ความคิดเห็นที่ 1 งานแบบเนี้ยเราถนัดนัก ติดต่อเราได้ที่ email บน blog เรา ถ้าเงินถึงนะ จะนั่งทำให้เสร็จคืนนี้เลยหละ ขอค่า edit (ตราจแก้) หน้าละ 1,000 บาท  จ่ายล่วงหน้าโดยการโอนเงินด้วยบ้ตร ATM   จริงๆแล้วเราเคยทำให้ก่อนแล้วเก็บเงินทีหลังเพราะนั่นมันคนรู้จักกัน แต่เราไม่รู้จักคุณ เราเลยขอค่า edit ก่อนลงมือทำ จากคุณ : fortuneteller เขียนเมื่อ : 23 ส.ค. 52 22:52:14

ความคิดเห็นที่ 2 ุ^ ^ ^ ^ ขอบคุณค่ะ  ตอนนี้มีคนช่วยแล้ว ^^" จากคุณ : กาแฟบนดอย เขียนเมื่อ : 24 ส.ค. 52 03:46:21

ความคิดเห็นที่ 3 ^ ^ เราเขียนเล่นสนุกๆไปงั้นเองเพราะเราไม่คิดว่านักศีกษาจะจ่ายค่า edit งานแพงขนาดนั้นหรอก  พอเราเขียนเสร็จแล้วก็หลับไปแล้ว เพิ่งตื่นมานี่แหละ...ฮาๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ... จากคุณ : fortuneteller เขียนเมื่อ : 24 ส.ค. 52 06:14:17

ความคิดเห็นที่ 4 "..แก้ภาษาอังกฤษวิทยานิพนธ์ด่วน ต้องได้พรุ่งนี้.." >> แก้ได้แค่หน้าแรกคือ abstract เท่านั้นแหละ ถ้าตั้งกรอบเวลาไว้แบบนี้ ถ้าจะให้แก้วิทยานิพนธ์ทั้งฉบับภายในพรุ่งนี้ มันเป็น Mission Impossible สำหรับมนุษย์ธรรมดา ต่อให้เก่งขนาดอีตาหมอดูก็เถอะ ยิ่งถ้าต้นฉบับเดิมมันมหากาฬอย่างที่เราเคยตรวจให้หลายๆคน บอกเลยว่าอาทิตย์หนึ่งจะเสร็จหรือเปล่ายังไม่รู้เลย จากคุณ : แอ๊ด ปากเกร็ด เขียนเมื่อ : 24 ส.ค. 52 10:52:31

ความคิดเห็นที่ 5 ^ ^ ^ ลูกเพ่พูดถูกเลยทีเดียว...555+++...  ข้าพเจ้าถึงได้บอกว่า "เราเขียนเล่นสนุกๆไปงั้นเอง..." ทั้งนี้ โดยไม่คำนึงถึงว่า ค่าตอบแทนจะมากน้อยสักเท่าใดก็ตาม แก้ไขเมื่อ 24 ส.ค. 52 13:20:49 จากคุณ : fortuneteller เขียนเมื่อ : 24 ส.ค. 52 13:20:28

ความคิดเห็นที่ 6 Cannot agree more. The task of editing a thesis in one night is most problematic. Furthermore, without a good long talk with the writer, I doubt that it can be done at all. I agree that with back and forth discussion and revision, you would need at least a week to finish the editorial work. จากคุณ : Peking Man เขียนเมื่อ : 24 ส.ค. 52 17:17:01

