ความคิดเห็นที่ 1 ถามแบบนี้นะ จะตอบคุณตรงๆ เผลอๆจะกลายเป็น "กระทู้พลีชีพ" ไป เพราะมีคนรักและบูชาครูเคทมากๆ แต่เราจะลองเสี่ยงดวงดู เพื่อเห็นแก่คนไทยหลายๆคนที่เข้าใจอะไรผิดๆ และไปเสียเวลา เสียเงิน สิ่งแรกที่เราจะบอกคุณก็คือว่า "ครูเคทเก่งการตลาด ไม่ใช่เก่งสอนภาษาอังกฤษ"   เธอเริ่มต้นด้วยข้อความเชิงจิตวิทยา ที่หน้าปกหนังสือ (รู้สึกจะเป็นเล่มแรกของเธอ) ว่า (ประมาณเนี้ย แต่จำไม่ได้ทุกถ้อยคำ) "เอ้าเรียนภาษาอังกฤษกันเข้าไป แต่พูดไม่ได้สักที" คนเดินในร้านหนังสือ พอเจอเข้า ก็ "สะดุดตา" และ "คิดไปเองว่า ถ้าซื้อหนังสือครูเคทแล้วจะพูดอังกฤษได้" พอซื้อมาอ่าน โหข้างในสนุกมากๆเลยหละ...(เราก็เคยเปิดอ่านผ่านๆ)... ส่วนใหญ่เป็น "หลักการตลาดในเชิงจิตวิทยา ที่สร้างความหวังให้แก่ผู้เรียน" เช่น "ให้เอาเสียงภาษาอังกฤษมาเปิดตอนนอน แล้วก็จะเก่งอังกฤษได้เอง" แต่ครูเคทไม่ได้ให้แหล่งที่มาว่า จริงๆแล้วเคยมีคนเคยคิดเรื่องนี้มาตั้งนานนมแล้ว จนคนไทยหลายๆคนหลงผิดคิดว่าครูเคทคิดเทคนิคอันยอดเยี่ยม (ซึ่งจริงๆแล้วไม่ได้ผล สำหรับคนส่วนใหญ่) อันนี้ขึ้นมา ยังมีต่อ...จะค่อยๆเขียนไปทีละนิด... จากคุณ : fortuneteller เขียนเมื่อ : 28 ส.ค. 52 17:27:30

ความคิดเห็นที่ 2 ทีนี้มาให้คะแนนครูเคทบ้าง สิ่งที่ดีๆที่เธอทำ นั่นก็คือ "ส่งเสริมให้คนไทย เกิดใจกล้า  กล้าพูดอังกฤษ (แบบผิดๆ แต่ไม่ได้บอกว่า จะเรียนยังไง จึงจะแก้ไขให้พูดถูกต้องได้)" เธอพูดเรื่อง grammar ว่า เธอพูดถูกเป๊ะๆ  แต่พอไปเมืองนอกเธอพูดอย่างนั้น ฝรั่งเจ้าของภาษาบอก "พวกเขาไม่พูดกันแบบนี้ คนอ่านหนังสือเธอเลยเข้าใจผิด คิดว่า grammar ไม่ทำให้พูดได้" นอกจากนี้แล้วยังมีครูอะไรต่อมิอะไรอีกมากมาย ซึ่งไม่อยากกล่าวถึง บอกว่า grammar ไม่สำคัญ พูดๆไปเลยไม่ต้องมี grammar ก็เลยอะนะ เมื่อไม่นานมานี้มีคนเรียนจากสถาบันครูเคทที่ยึดแนวกล้าๆ คุยกับเราทาง mail เธอต้องการให้เราสอน writing ทาง mail เธอบอกว่า "เคยเรียนกับครูเคทมาแล้วจากไม่กล้าพูด กลายเป็นใจกล้าหน้าด้านพูดได้ และสื่อสารได้อย่างมีประสิทธิภาพ จนทำงานในคลีนิค (ในพัทยา) ทีมีคนไข้ต่างชาติมากมายก็สื่อสารกันได้สบายๆ" แต่เวลาเราอ่าน mail (ภาษาอังกฤษ) ของเธอที่โต้ตอบกับเรานะ "แทบจะไม่มีประโยคไหนที่เธอเขียนภาษาอังกฤษได้ถูกธรรมชาติเลย" สรุป สิ่งที่ครูเคทกับครูอะไรต่อมิอะไรผิดพลาดกันนั้น ถ้าจะแก้ใหม่ให้ถูกต้องควรพูดว่า "ใจกล้าๆพูดไป ผิด grammar ไม่ต้องกล้ว แต่ฟังบ่อยๆพูดบ่อยๆ อ่านบ่อยๆเขียนบ่อยๆ บางที ขอเน้นว่า บางทีนะ จะเรียน grammar ได้ในบางส่วนโดยไม่ต้องไปเปิดตำรา grammar...