Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
Fast English ไม่มีจริง จะฝึกภาษาอังกฤษต้องลุยและมีความมานะพยายามเท่านั้น  

มีกระทู้ถามเรื่องวิธีฝึกภาษาอังกฤษให้เห็นอยู่บ่อยๆ
ผมจึงขอเล่าประสบการณ์ส่วนตัวให้ฟัง เผื่อจะเป็นประโยชน์บ้าง

ผมจบ ม.ศ. 5 (สมัยนั้น) สายวิทย์ ภาษาค่อนข้างอ่อน
สอบเอ็นทรานซ์ เลือกวิศวะจุฬาฯ ที่เดียวเลย ตามสันดานอันโลดโผนของผม
ไม่ติด แหะ แหะ
ไปเข้า ABAC ปีแรกแทบไม่รอด เพราะภาษาเป็นเหตุ

ขึ้นปีสอง มีอาจารย์ฝรั่งสามคน สดๆ ซิงๆ จากอเมริกา มาพักที่อพาร์ทเม็นท์ติดกับบ้านลุงผมซึ่งผมไปอาศัยเขาอยู่ตอนเรียนหนังสือ (ผมเป็นเด็กบ้านนอก)
อพาร์ทเม็นท์นี้เป็นของลุงผมเอง มีประตูเล็กๆ เปิดทะลุถึงกันได้

ได้การละ โอกาสทองมาถึงแล้ว
เช้าไปวิทยาลัยพร้อมกัน (สมัยนั้น ABAC ยังเป็นวิทยาลัย) เลิกเรียนแล้วกลับพร้อมกัน มื้อเย็นบางมื้อกินข้าวด้วยกัน
วันหยุดผมพาเขาเที่ยว ไปดูหนัง ไปเล่นสนุ๊กเกอร์ ไปเที่ยวงานลอยกระทง ฯลฯ ค่าใช้จ่ายก็หารกัน
เขาสาม ผมหนึ่ง และเขาพูดไทยไม่ได้สักคำ ผมจึงต้องใช้ภาษาอังกฤษล้วน
มันคือการพาตัวเองเข้าไปในสถานการณ์บังคับ

ในชั้นเรียนนี่ไม่ต้องพูดถึง เพราะใช้ภาษาอังกฤษล้วนอยู่แล้ว ยกเว้นวิชาภาษาไทยกับกฎหมาย
แต่นอกชั้นเรียน มื้อเที่ยงผมซื้อข้าวจานนึง แล้วหน้าด้านเข้าไปร่วมโต๊ะกับอาจารย์ต่างชาติซึ่งมีทั้งอเมริกัน อินเดีย พม่า ทั้งๆ ที่เขาไม่ได้เชิญ ทำอย่างนี้ทุกวัน
เวลาคุยกับเพื่อนที่วิทยาลัย มันพูดไทย ผมพูดอังกฤษ มันว่าผมบ้า แต่ผมไม่สนว่ะ 555

ก่อนสอบ ผมรับอาสาเป็นติวเตอร์ในวิชาที่ผมถนัด
ก็ไปสุมหัวกันที่บ้านเพื่อน เป็นลูกนายพล บ้านใหญ่กว้างขวาง
ไปสุมหัวกันก่อนสอบเป็นอาทิตย์นะครับ ตกเย็นมันออกไปเล่นสนุ๊กเกอร์กัน ไปกินข้าวที่ท่าน้ำเมืองนนท์ (สงสัยจะแถวๆ บ้านคุณแอ๊ด กะคุณ fortuneteller อิอิ)
ไม่เป็นไร ผมอยู่บ้านอ่าน text books ตะบันราดเพื่อมาติว ซื้อข้าวมาฝากผมด้วยก็แล้วกัน
ผลจากการอ่าน text books อย่างหนักนี่เอง ช่วยผมได้มากในการทำงาน เดี๋ยวจะเล่าให้ฟังในตอนท้ายว่าเป็นยังไง

ตอนปีสอง ผมอาจหาญเข้าแข่ง speech contest ที่จัดขึ้นในเครือฯ ทั้งๆ ที่ตอนนั้นผมเพิ่งเริ่มฝึกภาษา ยังละอ่อนนัก
รู้ทั้งรู้อยู่ว่าผมแพ้เด็กแหงๆ โดยเฉพาะเด็กจาก ACC แต่ผมไม่อายหรอกนะ ผมมีจุดประสงค์ส่วนตัวของผม
เข้าแข่งครั้งแรกนั้นผมไม่รู้ว่าเสียงผมสั่นหรือเปล่า รู้อย่างเดียวว่าขามันสั่นง่ะ โห.. ก็ต่อหน้าคนเต็มห้องประชุมขนาดนั้นโดยที่ภาษาของตัวเองยังไม่แข็งแรง
ผมเข้าแข่งอีกหลายครั้ง มีจัดครั้งใดเข้าแข่งทุกที ว่างั้นเถอะ
ผลของมันคืออย่างใด?

อย่างแรก
จากการที่ผมตะลุยอ่าน text books ช่วยผมได้มากในการทำงาน
ตอนที่เข้าทำงานนะ งานแรกที่ได้รับมอบหมายคือ ศึกษาสัญญาร่วมทุน (Joint Venture Agreement) ว่ามีตรงไหนที่เราเสียเปรียบบ้าง จะได้เจรจาต่อรองต่อไป
โห.... ภาษากฎหมาย บางประโยคยาวครึ่งค่อนหน้าเนี่ยนะ ทีแรกก็มึนตึ้บเหมือนกันครับ ต้องค่อยๆ แกะ แยกประโยคยาวๆ พวกนั้นออกมาเป็นท่อนๆ โดยใช้ปากกาแดงขีดคั่นไว้ แล้วทำความเข้าใจทีละท่อน จากนั้นจึงนำมารวมกันอีกที

อย่างที่สอง
การที่ผมเข้าแข่ง speech contest หลายครั้งมาก ทำให้ไม่มีปัญหาเรื่อง public speaking อาการประหม่าไม่มี
ตอนทำงานช่วงแรกๆ เจ้านายให้ present งานเป็นภาษาอังกฤษต่อที่ประชุม ซำบายมากครับ ผมผ่านมาเยอะแร้วววววว

นี่แหละครับ ผมลุยมาขนาดนี้ ระดับภาษาของผมยังได้แค่สื่อสารพอรู้เรื่องเท่านั้น ไม่ได้เลิศหรูอะไร

ต่อประเด็นที่ว่า ผมก็พูดได้สิ เพราะผมมีโอกาสทองนี่นา คือมีอาจารย์ฝรั่งถึงสามคนมาอยู่บ้านติดกัน
คนอื่นเขาไม่มีโอกาสแบบนั้น
มีครับ
ก็อาจารย์ของคุณในโรงเรียนหรือมหาวิทยาลัยนั่นไง
เพียงว่าคุณต้องใจกล้าและหน้าด้านแบบผม แค่นั้นเอง

จากคุณ : หนุ่มไทยไร้นาม
เขียนเมื่อ : 29 ส.ค. 52 17:40:25




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com