ความคิดเห็นที่ 1 พระราชลัญจกรมี ๔ ประเภท คือ . พระราชลัญจกรสำหรับแผ่นดิน ใช้ประทับกำกับเอกสารสำคัญที่ออกในพระปรมาภิไธยพระมหากษัตริย์ เช่น พระราชลัญจกรมหาโองการ พระราชลัญจกรไอยราพต . พระราชลัญจกรประจำแผ่นดิน หรือประจำรัชกาล ใช้ประทับกำกับพระบรมนามาภิไธยในเอกสารสำคัญ . พระราชลัญจกรประจำพระองค์ ใช้ประทับกำกับพระบรมนามาภิไธย ในเอกสารสำคัญส่วนพระองค์ ที่ไม่เกี่ยวด้วยราชการแผ่นดิน . พระราชลัญจกรประจำเครื่องราชอิสสริยาภรณ์ ใช้ประทับประกาศนียบัตรเครื่องราชอิสสริยาภรณ์ตามที่ กำหนดไว้ จากคุณ : tintila เขียนเมื่อ : 15 ก.ย. 52 21:44:48

ความคิดเห็นที่ 2 พระราชลัญจกรพระครุฑพ่าห์ เป็นพระราชลัญจกรที่ใช้มาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา สมัยกรุงธนบุรีก็ยังคงใช้ต่อเนื่อง นอกจากนั้น บรรดา เจ้าประเทศราชในสมัยกรุงธนบุรีก็ยังได้รับพระราชทานตราครุฑพ่าห์จำลองไปใช้ในราชการอีกด้วย สมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น ยังคงใช้พระราชลัญจกรองค์นี้เป็นพระราชลัญจกรสำหรับแผ่นดิน ในการผนึก พระราชสาส์นและหนังสือสัญญากับนานาประเทศ เช่นเดียวกับพระราชลัญจกรสำหรับแผ่นดินองค์อื่น ๆ ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้ทรงโปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นโดยที่ยังไม่มี พระปรมาภิไธยรอบพระลัญจกร ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวได้โปรดเกล้า ฯ ให้ใช้พระราชลัญจกรพระครุฑพ่าห์ เป็นพระราชลัญจกรประจำแผ่นดินเป็นการถาวร โดยให้เพิ่มพระปรมาภิไธยประจำรัชกาลที่ขอบรอบพระราช ลัญจกร  ได้ทรงตราพระราชบัญญัติพระราชลัญจกร ร.ศ.๑๓๐ (พ.ศ.๒๔๕๔) ให้พระราชลัญจกรพระครุฑพ่าห์ ประจำแผ่นดินองค์ใหม่ ใช้ประทับกำกับพระบรมนามาภิไธยเท่านั้น ดังนั้นพระราชลัญจกรพระครุฑพ่าห์ อันเป็นพระราชลัญจกรสำหรับแผ่นดินมาแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา จึงเปลี่ยนเป็นพระราชสัญจกรประจำแผ่นดิน ตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา ในรัชกาล พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ได้โปรดเกล้าฯ ให้สร้างพระราชลัญจกร ประจำพระองค์ พระราชลัญจกรพระครุฑพ่าห์ประจำแผ่นดิน สำหรับองค์หลังได้ทรงสร้างขึ้นเมื่อ วันที่ ๒๑ เมษายน พ.ศ. ๒๔๙๓ ณ อุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม จากคุณ : tintila เขียนเมื่อ : 15 ก.ย. 52 21:45:47

ความคิดเห็นที่ 3 พระราชลัญจกรประจำรัชกาลที่ ๑ เป็นรูปปทุมอุณาโลม มีอักขระ   "อุ" อยู่กลาง ล้อมรอบด้วยกลีบบัว อันเป็น พฤกษชาติที่เป็นสิริมงคลในพุทธศาสนา ตราอุณาโลมมีรูปร่างคล้ายสังข์เวียนขวา  อยู่ในกรอบลายกนก เริ่มใช้คราวพระราช  พิธีบรมราชาภิเษก เมื่อ พ.ศ. ๒๓๒๘ จากคุณ : tintila เขียนเมื่อ : 15 ก.ย. 52 21:46:31