ใจกล้าๆ พูดเขียนผิดๆไปก่อน แล้วค่อยๆหาทางแก้ไข (โดยการศึกษาค้นคว้าด้วยตัวเอง ไม่ใช่ให้ครูเคทเอามาป้อนให้)  ให้มันผิดน้อยลงไปทีละนิด ทีละนิด แต่พอจะเรียนเรื่อง writing ยากๆนะ ถ้าคุณไม่ได้โตในอังกฤษหรืออเมริกาแล้วพูดภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่ 1  แต่คุณเรียนภาษาอังกฤษในเมืองไทยเป็นภาษาที่ 2 นะ มันจำเป็นต้องเรียน grammar และ sentence structure อย่างแน่นอน ม่ายงั้นไม่มีทางประสบความสำเร็จได้" จากคุณ : fortuneteller เขียนเมื่อ : 28 ส.ค. 52 17:44:32

ความคิดเห็นที่ 3 จุดขายของครูเคทคือ 1. เขียนหนังสือสนุก 2. สร้างความหวังให้คนเรียนภาษาอังกฤษทื่กำลังคลำทางเหมือนคนตาบอด แต่ก็แค่สร้างความหวังเท่านั้น เพราะครูเคทไม่ได้เอาดวงตาคู่ใหม่ให้ 3. พูดให้คนคิดว่า "ภาษาอังกฤษง่ายนิดเดียว" จึงมีกำลังใจมุมานะไปเรียน แล้วก็ไปเรียนกับครูเคท 4. สอนเรื่องความกล้า สอนให้จีบปากจีบคอ ทำเสียงนั้นเสียงนี้ จนขนาดเธอมีเงินโฆษณาออกทีวี แต่จริงๆแล้วนะ ให้เรื่องพูดให้ชัดจริงๆน่ะ มันมีหลักวิชาที่ซ้บซ้อนยิ่งไปกว่านั้น ที่ครูเคมเผลอๆยังไม่เคยเรียนรู้หรือค้นคว้ามาก่อน ข้อผิดพลาดอย่างแรงของครูเคท ที่หลายๆคนไม่เคยรู้ นั่นก็คือ 1. ครูเคทเก่งภาษาอังกฤษมาตั้งแต่เด็กๆ พอเธอไปเรียนเมืองนอก เธอก็เก่งขึ้น แต่มันไม่ได้หมายความว่าเธอจะสอนภาษาอังกฤษได้เก่ง  การสอนภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่ 2 ต้องอาศัยการเรียนรู้ ประสบการณ์ การค้นคว้าหาข้อมูล...ไม่ใช่อยู่ดีๆมาเขียนหนังสืออ่านสนุกๆแล้วจะสอนได้เก่ง 2. ตามที่บอกไปแล้วว่า ครูเคทเก่งอังกฤษตั้งแต่เรียนเมืองไทยแล้ว เผลอๆเธอจะได้คะแนนอังกฤษสูงมากๆ ดังนั้น ที่เธอบอกว่า พูดๆไปเลยไม่ต้องมี grammar หรือเอาเสียงภาษาอังกฤษมาฟังตอนนอนนะ มันอาจได้ผลสำหรับสอนตัวเธอเอง แต่มันไม่ได้ผล เวลาเอาไปสอนคนอื่นซึ่ง ขนาด grammar ม.1 - ม.4 ก็ยังไม่กระดิกหูเลย แล้วก็อ่อนมากๆ แล้วมาเริ่มเรียนตอนอายุมากๆแล้วด้วย ซึ่งมันต้องใช้วิธีการสอนอย่างอื่น ไม่ใช่มามั่วเอาแบบนี้ 3.  