ความคิดเห็นที่ 1   อันนี้เล่าจากประสบการณ์และสภาพลักษณะนิสัยส่วนตัวนะครับ ผมเป็นคนไม่ชอบการผูกมัดในลักษณะนี้ (ในเรื่องของการทำงาน) นั่นคือ หลังจากรับเงินเค้ามา ต้องคืนเค้าเป็นสามเท่าของที่เราเอามา (หรือมากกว่า) ทั้งในด้านจำนวนเงิน และในด้านเวลา ผมคิดว่า ณ เวลาที่เราเซ็นสัญญาเราอาจจะอยู่ในสภาพความคิด สภาพจิตใจ ฯลฯ อย่างหนึ่ง แต่ณ วันที่เราเรียนจบกลับมา หรือแม้แต่ตอนที่เราไปเรียนอยู่ อนาคตของเราไม่แน่นอน ใจของเราไม่แน่นอน เราอาจจะเจอปัจจัยอะไรที่มันทำให้เราเปลี่ยนใจได้ ซึ่งไม่ผิดแต่ประการใดๆเลย เพราะสิ่งแวดล้อมที่ต่างไป วัยวุฒิที่เพิ่มขึ้น คุณวุฒิที่เพิ่ิมขึ้น ย่อมมีผลกับการตัดสินใจในการใช้ชีิวิต ดังนั้นเมื่อผมตระหนักว่าทุกสิ่งอาจจะเปลี่ยนแปลงไป จึงไม่เคยคิดที่จะเซ็นสัญญาแบบนั้นๆกับที่ไหน (ตอนเรียนจบใหม่ๆก็ได้รับข้อเสนอนี้เหมือนกันคือ สอนปีนึง แล้วลาไปเรียน) ด้วยผมอยากมีอิสระในการตัดสินใจ (หรือมีข้อผูกมัดให้น้อยที่สุด) ดังนั้นจึงยอมทิ้งโอกาสนี้ แก้ปัญหาโดยการ เวลาสมัครเรียนปริญญาเอก (ที่เมกา) ก็ได้รับออฟเฟอร์จากมหาลัยให้ทำงานไปด้วย (สอน) กับเรียนไปด้วย ก็ผ่านมาได้ด้วยดีโดยไม่มีข้อผูกมัดกับใครที่ไหน (เพราะทำงานใช้ในระหว่างเรียนให้แล้ว) ตอนนี้ก็ได้เป็นอาจารย์อย่างที่อยากเป็น ถ้าผมไม่พอใจที่จะสอน ณ ที่ปัจจุบัน ก็ย้ายไปที่อื่นได้ (ถ้าเค้ารับนะครับ) ย้ายกลับมาสอนเมืองไทยก็ยังได้เลย หรือจะลาออกมาทำอาชีพอื่นก็ยังได้ พอใจที่เป็นอิสระ เงินเดือนยิ่งไม่ต้องพูดถึง มากกว่าเงินเดือนราชการหลายเท่านัก ค่าใช้จ่ายก็ไม่มากเท่าไร (ถ้าใช้เป็น) ภาระงานก็น้อยกว่าเยอะ (ปัจจุบัน สอนสองวันต่ออาทิตย์ ที่เหลือทำวิจัย ทำผลงานตีพิมพ์อยู่บ้าน) ส่วนการสนับสนุนทางวิชาการ ก็ไม่ขาดมือ ขอไปสัมมนาที่ต่างๆ ก็ได้ไปหมด ผมก็ได้โอกาสเปิดหูเปิดตาไปในตัว (อันนี้เปรียบเทียบกับที่คุณพูดว่า ถ้าคุณทำอาชีพเดิม คุณจะได้ไปเที่ยว ชอปปิ้ง) วันหยุด ก็มีเยอะเช่นกัน (ที่เมืองไทยรู้สึกว่าปิดเทอมก็ถือเป็นเวลางานเหมือนกัน) ฯลฯ ที่พูดมาทั้งหมดข้างบน มีเป้าหมายเพื่อที่จะพูดว่า ส่วนตัวผม รักอิสระในการประกอบอาชีพยิ่งกว่าสิ่งใด และผมตระหนักถึงความไม่แน่นอนในอารมณ์ตัวเอง ในการตัดสินใจของตัวเอง ภายใต้สถานการณ์ที่แตกต่างกัน สำหรับในกรณีจขกท ก็ต้องชั่งน้ำหนักดูหลายๆปัจจัยว่า ตัวเราเป็นอย่างไร ลักษณะนิสัยส่วนตัวเป็นอย่างไร สภาพแวดล้อมที่ทำงานเป็นอย่างไร เช่น ต้องคิดดีๆว่า คุณจะยอมรับสภาพเงินเดือนสองหมื่น (หรือถ้าจะเอามากกว่าต้องออกไปสอนแบบพักแทบไม่ได้ เอาไหม) หรือ ถ้าเงินไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่ถ้าเกิดไม่ชอบระบบภายในขึ้นมา คุณก็ไม่สามารถลาออก คุณยอมรับได้ไหม หรือ ถ้ามีที่อื่นๆมาให้โอกาสดีกว่านี้ แต่ติดตรงข้อสัญญา จะเสียดายไหม ฯลฯ จากคุณ : texasprofessor เขียนเมื่อ : 27 ส.ค. 52 03:02:44 A:98.201.156.18 X: TicketID:227086

