 |
โอ้อวดทฤษฎี...เพราะความกลัว
|
|
ผมต้องหาทางออก เพราะความกลัวว่าคนไทยจะอยู่ไม่รอด จึงใช้เวลาคิดทฤษฎีนี้ถึง๑๒ปี มาช่วยกันวิพากษ์ ต่อยอดวิชาครับ ***************************************************** (จากกระทู้โต๊ะกล้อง 0832193ของคุณfedx)
จินตนาการ สำคัญ กว่าความรู้
จินตนาการเป็นเชาว์ปัญญาขั้นสูงสุด และมันจะนำไปสู่การสร้างสิ่งใหม่ๆได้อย่างไม่สิ้นสุด
ปิคาสโซ่ ไม่ได้มีความรู้เรื่องแม่สีมากกว่าคนอื่นๆ นักดนตรีอัจฉริยะก็ไม่ได้รู้จักตัวโน๊ตมากไปกว่าคนอื่น แต่สิ่งที่ทำให้พวกเขามีฝีมืออยู่ในระดับเทพ คือจินตนาการ
ศาสตร์คือความรู้ ศิลป์คือจินตนาการ การจะถ่ายภาพอย่างมีศิลป์ ความรู้เพียงอย่างเดียวไม่เพียงพอ
คนสองคนที่มีความรู้เท่ากัน เรียนจบคณะเดียวกัน จึงประสบความสำเร็จไม่เท่ากัน เพราะความสามารถในการจินตนาการต่างกัน แน่นอนว่า อุปนิสัย ความชอบ ความสนใจ ความถนัด ฯลฯ เป็นส่วนสำคัญที่จะทำให้มีพลังแห่งจินตนาการสูงขึ้น
ความชอบจะทำให้สนุกกับงาน ถ้าไม่มีความสุขในการทำงาน จะไม่มีทางแปลงศาสตร์ที่เรียนมา ให้เป็นศิลป์ได้ ทำให้ไม่ประสบความสำเร็จในวิชาชีพเท่าที่ควร
ความคิดสร้างสรรค์จะเกิดขึ้นกับผู้ที่มีอีคิวสูง คนกลุ่มนี้จะมีอารมณ์ศิลป์ ส่วนคนที่มี ไอคิวสูง จะเชี่ยวชาญทางด้านศาสตร์ ทั้งศาสตร์และศิลป์ คือปัจจัยแห่งความสำเร็จ ศาสตร์ได้จากการเรียน แต่ศิลป์ได้จากการหยั่งรู้
ในทางจิตวิทยาพบว่า ความสามารถในการจินตนาการและความคิดสร้างสรรค์ไม่ขึ้นอยู่กับระดับการศึกษา หมายความว่า คนที่เรียนจบชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ก็มีสิทธิที่จะมีจินตนาการและมีความคิดสร้างสรรค์สูงกว่าคนที่จบปริญญาเอก ซึ่งรวมไปถึงระดับ อี.คิว.ด้วย จากคุณ : FED X เขียนเมื่อ : 15 ก.ย. 52 02:23:56 A:202.133.176.117 X: TicketID:232819 bookmark เก็บเข้าคลังกระทู้ ส่งต่อกระทู้ พิมพ์ หน้าหลัก กระทู้ก่อนหน้า กระทู้ถัดไป
-*-......เอาประโยชน์เต็มๆที่ ไอสไตน์ พูดมาลงด้วยสิครับ
“Imagination is more important than knowledge. For knowledge is limited to all we now know and understand, while imagination embraces the entire world, and all there ever will be to know and understand.”
ถ้าช่างภาพเอาแต่จิตนาการ แต่วัดแสงไม่เป็น ปรับกล้องไม่ถูก ล็อคโฟกัสไม่ได้ ....... ภาพในจินตนาการมันจะออกมาให้คนอื่นเห็นได้ไหม จากคุณ : ginosty
เขียนเมื่อ : 15 ก.ย. 52 03:11:00
ความคิดเห็นที่ 3
ผมว่ามันคู่กันครับ หากไม่มีความรู้มีแต่จินตนาการ เขาเรียกฝันลมๆแล้งๆครับ อย่าลืมว่าไอนสไตน์ไม่ได้เกิดมาทุกวันและทุกคนใช่จะมีสติปัญญาที่จะสร้าง ความรู้เพื่อสานจินตนาการได้ด้วยตนเอง บางคนบอกว่าศิลปะไม่มีกรอบ แต่ก่อนจะออกนอกกรอบมันก็ต้องรู้ก่อนว่ากรอบอยู่ตรงไหน หากไม่รู้ผมเรียกออกทะเล ส่วนใหญ่จะตายมากกว่ารอดไปถึงฝั่งครับ บางคนบอกว่าคนเก่งๆบางคนไม่เห็นต้องเรียนหนังสือสูงๆเลย แต่อย่าลืมว่า การเรียนไม่จำเป็นต้องเป็นการเรียนในหลักสูตรหรือในโรงเรียนเสมอไป ความรู้นอกตำราก็มีเยอะแยะ คนๆนั้นอาจจะเรียนจากประสบการณ์จากแหล่งอื่นๆเช่น ครอบครัว เพื่อน ลองผิดลองถูก สิ่งเหล่านั้นก็นับได้ว่าเป็นการเรียนประเภทหนึ่งเหมือนกัน แต่ข้อดีของการอ่านหนังสือหรือไปเรียนตามระบบปกติ เพราะว่าเราจะได้ไม่ต้องมาเสียเวลาลองผิดลองถูกกับหลายๆสิ่งที่มีคนอื่นๆเขา ทดลองมาแล้วครับ การเรียนรู้เราก็จะพัฒนาเร็วมากขึ้น ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับครูด้วยว่าเข้าใจปรัชญาของการเรียนรู้ว่าเป็นอย่างไร จึงจะสามารถแนะนำให้ลูกศิษย์พัฒนาการเรียนรู้ไปในทิศทางที่ถูกต้องได้ บวกกับไม่ทิ้งจินตนาการหรือความฝันของตัวเอง เรียกว่าใช้ทั้งพรสวรรค์และพรแสวง มันถึงจะประสบความสำเร็จครับ แก้ไขเมื่อ 15 ก.