จริงๆแล้ววิธีแก้ปัญหาในการเรียนการสอนภาษาอังกฤษในประเทศไทย ที่ถูกหลักนั้น มันไม่ใช่ "แค่ให้กำลังใจแล้วบอกว่า จีบปากจีบคอ พูดไปเลย ใจกล้าๆ" แล้วก็ได้แต่ปลอบประโลมจิตใจผู้เรียนโดยการพูดว่า "ภาษาอังกฤษง่ายนิดเดียว" เราคิดสวนทางกับคนพวกนี้นะ จากประสบการที่เราอยู่ต่างแดนมานาน และกลับมาเมืองไทยใช้ภาษาอังกฤษประกอบอาชีพมารวมๆกันหลายปี เราพูดว่า "ภาษาอังกฤษเป็นหนึ่งในภาษาที่เรียนยากมากที่สุดในโลก" คุณจะเรียนมันได้สำเร็จนะคุณต้อง "ฝ่าด่าน 18 อรหันต์มนุษย์ทองคำ (คล้ายๆในหนังจีน) ไปให้ได้ ".... พูดแบบนี้แล้วงงหรือเปล่า? ถ้างงจะแปลไทยเป็นไทยให้ฟัง คุณต้องซูฮกว่า "โหภาษาอังกฤษมันเรียนโครตยากเลย แล้วมันเพราะอะไรกันหว่า???!!" แล้วคุณก็มาเจาะระบบมันเหมือน hacker เจาะทะลวงระบบรักษาความปลอดภัยของเครือข่ายคอมพิวเเตอร์ ยังไงล่ะ จากคุณ : fortuneteller เขียนเมื่อ : 28 ส.ค. 52 18:13:30

ความคิดเห็นที่ 4 ครูสอนภาษาอังกฤษที่ดี จะต้องเป็น "นักคิด" ต้องคิดเป็น ทั้งวิเคราห์และสังเคราห์ และใช้เทคนิคอย่างอื่นในวิชาตรรกะได้อย่างแม่นยำ  และจะต้องมีความพลิกแพลงมากๆ เพื่อให้เหมาะกับนักเรียนที่ตัวเองกำลังสอนอยู่ "โดยจะต้องรู้วิธีสอนให้ผู้เรียน 'คิดได้ด้วยตนเอง' ว่า ที่อังกฤษมันยาก มันยากตรงไหนบ้าง และจะปราบมันได้ด้วยวิธีไหน" เช่นถ้าทำอะไรไม่ได้ มันก็เพราะไม่มีทักษะอะไร และจะพัฒนาทักษะอันนั้นได้อย่างไร มีแหล่งข้อมูลที่ค้นคว้า และใช้สอนตัวเองได้อย่างไร และรู้วิธีคำนวณเวลาได้ด้วยว่า ความยากในแต่ละ topic หรือในแต่ละทักษะ ที่ต้องเรียนรู้นั้น น่าจะใช้เวลานานแค่ไหนที่จะเรียนรู้มัน ถ้าเราขาย course ภาษาอังกฤษ หรือเขียนหนังสือแนะนำเรื่องวิธีเรียนภาษาอังกฤษที่ถูกต้อง โดยพูดตรงๆตรงมา แบบที่เราพูดมาในกระทู้นี้นะ รับรองว่าไม่มีทางขายดีเท่า courses หรือหนังสือของครูเคทได้เลย นั้นก็เพราะว่า "ตอนนี้คนไทยเป็นจำนวนมากโดนล้างสมองไปเสียแล่วว่า fast English มันเป็นไปได้ เช่น เรียน 30 วันพูดได้...