ความคิดเห็นที่ 1 ที่ถูก ร.๓ สำเร็จโทษก็คือ หม่อมไกรสร ครับ (พระองค์เจ้าไกรสร กรมหลวงรักษ์รณเรศ) จากคุณ : เจ้าคุณแม่ทัพ เขียนเมื่อ : 27 ส.ค. 52 21:39:17

ความคิดเห็นที่ 2 หม่อมไกรสร ท่านอยู่ข้าง ร.๓ เมื่อครั้งผลัดแผ่นดินในรัชกาลที่ ๒ ฝ่าย ร.๓ ก็เช่น กรมหมื่นศักดิพลเสพ กรมหมื่นสุรินทรรักษ์ เจ้าพระยาพระคลัง (ดิศ บุนนาค) และน้องชาย (ทัต บุนนาค) เป็นต้น ฝ่าย ร.๔ ก็เช่น กรมขุนอิศรานุรักษ์ (น้าชาย ร.๔) ฝ่าย ร.๓ ท่านดูแลงานบ้านเมืองแทนพระราชบิดามานาน เลยมีทุนทางการเมืองสูงมาก เมื่อ ร.๓ ขึ้นครองราชย์แล้ว เจ้านายอื่นๆ ก็ไม่ได้แบ่งฝักแบ่งฝ่ายกันอะไรนัก ร่วนกันทำราชการต่อไป จะมีก็แต่ หม่อมไกรสร ที่ตามจองล้างจองผลาญฝ่าย พระภิกษุเจ้าฟ้ามงกุฏ (วชิรญาณภิกขุ) จากคุณ : เจ้าคุณแม่ทัพ เขียนเมื่อ : 27 ส.ค. 52 21:47:14

ความคิดเห็นที่ 3 เช่นเมื่อ ร.๔ สอบบาลีสนามหลวง (เปรียญ) หม่อมไกรสร ตอนนั้นท่านคุมกรมสังฆการีที่ดูแลด้านการสงฆ์อยู่ด้วย พอเห็นว่า ร.๔ สอบผ่านไปได้เรื่อย ก็ร้องขึ้นทำนองว่า จะปล่อยกันไปถึงไหน ทำให้ ร.๔ น้อยพระทัย ไม่สอบต่อ หม่อมไกรสรเคยเป็นเจ้านายชั้นผู้ใหญ่ที่มีอำนาจมากที่สุดพระองค์หนึ่งในต้นรัชกาลที่ ๓ ทรงกำกับการกรมสังฆการี  คือกรมควบคุมพระ ท่านไม่ชอบเจ้าฟ้ามงกุฎอย่างมาก   เมื่อเจ้าฟ้ามงกุฎทรงสถาปนาธรรมยุติกนิกายขึ้น   หม่อมไกรสรก็เป็นปรปักษ์ใหญ่ที่ตามราวีพระสงฆ์นิกายใหม่ เช่น ตักข้าวต้มร้อนๆใส่บาตร  พระจะทิ้งบาตรก็ไม่ได้ เสียความสำรวม ต้องอุ้มบาตรมือพองกลับวัด เมื่อหม่อมไกรสรถูกสำเร็จโทษ  ความทราบถึงเจ้าฟ้ามงกุฎ ก็ทรงสร้างพระขึ้นมา   เรียกว่าพระไพรีพินาศ จากคุณ : เจ้าคุณแม่ทัพ เขียนเมื่อ : 27 ส.ค. 52 21:54:03

ความคิดเห็นที่ 4 หม่อมไกรสรถูกสำเร็จโทษในรัชกาลที่ ๓   เพราะมีผู้ถวายฎีการ้องเรียนขึ้นมาก่อน  เรื่องท่านตัดสินคดีไม่เป็นธรรมทำนองว่ารับสินบน เมื่อโปรดเกล้าฯให้สอบสวนชำระความก็ได้พฤติกรรมที่ไม่ถูกต้องอีกหลายเรื่อง เช่น เรื่องฉ้อราษฎร์บังหลวง กินสินบาตรคาดสินบน เรื่องหลงรักนางละครนอก (ที่เป็นชาย) จนเป็นสวาทกัน (คำนี้แปลว่า ชายรักชาย) โดยท่านให้การว่าใช้มือกำคุยหฐาน (อวัยวะเพศ) ของกันและกันจนสุกกะ (น้ำกาม) เคลื่อนเท่านั้น และไม่เห็นว่าเป็นความผิดเพราะไม่ได้เกี่ยวข้องกับราชการงานเมือง เรื่องทำตัวสูงเกินศักดิ์ แต่เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องร้ายแรงที่สุด เรื่องร้ายสุดคือทรงให้การว่าถ้าสิ้นแผ่นดินรัชกาลที่ ๓ แล้วก็จะไม่ยอมเป็นข้าใคร หมายถึงว่าจะก่อกบฎต่อผู้ที่ขึ้นครองราชย์ต่อนั่นเอง จึงถูกสำเร็จโทษ แก้ไขเมื่อ 29 ส.ค. 52 07:58:07 จากคุณ : เจ้าคุณแม่ทัพ เขียนเมื่อ : 27 ส.ค. 52 22:00:41