ความคิดเห็นที่ 4 พระราชลัญจกรประจำรัชกาลที่ ๒ เป็นรูปครุฑยุดนาค เป็นพระราช สัญลักษณ์ของพระบรมนามาภิไธยว่า   "ฉิม" อันหมายถึงพญาครุฑในวรรณคดี ไทย ซึ่งอยู่ที่วิมานชื่อ ฉิมพลี จากคุณ : tintila เขียนเมื่อ : 15 ก.ย. 52 21:47:24

ความคิดเห็นที่ 5 พระราชลัญจกรประจำรัชกาลที่ ๓ เป็นรูปปราสาท เป็นพระราช สัญลักษณ์ของพระบรมนามาภิไธย ว่า "ทับ" อันหมายถึง ที่อยู่ หรือ เรือน จากคุณ : tintila เขียนเมื่อ : 15 ก.ย. 52 21:48:23

ความคิดเห็นที่ 6 พระราชลัญจกรประจำรัชกาลที่ ๔ เป็นรูปพระมหาพิชัยมงกุฎ  ในกรอบรูปกลมรี เป็นพระราชสัญลักษณ์ของพระบรมนามาภิไธย ว่า "มงกุฎ" มีฉัตรตั้งขนาบพระมหาพิชัยมงกุฎทั้งสองข้าง มีพานทองสองชั้นวางแว่นสุริยกาลหรือ เพชรข้างหนึ่ง วางสมุดตำราข้างหนึ่ง   พระแว่นสุริยกาลหรือเพชร มาจาก ฉายาเมื่อทรงผนวชว่า "วชิรญาณ" ส่วนสมุดตำรามาจากการที่ได้ทรงศึกษาและมีความเชี่ยวชาญในด้าน อักษรศาสตร์และดาราศาสตร์ จากคุณ : tintila เขียนเมื่อ : 15 ก.ย. 52 21:49:24

ความคิดเห็นที่ 7 พระราชลัญจกรประจำรัชกาลที่ ๕ เป็นรูปพระจุลมงกุฎเปล่งรัศมี บนพานแว่นฟ้า เป็นสัญลักษณ์ของ พระบรมนามาภิไธย "จุฬาลงกรณ์" มีฉัตรตั้งขนาบข้าง ริมขอบสองข้าง   มีแว่นสุริยกานต์ข้างหนึ่ง กับสมุด ตำราข้างหนึ่งวางอยู่บนพานแว่นฟ้า จากคุณ : tintila เขียนเมื่อ : 15 ก.ย. 52 21:50:34

ความคิดเห็นที่ 8 พระราชลัญจกรประจำรัชกาลที่ ๖ เป็นรูปวชิราวุธ ยอดมีรัศมี  ประดิษฐานบนพานแว่นฟ้า ซึ่งตั่งอยู่เหนือตั่ง มีฉัตรกลีบบัวตั้งอยู่สองข้างเป็นสัญลักษณ์ พระบรมนามาภิไธย "วชิราวุธ" หมายถึง อาวุธของพระอินทร์ จากคุณ : tintila เขียนเมื่อ : 15 ก.ย. 52 21:51:43

ความคิดเห็นที่ 9 พระราชลัญจกรประจำรัชกาลที่ ๗เป็นรูปพระแสงศร ๓ องค์ คือ   พระแสงศรพรหมมาสตร์ พระแสงศรประลัยวาต และพระแสงศรอัคนีวาต บนราวพาดพระแสง เหนือขึ้นไปเป็น ดวงตรามหาจักรีบรมราชวงศ์ ภายใต้ พระมหาพิชัยมงกุฎ ด้านซ้ายและขวา ตั้งบังแทรก มีลายกนกแทรกอยู่ บนพื้น ตอนบนของดวงตรา พระแสงศร ๓ องค์ นี้เป็นพระราชสัญลักษณ์ของพระบรมนามาภิไธย "ประชาธิปกศักดิเดชน์"   "เดชน์" แปลว่า ลูกศร จากคุณ : tintila เขียนเมื่อ : 15 ก.ย. 52 21:52:48

