ความคิดเห็นที่ 1 ประธานเหมา จึงได้เสนอคำขวัญเป็นการชี้นำว่า “ศึกษาจากสหายเหลยเฟิง” เมื่อวันที่ 5 มีนาคม 1963 หลังจากนั้นสืบมา เรื่องราวของเหลยเฟิงก็ถูกเผยแพร่ไปทั่วประเทศ ผู้นำจีนหลายคนในขณะนั้น ไม่ว่าจะเป็นประธานาธิบดี หลิวเซ่าฉี, แม่ทัพใหญ่ของกองทัพปลดแอกอย่าง จูเต๋อ, นักวางแผนและนักปฏิบัติในทางเศรษฐกิจอย่าง เติ้งเสี่ยวผิง หรือ เฉินหยุน เป็นต้น ต่างได้เขียนคำขวัญด้วยพู่กันจีนดุจเดียวกับที่ เหมา ได้ทำไปก่อนนี้เช่นกัน ภาพ ป้ายอักษรลายมือประธานเหมาสดุดีแก่เหลยเฟิง จากคุณ : หนุ่มรัตนะ เขียนเมื่อ : 18 ส.ค. 52 19:12:23

ความคิดเห็นที่ 2 อะไรคือเรื่องราวของ เหลยเฟิง ที่นำมาสู่การกลายเป็นวีรชนของเขาจนโด่งดังไปทั่วประเทศ ซ้ำยังถูกยกให้กลายเป็นบุคคลที่ควรศึกษาเอาแบบอย่างเช่นนั้น? เรื่องราวของเหลยเฟิง ที่เป็นหลักฐานทำให้ผู้คนได้รู้จักเขานั้นมาจากบันทึกประจำวันของเขาเอง ที่โดยรวมแล้วก็คือ การบอกเล่าว่าเขาได้ทำอะไรไปบ้างในแต่ละวัน หรือในแต่ละวันนั้นมีเรื่องราวอันใดได้เกิดขึ้นแก่เขา และตัวเขาเองมีความรู้สึกนึกคิดอย่างไรทั้งต่องานและต่อเรื่องราวที่เขาประสบพบเจอ พ้นไปจากบันทึกที่ว่านี้แล้ว ข้อมูลอีกชุดหนึ่งย่อมหนีไม่พ้นคำบอกเล่าจากผู้คนที่แวดล้อมเขานั่นเอง ข้อมูลชุดหลังนี้คงไม่อาจเกิดขึ้นได้ถ้าหากเขาตายจากไปอย่างเงียบๆ และ “ประธานเหมา” ไม่ไปจุดประกายให้เอิกเกริกขึ้นมา แน่นอนว่าข้อมูลชุดนี้จะต้องบอกเล่าแต่คุณงามความดีของเขาเท่านั้น ที่จะให้มองในเชิงลบคงไม่มีใครกล้าอีกต่อไป เพราะ “ประธานเหมา” ได้รับรองแล้ว ฉะนั้น บันทึกของเหลยเฟิง จึงเป็นหลักฐานเดียวเท่าที่มีอยู่เป็นชิ้นเป็นอัน และบันทึกนี้เองที่หลังจากที่ชีวิตของเขาได้ถูกยกระดับขึ้นมาเป็นประดุจวีรชนแห่งยุคสังคมนิยมแล้ว ก็ได้รับการตีพิมพ์ด้วยจำนวนนับเป็นร้อยล้านเล่ม และคงจะพิมพ์อย่างต่อเนื่องเป็นระยะๆ เพราะฉบับที่ผมได้เห็นนั้น เป็นฉบับที่ตีพิมพ์ในปี ค.