ความคิดเห็นที่ 5 ขอเสริมเรื่องตอนผลัดแผ่นดินรัชกาลที่ ๒ ตอนนั้นพระภิกษุเจ้าฟ้ามงกุฎ ทรงผนวชตามราชประเพณี เพราะมีพระชนม์ครบ ๒๐ เมื่อใกล้ผลัดแผ่นดิน ท่านก็ได้ไต่ถามเจ้านายฝ่ายท่านว่าควรจะเอาราชสมบัติไหม มีกรมขุนอิศรานุรักษ์องค์เดียวที่บอกว่าควร องค์อื่นๆบอกว่ายังไม่ถึงเวลา เช่น กรมหมื่นเดชอดิศร และ กรมหมื่นนุชิตชิโนรส ร.๔ ท่านจึงบวชต่อ ซึ่งก็เป็นการสมควรเพราะ ร.๔ ยังไม่มีประสบการณ์ และไม่มีกำลังพอ เคยอ่านว่า เมื่อ ร.๒ สวรรคต แล้วขณะที่ ร.๔ เข้าไปเฝ้าพระบรมศพนั้น หม่อมไกรสรเข้าโอบตัวไว้ดูว่าจะมีอาวุธหรือไม่ จน ร.๔ ตกพระทัยมาก***** แต่ ร.๓ ก็บอกว่า ไม่เป็นไร พี่น้องกันทั้งนั้น ในสมัย ร.๓ ท่านก็สนับสนุน ร.๔ ในทุกด้าน (อาจจะเว้นแต่เรื่องให้นุ่งจีวรแบบมอญ) เจ้านายองค์อื่นๆ ที่ไม่ได้สนิทกับ ร.๔ ก็แค่ทำตัวห่างเหิน ไม่ได้ตั้งตนเป็นศัตรูเหมือนหม่อมไกรสร ***แก้ไขคำที่ไม่เหมาะสมออกนะครับ*** แก้ไขเมื่อ 28 ส.ค. 52 04:38:36 จากคุณ : เจ้าคุณแม่ทัพ เขียนเมื่อ : 27 ส.ค. 52 22:13:16

ความคิดเห็นที่ 6 ขอบคุณคุณเจ้าคุณแม่ทัพครับ    เพียงแต่ข้อมูลขัดกันนิดหน่อยกับคอลัมน์ที่ยกมา   คือคอลัมน์บอกว่าร.4ได้พระแล้วศัตรูตาย    แต่คุณบอกว่าศัตรูตายแล้วร.4สร้างพระ     ไม่รู้อันไหนถูก อ้อ  แล้วมีเหตุผลอะไรมั้ยครับ   ที่ทำให้หม่อมไกรสรจงใจตามจองล้างจองผลาญร.4 แก้ไขเมื่อ 27 ส.ค. 52 22:58:03 จากคุณ : zodiac28 เขียนเมื่อ : 27 ส.ค. 52 22:56:36

ความคิดเห็นที่ 7 พระนั้นได้มา พ.ศ.๒๓๙๑ พ.ศ.๒๓๙๒ หม่อมไกรสรถูกสำเร็จโทษ ร.๔ ทรงเห็นว่าพอได้พระองค์นี้มาแล้วศัตรูมีอันเป็นไป จึงถวายพระนามว่า "พระไพรีพินาศ" (สมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพ) "...ทูลกระหม่อม(ร.๔) ทรงบำเพ็ญพระราชกุศล "ผ่องพ้นไพรี" เมื่อปีฉลู พ.ศ.๒๔๙๖ อันเป็นปีที่สมเด็จพระพุทธเจ้าหลวงเสด็จพระราชสมภพ ความในประกาศนั้นกับพระนามในพระพุทธรูปบ่งชัดว่า ทรงบำเพ็ญพระราชกุศลด้วยพ้นภัยจากหม่อมไกรสร พระพุทธรูปองค์นี้ทูลกระหม่อมเห็นจะทรงได้ไว้แต่ยังทรงผนวชใกล้ๆ กับเวลากำจัดหม่อมไกรสรจึงทรงถือเป็นนิมิต..." แก้ไขเมื่อ 27 ส.ค. 52 23:34:52 จากคุณ : เจ้าคุณแม่ทัพ เขียนเมื่อ : 27 ส.ค. 52 23:34:23