ความคิดเห็นที่ 10 พระราชลัญจกรประจำรัชกาลที่ ๘ เป็นรูปพระโพธิสัตว์ประทับ  บนบัลลังก์ดอกบัว พระบาทขวาห้อย   อยู่เหนือบัวบานอันหมายถึง แผ่นดิน   พระหัตถ์ซ้ายถือดอกบัวตูม มีเรือนแก้วอยู่ด้านหลังแถบรัศมี มีฉัตรอยู่สองข้าง เป็นพระราชสัญลักษณ์ของพระบรมนามาภิไธยว่า "อานันทมหิดล" แปลว่า เป็นที่ยินดีของแผ่นดินประหนึ่งพระโพธิ สัตว์เสด็จมาประทานความร่มเย็นเป็นสุข แด่ประชาราษฎรทั้งปวง แก้ไขเมื่อ 15 ก.ย. 52 21:54:42 จากคุณ : tintila เขียนเมื่อ : 15 ก.ย. 52 21:53:51

ความคิดเห็นที่ 11 พระราชลัญจกรประจำรัชกาลที่ ๘ จากคุณ : tintila เขียนเมื่อ : 15 ก.ย. 52 21:55:18

ความคิดเห็นที่ 12 พระราชลัญจกรประจำรัชกาลที่ ๙ เป็นรูปพระที่นั่งอัฐทิศ  ประกอบด้วยวงจักร มีอักษร อุ  หรือเลข ๙ อยู่กลางวงจักร รอบวงจักรมีรัสมีเปล่งออกโดยรอบ  มีรูปเศวตฉัตรเจ็ดชั้น อยู่เหนือ จักรฉัตรตั้งอยู่บนพระที่นั่งอัฐทิศ  หมายถึง ทรงมีพระบรมเดชานุภาพในแผ่นดิน ข้อมูลหอมรดกไทย   สมาคมภริยาข้าราชการสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม จากคุณ : tintila เขียนเมื่อ : 15 ก.ย. 52 21:56:12

ความคิดเห็นที่ 13 ขอบคุณสำหรับความรู้ครับ ช่วงนี้ห้องสมุดมีหนังสือใหม่ๆเข้ามาตลอดเลย เป็นประโยชน์ยิ่งครับ จากคุณ : เด็กท้ายวัง เขียนเมื่อ : 15 ก.ย. 52 22:51:20

ความคิดเห็นที่ 14 อยากได้ตราประจำพระองค์ของพระองค์อื่นๆ ด้วยอ่ะครับ ไม่ทราบว่ามีหรือเปล่าอ่ะครับ จากคุณ : กริชครับผม เขียนเมื่อ : 16 ก.ย. 52 01:47:32

ความคิดเห็นที่ 15 ยังมีตราพระราชลัญจกรองค์อื่นๆ และสำคัญไปไม่น้อยกว่ากัน อีกมากมายครับ ซึ่งได้โปรดฯให้สถาปนาขึ้นอย่างมากในสมัยรัชกาลที่ ๔ และ ๕ ตามลำดับ ที่นำมาให้ชมเป็นตราพระบรมราชโองการ ในรัชกาลปัจจุบันครับ จากคุณ : หนุ่มรัตนะ เขียนเมื่อ : 16 ก.ย. 52 07:16:25

ความคิดเห็นที่ 16 ตัวอย่างการประทับพระราชลัญจกร มีขั้นตอนและการลำดับการประทับตรา และพระราชลัญจกรองค์ไหน เหมาะสำหรับประทับตราเอกสารอะไรได้บ้าง มีระบุไว้ และหน้าที่ไว้อย่างชัดเจน จะนำมาประทับเดี่ยวๆไม่ได้ เอกสารที่นำมาให้ชมเป็นพระบรมราชโองการสถาปนาพระอิสสริยยศ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ ขึ้นเป็น กรมหลวงฯ ซึ่งประกอบด้วยตราพระราชลัญจกรพระบรมมหาราชโองการ - พระราชลัญจกรตราไอยราพศองค์ใหญ่ - พระราชลัญจกรหงสพิมาน พร้อมทั้งลงนามพระปรมาภิไธย และตรงกลางด้วยตราครุฑ สำหรับแผ่นดิน จากคุณ : หนุ่มรัตนะ เขียนเมื่อ : 16 ก.ย. 52 07:23:00

ความคิดเห็นที่ 17 พระราชลัญจกรนามกรุง องค์เล็ก สร้างขึ้นในสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ส่งจดหมายไปยังกรุงเบอร์ลิน ประทับตราด้วยสีฟ้า จากคุณ : หนุ่มรัตนะ เขียนเมื่อ : 16 ก.ย. 52 07:31:01