ความคิดเห็นที่ 7 ^ ^ ^ ^ ^ คุณ Peking Man ยังคงพำนักอาศัยใน London หรือเปล่า? ถ้าใช่นะ เราอยากให้คุณตามหาเพื่อนสนิทให้เราหน่อย  คือจริงๆแล้วนะตัวคุณเองนั่นแหละมี description เหมือนเพื่อนเรามากๆเลยหละคือ 1. เป็นคนไทยเชื้อสายจีน 2. เก่งภาษาจีนตั้งหลาย dialects 3. อยู่ต่างแดนมาเกินครึ่งชีวิตแล้วก็เก่งภาษาอังกฤษมากๆ (เพื่อนเราเวลาพุดอังกฤษทางโทรศัพท์นะ อดีตแม่ยายเรา ซี่งเป็นคนอ้งกฤษ ฟั้งแล้วนึกว่าเป็นฝรั่งพูด) ถ้าเผอิญว่า คุณเป็นเพื่อนเราคนนั้นนะ มันก็จะเป็น a pleasant surprise indeed... แก้ไขเมื่อ 24 ส.ค. 52 22:56:41 จากคุณ : fortuneteller เขียนเมื่อ : 24 ส.ค. 52 22:54:18

ความคิดเห็นที่ 8 เป็นไปได้ครับ คุณ fortuneteller ผมก็เจอเพื่อนเก่าสมัยเรียน ต.อ. ในห้องนี้แหละ ไม่ได้เจอกันมาหลายสิบปี ชื่อของเธอ ม่ายบอก อิอิ จากคุณ : หนุ่มไทยไร้นาม เขียนเมื่อ : 24 ส.ค. 52 23:08:36

ความคิดเห็นที่ 9 Peking Man เขาไม่ได้อยู่ London นี่ จากคุณ : แอ๊ด ปากเกร็ด เขียนเมื่อ : 24 ส.ค. 52 23:32:24

ความคิดเห็นที่ 10 ^ ^ อ้าวเขาย้ายถิ่นฐานแล้วหรือ? แสดงว่าเรา "ตกข่าวดิ" จากคุณ : fortuneteller เขียนเมื่อ : 24 ส.ค. 52 23:42:11

ความคิดเห็นที่ 11 ตอบ คุณหนุ่มไทยไร้นาม คคห 8 "ชื่อของเธอ ม่ายบอก อิอิ" แต่เราก็ใช้ logic กับศาสตร์ของหมอดู แม่นๆของเรา ทำนายได้นะว่าเธอเป็นใครน่ะ...555+++... จริงๆแล้วเราหลงคิดว่า "เธอคนนั้น (ที่คุณพูดถีง) น่ะเป็น my first date เสียด้วยซ้ำไป เนื่องจากว่า ....555+++...คนที่เราคิดถึงนะ เป็นลูกสาวทนายความชื่อดัง เรียนจบปริญญาตรีนิติศาสตร์ในประเทศอังกฤษ แล้วไปเรียนต่อที่ประเทศฝรั่งเศส...เธอเลยเก่งทั้งการแปลภาษากฎหมาย และรู้ภาษาฝรั่งเศสมากพอสมควร แต่เธอคนนั้น กลายเป็นมาตีกับเราในห้องนี้นะ...เหอๆๆ..." เรื่อง my first date นะ โครตตลกดีเลยหละ ตอนนั้นนะ เธอรู้ภาษาอังกฤษแคกฉานมากๆเลยหละ เพราะอยู่ต่างแดนมานานกว่าเรา เธอชวนเราไปดูหนังเรื่อง Dr. Zhivago (ไปดูกันที่โรงหนังในเมือง Torquay ซึ่งเป็นบ้านเกิดของ Agatha Christie)  เธอฟังหนังรู้เรื่องหมดเลย แต่เราฟังไม่รู้เรื่องเลยสักคำ...555+++... เราก็เลยกระแซะ กระแซะ เข้าไปกระซิบข้างหูเธอ ขอให้เธอช่วยแปลให้ แต่โทษทีกระซิบแรงไป ฝรั่งนั่งข้างๆมันรำคาญเสียงดัง มันเลยทำท่าไม่พอใจ ลุกเดินหนีกันไปหมดเลยอ้ะ หลังจากนั้นนะ เธอก็ตัดพ้อว่า "เราไปซุกข้างแก้มเธอมากไป จนน้ำลายเราหกเลอะหน้าเธอ....555+++...." อุ๊บ ติดเรท แถมจะโดนแฟนคนปัจจุบันเชือดอีกด้วย...ฮาๆๆๆๆๆๆๆๆ... แก้ไขเมื่อ 25 ส.ค. 52 00:07:13 แก้ไขเมื่อ 25 ส.ค. 52 00:00:45 แก้ไขเมื่อ 24 ส.ค. 52 23:58:51 จากคุณ : fortuneteller เขียนเมื่อ : 24 ส.ค. 52 23:58:20