ความคิดเห็นที่ 8 สรุปคือ ได้พระมาก่อน ศัตรูสิ้นไป จึงถวายนามว่า "ไพรีพินาศ" ขออภัยที่ข้อมูลตอนแรกผิดพลาดครับ จากคุณ : เจ้าคุณแม่ทัพ เขียนเมื่อ : 27 ส.ค. 52 23:37:08

ความคิดเห็นที่ 9 เหตุผลที่ผูกเวรเป็นไพรีนั้น ถ้าจะให้ "เดา" ก็ขอเดาว่า มีอยู่ ๓ เหตุผล ๑.หม่อมไกรสรเป็นผู้ลุ่มหลงในลาภยศ (ดูจากการฉ้อราษฎร์บังหลวง กินสินบาตคาดสินบน) ๒.เป็นผู้ทะเยอทะยาน กระหายในอำนาจ (วางแผนเป็นกษัตริย์หลังสิ้น ร.๓) ๓.จงรักภักดีต่อ ร.๓ อย่างยิ่ง (ถ้าสิ้น ร.๓ ก็ไม่ยอมเป็นข้าใคร แสดงว่าภักดีต่อ ร.๓ มาก) อาจเป็นเพราะได้ร่วมทุกข์ร่วมยากกันมา ตั้งแต่โดยทอดบัตรสนเท่ห์ด้วยกันใน ร.๒ ซึ่งอยู่ในพระราชดำรัสของ ร.๓ ในคราวชำระความ ใจความว่า ร.๓ กรมหมื่นสุรินทรรักษ์ กรมหลวงรักษ์รณเรศ ถูกทิ้งหนังสือมาด้วยกัน ก็หมายใจไว้ว่าเป็นเพื่อนตาย กรมหมื่นสุรินทรรักษ์สิ้นไปแล้ว เหลือแต่กรมหลวงรักษ์รณเรศ แต่ทำไมมาทำอย่างนี้ ฯลฯ ด้วยเหตุผล ๓ ประการนี้ เมื่อ ร.๓ ครองราชย์ หม่อมไกรสร คงจะระแวงมาก เพราะ ร.๔ มีสิทธิธรรมในฐานะ หน่อพระพุทธเจ้า พระราชโอรสพระองค์ใหญ่ในพระอัครมเหสี จึงพยายามกีดกันไม่ให้ ร.๔ ทำอะไรได้สำเร็จ เพราะ ร.๔ อาจเพิ่มพูนพระบารมี (ความนิยม) ขึ้นมาได้ ร.๕ เองก็เคยมีพระราชนิพนธ์ว่า การที่ ร.๔ ตั้งธรรมยุติกนิกาย "เป็นการต่อสู้อย่างยิ่ง" จากคุณ : เจ้าคุณแม่ทัพ เขียนเมื่อ : 27 ส.ค. 52 23:54:24

ความคิดเห็นที่ 10 ขอลบออกละกันครับ แก้ไขเมื่อ 29 ส.ค. 52 14:16:39 จากคุณ : zodiac28 เขียนเมื่อ : 28 ส.ค. 52 03:19:43

ความคิดเห็นที่ 11 เรียน เจ้าคุณแม่ทัพ มีรายละเอียดเรื่อง พระยาจักรีนครศรีธรรมราช  บิดาเจ้าจอมมารดาน้อยแก้ว บ้างหรือไม่คะ   จะพอหาอ่านได้ที่ไหน การที่กรมหลวงเทพพลภักดิ์ และ หม่อมไกรสร  ได้ว่ากรมพระคชบาล อาจสืบเนื่องมาจากขรัวตาเป็นขุนนางที่มีฝีมือทางการรบ หม่อมไกรสรนั้น มีเอกสารเล่ามาว่าท่านทรงมีคาถาอาคมแข็ง ปราบจรเข้ได้ สยามประเภท เล่มสอง หน้า ๘๓๙  เล่าว่า หม่อมไกรสรน่าจะทรงรู้พระองค์อยู่เหมือนกัน เพราะก่อนหน้านั้นไม่กี่วันได้ทิ้งตำราทั้งหมดลงในสระน้ำในวัง เต็มสระ จากคุณ : แสนอักษร เขียนเมื่อ : 28 ส.ค. 52 06:50:05