ความคิดเห็นที่ 18 ท้ายพระราชสาส์น ทรงลงพระปรมาภิไธยด้วยภาษาอังกฤษ และระบุจำนวนวันในการครองราชย์ พร้อมลงพระราชลัญจกรประจำพระองค์ จากคุณ : หนุ่มรัตนะ เขียนเมื่อ : 16 ก.ย. 52 07:33:54

ความคิดเห็นที่ 19 ...พระบรมราชโองการ ประกาศเมื่อวันที่ ๓ ตุลาคม รัตนโกสินทร์ศก ๑๒๒... พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงตราพระราชบัญญัติการใช้ตราพระราชลัญจกร เนื่องจากตราที่ประทับมีด้วยกันหลายองค์ หลายขนาด มาตรา ๑ พระราชลัญจกรโองการประจำชาด องค์กลาง สำหรับประทับประกาศใหญ่ อยู่เบื้องซ้าย พระราชลัญจกรไอราพตใหญ่ ประทับประกาศพระราชบัญญัติทั้งปวง และใบกำกับสุพรรณบัตร หิรัญบัตร์ และประกาศนิยบัตร นพรัตน์ ราชวราภรณ์ อยู่เบื้องซ้ายพระราชลัญจกรไอยราพต กลาง ประทับสัญญาบัตร อยู่เบื้องซ้ายพระราชลัญจกรพระครุฑพาห์ มาตรา ๒ พระราชลัญจกรพระครุฑพาห์ ประจำชาด องค์กลาง สำหรับประทับประกาศใหญ่ อยู่เบื้องขวา พระราชลัญจกรไอยราพตองค์ใหญ่ ประทับประกาศพระราชบัญญัติทั้งปวง และใบกำกับสุพรรณบัตร หิรัญบัตร์ และประกาศนิยบัตร นพรัตน์ ราชวราภรณ์ อยู่เบื้องขวาพระราชลัญจกรไอยราพต กลาง ประทับสัญญาบัตร อยู่เบื้องขวาพระราชลัญจกรมหาโองการ มาตรา ๕ พระราชลัญจกรสยามโลกัคราช สำหรับประทับวิสุงคามสีมาในหว่างองค์กลางองค์เดียว มาตรา ๖ พระราชลัญจกรนามกรุงองค์ใหญ่ สำหรับประทับในถวายเสนาศน และใบพระราชทานพระบรมราชานุญาตข้าราชการกราบถวายบังคมลาบวชในหว่างกลางองค์เดียว มาตรา ๘ พระราชลัญจกรอุณาโลม ในกลีบบัวพระธำมรงค์ สำหรับประทับเรือนเลขในหนังสือซึ่งไม่ได้ประทับพระราชลัญจกรมหาโองการ และพระบรมราชโองการ มาตรา ๑๐ พระราชลัญจกรสำหรับเครื่องราชอิศริยาภรณ์ ซึ่งสร้างขึ้นประจำเครื่องราชอิศริยาภรณ์ ภาพประกอบ..พระราชลัญจกรนามกรุงองค์ใหญ่ สมัยรัชกาลที่ ๔ จากคุณ : หนุ่มรัตนะ เขียนเมื่อ : 16 ก.ย. 52 07:50:10

ความคิดเห็นที่ 20 นอกจากนี้ในสมัยรัชกาลที่ ๔ ยังมีตราพระราชลัญจกรแบบจีน แบบฝรั่ง อีกด้วย ภาพที่นำมาแสดงเรียกว่า "หมาย" คือธนบัตร ครั้งแรกในประเทศไทย หมายนี้ราคาสูงถึง ๔๐ บาท ซึ่งมีมูลค่ามาก หมายจะประทับพระราชลัญจกรนามกรุงองค์ใหญ่ , ตราจักร, ตรามหามงกุฎ และตราจีน จากคุณ : หนุ่มรัตนะ เขียนเมื่อ : 16 ก.ย. 52 07:58:21

ความคิดเห็นที่ 21 โหวตกระทู้ครับ ขอบคุณ ครับ แก้ไขเมื่อ 16 ก.ย. 52 11:47:14 จากคุณ : panard1 เขียนเมื่อ : 16 ก.ย. 52 09:09:10