ก็เลย ใครขาย courses หรือขายหนังสือที่สร้างความหวัง ก็จะร่ำรวยเละ ดังจะเห็นได้ว่า ทุกวันนี้ใครๆก็ขาย courses รับประกันเก่งภายใน 2 เดือน ทั้งๆที่ทักษะบางอย่างกว่าจะเรียนได้ ใช้เวลาตั้งเป็นปี หรือหลายปี" แถมยิ่งเขียนหนังสืออ่านสนุกนะ คนนิยมชมชอบจนไม่เห็นข้อผิดพลาดของคนเขียน และใครจะท้วงติง ก็ไม่ค่อยจะกล้า เพราะจะโดนแฟนๆครูเคทที่มีชิ่อเสียงรุมเล่นงานเอา เราว่าอะนะ ถ้า course ครูเคทมันแพงขนาดเท่าที่ จขกท แปะไว้นะ เราว่า ไปเรียน AUA ได้ตั้งหลายระดับแน่ะ และที่นั่นเขามีชมรมพูดอังกฤษกัน ลองไปเรียนที่นั่นจะดีกว่าไหม? ส่วนใครๆที่เป็นสาวกครูเคท ถ้าไม่พอใจที่เราพูดตรงๆ จะเข้ามาเล่นงานเรา เราก็ไม่กล้ว เพราะบอกแล้วไงล่ะว่า นี่เป็นการตอบกระทู้พลีชีพ เพราะไม่อยากเห็นคนไทยเป็นจำนวนมากต้องหลงกลไปกับกลยุทธ์การตลาดที่ขายของไม่มีคุณภาพได้ในราคาแพงๆ กล่าวกันว่า "นักการตลาดที่เก่งฉกาจสามารถขายอุจาระได้ในราคาแพงๆ" ใครอยากซื้อก็ซื้อไป จากคุณ : fortuneteller เขียนเมื่อ : 28 ส.ค. 52 18:21:11

ความคิดเห็นที่ 5   พี่ fortuneteller เชียร์ผมก็ได้พี่ กำลังมาเเรงเเซงทางโค้งเลยพี่ ว่าง ๆ เชิญ จขกทเเละทุกคน ไปเเจม ไปเเยม ที่คอลัมน์ผม http://www.pantip.com/cafe/library/topic/K8055707/K8055707.html ขอบคุณครับ จากคุณ : tonmelb เขียนเมื่อ : 28 ส.ค. 52 20:57:01 A:203.209.119.115 X: TicketID:054700

ความคิดเห็นที่ 6 มาเขียนแนะนำ จขกท ต่อ ภาษาอังกฤษต้องเรียนเป็นปี และเรียนหลายๆปี เงิน 21,000 แลกกับสิ่งที่คณได้รับนะ 80 ชม. มันแทบจะไม่ได้อะไรเลยหละ ถ้าครูเคทสอนคุณตัวต่อตัว แล้วคิดอัตรานั้นนะ เราว่าไม่แพง แต่ถ้าเธอสอนเป็น class แล้วมีนักเรียนๆกันทีละมากๆ ถ้าเรียน 40 คนนะ ครูเคทจะทำเงินได้เป็นล้านจากการสอนเพียงแค่เดือนเดียว  (โดยคำนึงถึงว่า ครูเคทสอนวันหละหลายรอบ หรือจ้างคนอื่นมาสอนวันละหลายรอบ) แล้วผลิตนักเรียนที่ไม่เก่งออกไปมากมาย  มันเป็นการตลาดโดยเริ่มต้นจากประโยคง่ายๆว่า "เอ้าเรียนภาษาอังกฤษกันเข้าไป แต่พูดไม่ได้สักที" คนเดินในร้านหนังสือ พอเจอเข้า ก็ "สะดุดตา" และ "คิดไปเองว่า ถ้าซื้อหนังสือครูเคทแล้วจะพูดอังกฤษได้" แล้วพอครูเคทโฆษณาออกทีวี ผู้คนก็คิดว่า "ไปเรียนอังกฤษกับครูเคทแล้วจะเก่ง" คุณ จขกท ประหยัดเงินไว้ดีกว่า เราแนะนำว่า ให้ไปเรียน พูดกับฝรั่งเจ้าของภาษาที่ AUA แล้วลงเรียนปริญญาตรีเอกอังกฤษที่มหาลัยรามคำแหง (ค่าเรียนถูกมากๆ) ที่รามคุณจะได้เรียน grammar กับอาจารย์คนไทยที่มีประสบการณ์การสอน มีตำราให้อ่านเอง ซึ่งอ่านแล้วเข้าใจง่ายมากๆ ...