ย. 52 03:32:57 จากคุณ : Leofish
เขียนเมื่อ : 15 ก.ย. 52 03:30:18
ความคิดเห็นที่ 4
คนรุ่นเก่าใช้ความรู้+จินตนาการ ลองผิดลองถูกให้ได้ของสิ่งหนึ่งมา คนรุ่นใหม่ใช้ความรู้+จินตนาการ เรียนรู้และพัฒนาของสิ่งนั้นให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น . . . ด้วยเหตุนี้ ถึงได้มีกล้องกะเลนส์รุ่นใหม่ ออกมาทุกปี ให้คนแถวนี้เสียตังค์ประจำไงเล่า แก้ไขเมื่อ 15 ก.ย. 52 05:01:13 จากคุณ : พ่อน้องมา (nongMalisa)
เขียนเมื่อ : 15 ก.ย. 52 05:00:34
มีใจให้+(สมองที่มีจินตนาการ+ความรู้)+มือที่ลงมือสร้าง ^................ ^................... ^................. ^ 0มิติ +.......1มิติ...............+2มิติ ...+........3มิติ ..........................................^ .................^ ...................................สัญลักษณ์3........... สิ่งของ ..........................................^ .................^ .................................แผน,แบบ,ตำรา.........จับต้องได้/มีประโยชน์ แก้ไขเมื่อ 15 ก.ย. 52 06:30:06 จากคุณ : 222 (ขามเรียง)
เขียนเมื่อ : 15 ก.ย. 52 06:25:03
ความคิดเห็นที่ 6
สูตรแห่งความสำเร็จ มีใจให้,จดจ่อ,รัก,สนใจ..........เริ่มจุติ..........ยังไม่ปรากฏให้เห็น คือ0มิติ ^ สมองมีจินตนาการ.....มี1มิติ(จุดเล็กที่มองไม่เห็นในสมอง) สมอง เริ่มหาสะสมความรู้รองรับจินตนาการ...ปรากฏเป็น2มิติ โดยอาศัย มือสร้างสัญลักษณ์3(ตัวอักษร-ข้อความ,ตัวเลข-คณิตศาสตร์,ลายเส้น-แผนภาพ) ทำเป็นแบบ ,แผน,แผนภาพ,ทฤษฎี-ตำรา ^ ประสานใจ สมองและการลงมือประสานเข้าด้วยกันอย่างเป็นระบบ ครบกระบวนการ....(ต้องครบกระบวนการ...ขอย้ำตรงนี้) สร้างทดลองประดิษฐ์ประกอบแบบขึ้นมาเป็นสิ่งของ จับต้องได้/มีประโยชน์ ^ ดังนั้น จากสิ่งที่ไร้มิติมองไม่เห็นแต่สัมผัสได้ด้วยใจ กลายมาเป็นตัวตน3มิติ
******************************* กมล........กระหม่อม.........กร................( ทฤษฎีกระบวนการ ๓ก.ไก่ ) จากคุณ : ขามเรียง
เขียนเมื่อ : 15 ก.ย. 52 06:53:26
ความคิดเห็นที่ 7
ดังนั้น เราจะQuoteคำพูดหรือวลีของคนบางคนมาใช้ ซึ่งมันเป็นสิ่งดี....แต่ ผมคิดว่ามันไม่เพียงพอต่อความสำเร็จ,เราควรต้องสร้างระบบและกระบวนการ ที่จำเป็นให้ครบถ้วน ตามลำดับขั้นตอนของมิติ ความสำเร็จจึงบังเกิดขึ้นได้ ******************************************************* นี่เป็นบทเรียนที่สำคัญ ขอมอบให้เพื่อยุวชนรุ่นใหม่ครับ นำไปไตร่ตรองใช้มัน คงมีประโยชน์บ้าง ไม่มากก็น้อย ขอให้สำเร็จนะครับ (ผมใช้เวลาคิดถึง๑๒ปี นับจากปี๒๕๔๐ที่ระบบเศรษฐกิจไทยล่มสลายไม่เป็นท่า เพื่อสร้างทฤษฎีนี้ขึ้นมา) จากคุณ : ขามเรียง
เขียนเมื่อ : 15 ก.ย. 52 07:14:03
จากคุณ |
:
ขามเรียง
|
เขียนเมื่อ |
:
15 ก.ย. 52 07:36:13
|
|
|
|  |