ความคิดเห็นที่ 1 ฮ่าๆๆๆ อ่านแล้วก็เพลินดีค่ะ รู้สึกซึ้งในความพยายามของคุณมากเลย เราก็พยายามจะไปลองสอบ Toeic ดูเหมือนกัน ความรู้ภาษาอังกฤษเราตอนนี้ก็ด้อยพัฒนามากเลยค่ะ - -* แต่พอเข้ามาอ่านกระทู้นี้แล้วก็เริ่มจะฮึดสู้ขึ้นมาค่ะ ยังไงก็พยายามต่อไป ขอให้ประสบความสำเร็จค่ะ จากคุณ : RainRabbit เขียนเมื่อ : 26 ส.ค. 52 00:23:57

ความคิดเห็นที่ 2 สวัสดีค่ะ น้องผ่านมาแต่ไม่ให้ผ่านไป 5.5 นี่พี่ว่า IELTS นะ IELTS เนี่ย พี่เคยสอบ แนะนำให้หา Cambridge 1-6 มาทำอ่ะ จะได้คุ้นกับการทำข้อสอบ เรื่อง IELTS ลองค้นๆ ดูใน blog พี่ก็ได้ พี่ก็เป็นเด็กคนนึงที่ฝึกภาษาอังกฤษจากคำแนะนำในพันทิปนะ มันเริ่มจากเมื่อปลายปี 2550 (เกือบ 2 ปีแล้ว เร็วจัง) ที่พี่อยากฝึกภาษาัอังกฤษอย่างจริงๆ จังๆ ก็เข้า google หานู่นนี่ มาเจอพันทิป หาไปหามา ได้เทคนิคดีๆ เยอะ ก็นำมาฝึก คล้ายๆ แบบที่น้องทำแหละ ฝึกไปฝึกมา ก็บอกเล่าประสบการณ์สู่กันฟัง ไปๆ มาๆ ก็มีห้องนี้ขึ้น มี meeting กันตั้งหลายครั้ง ไปๆ มาๆ ได้มารู้ว่าชีวิตนี้อยากทำอะไร รักที่จะทำอะไร จนเปลี่ยนแผนการเรียนต่อ และได้เปลี่ยนอาชีพเลย อิ อิ พี่เข้าห้องนี้ทุกวันนะ แต่การบ้านเยอะ พี่เลยไม่มีเวลาโพสต์ เห็นน้องตั้งใจจริง เลยเข้ามาเม้นต์ซักหน่อย สู้ๆ นะคะน้อง 5.5 ไม่ไกลเกินเอื้อมแน่นอน เป็นกำลังใจให้จ้า จากคุณ : Flowery เขียนเมื่อ : 26 ส.ค. 52 00:30:44

ความคิดเห็นที่ 3 อ่า อ่านเสร็จแล้ว ขอยกมือให้เลยค๊ะ ความพยายาม ของคุณสุดยอดจริงๆ ตัวเราเองอยากเก่งอิ๊งมาก ๆ แต่ก็ยังไม่ขยันเท่าที่ควรเลย ค๊ะ   เรียนอยู่เอกชน แถว ๆ รังสิต  เพื่อนๆในห้อง ก็ไม่ได้พูดอิ๊ง เป็นทุกคน และบางคนก็ไม่ได้มาเพื่อนเรียน อิ๊งด้วยซ้ำ ทั้งๆที่เป็น คณะมนุษยศาสตร์ เอกอิ๊ง แท้ ๆ เคยถามบางคนเหมือนกันว่า 'แก ไม่ชอบอิ๊ง แล้วมาเรียนทำไมวะ ประมาณนั้นคะ เพื่อนก็จะตอบกลับมาว่า ไม่รู้ดิ ไม่มีอะไรจะเรียน' เวลาทำงานด้วยกันบางครั้งก็ลำบากคะ เพราะเราเองทุ่มกับอังกฤษมาก ถึงจะไม่เก่งแต่ก็อยากจะให้งานอังกฤษ ออกมาให้ดีที่สุด- -*วิชาเอกถ้าเรียนไม่ได้ดีก้อกลัวไม่รอดคะ แต่เราก็เข้าใจค๊ะ ^__^ทุกคน คิดต่าง ทำก็ต่าง อีกกรณีนึง เพื่อนก็เป็นแรงกระตุ้นได้ดีเลยคะ เพื่อนเราเรียนด้วยกัน เที่ยวด้วยกัน พูดได้ 3 ภาษา นอกจากภาษาไทย เป็นนักเรียนแลกเปลี่ยน ไปมาหลายๆประเทศ และจะเล่าทุกๆอย่างให้ฟัง และจะบอกเสมอ ว่า "ถ้าแกรัก ภาษาอังกฤษ แกก็จะตั้งใจและขยันเองแหละ แต่ถ้าทำแล้วไม่รัก มันก็เปล่าประโยชน์ " สุดท้ายนี้ อยากขอบคุณพี่ๆ ทุกคน ที่ให้กำลังใจ เช่นเดียวกันคะ บางทีเหนื่อยๆท้อ เข้ามาอ่านบางกระทู้ของพี่ๆบางคน ก็อยากพยายามให้มากขึ้นค๊ะ เรียนด้วยใจรักมันง่ายซะกว่าเรียนอะไรที่โดนบังคับเป็นหลายเท่า  ไม่มีไครช่วยเราได้ นอกจากตัวเราเอง ^___^ สู้สุดหัวใจ ค๊า จากคุณ : monztie เขียนเมื่อ : 26 ส.ค. 52 00:56:00