ความคิดเห็นที่ 2 ผมตัดสินใจไม่ยากครับ เพราะครอบครัวจน ต้องการเรียนต่อเมืองนอกโดยการชิงทุนตามความตัองการของมหาวิทยาลัย เพื่อไม่ให้เป็นภาระทางบ้านเนื่องจากมีน้องอีกหลายคน ตอนนั้นอายุ 18 เอง 40 ปีมาแล้ว If you are poor, you really have few choices or no choice at all. จากคุณ : K.Senior เขียนเมื่อ : 27 ส.ค. 52 04:23:39

ความคิดเห็นที่ 3 ผมเองก็ยากจนครับ อยากเป็นอาจารย์ใจจะขาด แต่เงินเดือนไปพอเลี้ยงตัวเองและเลี้ยงแม่ครับ (เคยลองถามๆ เพื่อนๆเป็นอารย์รับอยู่ไม่เกิน 30,000 วุฒิ ป.โท๗) เลยต้องทำงานด้วย แล้วเรียนเอกไปด้วยในเมืองไทย ถือว่าคุณโชคดีครับ ที่มหาวิทยาลัยตอบรับให้สอนโดบเริ่มต้นที่ 20k+ เพราะคุณอายุยังไมมากมีเวลาขยับรายได้อีกเยอะ จากคุณ : jessicamilk (jessicamilk) เขียนเมื่อ : 27 ส.ค. 52 08:40:09

ความคิดเห็นที่ 4   @คุณjessicamilk 30,000 วุฒิ ป.โทนี่สอนสาขาอะไรหรือครับ มีสวัสดิการอะไรบ้างหรือครับ เพราะถือว่าน้อยมาก พอเกษียณอายุก็ไม่มีบำเหน็จบำนาญใช่หรือเปล่าครับ จากคุณ : blackthai เขียนเมื่อ : 27 ส.ค. 52 10:00:37

ความคิดเห็นที่ 5   ตอนนี้ ลูกจ้างเเละพนักงานราชการทุกสังกัด เค้ามีบำเห็จหรือบำนาฯญเเละครับ เเต่ต่องเลือกเอา อย่างใดอย่างหนึ่ง ขาดแต่สิทธิการรักษาหลังเกษียรเท่านั้นที่ไม่มี จริงๆ แล้วผมน่ะตัดสินใจไม่ยากเลย เพราะได้ทุนเรียนตั่งเเต่ จบ ป. ตรีเเล้ว ได้ค่าโน่น ค่านี่ก็อยู่ได้นะครับ สบายๆ สุขใจมากกว่า จากคุณ : hoshi_pupu :: ข้าหลังวัง เขียนเมื่อ : 27 ส.ค. 52 10:36:36