ความคิดเห็นที่ 12 ภาษาอังกฤษของคุณ Peking Man เป็นอะไรที่เราทึ่งมากๆเลยหละ ในมุมมองของ language acquisition นะ คือว่าเราจำได้นะว่าเมื่อ 2-3 ปีที่แล้วนะ มี grammarian ระดับเซียนพยายาม highlight เรื่องความเก่งของเขาเองในเรื่อง grammar ใน topics ต่างๆ แต่คุณ Peking Man ตอบเขาไปเป็นภาษาอังกฤษทำนองว่า คุณPeking Man ห่วยแตกเรื่อง grammar แต่ภาษาอังกฤษที่คุณ Peking Man เขียนตอบเขาไปนะ มันดีเยี่ยมเลยทีเดียวหละ...มันเป็นภาษาอังกฤษที่ perfect มากๆเลยหละ... ตอนอ่านกระทู้นั้นนะ ไอ้เราก็หลงดีใจว่า จากการที่เราทำซ่าตอบกระทู้เรื่องภาษาอังกฤษมากเกินควร จนตกเป็นเป้า โดนคนเก่งภาษาอังกฤษมากๆ 2-3 คนเข้ามาตีหัวเราอะนะ เราเคยคิดเหมือนคุณ Peking Man ว่า ไม่ต้องบ้า grammar แต่อยู่ในสภาพแวดล้อมของการฟัง พูด อ่าน เขียนเยอะๆก็ใข้ภาษาอังกฤษได้ดี จริงๆแล้วคุณ Peking Man ทำได้ดีกว่าเรามากๆเลยหละ ในเรื่องนี้ แต่เราทำไม่ได้ "เรายอมแพ้ แล้วต้องไปหาตำรา grammar มาเรียน...!!!" แต่ก็ใชคดีที่ ในหลายๆปีที่เราเคยแปลภาษากฎหมายมานะ แล้วสถานการณ์มันบีบบังคับให้เรา "เรียนรู้ sentence structure types ไปโดยธรรมชาติ นั่นก็คือว่า เรารู้วิธีพลิกประโยคภาษาอังกฤษ กลับไป กลับมาได้ ในหลายๆ patterns" และจากการที่เราไปอ่านสัมภาษณ์นักแปลชื่อดังนะ เขาบอกว่า "ผมแปลหนังสื่ออังกฤษเป็นไทยมาหลายร้อยเล่ม แต่ผมเขียนภาษาอังกฤษไม่ได้เลย เพราะคืนครูไปหมด"   เราก็เลยคิดว่า "ก็ทีเราฟังฝรั่งพูดเรายังพูดอังกฤษได้นิ ทำไมเวลาเราอ่านเรื่องที่ฝรั่งเขียน เราจะเลียนแบบมาเขียนเองบ้างไม่ได้" หลังจากนั้นนะ เราทำอะไรสวนทางกันนักแปลคนดังคนนั้น นั่นก็คือแทนที่จะแปลหนังสือหลายเล่ม (เขาคงแปลปีละ 15 เล่มหรือเกือบๆ 20 เล่ม) แต่เราแปลแค่ 2 ปีหนึ่งเล่ม หรือน้อยกว่านั้น แล้วแต่ละเล่มที่เราแปลนะ เผอิญไปเจอนักเขียนฝรั่งระดับเซียนเข้าจริงๆน่ะ "เราจับประโยคภาษาอังกฤษของนักเขียนฝรั่งมาซึมซับ เอามาเล่นแร่แปรธาตุ....อีกทั้งค้นตำรา (ที่ฝรั่งเขียนไว้) เพิ่มเติมเพื่อปรับปรุงภาษาอังกฤษของเรา ในชณะที่พยายามฝึกลมปราณเพื่อขับเคลื่อนวิถีการเรียนรู้ของเราแบบ parapsychology และแบบเล่นปาฏิหารย์หน่อยๆ แบบหนังอินตระเดียน่ะ" ปรากฏว่าประหลาดมากๆ คืองานแปลไทยเป็นอังกฤษ ชิ้นสุดท้ายที่เราเพิ่งแปลเสร็จนะ เราคิดประโยคภาษาอังกฤษ แปลกๆ ใหม่ๆ ได้รวดเร็วมากๆราวกับว่า "วิญญาณนักเขียนฝรั่งเข้ามาสิงร่างเรา ดั่งที่เราพยายามเรียนภาษาอังกฤษด้วยไสยศาสตร์ (คือนั่งสมาธิเรียกวิญญาณนักเขียนฝรั่งให้มาสอนภาษาอังกฤษให้เราตอนเรานอนหลับน่ะ) เพื่อเอาชนะ คนที่เคยเข้ามาตีหัวเราน่ะ" แก้ไขเมื่อ 25 ส.ค. 52 01:01:36 จากคุณ : fortuneteller เขียนเมื่อ : 25 ส.ค. 52 01:00:45