ความคิดเห็นที่ 22 สมัยเรียนเคยทำรายงานเรื่องนี้ หารูปยากมากเลยค่ะ บวกกับไม่เคยใช้อินเตอร์เน็ต จึงต้องตัดรูปเอาจากหนังสือดีๆ สุดแสนเสียดาย จากคุณ : thezircon (thezircon) เขียนเมื่อ : 16 ก.ย. 52 15:56:41

ความคิดเห็นที่ 23 พระราชลัญจกรประจำรัชกาลที่ ๙   ทำไมมีฉัตรแค่7ชั้นล่ะครับ    ปกติฉัตรระดับพระมหากษัตริย์ต้อง9ชั้นไม่ใช่เหรอครับ จากคุณ : zodiac28 เขียนเมื่อ : 16 ก.ย. 52 21:22:46

ความคิดเห็นที่ 24 ตอบคห.23 เพราะเป็นฉัตรของพระที่นั่งอัฐทิศครับ ซึ่งพระที่นั่งอัฐทิศเนี่ย ก็ใช้ในระหว่างพิธีบรมราชาภิเษก กษัตริย์ที่ประทับอยู่บนพระที่นั่งนี้ ยังคงมีฐานะเป็นเจ้าฟ้าอยู่ครับ จากคุณ : ย้ายมาอยู่ที่นี่ เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 52 08:05:48

ความคิดเห็นที่ 25 พระที่นั่งอัฐทิศ เป็นพระที่นั่งใช้รับบรมราชาภิเษก ฉะนั้น เศวตฉัตรเป็นฉัตร ๗ ชั้น ในหลวงก็จะมาประทับรับน้ำอภิเษก อันหมายถึงแสดงความยินยอมพร้อมใจทั้งแผ่นดิน แล้วรับ ฉัตร ๙ ชั้นจากพราหมณ์ เมื่อรับฉัตร ๙ ชั้นจาก พราหมณ์แล้ว ก็จะทรงพระดำเนินไปประทับพระที่นั่งภัทรบิฐ ซึ่งกางด้วยฉัตร ๙ ชั้น ครับ ป.ล.เนื่องจากพระที่นั่งอัฐทิศ กางด้วยฉัตร ๗ ชั้น ในบางโอกาสจึงใช้เป็นพื้นหลังในการแสดงพระอิสริยยศ อาทิ ในคราวสถาปนา สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ ก็ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าให้ประทับพระเก้าอี้ ปูลาดด้วยพระสุจหนี่ และโต๊ะเคียงราชอิสริยยศ เบื้องหน้าพระที่นั่งอัฐทิศ เพื่อแสดงว่า ทรงพระเศวตฉัตร ๗ ชั้น จากคุณ : natthaset เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 52 10:03:30

ความคิดเห็นที่ 26 คุณหนุ่มรัตนะ มีรายละเอียดหรือ รูปของพระราชลัญจกรองค์นี้มั้ยครับ พระราชลัญจกรจักร์รถ สำหรับประทับเรือนเลขในหนังสือซึ่งประทับ พระราชลัญจกรมหาโองการ แลพระบรมราชโองการ จาก พระราชบัญญัติ พระราชลัญจกร รัตนโกสินทรศก ๑๓๐ จากคุณ : raveeyos เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 52 18:17:31

ความคิดเห็นที่ 27 ขอบพระคุณทุกๆท่านค่ะ สำหรับความรู้ มากมาย และจะรอติดตามผลงานอื่นๆๆอีกนะคะ จากคุณ : สการะวาตี เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 52 20:06:31

ความคิดเห็นที่ 28 ตอบคุณ raveeyos สำหรับตราพระราชลัญจกรจักร์รถ ตามภาพที่แนบมาครับ จากคุณ : หนุ่มรัตนะ เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 52 20:25:20

ความคิดเห็นที่ 29 ขออัญเชิญตราพระราชลัญจกรแบบเก่า ที่สำคัญอีก ๒ องค์เลยคือ ซ้าย ตราพระราชลัญจกรไอยราพต (เก่า) และขวา ตราพระราชลัญจกรไตรสารเศวต จากคุณ : หนุ่มรัตนะ เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 52 20:27:06