ความคิดเห็นที่ 4 อ่านเรื่องของคุณแล้ว เดาได้ว่าคุณพยายามมากๆ  ตอนนี้คุณแค่ขาดสิ่งเดียวคือ "พัฒนา senses พิเศษขึ้นมา" ทำได้โดยการออกไปพูดภาษาอังกฤษกับผู้คน กรณีนี้ คุณทำได้สบายๆ ไม่ว่าคุณจะอยู่เชียงใหม่หรือเขียงราย (ไม่รู้คุณอยู่ไหน) เพราะมีนักท่องเที่ยวมากมาย เราเคยอยู่เชียงใหม่มา 5 ปี วันๆนั่งในห้างเซ็นทรัลกาดสวนแก้วหรือไนท์บาร์ซาร์ เราก็ได้พูดกับนักท่องเที่ยวทุกวัน การมุ่งเรียนแต่สนทนาเป็นลำดับแรก บางคนพัฒนา senses พิเศษขึ้นมาโดยแทบไม่ต้องเรียน grammar  ก็ต่อยอดไปเรียน reading comprehension ได้ แต่ส่วนใหญ่ "พอเรียน writing ถ้าไม่รู้ grammar กับ sentence structure types ก็ "ไปไม่รอด" เว้นเสียแต่ว่า คนๆนั้นจะได้ไปใช้ชีวิตอยู่ในต่างแดนในประเทศที่พูดอังกฤษตั้งแต่เด็กๆ ที่เราแนะนำหนังสือเรียนภาษาอังกฤษ ม.1- ม4 เพราะเห็นคนส่วนใหญ่กระเหี้ยนกระหือรือ เข้ามาเขียน essay ให้คนแก้ แต่คนเขียนไม่รู้อังกฤษม.1 - ม.4 จริงๆ ...."เราไม่ได้พูดเล่นนะ"....แต่ถ้าคุณเรียนเฉพาะหนังสือ แล้วไม่พูดกับมนุษย์คุณก็ยังไปไม่รอดอยู่ดีนั่นแหละ เพราะคุณไม่ได้พัฒนา senses พิเศษในการรับรู้ภาษา (language acquisition) ดังนั้นทักษะทุกด้านต้องพัฒนาไปพร้อมๆกัน... จากคุณ : fortuneteller เขียนเมื่อ : 26 ส.ค. 52 01:20:42

ความคิดเห็นที่ 5 โหย 5.5 นี่ยากมากถึงยากที่สุดเลยครับ ลองไปต่อรองขอความเห็นใจเอาซัก 5 แล้วทำอย่างอื่นเพิ่มเติมน่าจะมีหวังกว่า ผมฝึกแปลกระทู้ใน pantip มาตั้งสามปีนี่คิดว่า 4.5 คงยังไม่ไหวเลยครับ หินจริงๆโดยเฉพาะ reading & writing part อีกอย่างหนึ่งคือจุดมุ่งหมายคุณคือเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนนี่มันก็ไม่เห็นจะทำให้ชีวิตมันประสพความสำเร็จซักเท่าไหร่ แค่ย้ายที่เรียนชั่วคราว จะตั้งจุดมุ่งหมายทั้งทีน่าจะเลือกแบบทำสำเร็จแล้วสบายไปตลอดชีวิตคุ้มกับแรงงานแรงใจที่ลงไปเช่นเปิดธุรกิจให้ประสพความสำเร็จหรือเรียนอาชีพที่เงินเดือนดีมากๆให้จบจะดีกว่า แก้ไขเมื่อ 26 ส.ค. 52 01:45:26 แก้ไขเมื่อ 26 ส.ค. 52 01:43:39 จากคุณ : Tisco fan เขียนเมื่อ : 26 ส.ค. 52 01:24:55

