 1ขอพระราชทานอภัยโทษ 2ถวายฎีกา 2ข้อนี้เหมือนจะเป็นเรื่องเดียวกัน แต่ก็แยกเป็น2ประเด็น กฎหมายนั้นชัดแจ้งอยู่แล้วในขั้นตอนและวิธีการของกฎหมายทั้ง2ข้อ แต่เมื่อนำมามองรวมกันเลยมีปัญหา ข้อ1นั้นชัดเจนว่า จะต้องให้เป็นญาติ(ในรายละเอียดไปหาอ่านเองนะจ้ะ)หรือเจ้าตัวผูต้องโทษนั้นขอพระราชทาน ข้อ2ถวายฎีการ้องทุกข์นั้นทำได้ อย่างที่กล่าวกันอย่างเกร่อไปว่า ลูกจะขอคุยกับพ่อ (แมวก็สงสัยจัง ถ้าลูกจะขอคุยกับพ่อ นั้นใครจะห้ามได้ แต่ประชาชนนั้นอ้างตนเป็นลูกของพระเจ้าอยู่หัวมีมากมายมหาศาล จะให้สมจริงอย่างลูกที่บ้านขอคุยกับพ่อที่บ้านนั้นคงเป็นไปไม่ได้ ต้องมีขั้นมีตอน มีระเบียบแบบแผน มีกาลเทศะ ข้อถวายฎีการ้องทุกข์นั้นก็ไปอ่านรายละเอียดกันเอาเอง) ที่นักวิชาทั้งหลายออกมาต่อต้าน2ข้อนี้ จริงแล้วเขาต้านข้อ1(อ่านดีๆ) เพราะว่า มันทำไม่ถูกตามกฎหมาย และกฎหมายดังกล่าวก็ไม่ได้สร้างขึ้นมาด้วยฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งที่เสียประโยชน์หรือได้ประโยชน์จากเรื่องนี้ แม้ว่า นักวิชาการเหล่านั้น หรือ แม้เพียงบางคนจะมีอคติกับเรื่องนี้ก็ตาม เขาเหล่านั้นกล่าวถูกต้อง เพราะควรเตือนผูทำผิดขั้นตอนทำผิดกฎหมาย ยังไม่รวมมุมมองที่ต่างกัน เรื่องที่กลุ่มที่ต่อต้านนี้ เห็นว่า การกระทำดังกล่าวเป็นการอาจเอื้อมไปยุ่งกับสถาบันเบื้องสูง(โดยจะมองว่าเป็นเรื่องการเมืองหรือไม่ก็ตาม) ทั้งที่ผู้มี่ต้องโทษนั้นสามารถร้องขออภัยโทษได้ด้วยตนเอง หรือ ให้ญาติพี่น้องนั้นร้องให้ แต่ก็ไม่ทำ ทั้งที่ไม่ใช่เรื่องยากเย็นอะไร นอกจากนั้นยังมีเรื่อง การต้องรับโทษแล้วจึงขอพระราชทานอภัยโทษ ยังไม่รวมเรื่องการสำนึกผิด(ตามพระราชวินิจฉัยที่คุณจขกท.อ้างอิงมาที่หัวกระทู้นั้น)ซึ่งไม่รู้จะวัดกันอย่างไร และจะแสดงออกอย่างจริงใจหรือไม่
หากผู้ต้องโทษไม่ได้คิดว่าตนผิด ก็ต้องว่ากันด้วยวิธีอื่น ขั้นตอนอื่น ไม่ใช่การขอพระราชทานอภัยโทษ
ส่วนที่ผ่านมานั้นมีการถวายฎีการ้องทุกข์กันอยู่หลายครั้งในช่วงเวลา46ปีที่ผ่านมา หากจะอ้างได้ว่า เป็นการผิดขั้นตอนผิดกฎหมายนั้น แล้วเป็นการเลือกปฏิบัตเมื่อเทียบกับปัจจุบัน ก็ต้องไปดูศึกษาหลักฐานในอดีตกันจริงๆ เท่าที่ทราบ ส่วนใหญ่นั้นเป็นการฎีการ้องทุกข์ แต่การฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษนั้น จริงแล้วมีอยู่เกลื่อน เพราะนักโทษที่รอลงโทษประหารนั้น ทุกรายขอพระราชทานอภัยโทษทั้งนั้น
ส่วนที่ว่าประเทศนี้ยังมีกฎหมายอยู่หล่ะหรือ แน่นอนว่ามี แม้ว่าจะไม่วิเศษดีเด่อะไร ก็ยังมีอยู่ และยังใช้อยู่(อย่างที่มีคห.ข้างบนอ้าง และเป็นฐานให้การถวายฎีกานั้นเป็นผล-แยกให้ออก่อนนะจ้ะว่า เป็นการถวายฎีกา มิใช่การขอพระราชทานอภัยโทษ ซึ่งทำผิดขั้นตอนไม่ถูกตามกฎหมายอยู่)
จะไม่มี หรือ มีก็เหมือนไม่มี ก็จะเป็นเพราะ คนจะเอาความคิดของตนนั้นไปแก้ไขกฎหมายที่มีอยู่โดยไม่ได้มีความรู้ไม่ได้ศึกษา นั่นคงจะไม่เป็นการแก้ไขแต่ทำให้แย่ลง คล้ายกับเมื่อกฎหมายไม่เอื้อประโยชน์ หรือ ให้โทษเราตามเหตุอันควรนั้น ก็จะเปลี่ยนเสียท่าเดียว
อย่าไล่แมวไปห้องอื่นเลยนะจ้ะ ไม่อยากให้เอียงไปทางการเมืองเท่าไร แต่เถียงกันด้วยอารมณ์และทิฐิ คงไม่ใช่ค่านิยมที่ดีของห้องสมุดนี้ (และห้องอื่นๆด้วยแหละ) กระนั้นก็ตามต้องออกเสียงให้ชัดเจน ว่า แมวไม่เห็นด้วยกับคห.6,12,15,16 ส่วนคห.17นั้นเห็นด้วยแค่บรรทัดแรก ที่เหลือนั้นไม่เห็นด้วย ต้องศึกษาประวัติศาสตร์ให้ถ้วนถี่ก่อน ดังที่แมวกล่าวไว้ข้างตนแล้ว ส่วนคห.18 เราต้องเพิ่มความอดทนอดกลั้นต่อความคิดที่ไม่ตรงกับของเราด้วย แต่ก็ต้องขอแก้ไข ว่า คุณพิมพ์ผิด-แหม สะกดอย่างนี้นะจ้ะ แถมมาเฟียนั้นไม่ไปอิตาลีก็ไปอเมริกานะจ้ะ ถึงจะเจอได้บ้าง ญี่ปุ่นนั้นเขาเป็นยาคุซะ หรือ ยากุซ่า นะจ้ะ(หาได้ง่ายแถวคาบุคิโจนั่นหน่ะ หรือ เมืองโอซากะก็ไม่น้อย)
คห.20 นี่เห็นด้วย แต่ก็ควรพิจารณา ตัวเราเองด้วยนะจ้ะ จะได้ไม่เป็นอย่างเขา(แมวสัญญาว่าจะอดทนกับความเห็นของคุณนะจ้ะ แม้ว่า บ่อยจะฟังดูแล้วไม่ค่อยมีเหตุผลอย่างแรง และสัญญาว่า จะไม่ไล่คุณไปห้องอื่น ให้น้อยใจอย่างนี้)
พิมพ์ผิดเอง แก้แล้วจ้า ถ้าเจอผิดอีกท้วงติงด้วย
แก้ไขเมื่อ 18 ส.ค. 52 00:22:13
จากคุณ |
:
แมวก่อนประวัติศาสตร์จากก้นครัว (แมวคาบมีด)
|
เขียนเมื่อ |
:
18 ส.ค. 52 00:21:04
|
|
|
|
 |