ศ.1990 คือพิมพ์หลังจากที่เหลยเฟิงได้รับการยกย่องไปแล้วกว่า 20 ปี (และตีพิมพ์ในเดือนมกราคม หลังจากที่เหตุการณ์นองเลือดที่เทียนอันเหมินผ่านไปกว่าครึ่งปี ซึ่งแสดงว่าพรรคคอมมิวนิสต์จีนตั้งใจที่จะให้เรื่องของเหลยเฟิง กลับมาอยู่ในสำนึกของเยาวชนจีนอีกครั้งหนึ่ง อย่างน้อยก็เพื่อลดอารมณ์ในการต่อต้านพรรคฯ ให้น้อยลง) ประเด็นก็คือว่า อะไรคือเนื้อหาสาระที่ปรากฏอยู่ในบันทึกของเหลยเฟิง อันเป็นที่มาของวีรกรรมของเขาเอง? เท่าที่ประมวลดูแล้วพอสรุปได้เป็นข้อๆ ดังนี้ 1.ในการทำงานแต่ละวันของเหลยเฟิง ทำให้รู้ว่าเขาเป็นคนทำงานอย่างจริงจัง ไม่เกี่ยงงานหนักงานเบา ความจริงจังนี้เกิดขึ้นบนพื้นฐานความเข้าใจและความมุ่งมั่น ที่จะให้รัฐสังคมนิยมจีนมีความเจริญก้าวหน้าและเกรียงไกร 2.เหลยเฟิงเป็นคนที่มีความสุภาพ อ่อนน้อมถ่อมตน และมีน้ำจิตน้ำใจต่อสหายและผู้คนรอบข้าง ทั้งที่เขารู้จักและไม่รู้จัก ด้วยเหตุนี้ เขาจึงเป็นผู้มีจิตใจ “รับใช้มวลชน” (เว่ยเหญินหมินฝูอู้) อยู่เสมอ พบเห็นใครที่ไหนกำลังทำอะไรที่ต้องการแรงช่วย เขาไม่ลังเลที่จะเข้าไปช่วยทันที เหลยเฟิง เป็นคนที่มีปณิธานอันแรงกล้าที่จะเป็น “ลูกที่ดี” ของพรรคคอมมิวนิสต์จีน มีความเคารพ เชื่อฟัง และยกย่องอุดมการณ์คอมมิวนิสต์อย่างแรงกล้าและมั่นคง และโดยไม่มีเงื่อนไขต่อ “ประธานเหมา” แล้ว เหลยเฟิง เคารพรักอย่างสุดจิตสุดใจ ถึงขนาดเก็บมาฝัน โดยคืนวันหนึ่งเขาฝันว่าได้พบกับ “ประธานเหมา” ในฝันที่ว่านี้เหลยเฟิงดีใจอย่างที่สุด จนแม้ในยามที่ตื่นแล้วได้มาเขียนบันทึกนี้ เขายังได้แสดงออกซึ่งความปีติยินดีแม้จะเป็นเพียงความฝันก็ตาม จะว่าไปแล้ว เนื้อหาทำนองนี้ไม่ได้เกิดแก่เหลยเฟิงเพียงคนเดียวในแผ่นดินจีนขณะนั้น เป็นอยู่แต่ว่าที่เหลือนอกนั้นไม่ได้ถูกแสดงออกมาอย่างเปิดเผย หรือเปิดเผยแล้วทุกคนเห็นว่าเป็นเรื่องปกติที่ใครๆ ก็เป็นกันเท่านั้น และก็คงไม่มีใครคิดที่จะเปิดเผยสิ่งที่เป็นส่วนตัวเช่นนี้เป็นแน่ แม้แต่เหลยเฟิงเองก็ตาม จากคุณ : หนุ่มรัตนะ เขียนเมื่อ : 18 ส.ค. 52 19:14:13