ความคิดเห็นที่ 13 เราเล่าเรื่องนี้ให้แฟนเราฟังนะ มันเป็น contrast มากๆเลยหละ แฟนเราบอกว่า "เราคือ tansy กระต่ายขาว ที่เจ้าคิดเจ้าแค้น" คือแฟนเราเรียนภาษาอังกฤษเพราะใจรัก เธอชอบดูหนัง ฟังเพลง ภาษาอังกฤษ และชอบอ่านวรรณกรรมภาษาอังกฤษ ตั้งแต่เด็กๆ แล้วก็เรียนมาทางด้านภาษา   แล้วแฟนเราก็ "คิดไม่ถีงเลยจริงๆ" ที่ว่า "เราผู้ซึ่งเกลียดการเรียนภาษาอังกฤษมากที่สุดในชีวิต บัดนี้ ได้ขักธงรบ คล้ายๆกับเมื่อตอนเราเป็นเด็กๆ เราเคยไปเล่นหมากรุกฝรั่ง แล้วเราเจอคนเก่งๆ เราก็อยากเก่งแบบพวกเขา เราก็เลยไปซื้อตำราหมากรุกมาอ่าน" ตกลงก็เป็นอันว่า กระบวนการเรียนรู้ภาษาอังกฤษของเรานี้นะ มันมี drive (พลังขับเคลื่อน) อยู่เพียงตัวเดียวเท่านั้นคือ "อยากเอาชนะ" มันเป็นเกมเหมือนเกมหมากรุก มันเป็นเกมเหมือนเราเอา software ใหม่ๆมาทดสอบ โดยอาศัย logic ล้วนๆ เราเรียนภาษาอังกฤษ ไม่ใช่เพราะว่าเรารักภาษาอังกฤษ แต่เราต้องการทดสอบ logic ของเราว่า แม่นยำแค่ไหน...นั่นก็คือว่า รู้แค่ logic นะ เราจะหาบทเรียนภาษาอังกฤษจากแหล่งทรัพยากรต่างๆ มาสอนตัวเราเองให้สู้กับคนที่เคยพยายามเข้ามาตีหัวเรา  ได้หรือไม่"   มันเป็นอะไรที่ท้าทายมากๆ...555+++... จากคุณ : fortuneteller เขียนเมื่อ : 25 ส.ค. 52 01:02:05