แล้วรู้สึกว่า จะมีอาจารย์ฝรั่งด้วยนะ (ไม่แน่ใจ)  คุณเอาความรู้จากสองสถาบันนี้มาผสานกัน เสียเงินน้อยกว่าเรียนกับครูเคท และจะมีทางประสบความสำเร็จได้มากกว่าหลายเท่า เชื่อเราเหอะ อย่าไปหลงกลกับการตลาด ที่วางแผนไว้อย่างแนบเนียนโดยนักการตลาดเลย ครูเคทเป็นนักการตลาดระดับอัฉริยะ แต่เป็นครูสอนภาษาอังกฤษที่ไม่เก่ง ไม่รู้จริง แต่รู้วิธีเขียนหนังสือหรือพูดให้สนุกได้มากๆ จึงประสบความสำเร็จทางด้านการเงินอย่างงดงาม เนื่องจากคนไทยหลายๆคนไม่รู้ว่า "ภาษาอังกฤษมันยากมากๆ คนที่จะสอนภาษาอังกฤษได้ดี ไม่ใช่บอกว่า "ภาษาอังกฤษมันง่าย แค่ใจกล้าๆก็พูดได้" หากแต่ต้องพูดว่า มันยากตรงไหนบ้าง และจะจัดการกับความยากทั้งหลาย ได้อย่างไร ต่างหากล่ะ" แก้ไขเมื่อ 29 ส.ค. 52 01:04:05 จากคุณ : fortuneteller เขียนเมื่อ : 29 ส.ค. 52 00:58:17

ความคิดเห็นที่ 7 ตอบคุณ tonmelb คคห5 เราเห็นคุณพยายามโปรโมทบทความเรื่องภาษาอังกฤษของคุณมามากแล้ว เราเป็นคนชอบพูดตรงๆ แต่เราก็ไม่กล้าพูดตรงๆ เพราะเรากลัวโดนคนที่ "เสแสร้งทำตัวเป็นพลเมืองดี โดยการมาให้กำลังใจคุณ" เข้ามารุมด่าเรา หาว่าเรา "ใจดำ" แต่เราขอพูดกับคุณตรงๆเลยว่า "บทความคุณมีแต่ สู้ๆๆๆๆๆ เรียนๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ แต่มันไม่มีข้อคิดเลยว่า เรียนยังไง หาข้อมูลที่ไหน ปัญหาอยู่ที่ไหน แล้วจะแก้ไขอย่างไร...แล้วอีกอย่างหนึ่ง คุณไม่เคยลองเขียนบทเรียนดีๆมาให้ดูเป็น sample เลย" สรุป "จริงๆแล้วนะ บทความของคุณเรื่องภาษาอังกฤษน่ะ มันไม่มีอะไรน่าสนใจให้ชวนอ่านเลยสักนิดเดียว"........ คุณเคยคิดหรือไม่ว่า คนที่เข้าไปในกระทู้คุณ แล้วพูดว่า "ให้กำลังใจคุณtonmelb เขาพูดแบบนั้น เพราะเขาสงสารคุณที่พยายามเหลือเกินที่จะเขียนบทความ แต่ก็ไม่มีใครสนใจอ่าน"... จริงๆแล้วเราได้ข่าวมาว่าคุณสอนในสถาบันที่มีชื่อเสียงอยู่แล้ว แค่คนบอกกันปากต่อปากว่า คุณ tonmelb ระดับสอนสถาบันนี้นะ ก็ต้องเก่งอยู่แล้ว แค่นี้คุณtonmelb ก็มีนักเรียนมาให้สอนเพียบแล้วนะ ไม่ต้องมานั่งอดตาหลับขับตานอนเขียนกระทู้ชวนคนเรียนภาษาอังกฤษ โดยที่ลงเอย "ไม่ค่อยมีใครอยากจะอ่านเอาเสียเลย" แต่มีแค่ "คนเกรงใจกลัวคุณเขียนเหนื่อยเปล่า ก็เลยเข้ามาพูดดว่า ..."