ความคิดเห็นที่ 3 ด้วยเหตุดังนั้น หากใครที่คิดว่า การได้รับการยกย่องให้เป็นวีรชนคือเรื่องของชะตาฟ้าลิขิตแล้วละก็ ย่อมต้องคิดเห็นว่าเหลยเฟิงโชคดีที่ตายก่อน หาไม่แล้วเขาคงไม่ได้รับฐานะนี้เป็นแน่ ทั้งนี้ผมควรกล่าวด้วยว่า ที่มองเช่นนั้นมิได้มีความคิดอิจฉาเหลยเฟิง หรือกำลังยุให้ใครอิจฉาตัวเขาแต่อย่างใด หากเป็นเพราะมีนักวิชาการจีนหลายคนต่างกล่าวเป็นเสียงเดียวกันว่า บันทึกดังกล่าวของเหลยเฟิง เป็นเรื่องโกหกพกลมที่ถูกแต่งขึ้นมาเพื่อรองรับสถานะของพรรคคอมมิวนิสต์จีน และฐานะของเหมาเจ๋อตงให้สูงเด่นยิ่งขึ้น เมื่อเป็นเช่นนี้จึงสุดวิสัยที่ผมจะวินิจฉัยได้ว่า ตกลงอะไรจริง อะไรเท็จ แต่นั่นไม่ใช่สาเหตุที่ทำให้ผมต้องมาเขียนบทความชิ้นนี้ เพราะยังไงเสียไม่ว่าเรื่องราวดังกล่าวจะจริงหรือเท็จอย่างไร เหลยเฟิงก็ได้กลายเป็นแบบอย่างให้แก่เยาวชนจีนได้ยึดถือไปเรียบร้อยแล้ว โดยรัฐบาลจีนได้ยกระดับให้เป็นเช่นนั้น และเรียกว่า “จิตวิญญาณเหลยเฟิง” (The Lei Feng Spirit) ตั้งแต่ตอนนั้น และสืบมาจนถึงวันนี้ เยาวชนจีนก็ปฏิบัติตนตามอย่างที่เหลยเฟิงเป็นเรื่อยมา.......เรื่อยมาจนเมื่อจีนได้ประกาศใช้นโยบายปฏิรูปและเปิดประเทศในปลายทศวรรษ 1970 อันเป็นนโยบายที่เปิดโอกาสให้ระบบทุนนิยมมีที่อยู่ที่ยืนในการพัฒนาประเทศ และทำให้จีนเป็นจีนดังที่เราเห็นและรู้จักกันในทุกวันนี้ ซึ่งเป็นจีนที่แตกต่างไปจากยุคสมัยที่เหลยเฟิงยังมีชีวิตอยู่ ดังนั้น ภาพของเยาวชนจีนในปัจจุบันจึงแตกต่างไปจากอดีตด้วยเช่นกัน กล่าวคือ จากเยาวชนที่มีความสุภาพอ่อนน้อมถ่อมตน มีจิตใจที่เสียสละและ “รับใช้มวลชน” ก็กลายมาเป็นเยาวชนที่ไม่สนใจอะไรอื่น นอกจากผลประโยชน์ของตัวเอง เมื่อเป็นเช่นนี้ความสุภาพอ่อนน้อมถ่อมตนและจิตใจ “รับใช้มวลชน” จึงขาดหายไปด้วย ทุกวันนี้ เยาวชนจีนต่างตกอยู่ภายใต้วงล้อมของวัตถุนิยม บูชาเงินตราความร่ำรวยและทุนนิยม มีและใช้ชีวิตที่หรูหราฟุ่มเฟือย อีกทั้งยังยกย่องค่านิยมแบบตะวันตก ฯลฯ ชนิดที่เรียกได้ว่า แทบจะมองไม่เห็นเลยว่า “จิตวิญญาณเหลยเฟิง” จะซุกซ่อนอยู่ตรงส่วนไหนบ้างและเลือนหายไปในสายลม ภาพอนุสรณ์สถานของเหลยเฟิง รวมประวัติ ภาพถ่าย เพื่อให้เยาวชนได้รับทราบและทำตามจิตวิญญาณของเขา จากคุณ : หนุ่มรัตนะ เขียนเมื่อ : 18 ส.ค. 52 19:15:43

ความคิดเห็นที่ 4 ขอประมวลภาพของเหลยเฟิง ภาพตอนเด็ก จากคุณ : หนุ่มรัตนะ เขียนเมื่อ : 18 ส.ค. 52 19:16:49

ความคิดเห็นที่ 5 บ้านของเหลยเฟิง อยู่แบบยากจน กับแม่ จากคุณ : หนุ่มรัตนะ เขียนเมื่อ : 18 ส.ค. 52 19:17:59

ความคิดเห็นที่ 6 ภาพถ่ายสี จากคุณ : หนุ่มรัตนะ เขียนเมื่อ : 18 ส.ค. 52 19:18:59

ความคิดเห็นที่ 7 จากเด็กชาวบ้าน เข้าสู่เมืองหลวงปักกิ่ง ด้วยหัวใจเต็มเปี่ยม จากคุณ : หนุ่มรัตนะ เขียนเมื่อ : 18 ส.ค. 52 19:19:59