ความคิดเห็นที่ 14 สรุปแล้วนะ สิ่งที่คนบางคนซึ่งเข้ามาตีหัวเราพยายามพูดว่าเราผิดพลาดเรื่องภาษาอังกฤษตรงไหนบ้างนะ มันกลายเป็น "สอนจรเข้ว่ายน้ำ...555+++..." นั่นก็เพราะว่า เราใช้ topics พวกนั้นเป็น keywords แล้วหาจาก google ได้หมดเลยว่า จะไปค้นตำราที่ไหนมาต่อสู้กับคนพวกนี้ ได้ในที่สุด...!!! และหนึ่งใน 2-3 คนนั้นนะ เมื่อเร็วๆนี้โผล่มาอีกรอบหนึ่ง และเราดีใจมากๆที่เห็นข้อผิดพลาด (ทางด้านภาษาอังกฤษ) ของเขาอย่างแรงๆเลยหละ แต่เราหุบปาก ไม่บอกเขา (เขาบอกเรา เราเรียนเพิ่ม แต่เราไม่บอกเขา เขาก็ไม่รู้ เราสู้กันด้วยกลยุทธ์นี้ จะมันกว่านะ) แต่ในขั้นตอนของการต่อสู้นั้น เราจะต้องกระทำอย่างชาญฉลาด นั่นก็คือว่า คนพวกเนี้ย ที่เราพยายามแข่งขันด้วยนะ "พวกเขารักภาษาอังกฤษมาตั้งแต่เด็กๆ แต่เราเกลียดภาษาอังกฤษมาตั้งแต่เด็กๆ" ดังนั้น ในกระบวนการเรียนรู้ของเรานะ กว่าเราจะเก่งได้ระดับเทพนะ เราก็คงจะต้องแก่เฒ่า หน้าตาเหี่ยวย่นไป ใช่ไหมล่ะ ดังนั้น เราจึงต้องงัดคัมภีร์โบราณของนักพรตเต๋ามาปัดฝุ่น แล้วฝึกใหม่ เพื่อให้เราเป็นเหมือนยอดฝีมือใน wuxia (นิยายเกี่ยวกับนักวรยุทธ์ = นิยายกำลังภายใน) นั่นก็คือ อายุ 300 ปี แต่หน้าตากลับเป็นเด็กๆเหมือนอายุ 30 ปี...555+++... เราอยากสร้างชมรมคนสูงอายุที่บ้าเหมือนเรา คนเรามีชีวิตอยู่ทุกวันก็ต้องหวังว่าจะดีชึ้นทุกวิถึทาง "ไม่ใข่คิดว่า ยิ่งแก่ตัวก็หลงๆลืมๆ เพราะถ้าคิดแบบนี้นะ ฆ่าตัวตายเสียจะดีกว่า" เราชอบคำพูดของใครคนหนึ่งที่พูดว่า Every day, and in every way, I am becoming better and better. จากคุณ : fortuneteller เขียนเมื่อ : 25 ส.ค. 52 01:16:52

ความคิดเห็นที่ 15 ตกลงเป็นอันว่า language acquisition ของคุณ Peking Man นะ มันเป็นธรรมชาติราวกับว่า เขาพัฒนา senses ที่พิเศษมากๆขึ้นมาได้เอง ซึ่งถ้าใครพัฒนา senses พิเศษๆ แบบนี้ได้นะ ไม่ต้องออกแรงเรียน grammar มากก็เก่งอังกฤษได้อย่างน่ามหัศจรรย์เลยจริงๆ... จริงๆแล้วนะ ใช้ตรรกะล้วนๆ เราก็พอที่จะมองเห็นคุณสมบัติอย่างหนึ่ง่ที่แตกต่างกันมากๆระหว่างคุณ Peking Man กับพื่อนซี้เราคนนั้นนะ นั่นก็คือว่า เพื่อนเราเป็นอันธพาลชอบกวนประสาทหาเรื่องคน (ระดับมาเฟียอยู่แถวๆ Chinatown ใน London เลยหละ) หากแต่ว่า คุณ Peking Man เป็นคนสุภาพน่ารักมากๆ แก้ไขเมื่อ 25 ส.ค. 52 01:27:56 จากคุณ : fortuneteller เขียนเมื่อ : 25 ส.ค. 52 01:25:18