ให้กำลังใจค่ะ" ...โปรดเขียนต่อไป (เพื่อคุณtonmelb จะได้เสียเวลาไปอีกโดยเปล่าประโยชน์) ....แทนที่จะรีบๆไปสอนนักเรียนที่เขารู้จักชื่อสถาบันคุณ แล้วก็แห่กันมาเรียนกับคุณtonmelb อยู่แล้วนะ" ขอโทษทีที่พูดตรงๆว่าบทความคุณ "ไม่น่าสนใจเอาเสียเลย" จะโกรธก็ไม่ว่า และเราขอสารภาพผิด ที่เราเคยยุให้คุณไปเขียนบทความเรียนภาษาอังกฤษของคุณในห้องสมุด เพราะเรารำคาญที่จะเห็นบทความของคุณในห้องยำภาษานั่นเอง แล้วพอคุณเขียนบทความคุณในห้องสมุด ก็เคยมีคน "พูดตรง" ว่า ไม่รู้คุณ tonmelb พล่ามเรื่องอะไร ซึ่งเราก็เสียใจมากๆที่ส่งคุณ tonmelb ไปตาย แทนที่จะดูแลคุณเหมือนๆพวกพีๆ ป้าๆ น้าๆ อาๆ ทั้งหลายเขาดูแลคุณในห้องยำภาษาน่ะ....ขอโทษด้วยที่เรายุคุณด้วยคำว่า "ตอนนี้เราช่วยคุณ Flowery เปิดห้องเรียนภาษาอังกฤษได้แล้วนะ คุณtonmelb  ลองไปเขียนบทเรียนภาษาอังกฤษที่นั่นสิ รับรองว่า สาวๆสวยๆมาอ่านกันเต็มเลยหละ" ขอโทษด้วยที่เรายุให้คุณมาเขียนให้คนอ่านแล้วเอือมระอา....เรามันผิดเอง...ให้อภัยเราด้วยนะ "ที่เรารู้ว่า คุณtonmelb ไม่รู้ว่าบทความของคุณ tonmelb นั้นมันน่าเบื่อมากๆเลยหละ แต่เรากลับไม่บอกคุณตรงๆ แต่ดันกลายเป็นยุคุณ....ให้เขียนต่อ...แล้วเราก็คิดเยาะเย้ยคุณอยู่ในใจว่า คุณ tonmelb คงไม่รู้ตัวหรอกว่า บทความคุณ tonmelb มันน่าเบื่อมากๆเลยหละ....!!!!!" ตอนนี้เราสำนึกบาป เราจึงบอกตุณ tonmelb ไปตรงๆเลยหละ  ว่าเราคิดยังไง... แก้ไขเมื่อ 29 ส.ค. 52 01:32:53 จากคุณ : fortuneteller เขียนเมื่อ : 29 ส.ค. 52 01:22:41

ความคิดเห็นที่ 8 สิ่งที่ดีที่ ครูเคทบอก คือ ต้อง ฝึกๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ไม่ใช่หวังว่าไปเรียนแล้วจะได้  การจะได้ต้องมีการฝึกๆๆๆๆๆๆๆ ทุกวัน อย่าหวังว่าไปแค่ไปเรียน 80 ชมแล้วจะได้อะไร ถ้าไม่ได้เอามาฝึกฝนต่อเองเป็นประจำ แต่ นร หลายคนของครูเคท เชื่อคำพูดของครูเคทมาก มีความคิดเห็นแปลกๆ ประมาณว่า เชื่อโดยสนิทใจ โดยไม่ได้คิดเอง ผมไม่แน่ใจว่าครูเคทพูดแบบนั้นจริงๆ หรือว่า นร พวกนี้เข้าใจผิดไปเอง ตามความคิดผม คือ เค้าตีความหมายผิดกันไปเอง  สิ่งที่ผมบอกนี้คือ เรื่อง คำศัพท์ครับ ครูเคทบอกว่า ให้ดูหนังไป โดยไม่ต้องเปิดซับไทเทิ้ล ฟังไป หัดเดาจากเนื้อเรื่อง จนเด็กหลายคนพูดว่า ให้ดูไปเรื่อยๆ ซัก สิบ ร้อย พัน หมื่น แสน รอบ เดี๋ยวก็เข้าใจเอง โดยไม่ต้องเปิด dictionary แล้วพูดทำนองว่า ถ้าขืนเปิด dictionary ปุ๊บ ไอ้สิ่งที่ฝึกมา จะหายไปหมดในพริบตา อย่างกับธาตุไฟเข้าแทรก วิทยายุทธหายเกลี้ยง ผมว่า เค้าควรจะคิดกันได้ว่ามันสมเหตุสมผลหรือไม่ การที่จะเสียเวลามาดูหลายๆ รอบ กับเปิด dictionary ทีเดียว แล้วรู้ความหมาย อย่างไหนมันเร็วกว่ากัน   นอกจากนี้ การไม่เปิด subtitle ดู สมมุติว่าดูจนเข้าใจศัพท์เองได้ (โดยที่ไม่รู้ว่าเข้าใจถูก หรือว่าเข้าใจผิด อาจจะเข้าใจไปกันคนละเรื่องก็ได้) แต่ไม่เคยเห็นว่ามันสะกดยังไง แล้วไงต่อเนี่ย รู้การออกเสียง แต่ไม่รู้สะกดยังไง แสดงว่า ฝึกไปให้ได้ฟังกับพูด เขียน อ่าน ช่างมัน รึเปล่า แต่ตรงนี้ ไม่ขอฟันธงว่าครูเคทสอนผิด เพราะไม่แน่ใจว่าครูเคทบอกแบบนี้กับ นร จริงๆ หรือว่า นร ตีความผิดไปเอง ตัวอย่างที่เคยอ่านจากหนังสือครูเคท ครูเคทบอกว่า การอ่านบทความภาษาอังกฤษ ถ้าไม่เข้าใจ ไม่ต้องเปิด dictionary พยายามเดา ซึ่งผมเห็นด้วยนะ คือ ไม่ใช่เปิดมันทุกคำที่ไม่รู้ แต่เด็กพวกนี้บอกว่า ห้าม ใช้ dictionary เด็ดขาดต้องเดาอย่างเดียว แม้บางที ไม่รู้ศัพท์ซักคำในประโยค หรือ ย่อหน้า (แล้วมันจะเดาได้ไงเนี่ย) เช่น ง่ายๆ  รู้ ประธาน กับ กรรม แต่ไม่รู้ กริยา  เดาออกมั้ย  เช่น  I ...... you.  จะเดาว่าอะไรอะ มันเป็นได้ร้อยแปดพันประการ เห็นเด็กพวกนี้ ยืนยันความเชื่อของตน แล้วก็เหนื่อยใจ คิดเองไม่เป็น และจะเห็นคนมาโพสในเว็บบอร์ดครูเคทประมาณว่า  เฮ้อ ท้อ ดูหนังไปตั้งหลายรอบแระ ไม่เห็นเข้าใจซะที  ดูอีกกี่รอบจะเข้าใจเนี่ย  ก็จะมีบางคนเข้ามาบอกว่า พยายามต่อไป คุณมาถูกทางแล้ว (คนถามอาจจะคิดว่า ถูกทางทำไมไม่ได้ผลซะทีฟระ) แก้ไขเมื่อ 29 ส.ค. 52 08:40:00 จากคุณ : Tiger อู๊ด เขียนเมื่อ : 29 ส.ค. 52 08:10:56