ความคิดเห็นที่ 8 .. จากคุณ : หนุ่มรัตนะ เขียนเมื่อ : 18 ส.ค. 52 19:20:59

ความคิดเห็นที่ 9 ... จากคุณ : หนุ่มรัตนะ เขียนเมื่อ : 18 ส.ค. 52 19:22:10

ความคิดเห็นที่ 10 ภาพภ่ายพร้อมครู และเพื่อนๆกับกองทัพปลดแอก จากคุณ : หนุ่มรัตนะ เขียนเมื่อ : 18 ส.ค. 52 19:22:57

ความคิดเห็นที่ 11 ออกกำลังกายสมัยเรียน จากคุณ : หนุ่มรัตนะ เขียนเมื่อ : 18 ส.ค. 52 19:23:37

ความคิดเห็นที่ 12 ตอนเด็กๆ  เป็นนักดนตรี เล่นกลอง จากคุณ : หนุ่มรัตนะ เขียนเมื่อ : 18 ส.ค. 52 19:25:03

ความคิดเห็นที่ 13 ภาพถ่ายเมื่อจบการศึกษา จากคุณ : หนุ่มรัตนะ เขียนเมื่อ : 18 ส.ค. 52 19:26:08

ความคิดเห็นที่ 14 ภาพถ่ายขณะประจำกองทัพ จากคุณ : หนุ่มรัตนะ เขียนเมื่อ : 18 ส.ค. 52 19:27:14

ความคิดเห็นที่ 15 โต๊ะทำงาน จากคุณ : หนุ่มรัตนะ เขียนเมื่อ : 18 ส.ค. 52 19:28:05

ความคิดเห็นที่ 16 เหลยเฟิง ชอบรถและปืน มาก จากคุณ : หนุ่มรัตนะ เขียนเมื่อ : 18 ส.ค. 52 19:28:55

ความคิดเห็นที่ 17 เช็ดรถ จากคุณ : หนุ่มรัตนะ เขียนเมื่อ : 18 ส.ค. 52 19:29:28

ความคิดเห็นที่ 18 ถ่ายกับรถทหาร จากคุณ : หนุ่มรัตนะ เขียนเมื่อ : 18 ส.ค. 52 19:30:47

ความคิดเห็นที่ 19 ถ่ายกับรูปปั้นประธานเหมา ซึ่งเหลยเฟิง บูชาและเคารพมาก จากคุณ : หนุ่มรัตนะ เขียนเมื่อ : 18 ส.ค. 52 19:31:38

ความคิดเห็นที่ 20 ซักผ้า จากคุณ : หนุ่มรัตนะ เขียนเมื่อ : 18 ส.ค. 52 19:32:30

ความคิดเห็นที่ 21 เป็นที่รักของเด็กๆ จากคุณ : หนุ่มรัตนะ เขียนเมื่อ : 18 ส.ค. 52 19:33:21

ความคิดเห็นที่ 22 ช่วยเหลือคนสุงวัย จากคุณ : หนุ่มรัตนะ เขียนเมื่อ : 18 ส.ค. 52 19:34:09

ความคิดเห็นที่ 23 ซ่อมแซมเสื้อผ้า จากคุณ : หนุ่มรัตนะ เขียนเมื่อ : 18 ส.ค. 52 19:35:00

ความคิดเห็นที่ 24 ทำไร่ จากคุณ : หนุ่มรัตนะ เขียนเมื่อ : 18 ส.ค. 52 19:35:30

ความคิดเห็นที่ 25 .. จากคุณ : หนุ่มรัตนะ เขียนเมื่อ : 18 ส.ค. 52 19:36:14

ความคิดเห็นที่ 26 อ่านหนังสือ จากคุณ : หนุ่มรัตนะ เขียนเมื่อ : 18 ส.ค. 52 19:36:47

ความคิดเห็นที่ 27 ภาพถ่ายเสาต้นนี้ และรถทหาร ซึ่งถอยทับเขาในวันที่ 15 สิงหาคม 1962 ขณะทำการย้ายเสาโทรศัพท์ จากคุณ : หนุ่มรัตนะ เขียนเมื่อ : 18 ส.ค. 52 19:38:38