ความคิดเห็นที่ 6 เรามีทั้งเพื่อน (หลายคน) ทั้งแฟน (คนเดียว...คนเดียวตอนนี้นะ แต่ในอดีตมีหลายคน...อิๆๆ...) ที่เก่งอังกฤษมากๆโดยไม่เคยไปต่างประเทศมา จนขนาดเราเคยใช้ชีวิตต่างแดนมานานนะ เรายังตกใจกลัวความเก่งภาษาอังกฤษพวกเขามากๆ  แต่อย่าลืมนะ คนพวกนี้นะ รักภาษาอังกฤษตั้งแต่เรียนอยู่ประถมแล้ว ชอบดูหนังฟังเพลงอ่านหนังสือและเสพย์ทุกอย่างเป็นภาษาอังกฤษตั้งแต่เด็กๆแล้วพอเรียนจบปริญญาตรีแล้วไปต่อปริญญาโท เขากระโดดไปไกลลิบลับแล้ว ถ้าคุณ จขกท ยังเรียนปริญญาตรียังไม่จบ แล้วเพิ่งมาเริ่มมุมานะเรียนภาษาอังกฤษนะ คุณต้องใช้เวลาหลายปีกว่าจะไล่ตามคนพวกนี้ทัน คุณต้องทำใจ คือ "ความรู้มันอาจเรียนทันกันหมด แต่มันก็ต้องใช้เวลานะ" ลองไปอ่านกระทู้นี้ดิ เราเล่าให้ฟังว่า เราผู้ซึ่งสอบเข้าเตรียมอุดมไม่ได้ แล้วก็อ่อนภาษาอังกฤษมากๆ เมื่อเปรียบกับคนเรียนเก่งๆซึ่งสอบเข้าเตรียมอุดมได้นะแล้วเขาก็สอบได้ King's Scholarship ด้วย  (ตอนนั้นเราคงอ่อนภาษาอังกฤษมากกว่า จขกท เสียด้วยซ้ำไป) เขากับเราไปเรียนหนังสือที่ประเทศอังกฤษในปีเดียวกัน แต่เราต้องใช้เวลานานมากแค่ไหน กว่าเราจะเรียนภาษาอังกฤษทันนักเรียนทุน King's Scholarship คนนั้นได้ ที่พูดนี้ไม่ใช่พูดให้ท้อใจนะ แต่อยากให้ลองไปดูว่าเราบ้าแค่ไหนกับการอีแค่พยายามแข่งขันกับคนเก่งๆ จนตอนจบเราสติเพี้ยนๆไป ถึงกับต้องเรียนวิชา parapsychology เพื่อไปสื่อวิญญาณกับผี และไปฝึกพลังลมปราณฝึกวิชาเล่นแร่แปรธาตุของนักพรตเต๋าเพื่อชลอความแก่จะได้กลับมาเรียนหนังสือแข่งกับเด็กๆได้ใหม่ กะอีแค่เพียงต้องการเอาชนะคนที่เก่งกว่าเราน่ะ...แต่ก็สนุกดีน่ะ...555+++... รู้ไหมว่าเราเลิกกับแฟนเก่าเรา (คนที่เราเคยไปใช้ชีวิตอยู่ด้วยในเชียงใหม่ถีง 5 ปี) เพราะเธอพูด "เสียดสีแดกดันเรา" ด้วยประโยคนี้ เพียงประโยคเดียวคือ เธอเยาะเย้ยเราว่า "มรึงแย้มฝาโลงศพขึ้นมาเรียนภาษาอังกฤษแข่งกับเด็กอัฉริยะทางด้านภาษาอังกฤษ...ฮ่าๆๆ..." ในกระทู้ที่ว่านั้น (ที่เราเล่าเรื่องเด็กอัฉริยะที่ได้ทุน King's Scholarship ซึ่งเก่งกว่าเราหลายเท่า) เราปั่น คคห ไว้หลาย คคห  (เราคำนวณเวลาในการเรียนรู้ในสภาพแวดล้อมของการพูดอังกฤษไว้ด้วย) ลองไปไล่อ่านดู ในกระทู้นี้ได้ http://www.pantip.com/cafe/library/topic/K8243048/K8243048.html แก้ไขเมื่อ 26 ส.ค. 52 08:33:36 แก้ไขเมื่อ 26 ส.ค. 52 02:02:33 แก้ไขเมื่อ 26 ส.ค. 52 01:53:54 แก้ไขเมื่อ 26 ส.ค. 52 01:49:51 แก้ไขเมื่อ 26 ส.ค. 52 01:48:52 แก้ไขเมื่อ 26 ส.ค. 52 01:31:00 จากคุณ : fortuneteller เขียนเมื่อ : 26 ส.ค. 52 01:27:24