ความคิดเห็นที่ 16 กวาดตามอง ถูกใจเหลือเกิน "คนเรามีชีวิตอยู่ทุกวันก็ต้องหวังว่าจะดีชึ้นทุกวิถีทาง" เราบอกกับตัวเองและเพื่อนสนิททุกปีที่ถึงวันครบรอบวันเกิดว่า "We're not getting older, but we're getting better." ชะแว้บไปปั่นงานต่อล่ะ บ๊ายบาย จากคุณ : Guga เขียนเมื่อ : 25 ส.ค. 52 01:41:52

ความคิดเห็นที่ 17 แล้ววันเกิดน่ะ วันที่เท่าไหร่ เดือนไหน จะได้ HBD แม่สาวน้อยอารมณ์ดี จากคุณ : หนุ่มไทยไร้นาม เขียนเมื่อ : 25 ส.ค. 52 08:00:38

ความคิดเห็นที่ 18   คคห. 16 ครับ ผมก็ชอบข้อความนี้มากเหมือนกัน ช่วงเรียนจบใหม่ๆ ก็ไปเจอเสื้อยืด มีข้อความพิมพ์ไว้ด้านหน้าว่า "We're not getting older but better" โดนใจมาก ใส่โชว์ตลอด แล้วก็ถือคติตามนั้น แต่มันจะเกี่ยวกับจุดนี้้หรือไม่ ก็ไม่ทราบ ทำให้รู้สึกว่า ทุกวันนี้ก็ยังเป็นหนุ่มอยู่เหมือนเดิม จากคุณ : Mr. Blue เขียนเมื่อ : 25 ส.ค. 52 10:25:27 A:203.172.48.230 X: TicketID:078372

ความคิดเห็นที่ 19 แฮ่ๆๆๆ คุณ Mr. Blue คะ ใช่แล้วๆๆ เราชอบประโยคนี้แหละ แต่จำมาผิดน่ะ ไม่ได้ลดวลีซ้ำ ----- คุณหนุ่มไทยฯ ขา สาวเหลือน้อยคนนี้เกิดเดือนกันยาค่ะ ส่วนปีเกิด... เอ่อ อย่าไปพูดถึงมันเลยเนาะ จากคุณ : Guga เขียนเมื่อ : 25 ส.ค. 52 11:18:14

ความคิดเห็นที่ 20 ขอเรียนทุกท่านว่า ตอนนี้ผมกลับมารับใช้ชาติที่กรุงเทพฯ แล้วครับ ... เอ... สำหรับคนที่คุณ  fortuneteller หาอยู่ ผมว่ามีหลายคนที่เข้าข่ายนะ นอกจากนั้น ขอบคุณครับสำหรับคำชม ต้องออกตัวว่าภาษาอังกฤษ เรื่องไวยากรณ์ผมไม่เก่งเลยครับ อาศัยความรู้สึกบวกกับครูพักลักจำมาทั้งนั้น้ สำหรับความรู้สามารถภาษาจีนต้องขอบคุณอดีตแฟน (Natural language acquistion is the best way to master a language krub!) แลผองเพื่อนทั้งชาวมาเลเซีย สิงคโปร์ ไต้หวัน และฮ่องกงครับ ขอยกคำพูดของขงจื้อมาปิดคอมเม้นท์ "(ในจำนวน) 3 คนที่เดินอยู่ ต้องมี(คนที่เราสามารถเป็น)ครูของเรา(ได้)" ขอบคุณครับ แก้ไขเมื่อ 25 ส.ค. 52 13:34:16 จากคุณ : Peking Man เขียนเมื่อ : 25 ส.ค. 52 11:51:18