ความคิดเห็นที่ 28 ภาพร่างอันไร้วิญญาณของเด็กคนหนึ่ง ทำให้ประเทศจีนเปลี่ยนแปลงได้ แต่จิตวิญญาณของเขายังส่งไปยังวีรชนทั้งหลาย จากคุณ : หนุ่มรัตนะ เขียนเมื่อ : 18 ส.ค. 52 19:40:20

ความคิดเห็นที่ 29 กองทัพฯ กล่าวคำสดุดี จากคุณ : หนุ่มรัตนะ เขียนเมื่อ : 18 ส.ค. 52 19:41:18

ความคิดเห็นที่ 30 บรรยากาศงานศพเหลยเฟิง จากคุณ : หนุ่มรัตนะ เขียนเมื่อ : 18 ส.ค. 52 19:42:00

ความคิดเห็นที่ 31 ภาพโปสเตอร์ ซึ่งนำภาพของเขานำมาเป็นจุดขายต่างๆ จากคุณ : หนุ่มรัตนะ เขียนเมื่อ : 18 ส.ค. 52 19:43:02

ความคิดเห็นที่ 32 CCTV เคยเผยแพร่สารคดีของเหลยเฟิง จากคุณ : หนุ่มรัตนะ เขียนเมื่อ : 18 ส.ค. 52 19:44:03

ความคิดเห็นที่ 33 ภาพเพื่อนๆ ปัจจุบันของเหลยเฟิง (คนกลางภาพ) จากคุณ : หนุ่มรัตนะ เขียนเมื่อ : 18 ส.ค. 52 19:46:08

ความคิดเห็นที่ 34 ปัจจุบัน สภาพสังคมและการเมืองเปลี่ยนไป สภาพผู้คนและจิตวิญญาณของคนสมัยใหม่เปลี่ยนแปลง ซึ่งวัฒนธรรมต่างชาติเข้ามามีบทบาทและเทคโนโลยีอันทันสมัย ทำให้เด็กและวัยรุ่น มีความคิดที่เปลี่ยนแปลงไป จิตวิญญาณที่เคยเป็นแนวทางให้รักชาติ รักพี่น้องเพื่อนพ้อง และมีนิสัยเห็นใจด้วยกัน ได้จางหายไปอย่างช้าๆ จากคุณ : หนุ่มรัตนะ เขียนเมื่อ : 18 ส.ค. 52 19:51:26

ความคิดเห็นที่ 35 ขอบคุณสำหรับความรู้นี้ครับ   หลายปีก่อนผมก็ชอบประธานเหมามากเลย บ้ามาก หาหนังสือ ซีดี ดีวีดี มานั่งดู เหมามาหมด ซอยเทกซัส ในสารคดีชุดนึง ยังพูดถึง คุณเหลยเฟิง ด้วย แต่ฟังไม่ออก ดูแต่ดูภาพ  แปลไม่ออกแต่ก็นั่งดูไม่รู้จักเบื่อ ถึงขนาด เอาดินญี่ปุ่นมาปั้นเล่นด้วย ปั้นตอนแก่นะ ผมชอบหน้าท่านเหมา ตอนอายุเยอะ จากคุณ : jin leng เขียนเมื่อ : 18 ส.ค. 52 21:42:47

ความคิดเห็นที่ 36 เคยรู้เรื่องนี้มาบ้างค่ะ แต่จำชื่อไม่ได้ หุ หุ เพิ่งมานึกได้อีกทีตอนอ่านที่คุณหนุ่มรัตนะโพสต์นี่แหละ สิ่งที่น่าเสียดายคือตอนนี้จิตวิญญาณคอมมิวนิสต์จีนที่เสียสละเพื่อประเทศจะเหลืออยู่กี่เปอร์เซ็นต์น้อ สมัยคอมมิวนิสต์จีนรุ่นบุกเบิก ผู้คนลำบากยากจนแต่ไม่มีขโมย ไม่มีคดโกง ได้มีโอกาสคุยกับคนรุ่นนั้นท่านก็ว่าท่านมีความสุขในสมัยนั้นถึงแม้จะจน สมัยนี้จีนกลายเป็นทุนนิยมไปแล้วเหมือนกับประเทศอื่นๆ ยุคสมัยเปลี่ยนไป คนที่จะทำเพื่อคนอื่นโดยไม่หวังอะไรตอบแทนจริงๆคงหายากกว่าเดิมเยอะ ถ้าเหลยเฟิงยังอยู่มาจนปัจจุบัน ได้เห็นไข่ไก่ปลอมในประเทศตัวเองนี่แกคงจะกลุ้มพิลึก จากคุณ : The Starry Night เขียนเมื่อ : 19 ส.ค. 52 04:01:28