ความคิดเห็นที่ 7 ... เป็นกำลังใจให้ครับ ... ... ผมเพิ่งก็เริ่มจาก Book 2 ของเด็กประถมตอนอายุ ... ไม่บอกดีกว่า ... อิอิ ... ก่อนหน้าช่วงที่เข้ามาแจกไฟล์อ่ะครับ ... ถึงตอนนี้ ก็ยังไม่ไปไหนเท่าไหร่ ... อาจารย์ส่วนตัว เค้าให้ F ไปแล้ว ... ... ได้อ่านจากกระทู้ในนี้เยอะมาก เข้าวนไปเวียนมาจน งง งง ... ... ได้แนวคิดกับทัศนคติที่ดีกับการเรียนรู้ภาษาอังกฤษด้วยตัวเอง ... ... แว้บไปแอบอ่านของเด็กเตรียมเอนท์ พวก A-net ... O-net ... บางเวบเด็กๆ นึกว่าผมเป็นเพื่อน จะให้ผมติวเคมีให้ ... อิอิ ... กลัวเผลอใจไปกะเด็ก แล้วจะติดคุกเอาได้ ... ... ตั้งเป้า แล้วไปให้ถึงครับ ... เหนื่อยก็หยุดพัก แวะมาหากำลังใจในนี้กันได้ ... ... ตอนนี้ก็อาศัยคุยกับฝรั่งโดยการทักทาย คุยกันเล็กๆ น้อยๆ ตามสถานการณ์ ... ... บนรถโดยสารประจำทาง กทม-บ้านเพ ก็จะเป็นที่เรียนภาษาอังกฤษของผม ... ... แต่ยังไม่ได้คุยกับสาวญี่ปุ่นสักที ...  เอิ้กส ... เจอแต่ฝรั่งที่มากันเป็นคู่ ... ... สังเกตบางคนอัธยาศัยดี ก็ลองไปชวนคุยบ้าง ... เราแอบฟังเค้าคุยกันเองก่อน ถ้าเราพอฟังรู้เรื่อง ก็ลองดูว่า เค้าจะฟังเรารู้เรื่องป่าว ... ... ไม่รู้ว่า เค้าจะแอบขำกับรูปประโยคแบบแปลกๆ ของเราบ้างหรือเปล่า ... ... จะว่าไป ตอนเด็กๆ ผมก็ท่อง ABC ได้ก่ีอน กขค อีกนะ ... ... จังหวะดีที่ท่านแม่ส่งให้เรียนโรงเรียนคริสเตียน ในจังหวัดเล็กๆ ทางภาคเหนือตอนบน ... ... แต่หลายครั้งก็ทำให้เรารู้สึกว่า เราโง่ภาษาอังกฤษตั้งแต่นั้นมาเลย ... ... เราไม่ได้มีแรงฮึดใดๆ อายุก็เยอะแล้ว ต้องการเรียนรู้แบบสนุกๆ ...   ... คุณก็ต้องมีเป้าหมายในหลายๆ ระดับ ... และทำมันให้ได้ ... เป็นกำลังใจให้ ... อยากให้ช่วยอะไรก็หลังมือ เอ้ย หลังไมค์มานะ ... ... หาไฟล์เรียนภาษา อะไรทำนองนี้ ... ถ้ามีจะส่งไปให้ ... จากคุณ : เคมีรามคำแหง เขียนเมื่อ : 26 ส.ค. 52 06:02:15

ความคิดเห็นที่ 8 ^ ^ ^ เอ่อใช่ การประสบความสำเร็จนั้น "สื่อที่ใช้ในการเรียนการสอนก็เป็นเรื่องสำคัญมากๆอีกด้วย" ถ้า จขกท หัดหาสื่อดีๆแบบที่คุณเคมีรามคำแหง เขาเก่งซอกแซกหามาได้นะ จะช่วยได้มากๆเลยทีเดียวหละ .................................................................................... ตอบคุณ Tisco fan คคห5 แหมคุณถ่อมตัวเกินไปมั้ง เห็นหมู่นี้คุณเก่งขึ้นเยอะนะ toefl น่าจะกลายเป็นเรื่องง่ายไปสำหรับคุณแล้ว จากคุณ : fortuneteller เขียนเมื่อ : 26 ส.ค. 52 08:38:59

ความคิดเห็นที่ 9 โผล่มาให้กำลังใจ แล้ววิ่งออกไปเข้าเรียนอย่างรวดเร็ว จากคุณ : kurika เขียนเมื่อ : 26 ส.ค. 52 08:56:50

ความคิดเห็นที่ 10   No one can go back and make a brand new start, anyone can start from now and make a brand new ending. อิอิ จากคุณ : crossroad2008 เขียนเมื่อ : 26 ส.ค. 52 09:44:24