ความคิดเห็นที่ 6 วุฒิ ป.โท ได้ 20k + พิเศษนี่เยอะนะคะ เห็นว่ายินดีให้พิเศษเลยละ ยกตัวอย่างของจริง ที่ ม.ในกำกับ ที่ทำอยู่นี่เริ่มเห็นให้ขั้นต่ำกันหมด คือ วุฒิ ป.เอก < 20k  ป.โทให้  < 15k สตอนนี้ไม่มีบรรจุอาจารย์เป็นข้าราชการค่ะ ไม่ว่าจะในกำกับหรือในระบบ จะเป็นพนักงานมหาวิทยาลัย ไม่มีบำเหน็จหรือบำนาญ ลักษณะคล้ายกฎหมายแรงงานทั่วไป ประกันสังคม มีพวกเงินตอบแทนการออกจากงาน สมทบทุนกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ (แต่ให้ 3% เท่านั้นเอง) ประกันสุขภาพกลุ่ม อะไรแบบนี้แหละค่ะ รายละเอียดขึ้นอยู่กับแต่ละแห่ง สงสัยเรื่องคุณ hoshi_pupu ว่าเรื่องพนักงานราชการ เท่าที่ทราบว่าไม่เคยได้ยินว่านับรวมพนักงานมหาวิทยาลัยเข้าไปด้วย มีข้อมูลเพิ่มไหมคะ ส่วนข้อที่ว่าใช้เวลาคิดเท่าไหร่ ต้องบอกว่าไม่นาน ตอนนั้นเพิ่งจบ ม.ปลาย ได้ทุนไปเรียนต่อ จบรับราชการ อยากไปเลยไปเลย ไม่ได้คิดอะไรมาก มีเพื่อนหลายคนที่บอกว่าพอใจไม่หวังอะไรมากเรื่องเงินเดือน แต่อีกหน่อยดูแลพยาบาลพ่อแม่ได้ ผลก็คือจบกลับมาไม่มีการบรรจุข้าราชการ กลายเป็นพนักงานมหาวิทยาลัยเฉยเลย จากคุณ : jackfruit_k เขียนเมื่อ : 27 ส.ค. 52 12:12:18

ความคิดเห็นที่ 7 เงินดี มีอิสระทางอาชีพพอประมาณ ยกเว้นเวลาเกรดดิ้ง กับเวลาทำวิจัย แต่อันนั้นอาจไม่นับ เพราะเป็นเรื่อง ที่เราสนใจ มีใจรักที่จะทำ และเลือกทำเอง ถึงแม้ว่าการทำงานวิจัย จะเอาเวลาเกือบทั้งชีวิต รวมทั้งเวลาในฝันด้วย ของเราไปก็ตาม ได้ทำวิจัยเรื่องที่สนใจ อันนี้เป็นคำพูดที่อธิบายให้แม่ฟังนะคะ "คงไม่มีงานไหนจ่ายเงิน ให้นั่งเขียนหนังสือเรื่องประหลาดๆ ที่พิมพ์ออกมาแล้วคงมีคนอ่าน ไม่กี่ร้อยคนหรอกนะ" จากคุณ : chaucerian reader เขียนเมื่อ : 27 ส.ค. 52 14:52:00

ความคิดเห็นที่ 8 เรื่องนี้แล้วแต่คน โอกาส และจังหวะด้วยครับ ผมอยู่มหาวิทยาลัยรัฐของไทย ได้เงินเดือน ระดับคุณ Birdman ทำกับเอกชนครับ (เงิน ประจำตำแหน่ง 4 ขา และเงินเดือนหลังจบ ปริญญาเอกทำงานได้ 5 ปี) ไม่รวมเงินเพิ่ม อย่างอื่น ถามว่างานหนักมากไหม ก็ทำได้เรื่อยๆ ครับ มีเวลาออกกำลังกาย เวลานอน 6-7 ชั่วโมง ต่อวัน ขอทุนให้หน่วยงานทั้งทุนวิจัย และทุน บริการวิชาการระดับชาติและนานาชาติ ช่วงสาม เดือนนี้รวมงบเป็น 10 ล้าน สนุกไปอีกแบบ แก้ไขเมื่อ 27 ส.ค. 52 17:31:54 จากคุณ : Practical x 2 เขียนเมื่อ : 27 ส.ค. 52 17:30:04