ความคิดเห็นที่ 37 เคยดูที่เป็นสารคดีค่ะ รูมเมทคนอินโดคนนึงชอบเหลยเฟิงมาก ถึงขนาดติดโน้ตบอกเวลา จองทีวี -_-" ลป. 21 วันในเมืองจีน กำลังอ่านมาถึงครึ่งเล่มแล้วนะคะ จากคุณ : แพนด้ามหาภัย เขียนเมื่อ : 19 ส.ค. 52 11:06:45

ความคิดเห็นที่ 38 แวะเข้ามาทำความรู้จัก เหลยเฟิงค่ะ หายากนะคะคนที่มีคุณสมบัติเช่นนี้ ...ทำงานอย่างจริงจัง ไม่เกี่ยงงานหนักงานเบา ความสุภาพ อ่อนน้อมถ่อมตน และมีน้ำจิตน้ำใจต่อสหายและผู้คนรอบข้าง  “รับใช้มวลชน” ไม่ว่าสังคมไหนก็ต้องการคนเช่นนี้ค่ะ จากคุณ : Noshka เขียนเมื่อ : 19 ส.ค. 52 11:12:48

ความคิดเห็นที่ 39 ติดตามชมด้วยคนครับ จากคุณ : เจียะป้าอู่สื่อ (tongboy) เขียนเมื่อ : 19 ส.ค. 52 13:33:37

ความคิดเห็นที่ 40 หลงยุคค่ะ บอกตามตรงว่าไม่เคยได้ยินชื่อนี้มาก่อนเลย พอดีสนใจช่วงต้นราชวงศ์ชิงมากกว่า ขอบคุณที่ให้ข้อมูลค่ะ จากคุณ : หรงเออร์ เขียนเมื่อ : 19 ส.ค. 52 15:56:14

ความคิดเห็นที่ 41   ถ้าคุณหนุ่มรัตนะไม่ตั้งกระทู้นี้ขึ้นมา ป่านนี้หนูก็คงยังไม่รู้จักผู้ชายชื่อ "เหลยเฟิง" ยังเป็นกบในกะลาอยู่เลยเรา... ขอบคุณนะคะที่สรรหาเรื่องราวของบุคคลตัวอย่างมาให้อ่าน ^^ จากคุณ : K-otism เขียนเมื่อ : 19 ส.ค. 52 21:44:58

ความคิดเห็นที่ 42   ขอบคุณมากครับสำหรับข้อมูล จำได้ว่าตอนที่ได้ดูหนังเหลยเฟิงรู้สึกประทับใจบุคคลผู้นี้มาก แม้จะคิดว่านี่คือวิธีการประชาสัมพันธ์ตามแบบประเทศในระบบสังคมนิยม แต่ก็เป็นแบบอย่างปฏิบัติที่ดีที่ควรเอาอย่าง ตอนนั้นมีการนำหนังเรื่องนี้ฉายไปตามสถาบันศึกษาต่างๆทั่วประเทศจีน แม้วันนี้สังคมจีนจะเปลี่ยนจากอดีตไปมากก็ตาม แต่เข้าใจว่าทุกวันนี้นักเรียนจีนก็ยังมีการร้องเพลงเกี่ยวกับเหลยเฟิงอยู่ ให้ดูเหลยเฟิงเป็นแบบอย่าง จากคุณ : blue kite เขียนเมื่อ : 20 ส.ค. 52 22:21:03 A:210.203.179.58 X: TicketID:224834

ความคิดเห็นที่ 43   น่าสนใจดี เลยแตกประเด็นซะ จากคุณ : ฟ้อนสหาย เขียนเมื่อ : 30 ก.ย. 52 21:23:56 A:112.142.216.47 X: TicketID:225300