ความคิดเห็นที่ 11   ขอบคุณมากครัย เมื่อคืนนี้ผมพิมพ์ไว้อีกซะยาว แต่สุดท้ายเผลอไปกดปิดซะงั้น... อย่างที่พี่หมอดูบอกครับ ว่าการเรียนภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่ยากที่สุดในโลก แต่มันก็ไม่ยากเกินไปสำหรับพวกเราชาวพันทิปหรอก (ฮ่า ฮ๋่า ฮ่า)  คุณ Tisco Fan บอกว่า การสอบ TOEFL ที่คะแนนที่ผมมุ่งหมายไว้มันอาจจะสูงและยากเกินไปหน่อยสำหรับผม  แต่นะ..  ไหนก็เกิดมาทั้งทีแล้ว ต้องทำให้ดีที่สุดแล้วกัน ไม่ใช่แค่ดีเฉย ๆครับ..  "เหมือนกับปากอย่าง พูดโม้ไว้สารพัด แล้วทำอีกอย่างทำอะไร ซึ่งไม่ใช่ประเด็นเลย แบบนี้ก็ไม่ไหวครับ" ผมเสียเวลาไปมากในอดีตเลย ทำอะไรไม่ดีไว้เยอะแยะ (ฮ่า ๆ ๆ)  แล้วความรู้พื้นฐานตั้งแต่ ป.4 ทิ้งลงแม่น้ำว... ไปหมดแล้วครับ ตอนนี้ก็เริ่มให้เป็นปัญญาชนให้เร็วที่สุดครับ มีทางเดียวอย่างที่คุณหมอดูบอก ต้องให้เวลากับมันและใช้ Senses ของผมให้มากที่สุด และกระบวนการคิด การบริหารการจัดการ ต่าง ๆ ซึ่งผมคิดว่าตรงนี้ มันคงเป็นบันไดที่ผมสามารถก้าวได้อย่างปลอดภัยมากขึ้นครับ แก้ไขเมื่อ 26 ส.ค. 52 11:09:06 จากคุณ : ผ่านมาแต่ไม่ให้ผ่านไป เขียนเมื่อ : 26 ส.ค. 52 11:04:22

ความคิดเห็นที่ 12 บ๊องบ๊องว่า น่าจะลองไปตปท.ดูสักทีนะคะ ฝึกความกล้าในการใช้ภาษาด้วย บ๊องบ๊องว่าน่าจะได้อะไรเยอะ แต่ถ้าจะไปผ่านagency ก็เลือกดีๆนะคะ แฟนบ๊องบ๊องไปมา ไม่ได้อะไรเลย นอกจากฝึกชีวิตกรรมกร แทบไม่ได้พูดกับฝรั่งเลย ทั้งที่ไปอเมริกา ส่วนgrammar อย่าคิดมากค่ะ  เด็กABAC หลายๆคน ก็ไม่ได้เก่งมากนัก เอาแค่ArtEng หรือศิลปศาสตร์ เอกภ.อังกฤษเนี่ย บางทียังงงๆเลยค่ะ บ๊องบ๊องสอบTOEIC ก็500 นิดๆเท่านั้น เฮ้อ.............................. จากคุณ : บ๊องบ๊อง (ต๊องต๊อง กะ บ๊องบ๊อง) เขียนเมื่อ : 26 ส.ค. 52 11:27:20

ความคิดเห็นที่ 13   ผมอยากจะลองทำอะไรที่ทำแล้วเป็นชิ้นเป็นอัน อยากจะสอบให้ได้ให้เป็นความภาคภูมิใจตัวเองมากกว่าครับ ผมว่ามันน่าจะภูมิใจมากกว่าที่เอาเงินจากพ่อแม่ไปละลายในชีวิตต่างแดน โดยไม่รู้ว่าจะได้อะไรมามากน้อยแค่ไหนครับ จากคุณ : ผ่านมาแต่ไม่ให้ผ่านไป เขียนเมื่อ : 26 ส.ค. 52 11:51:08

ความคิดเห็นที่ 14   นับถือในความพยายาม   ถ้าฝึกเรื่องไวยากรณ์จนค่อนข้างมั่นใจแล้วหาแนวข้อสอบมาลองทำดู    เราว่าคุณมาถูกทางแล้ว    ตอนนี้ลองเอาหนังฝรั่งที่เป็น sound track มาเปิดดูทุกวันโดยไม่อ่าน sub  ซักวันละชั่วโมง 2 ชั่วโมง    แต่พยายามฟัง  พยายามดูทุกวัน   เมื่อคุณฟังฝรั่งพูดรู้เรื่องเมื่อไหร่   คุณจะมีความมั่นใจในการใช้ภาษาของคุณมากขึ้นเองค่ะ     มีคนทำสำเร็จมาแล้ว    พูดได้ดีเหมือนสำเนียงเจ้าของภาษา  (แต่ไม่ใช่เรานะ...เรายังไม่ขยันขนาดนั้น)   ขอให้โชคดีค่ะ   เอาใจช่วย จากคุณ : สร้อยสยาม เขียนเมื่อ : 26 ส.ค. 52 12:10:50