ความคิดเห็นที่ 30 ขอบคุณมากนะคะ ตามมาอ่านค่ะ จากคุณ : Setakan เขียนเมื่อ : 18 ก.ย. 52 08:58:59

ความคิดเห็นที่ 31 ขอบคุณครับคุณหนุ่มรัตนะ ผมขอสอบถามอีกนิดครับว่า หน้าบันปูนปั้นซุ้มทางเข้าท้องพระโรงหน้า พระที่นั่งจักรีมหาปราสาท หมายจะให้เป็นรูปตราพระราชลัญจกรจักร์รถ หรือเปล่าครับ จำได้ว่าเคยเห็นเป็นรูปแบบธรรมจักร ตอนนั้นก็ยังงงๆ แก้ไขเมื่อ 18 ก.ย. 52 10:57:03 แก้ไขเมื่อ 18 ก.ย. 52 10:45:12 จากคุณ : raveeyos เขียนเมื่อ : 18 ก.ย. 52 10:38:07

ความคิดเห็นที่ 32 ไม่เหมือนกันครับ ตราจักรรถ เหมือนธรรมจักร ส่วนตราที่ประดิษฐานเหนือประตูพระที่นั่งจักรีมหาปราสาท เป็น พระแสงจักร ตราแห่งจักรีบรมราชวงศ์ ภาพประกอบ พระตรีศูล และแสงจักร ประจำองค์พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก จากคุณ : หนุ่มรัตนะ เขียนเมื่อ : 18 ก.ย. 52 11:18:27

ความคิดเห็นที่ 33 เป็นความผิดของผมเองที่ล่ะครับที่ Crop ภาพให้ติดตราจักรีมา ผมพยายามจะหมายถึง ตราปูนปั้นด้านใน ตรงที่ลูปศรชี้อ่ะครับ จากคุณ : raveeyos เขียนเมื่อ : 18 ก.ย. 52 11:41:52

ความคิดเห็นที่ 34 ไม่ทราบว่า มีรูป พระราชลัญจกร ที่ประทับในเอกสาร- การค้าขายระหว่างประเทศ ในยุคต้น รัตนโกสินทร์เปล่าครับ อูฐหยก มังกรหก ฯลฯ ที่เป็นอักษรจีน "เสียนหลอก็กอ๋อง" ที่มีมาถึง ร. 4 แล้วมายกเลิกตอน ร. 5 อยากเห็นมากๆ ขอบคุณมากครับ จากคุณ : พี่คนใต้ใจดี เขียนเมื่อ : 18 ก.ย. 52 11:53:29

ความคิดเห็นที่ 35 นอกจากพระราชลัญจกรแล้ว ยังมีตราประจำตำแหน่งที่พระเจ้าอยู่หัว พระราชทานหรือขุนนางขอพระราชทานใช้ ประทับในเอกสารต่างๆ เพราะสมัยตะก่อนไม่มีลงชื่อ บาทหลวงตาซาร์  บันทึกถึงเรื่องการใช้ตราประทับหรือพระราชลัญจกรเอาไว้ว่า  หากพระองค์จะส่งลายพระหัตถ์ไปถึงบุคคลธรรมดาแล้วก็จะทรงพระอักษรบนแผ่นกระดาษประทับ ตราพระราชลัญจกร ซึ่งมีขนาดและลวดลายแตกต่างกัน  ตามฐานันดรศักดิ์ของบุคคลที่ทรงพระอักษรถึง ตราบัวแก้ว ในจดหมายเจ้าพระยาพระคลังมีไปถึงเจ้าเมืองตรังกาบาร์ แก้ไขเมื่อ 19 ก.ย. 52 07:01:45 แก้ไขเมื่อ 19 ก.ย. 52 06:53:17 แก้ไขเมื่อ 19 ก.ย. 52 06:52:08 จากคุณ : cybrarian เขียนเมื่อ : 19 ก.ย. 52 06:48:42