ความคิดเห็นที่ 12 เรียน คุณแสนอักษร ไม่มีรายละเอียดเลยครับ แต่ทั้ง กรมศักดิพลเสพย์ กรมเทพพลภักดิ์ กรมรักษ์รณเรศ (พระนามกรมก็คล้องจองกัน) มีเจ้าจอมมารดาเป็นชาวนคร ซึ่งสมัยนั้นเจ้าพระยานครก็มีอำนาจและกำลังมาก สืบเนื่องมาตั้งแต่กรุงแตกแล้วเจ้านครตั้งตัวเป็นเจ้า พอสมัยกรุงธนบุรีก็ได้ยกฐานะเป็นประเทศราช เมืองนครครานั้นคงมีอิทธิพลสูงมากทีเดียว กรมพระราชวังบวรมหาศักดิพลเสพย์ มีญาติข้างแม่แข็งแรงอยู่แล้ว เพราะขรัวตาและน้าชายเป็นถึงเจ้าพระยานคร ถึงได้รับกรมตั้งแต่ ร.๑ และได้เป็นวังหน้าต่อมา ส่วน กรมหลวงเทพพลภักดิ์ กับ หม่อมไกรสร ซึ่งร่วมเจ้าจอมมารดากันนั้น น่าสนใจว่าทำไมกรมหลวงเทพพลภักดิ์ ถึงได้รับกรมตั้งแต่ ร.๑ เช่นกัน ซึ่งก็มีแค่พระองค์ กับกรมพระราชวังบวรมหาศักดิพลเสพย์ ที่เป็นพระเจ้าบรมวงศ์เธอ ชั้นที่ ๑ ที่ได้ทรงกรมแต่ในร.๑ นอกจากเหตูผลว่ามีพระชันษาสมควรแล้ว อีกประการหนึ่งก็คงเป็นเพราะอิทธิพลของเมืองนครอย่างที่กล่าวไว้ ถึงแม้กรมเทพพลภักดิ์ และกรมรักษ์รณเรศ จะมิได้เป็นหลานเจ้าพระยานครเหมือนกรมศักดิพลเสพย์ แต่ญาติข้างแม่ท่านคงมีกำลังอยู่มิใช่น้อย นี่น่าจะเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ทั้งสองพระองค์ได้ทรงกรมสำคัญๆ ในเวลานั้น หัวเมืองด้านอื่นๆ ไม่ทรงอิทธิพลเท่าเมืองนคร ไม่ว่าจะเป็น พิษณุโลก หรือโคราช พิษณุโลกก็เสื่อมไปตั้งแต่ศึกอะแซหวุ่นกี้ กรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาทเคยเป็นเจ้าเมืองพิษณุโลก วังหลังเคยเป็นเจ้าเมืองโคราช ร.๑ ก็เคยเป็นหลวงยกระบัตรราชบุรี มีพระญาติราชินิกุลบางช้างของกรมพระอมรินทรามาตย์อยู่ เห็นได้ว่า หัวเมืองด้านอื่นอยู่ใต้อิทธิพลของกรุงเทพอย่างชัดเจน ยกเว้นหัวเมืองปัก์ใต้ซึ่งมีเมืองนครเป็นเมืองเอก จึงเห็นได้ว่าช่วงต้นกรุงรัตนโกสินทร์ ขุนนางที่มีอิทธิพลส่วนใหญ่ก็จะเป็นขุนนางส่วนกลางที่มีสายสัมพันธ์อันดีกับพระเจ้าอยู่หัว เช่น บุนนาค บางช้าง บุณยรัตพันธุ์ กับขุนนางหัวเมืองปักษ์ใต้ เช่น จันทโรจน์วงศ์ และโดยเฉพาะ ณ นคร การที่ขุนนางเหล่านี้ถวายธิดาให้เป็นพระสนม ก็เพื่อสานสัมพันธ์ระหว่างขุนนางและพระเจ้าอยู่หัวให้แน่นแฟ้น โดยปกติแล้ว พระราชโอรสที่มีญาติข้างแม่มีอิทธิพลสูง ก็มักจะได้รับความสำคัญเป็นพิเศษ เป็นความเห็นส่วนตัวนะครับ ถ้าผิดพลาดก็ขออภัยอย่างสูงครับ ยิ่งถ้าทรงพระปรีชาแล้วก็คงก้าวหน้าในราชการอย่างรวดเร็ว และมีอิทธิพลสูง แก้ไขเมื่อ 28 ส.ค. 52 08:10:18 แก้ไขเมื่อ 28 ส.ค. 52 08:09:16 จากคุณ : เจ้าคุณแม่ทัพ เขียนเมื่อ : 28 ส.ค. 52 07:56:49