ความคิดเห็นที่ 15   ขอบคุณครับ คุณสร้อยสยาม                   ผมก็ทำตามอย่างที่คุณสร้อยสยามอยู่ด้วยครับ ผมดูตลอดเลยครับ ทุก ๆ วันจะเอาเวลาดูหนังประมาณวันละ 1 ชั่วโมงครับ ฝึกพูด ฝึกฟัง (ส่วนใหญ่จะดูเคเบิ้ลบ้าง ทรูบ้าง สลับกันเอาครับ ผมคิดว่าอีกวิธีหนึงที่ได้ผลคือ ผมได้จดคำศัพท์ตอนดูหนัง ถ้าเกิดผมไม่รู้หรือเคยได้ยินคำศัพท์ในหนังมาก่อน และก็จดคำศัพท์จาก Sub ในหนังด้วยครับ           ส่วนเพลงนี่เพลงวัยรุ่นสมัยใหม่นี่บอกตรง ๆ เลยครับ พูดเร็ว บลา บลา บลา.. เอาตามไม่ทันเลยครับ แล้วฟังไม่ค่อยรู้เรื่องด้วยครับ ฟังได้เป็นคำ ๆ แต่เอาไม่เข้าใจความหมายซะเลย ... จากคุณ : ผ่านมาแต่ไม่ให้ผ่านไป เขียนเมื่อ : 26 ส.ค. 52 16:18:41

ความคิดเห็นที่ 16 ลองเข้าไปดูเว็บนี้ ผมกำลังเรียนอยู่เลย มีเพิ่มไปทีละขั้น ภาษาต้องเก็บไปเรื่อยๆครับ มันเรียนได้ทั้งชีวิตแหละ ภาษาเนี่ย http://www.learnamericanenglishonline.com ผมเพิ่งใช้ verb ทั้ง 3 ช่องเป็น ตอน ม.6 ครับ ตอนนี้ผมก็ยังอ่อนเหมือนกัน แต่สู้มา 2 ปีแล้ว พยายามเน้นฟังกับพูดอยู่ เก็บไปเรื่อยๆครับ สู้ๆ You Have , I Have จากคุณ : Solic เขียนเมื่อ : 26 ส.ค. 52 20:05:55

ความคิดเห็นที่ 17 แหมคุณ fortuneteller รู้ไต๋ จริงๆแล้วคะแนน 5.5 นี่ง่ายมากสำหรับผม จ้างคนที่หน้าคล้ายๆผมเข้าไปสอบแทน แค่นี้ก็สิ้นเรื่อง (เล็งๆไว้ว่าคงต้องจ้าง Willy Mcintosh) TOEFL นี่หมูมากๆ จากคุณ : Tisco fan เขียนเมื่อ : 26 ส.ค. 52 21:30:40

ความคิดเห็นที่ 18 ตอนผมฝึกเองก็รู้สึกว่าตัวเองไม่พร้อมซะที แต่ก็ฝึกไปเรื่อย ๆๆๆๆ จนกระทั่งมีคนท้าให้ไปสอบ ซึ่งตอนนั้นก็ยังรู้สึกว่าพร้อม แต่ไป ๆ มา ๆ ก็ทำได้แฮะ ว่าแต่ 5.5 นี่หมายถึง ielts (เต็ม 9) หรือ toefl เฉพาะ writing (คิดแบบระบบเก่า) ครับ? เอาให้ชัวร์นะครับว่าจะต้องสอบอะไร จากคุณ : นัท305 เขียนเมื่อ : 27 ส.ค. 52 05:30:38

ความคิดเห็นที่ 19 เอ่อ ที่บอกว่าเอาเงินพ่อแม่ไปละลายต่างแดนน่ะค่ะ เวลาไปwork&study เราจะค่าตอบแทนจากการทำงานด้วย ตอนไปจ่ายเกือบแสน กลับมาเอาเงินที่ได้คืนพ่อแม่ครบ แถมเหลือซื้อlaptop มาจากที่โน่นได้หนึ่งเครื่องด้วย เอาเป็นว่าแล้วแต่มุมมองของแต่ละคนนะคะ เพราะตอนกลับมาพ่อแม่เค้าก็ภูมิใจ ลูกเค้าเอาตัวรอดได้ ประมาณนั้น จากคุณ : บ๊องบ๊อง (ต๊องต๊อง กะ บ๊องบ๊อง) เขียนเมื่อ : 27 ส.ค. 52 09:42:55