ความคิดเห็นที่ 21 ชะแว่บมาอ่าน เจอพอดี  สวัสดีค่ะ ขาเก่าเล่าแก่และไม่แก่...มากันเพียบ ทำให้นึกถึงกระทู้สมัยห้องแรกตั้ง ตอนโน้นคุยกันได้คุยกันดี ไม่รู้เรื่องอะไรกันบ้าง อ้า... เวลาเปลี่ยนแปลงทุกสิ่งได้เสมอ คิดถึงค่ะ จากคุณ : lilymay เขียนเมื่อ : 25 ส.ค. 52 12:42:56

ความคิดเห็นที่ 22 ต๊ะเอ๋ พี่นา คิดถึง จากคุณ : ta/'o-o/' เขียนเมื่อ : 25 ส.ค. 52 20:36:03

ความคิดเห็นที่ 23 เรื่องเบาสมองมันน้อยลงเรื่อยๆหรือเปล่า? เพราะคุยกันไปหมดแล้ว กว่ามันจะงอกมาใหม่ก็นาน มันก็เลยเหลือแต่เรื่องรกสมอง เลยไม่น่าคุย หรือเราจะแก่หว่า? จากคุณ : แอ๊ด ปากเกร็ด เขียนเมื่อ : 25 ส.ค. 52 21:58:29

ความคิดเห็นที่ 24 ตอบป๋า บรรทัดแรก ม่ายทราบค่ะ บรรทัดสอง ใช่เลย แฮ่ๆ คิดถึงนะ จากคุณ : ta/'o-o/' เขียนเมื่อ : 25 ส.ค. 52 22:36:57

ความคิดเห็นที่ 25   คนเรา.. ถ้าคุยกันถูกคอ ต่อให้เป็นเรื่องหมูหมากาไก่ บวกไส้เดือนจิ้งจกตุ๊กแกด้วย ก็คุยกันได้เรื่อยๆ เบาสมอง ไม่ต้องคิดมาก แต่ถ้าเจอแบบว่า ... อารายอ่ะ เหมือนมาจากต่างดาวแล้วล่ะก้อ ....ขอตัวไปอ่านอย่างอื่นดีกว่านะตะเอง .. จากคุณ : o;] เขียนเมื่อ : 26 ส.ค. 52 01:43:55 A:125.25.230.79 X: TicketID:012689

ความคิดเห็นที่ 26 ฮั่นแน่ ป้านวล สวัสดีค่ะ สบายดีมั้ยคะ คิดฮอดหลายๆเด้อค่ะ จากคุณ : ta/'o-o/' เขียนเมื่อ : 26 ส.ค. 52 02:29:19

ความคิดเห็นที่ 27 สวัสดีตอนเช้าๆ ค่ะ น้องตา คุณนวล ทุกคน คุณแอ๊ด ไม่แก่หรอกค่ะ แค่ประสบการณ์เพิ่มพูน ก็เลยไม่ต้องพูดกันมาก เรื่องใหม่ให้คุยกันมันมีแน่ แต่เวลาตอนนี้ไม่ค่อยมี เกือบจะตาลปัตรกับคนอื่น ตรงที่ยิ่งนานไปก็ยิ่งยุ่ง ห้องนี้ยังไงก็พิเศษเสมอ คือเพื่อนเก่า เพื่อนถูกคอ นานๆ เจอกัน ก็คุยกันได้เหมือนเพิ่งเป็นเมื่อวาน นานๆ แวะมาก็ยังได้พบกัน :-) จากคุณ : lilymay เขียนเมื่อ : 26 ส.ค. 52 05:59:52

ความคิดเห็นที่ 28 โห คุณโจโฉเพิ่งมาอ่าน แสดงว่าตามอ่านเก็บตกจริงๆ จากคุณ : แอ๊ด ปากเกร็ด เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 52 10:55:30