ความคิดเห็นที่ 9 สำหรับผมแล้ว อยู่เมืองไทยมีโอกาสทำประโยชน์ให้กับหน่วยงานได้เยอะ ครับ นึกย้อนตอนกลับมาใหม่ๆ หลายๆ อย่างยังไม่พร้อม ไม่สมบูรณ์ ก็ได้ มีส่วนร่วมในการทำให้สิ่งต่างๆ พร้อมและสมบูรณ์ขึ้นมาก เป็นเรื่องน่าภูมิใจ ได้มีโอกาสสอนนักศึกษา คิดหาวิธีการเหมาะสมในการปรับปรุงการเรียน การสอนให้พวกเขาเข้าใจมากยิ่งขึ้น บอกตรงๆ ว่าไม่มีเวลามาคิด ว่าจะเก็บ เงินได้แค่ไหนอย่างไร เพราะสนุกกับการทำงานมาก เวลาใช้เงินไม่มีครับ เงินมีไว้เพื่อหมุนเข้าไปใช้จ่ายในโครงการวิจัยที่รับผิดชอบ แต่ละวันมีปัญหา ใหม่ๆ ให้เข้าไปช่วยแก้ไข และได้รับความรู้เพิ่มพูนหลายอย่าง ที่ล้วนนำมา สอนนักศึกษาได้ จากคุณ : Practical x 2 เขียนเมื่อ : 27 ส.ค. 52 17:44:35

ความคิดเห็นที่ 10 ปริญญาเอก จบมาสอน ม.รัฐ เริ่มต้นที่ประมาณ 18000 จากคุณ : Viengวิไล เขียนเมื่อ : 27 ส.ค. 52 22:19:35

ความคิดเห็นที่ 11   งงครับ เห็นว่าเงินเดือนน้อย แต่มีรายได้เสริมเยอะ สรุปก็คือ ต้องทำงานวันนึงมากกว่า 8 ชั่วโมง ใช่ไหมครับ ผมว่าระดับอาจารย์มหาวิทยาลัย น่าจะได้เงินเดือน หนึ่งแสนขึ้นน่ะครับ ตอนนี้ไม่มีมหาวิทยาลัยไหนเลยหรือครับที่บรรจุอาจารย์เป็นข้าราชการ เสียดายจัง ถ้างั้นก็เป็นอาจารย์สอนมัธยมดีกว่าใช่ไหมครับ จากคุณ : blackthai เขียนเมื่อ : 28 ส.ค. 52 09:55:03

ความคิดเห็นที่ 12 ผมเห็นหลายคนในนี้เคยได้เป็นอาจารย์พิเศษรับเชิญมาบรรยายที่มหาวิทยาลัยแล้วรู้สึกชอบ อยากเปลี่ยนอาชีพมาเป็นอาจารย์จริงๆ ตรงนี้ผมอยากให้ลองคิดดูดีๆ เพราะอาชีพอาจาย์มหาวิทยาลัยต่างจากอาจารย์มัธยม ตรงที่"เน้นการทำวิจัย" ไม่ใช่การสอน ดังนั้น บางคนชอบที่จะสอนก็ไม่ได้หมายความว่า จะชอบทำวิจัยหรือจะถูกใจเมื่อมาเป็นอาจารย์จริงๆ ประเด็นเรื่องรายได้ มากน้อยแค่ไหน ตัวฐานเงินเดือนของอาจารย์จบป.เอกใหม่ก็ราวๆ ๑๘,๐๐๐ - ๒๒,๐๐๐ บาทขึ้นกับมหาวิทยาลัย (ยกเว้นบางแห่งเช่น วลัยลักษณ์หรือแม่ฟ้าหลวงที่จะดึงดูดอาจารย์ด้วยการให้เงินมากกว่านี้) รายได้ที่ทำให้เงินแต่ละเดือนของอาจารย์แต่ละคนไม่เท่ากันจะมาจาก 1. การเป็นอ.พิเศษให้มหาวิทยาลัยอื่น 2. การรับงานที่ปรึกษาบริษัทข้างนอก (ไม่ว่าจะเป็นในรูปของรับจ๊อบส่วนตัวหรือบริการวิชาการก็ตาม) 3. เงินประจำตำแหน่งบริหาร  4. งานวิจัย  ซึ่งข้อสุดท้ายจะเป็นตัวแปรให้คุณก้าวหน้าในวิชาชีพที่สุด รวมถึงชักนำให้เกิดรายได้ในข้อ 1-3 ตามมาอีก แต่สำหรับคุณ การที่เคยมีเงินเดือนระดับ manager แล้วเปลี่ยนมาบินต่ำระดับ 20K+  กว่าจะเรียนจบ กว่าจะไต่ระดับเงินเดือนไปเท่าเก่า ผมไม่แน่ใจว่าคุณจะทนได้นานเท่าไหร่ เพื่อนผมหลายคนทำได้ไม่นานก็ออกไปทำเอกชน เพราะไม่เคยชินกับการใช้เงินแบบต้องคิด อีกทั้งความสะดวกสบายในเมืองกรุงกับต่างจังหวัดก็แตกต่างมาก ปัจจัยเหล่านี้ขอให้คิดดูดีๆนะครับ จากคุณ : เพราะผมไม่มี Time Machine เขียนเมื่อ : 28 ส.ค. 52 14:17:48