ความคิดเห็นที่ 13 แล้วหม่อมไกรสรเป็นลูกเต้าเหล่าใครหรือคะ ปล. ไม่แน่ใจคำราชาศัพท์สำหรับหม่อม ขอโทษค่ะ จากคุณ : thezircon (thezircon) เขียนเมื่อ : 28 ส.ค. 52 16:54:54

ความคิดเห็นที่ 14 ภาพพระไพรีนินาศ วัดบวรนิเวศ จากคุณ : หนุ่มรัตนะ เขียนเมื่อ : 28 ส.ค. 52 20:28:13

ความคิดเห็นที่ 15 หม่อมไกรสร หรือ พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าไกรสร กรมหลวงรักษ์รณเรศ เป็นพระราชโอรส ในรัชกาลที่ ๑ ประสูติแต่เจ้าจอมมารดาน้อยแก้ว ธิดา พระยาจักรี เมืองนครศรีธรรมราช มี พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอภัยทัต กรมหลวงเทพพลภักดิ์ เป็นพระเชษฐาร่วมเจ้าจอมมารดา เชื้อสายหม่อมไกรสร คือ พึ่งบุญ ณ อยุธยา จากคุณ : เจ้าคุณแม่ทัพ เขียนเมื่อ : 29 ส.ค. 52 01:05:01

ความคิดเห็นที่ 16 สยามประเภทเล่ม ๔  หน้า ๙๓ ตัวละครที่โปรดอย่างเอกอุคือ นายขุนทองอิเหนา ประทานบ้านหมู่หนึ่ง ๕ - ๗ หลังให้ตัวละครคนละหมู่ เรือนฝากระดานมุงกระเบื้อง แย้มบุษบาโปรดอย่างโท เมื่อลอยกระทงนั้น พวกละครหนุ่ม ๆ  ห่มแพรสีทับทิมนุ่งผ้าลายอย่าง ห้อยตุ้มหูเพชรระย้า  สอดแหวนเพชรทุกคน(หน้า ๙๒) สยามประเภทเล่ม ๓  หน้า ๑๐๑๗ นายแย้มตู้ กับ นายแย้มตัดนั้นแต่งกายด้วยแพรระดับพระองค์เจ้า คุณท้าวทนดูไม่ไหวได้กราบทูลฟ้อง กรมหลวงรักษรณเรศร์ทรงสั่งผ้าต่วนดอกมาใหม่  เรียกกันว่าต่วนละคร จดหมายเหตุหลวงอุดมสมบัติ ฉบับที่ ๑ และฉบับที่ ๓   พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าฯเมื่อออกขุนนาง  ทรงขอความเห็นกรมหลวงรักษรณเรศร์ก่อนบุคคลอื่นถึงสามครั้งตามที่บันทึกไว้ แก้ไขเมื่อ 29 ส.ค. 52 07:35:47 แก้ไขเมื่อ 29 ส.ค. 52 07:34:10 จากคุณ : แสนอักษร เขียนเมื่อ : 29 ส.ค. 52 07:32:54

ความคิดเห็นที่ 17 อ๋อ แสดงว่าตอนนั้นหม่อมไกรสรมีอายุมากกว่ารัชกาลที่4ใช่ไหมคะ มีศักดิ์เป็นอาประมาณนี้หรือเปล่า จากคุณ : thezircon (thezircon) เขียนเมื่อ : 29 ส.ค. 52 10:25:57

ความคิดเห็นที่ 18 กระจ่างขึ้นเยอะเลย จากคุณ : อวดจำ เขียนเมื่อ : 29 ส.ค. 52 10:54:13

ความคิดเห็นที่ 19 จากคุณ : กระจ้อน เขียนเมื่อ : 29 ส.ค. 52 14:30:26

ความคิดเห็นที่ 20 ได้ความรู้กลับบ้านไปอีกโข ขอบคุณมากค่ะทุกท่าน จากคุณ : agiftofmylife เขียนเมื่อ : 31 ส.ค. 52 04:14:23