ความคิดเห็นที่ 9   ขอบคุณครับพี่ fortuneteller ไม่โกรธเลยครับ จะโกรธทำไม มันจริงนะ ผมคนตรงอยู่เเล้ว ยิ่งอ่านคำเเนะนำ ผมยิ่งมีกำลังใจขึ้นมหาศาล จริง ๆ นะพี่ fortuneteller ไม่ได้มาประชดนะ ไม่ใช่อ่านเเล้วท้อ ท้อเนี่ยอาจมี เเต่มักจะอยู่กับผมไม่นานหรอก ตื่นเต้นกว่า ที่จะได้ลุยกับมัน บทความผมถ้าอ่านจริง ๆ เเล้ว เต็มไปด้วยข้อมูลที่หามาใส่ เพียบ มาจากการที่ได้อ่านทุกวันครับ วิธีต่าง ๆ ที่ผมเสนอ ผมถือว่า ผมปฏิบัติอยู่ทุก ๆ วัน นะพี่ อ่านๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ สู้ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ มุ่งมั่นๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ พูดๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ฟังๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ เขียนเเละจด ส่วน-----------------"บทความคุณมีแต่ สู้ๆๆๆๆๆ เรียนๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ แต่มันไม่มีข้อคิดเลยว่า เรียนยังไง หาข้อมูลที่ไหน ปัญหาอยู่ที่ไหน แล้วจะแก้ไขอย่างไร...แล้วอีกอย่างหนึ่ง คุณไม่เคยลองเขียนบทเรียนดีๆมาให้ดูเป็น sample เลย"--------------------- จากการฝึกฝนอย่างสม่ำเสมอที่เเนะไว้ เทคนิคการเรียน การมอง ส่วนวิธีต่าง ๆ ว่าจะประสบความสำเร็จอย่างไร ถ้าเขียนใส่ในนี้ อย่างไร จะประสบความสำเร็จ ถ้าเขียน O no หนังยาวสำหรับผมเลย ผมใจร้อนเเละใช้เวลาเขียนมากเลยครับพี่ พี่ก็เคยเเนะให้ผมปรับเขียน เเต่ผมเคยเขียนไปว่า ให้ผมมาสอนสด ๆ ผมจะพริ้วกว่านี้อีก+ไม่ต้องมานั่งจิ้มพิมพ์ทีละตัว ๆ เขียนเเล้ว งงตัวเอง สู้สอนเเละอธิบายสด ๆ ที่พี่เขียนก็ถูก ผมสอนอยู่ในสถาบันที่มีชื่อเสียง ไม่เก่งพอตัว อยู่ไม่ได้ เเละสอนสนุกเเละได้อย่างน่าสนใจด้วย (เเต่ผมก็ไม่เคยบอกใครว่าผมสอนที่ไหน) เลยขอด้นสด ๆ เหมือนที่ได้อ่าน ข้อมูลเพียบครับ ฝึกฝนเอง ไปเรียนกับสถาบัน+อ่านบทความผมที่มีข้อมูล ไปปรับ เขียนมาเเนะกันครับพี่ ผมชอบอ่าน โห! พี่ เหมือนพี่กับผม ไม่รู้จักกัน(ทางpantip) การเป็น 1 ในยุทธจักรนี้ นี่คือสิ่งที่ผมต้องการอยู่เเล้ว ขอให้เเนะเข้ามาเลย อยากรับฟังทุกคำเเนะนำครับ ผมมั่นใจว่าผมของจริง พี่ก็รู้ ถึงเเม้เเนวทางที่เขียนจะน่าเบื่อ เดี๋ยวก็ชินเอง จะ 10 ปีเเล้ว หรือไม่เข้ามาอ่านเอง ต้องให้ผู้อ่านเข้าเลือก ขอให้ผมมุ่งมั่นพัฒนาตัวเองไปเถอะ ตลาดจะไปทางไหน เรื่องของเค้า หรือคนอ่าน ชอบเเบบนั้น จากคุณ : tonmelb เขียนเมื่อ : 29 ส.ค. 52 09:20:47 A:203.209.118.71 X: TicketID:054700