ความคิดเห็นที่ 13 ตอบความเห็นที่ 11 - ชั่วโมงการทำงานมากกว่า 8 ชั่วโมงหรือไม่ขึ้นกับงานวิจัยเป็นหลักไงครับ ถ้าทำแบบต่อเนื่องและหลายชิ้นงาน ยังไงก็เกิน 8 ชั่วโมงต่อวันครับ บางคนที่เคยมองว่า อาจารย์เป็นอาชีพที่งานสบาย เพราะเขาไม่ค่อยเจอตัวอาจารย์มหาวิทยาลัย ทั้งนี้เนื่องจากอาจารย์ต้องไปทำงานข้างนอกครับ แต่ไม่ใช่เอาเวลาราชการไปใช้นะครับ เพราะการร่วมมือทำงานวิจัยกับเอกชน(โดยผ่านมหาวิทยาลัย) คือ งานในหน้าที่อย่างหนึ่งซึ่งก็เป็นข้อเรียกร้องของมหาวิทยาลัยนั่นเอง อย่างไรก็ตาม การทำงานในภาคเอกชน คุณก็ทำงานกันมากกว่าวันนึงมากกว่า 8 ชั่วโมงอยู่แล้วนี่ครับ ถ้าอยากมาเป็นอาจารย์เพราะอยากสบาย ผมว่าไปทำอาชีพอื่นเถอะครับ - ส่วนรายได้เกินแสน ไม่แน่ใจว่าประชดประชันหรือเปล่า ถ้าระดับนั้นก็ต้องมีประสบการณ์การทำงานระดับหนึ่งแล้วครับ โดยทั่วไปจะผ่านประสบการณ์มาถึงระดับรองศาสตราจารย์แล้วครับ แก้ไขเมื่อ 28 ส.ค. 52 15:16:17 แก้ไขเมื่อ 28 ส.ค. 52 15:00:29 จากคุณ : เพราะผมไม่มี Time Machine เขียนเมื่อ : 28 ส.ค. 52 14:57:45

ความคิดเห็นที่ 14   #11 คงไม่ใช่อาจารย์มหาลัยที่ประเทศไทยครับ ถ้าเป็นประเทศอื่นๆ เช่น เมกา อังกฤษ ได้อยู่แล้ว...(ทำงานน้อยกว่าแปดชั่วโมงต่อวัน และไม่ต้องไปทำงานทุกวัน แต่รายได้เท่าที่คุณว่า) ส่วน รับราชการและเป็นอาจารย์มัธยมดีกว่าไหม ... มันดีกว่าตรงไหนครับ... ผมยังไม่เห็นว่าทำงานระบบราชการเมืองไทยมันดีกว่าตรงไหนเลย จะว่ามีบำนาญ ก็ไม่ได้มากมาย จะว่าเบิกค่ารักษาพยาบาลได้ ก็น้อยอีก แถมมีข้อจำกัดเต็มไปหมด เช่น ยานอกระบบ โรงพยาบาลที่จะใช้ได้ ฯลฯ หรือจะว่าระบบความก้าวหน้า ก็มีเส้นสาย มีการดองตำแหน่ง ฯลฯ ยังไม่เห็นความจำเป็นว่าเป็นข้าราชการแล้วดี จากคุณ : texasprofessor เขียนเมื่อ : 29 ส.ค. 52 02:44:53 A:98.201.156.18 X: TicketID:227086

ความคิดเห็นที่ 15   เรื่องเงินเดือนไม่ได้ประชดครับ พูดจริง เราอยากได้ของดีก็ต้องยอมจ่ายแพงสิครับ ถ้าเราอยากได้ทรัพยากรมนุษย์คุณภาพสูงเราต้องลงทุนสูงสิครับ จากคุณ : blackthai เขียนเมื่อ : 30 ส.ค. 52 10:39:03