ความคิดเห็นที่ 36 ลา  ลูแบร์  บันทึกถึงเรื่องการใช้ตราประทับของชาวสยามในสมัยอยุธยาเอาไว้ว่า ในประเทศสยามไม่มีตำแหน่งเจ้ากรมราชลัญจกร (Chancelier) ขุนนางผู้ใหญ่บรรดาที่มีสิทธิอำนาจที่จะให้คำวินิจฉัยหรือมีบัญชาเป็นลายลักษณ์อักษร    ซึ่งเรียกโดยทั่วๆไปว่า  ตรา นั้น ต่างคนต่างมีตราประจำตำแหน่งของตน ซึ่งพระมหากษัตริย์พระราชทานให้ และองค์พระมหากษัตริย์เองก็ทรงมีพระราชลัญจกรสำหรับพระองค์  ซึ่งมิได้ทรงมอบหมายให้ผู้ใดรักษาเลย  และทรงใช้พระราชลัญจกรนั้นในพระราชหัตถเลขากับในศุภสารอื่นๆ ที่ทรงมีพระบรมราชโองการพระราชทานไป  ลายในดวงตรานั้นมิได้ลึกลงไปแต่กลับนูนออกมา ได้ถูตรานั้นด้วยหมึกแดงชนิดหนึ่ง  และประทับลงในแผ่นกระดาษด้วยมือ  เจ้าพนักงานผู้น้อย เป็นผู้ประทับแต่ขุนนางผู้ใหญ่เจ้าของตราเป็นผู้ยกตราขึ้นจากรอยพิมพ์ประทับนั้นด้วยมือของตัวเอง ตราประทับของออกญาวิสุทสุนทร (โกษาปาน) มีไปถึง มูสูลายี (เมอร์สิเออร์ เดอ ลันยี)   พ.ศ.2231 แก้ไขเมื่อ 19 ก.ย. 52 07:00:53 จากคุณ : cybrarian เขียนเมื่อ : 19 ก.ย. 52 06:55:09

ความคิดเห็นที่ 37 แบบแผนการใช้ตราประทับของอยุธยา  พบหลักฐานในกฎหมายว่าด้วยลักษณะพระธรรมนูนใช้ตราประจำตำแหน่งราชการ มหาศักราช 1555  (พ.ศ.2179)   ตรงกับรัชสมัยสมเด็จพระเจ้าปราสาททอง     มีสาระสำคัญกล่าวถึงตราประจำตำแหน่งของอัครมหาเสนาบดีทั้งสองตำแหน่งคือ สมุหนายกและสมุหพระกลาโหม เสนาบดีจตุสดมภ์คือ กรมพระนครบาล  กรมวัง  กรมนา และกรมท่า   ตลอดจนขุนนางชั้นสูงประจำกรมต่างๆ มีการกำหนดขอบเขตหน้าที่ไว้ค่อนข้างละเอียด      ซึ่งอาจถือเป็นการวางระเบียบการใช้ตราประจำตำแหน่งเป็นครั้งแรก  ดังนั้นเมื่อมีการตรากฎหมายรองรับเช่นนี้การประทับตราในเอกสารจึงเป็นเครื่องแสดงความจริงแท้ของเอกสาร บ่งบอกว่าเอกสารเหล่านั้นอยู่ในความรับผิดชอบของหน่วยงานราชการใด และยังเป็นเครื่องจำแนกว่าเอกสารเหล่านั้นเป็นเอกสารที่ใช้ในกิจการใด   เช่น การพระราชทานอากร ต้องประทับตราบัวแก้วกับตราพระอุเทน ประกอบกัน   เป็นต้น ตราเทพยุดาถือพระขรรค์ในพระตำราบรมราชูทิศเพื่อกัลปนาวัดเมืองพัทลุง เลขที่ 37/ซ จากคุณ : cybrarian เขียนเมื่อ : 19 ก.ย. 52 06:59:26

ความคิดเห็นที่ 38 ตราคล้ายตราพระราชสีห์ในหนังสือออกญาไชยาเมืองตะนาวศรี จากคุณ : cybrarian เขียนเมื่อ : 19 ก.ย. 52 07:04:11

ความคิดเห็นที่ 39 เป็นบุญตาที่ได้เห็น ขอบคุณมากครับ จากคุณ : 0vvaynar0 เขียนเมื่อ : 20 ก.ย. 52 12:08:43

ความคิดเห็นที่ 40 ข้อมูลแต่ละท่านสุดยอดมากเลยครับ จากคุณ : วังเหนือ เขียนเมื่อ : 20 ก.ย. 52 17:15:53