ความคิดเห็นที่ 20 TOEIC ได้สี่ร้อยต้นๆ ยังไม่ควรไปสอบ TOEFL หรอกค่ะ อาจจะมีบางอย่างที่ยังไม่รู้อยู่ ต้องเปลี่ยนวิธีใหม่ดีกว่า บางทีของเดิมที่คุณเรียน อาจจะยังไม่ถูกทาง วิธีการง่ายๆ อย่างนึงที่จะเช็กว่าไวยากรณ์แม่นระดับไหน ไปซื้อข้อสอบมานั่งทำค่ะ พวก structure ของ TOEFL สมัยเก่าๆ ลองนั่งทำดูสักสิบปีย้อนหลัง คุณจะเจอเองว่า คุณอ่อนเรื่องไหน แล้วจะได้ไปอ่านถูกทาง เราเองก็ไม่ค่อยแม่นนะ Reading น่าจะเป็นส่วนที่ง่ายสุดในการสอบ TOEFL ค่ะ หากส่วนนี้คุณคิดว่ายังไม่สามารถทำได้ 25 คะแนน(เต็ม 30) เราว่าต้องลองอ่านใหม่ ถามตัวเองว่า เห็นภาพสิ่งที่อ่านรึเปล่า ถ้ายัง คงต้องอ่านใหม่ อ่านเยอะแค่ไหนมันไม่สำคัญเท่ากับว่า คุณอ่านรู้เรื่องรึเปล่า วิธีนึงที่เราใช้คือ อ่านเสร็จนั่งทำ list ของศัพท์ค่ะ อีกอย่างที่ต้องตอบตัวเองให้ได้คือ พวกสรรพนามที่อ่านผ่านๆ ไป รู้ไหม เขากำลังแทนคำว่าอะไรอยู่ ถ้าอยากไปต่างประเทศจริงๆ โดยเฉพาะมหาวิทยาลัยดีๆ ระดับโลก บางแห่งเขาจะเอาเฉพาะคนที่ได้ TOEFL 100 iBT (เทียบเท่า 600) ซึ่งยากมาก แต่คนไทยก็ทำได้เยอะแยะ เคยฟังสัมภาษณ์คนที่สอบได้คะแนนระดับนี้ ส่วนมากก็ไม่ได้เป็นคนเรียนต่างประเทศมานะคะ แต่มีความมุ่งมั่นจริงๆ ขยันสุดๆ และฉลาดที่จะเลือกวิธีการเรียนแบบที่ตัวเองถนัด จะเรียนแบบไหนก็ไม่เป็นไร ขอให้เห็นผลละกัน แต่หากว่าทำไปตั้งมากมาย แล้วยังไม่ดีขึ้น ตรงนี้คงต้องเปลี่ยนวิธีการอ่ะค่ะ เพราะวิธีนี้เราอาจจะไม่สามารถใช้กับตัวเราเองได้นะคะ โชคดีค่ะ เราเชื่อว่าสักวันคุณต้องทำได้แน่ๆ เลยอ่ะ จากคุณ : ไกลนั้น เขียนเมื่อ : 27 ส.ค. 52 11:37:46

ความคิดเห็นที่ 21   ขอบคุณครับ คุณไกลนั้น ผมก็หาหนังสือจากหนังสือห้องสมุดมหาวิทยาลัย หนัง E-book จากต่างประเทศ แล้วมานั่งทำ ผมคิดว่า สิ่งที่นั่งทำนั้น ยังไม่เกิดทักษะเท่าที่ควร หรือผมทำมั่วมากเกินไป อันนี้ก็ไม่ทราบครับ อย่างที่คุณบอกแหละครับ ผมควนหาปัญหาของผมที่ยังเป็นปัญหาของผมให้เจอก่อน เพื่อจะได้แก้ไขตรงจุด ๆ นั้นให้ดีก่อน ขอบคุณมากครับ ที่ช่วยมาให้ข้อคิดให้เห็นมากขึ้นครับ จากคุณ : ผ่านมาแต่ไม่ให้ผ่านไป เขียนเมื่อ : 27 ส.ค. 52 14:19:00

ความคิดเห็นที่ 22 เอางี้ดีกว่าค่ะ เราอยากแนะนำว่า หากคุณทำผิดจุดไหน ให้คุณกลับไปดูว่ามันเฉลยว่าอะไร หากอ่านเฉลยปุ๊บ แล้วคุณร้องอ๋อ นั่นแสดงว่า พอจะเข้าทางแล้ว แต่หากคุณยังไม่รู้ ยังงงๆ อันนี้แสดงว่าคุณไม่แม่นหรือไม่เข้าใจ ต้องไปลองดูว่าข้อที่คุณทำ มันเกี่ยวกับแกรมม่าส่วนไหน เราใช้วิธีนี้เหมือนกันค่ะ แรกๆ ผิดจมธรณี สี่สิบข้อถูกอยู่สิบข้อมั้ง หลังๆ ค่อยกลายเป็นถูกซะ75% และทำไปเรื่อยๆ จะรู้สึกเองว่า มันคล้ายๆ กัน หลังๆ เราเริ่มผิดเพราะเราไม่รู้ศัพท์มากกว่า ก็เลยหันไปท่องศัพท์แทน หากคุณสนใจ เรามีไฟล์ศัพท์ที่น่าท่องเอาไว้สอบด้วยนะ จะได้ไม่ต้องท่องสุ่มมากเกินไป หรือหากอยากทำข้อสอบย้อนหลัง ก็บอกได้ค่ะ ส่งอีเมลมาที่หลังไมค์เลยค่ะ เรามีโหลดเก็บไว้เหมือนกัน จะส่งทางอีเมลให้ แต่เราไม่มีเฉลยแบบอธิบายนะ อันนี้อยากได้เหมือนกัน ถ้าอยากได้ ไม่ต้องต้องเกรงใจนะคะ จากคุณ : ไกลนั้น เขียนเมื่อ : 28 ส.ค. 52 19:52:51

ความคิดเห็นที่ 23   คุณเจ้าของกระทู้คะ   อ่านแล้วกลัวว่าคุณจะพยายามจนท้อไปเสียก่อน   การเรียนภาษาต้องให้เวลามันบ้างนะคะ   อย่าใจร้อนจนเกินไป   เคยมีคนมาบอกเราว่า "สอนให้หนูพูดได้ภายใน 3 เดือน"  เราบอกว่าเราทำไม่ได้ค่ะ   มันต้องมีพื้นฐานที่ดีด้วยแล้วก็ขยันด้วย   ต้องชัดเจนว่าอยากเรียนไปเพื่ออะไร เรานึกๆดูอย่างเราเรียนภาษาอังกฤษมาตั้งแต่เด็ก ป.1-ม.6 + มหาวิทยาลัย 4 ปี  รวมแล้ว 16 ปี (โชคดีเรียนโรงเรียนที่เขาสอนอังกฤษแต่เด็ก)   เรายังแค่พอพูดสื่อสารได้  อ่านรู้เรื่อง  ไม่ได้เก่งขนาดจะเป็นล่ามหรือนักแปล     นึกดูดีๆอีกที   เราเรียนตั้งแต่ขั้นพื้นฐานมาเรื่อยๆ   ฟังมั่งไม่ฟังมั่ง  ซ้ำไปซ้ำมา   จนกระทั่งมีพื้นฐานดีพอ   ไปเรียนชั้นสูงขึ้นไปก็เลยมีพัฒนาการที่ดีใช้ได้   เพราะฉนั้น   ถ้าคุณใจเย็นนิดหนึ่ง   ทำแบบทดสอบอยู่เรื่อยๆ   ฟังเพลง  ดูหนังอยู่เรื่อยๆ   อ่านหนังสือ  หนังสือพิมพ์   ไม่เลิกไปเสียก่อน  ให้เวลามันมากกว่าอย่างอื่น   โดยอย่าเพิ่งกดดันตัวเองจนเกินไป    เชื่อว่าทำได้อย่างแน่นอนค่ะ   ยกตัวอย่างนะคะ   มีไกด์อยู่คน  เขาพูดภาษาญี่ปุ่นจนคนญี่ปุ่นเองยังคิดว่าเป็นญี่ป่นน่ะ    พอเราสัมภาษณ์เขา    เขาไม่เคยไปเรียนที่ญี่ปุ่นนะ    แต่ฝึกทุกวัน   วันละประมาณ 6-8 ชม.  อ่าน  ฟัง  ดูหนัง  แต่ภาษาญี่ปุ่นเท่านั้น   ระยะเวลา  6  เดือนเขาสามารถฟัง  พูด  อ่าน  เขียนได้ดี   เราว่าเขาขยันมากๆเลยแหละ   แล้วเขาก็ประสบผลสำเร็จในการเรียนภาษาอย่างที่เขาต้องการจริงๆ   ถ้าเขาทำได้นะ....เราว่าคุณก็ทำได้    เป็นกำลังใจให้นะคะ จากคุณ : สร้อยสยาม เขียนเมื่อ : 5 ก.ย. 52 11:31:11