Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
แชร์เทคนิคเรียน"วิศวะ" จากเทอมแรก 2.3 พัฒนาอย่างไรเทอมสุดท้ายได้ 4.00  

สวัสดีคะเคยเล่าเทคนิคให้เพื่อนๆน้องๆคนอื่นๆฟังบ้างแล้ว หลายคนก็บอกว่าน่าจะไปบอกต่อคนอื่นด้วย วันนี้ก็เลยจับแป้นพิมพ์มานั่งเล่าเทคนิคเล็กๆ้น้อยๆที่เคยใช้จริงแล้วได้ผลคะ เราเรียนอยู่คณะวิศวะ สาขาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ที่มหาลัยรัฐบาลแห่งหนึ่ง ตั้งแต่ม.ปลายเป็นคนเรียนหนังสือปานกลางคะ ไม่ได้เก่งมากหรืออ่อนเกินไป คิดที่จะเรียนวิศวะคอมเพราะชอบเทคโนโลยีใหม่ๆ หลายๆคนคงเคยได้ยินมาว่าเรียนวิศวะนั้นยาก ยอมรับว่าก็ยากระดับหนึ่งแต่ทุกสาขาวิชาชีพมีความยากแตกต่างกันถ้าเรานั้นไม่ถนัดในสาขาวิชานั้นๆ
$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$

เด็กปีหนึ่ง หรือคนที่เคยผ่านการเป็นเด็กปีหนึ่งนั้นจะพอทราบบ้างว่า กิจกรรมช่วงชีวิตปีหนึ่ง เยอะแยะมากมาย จนบ้างครั้งตัวเราเองก็ลืมเอาใจใส่กับเรื่องเรียนไปเลย แยกแยะไม่ได้ แบ่งเวลาไม่เป็น เกรดที่ได้เทอมแรกออกมาคือ 2.3 ยอมรับว่าผิดหวังเล็กน้อย แต่ก็เป็นเพราะเราเองไม่ตั้งใจเรียน กิจกรรมเราก็ชอบทำ และก็อยากที่จะทำเรื่องเรียนให้ดีกว่านี้
$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$

ตอนเรียนปีสอง เริ่มที่จะมีการแบ่งเวลาอ่านหนังสือก่อนสอบจากไม่อ่านเลย เนื้อหาที่เรียนก็ยากขึ้นแต่ก็ไม่ท้อ เราไม่ได้ต้องการจะอ่านหนังสือจนเครียดหรือจริงจังมาเกินไปเพราะนิสัยส่วนตัวชอบไปเที่ยวกับเพื่อนๆ เล่นเกมส์ จริงๆต้องบอกว่าเป็นเด็กติดเกมส์เลยด้วยซ้ำ ปีสองเป็นช่วงที่เล่นเกมส์ออกไลน์ทุกวันเพราะตัวเราเองอยู่หอพักแต่ก็ยังไม่เคยขาดการเข้าห้องเรียน ยังไปเรียนอย่างสม่ำเสมอแต่หลังจากเลิกเรียนก็รีบกลับห้องมาเล่นเกมส์ ข้าวเย็นไม่ออกไปกินกับเพื่อนแต่ก็ให้เพื่อนซื้อใส่ห่อมาให้ แต่เมื่อถึงเวลาก่อนสอบเราก็จะมองว่าเราทำยังไงเราถึงจะมีความรู้ไปสอบ เพราะเราจะมาเริ่มกังวลช่วงก่อนสอบสักสองอาทิตย์ เราก็เริ่มแบ่งเวลาว่าวิชานี้อ่านสามวันต้องจบ วิชานี้อ่าน สี่วัน แล้้วก็อ่านเอาเป็นเอาตายเพื่อจะให้อ่านทันที่ตั้งเป้าไว้ ทันบ้างไม่ทันบ้าง แต่ทุกครั้งที่อ่านเสร็จต้องสรุปเรื่องที่เราเข้าใจลงสมุดแล้วทวนในสมุดอีกครั้ง มันเหมือนช่วงเวลาที่บีบเราจนเกินไป เกรดเราดีขึ้นเรื่อยๆ เกรดเราไม่ได้ดีแบบก้าวกระโดดแต่มันเกินจากการพัฒนา
$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$


ปีสามเริ่มที่จะไปเที่ยวกับเพื่อนมากกว่าจะนั่งเล่นแต่เกมส์ที่ห้อง แต่เรื่องเรียนก็ยังคงไม่ทิ้ง เรามีตัวช่วยเพิ่มขึ้นคือเจ้าตัวบันทึกเสียง เจ้าตัวนี้ช่วยเราได้เยอะเพราะเราเป็นคนสมาธิไม่อยู่กับตัว อาจารย์สอนในห้องก็ฟังไม่เข้าหัว บางครั้งฟังเข้าใจแต่เมื่อใกล้สอบก็ลืมรายละเอียดที่อาจารย์เคยพูดไปหมด เลยใช้เจ้าเครื่องบันทึกเสียงอัดเสียงอาจารย์ทุกคาบ มันทำให้เราขัยนไปเรียนได้สม่ำเสมอเพราะถ้าเราขาดเรียนวันไหนไป ก็ขาดตอนนั้นไปมันเหมือนกับดูหนังแล้วขาดตอนไปสักหนึ่งตอน ก็จะทำให้เราดูไม่เข้าใจตอนต่อไปได้ ตอนเย็นเราก็ไปเที่ยวกับเพื่อน หรือเล่นเกมส์บ้าง ไม่ได้เป็นคนชอบมานั่งอ่านหนังสือทุกวัน แต่ก่อนสอบสัก หนึ่งเดือน ก็เริ่มวางแพลนในการอ่านหนังสือเหมือนเดิมว่าวิชาไหนอ่านกี่วันน่าจะจบ แต่การอ่านหนังสือมันเริ่มกะเวลาได้ง่ายขึ้นและไม่น่าเบื่อเหมือนเราจับหนังสือมากางแล้วก็เอาแต่อ่านอย่างเดียว เพราะเรามีไฟล์แต่ละคาบอยู่ในมือ เราก็นั่งฟังแล้วก็จดรายละเอียดสำคัญได้มากขึ้นและทันทุกรายละเอียดเพราะเราสามารถหยุดอาจารย์ไม่ให้พูดต่อได้ ก็เหมือนกับหยุดเสียงเทปนั่นแหละคะ แล้วก็มานั่งจดรายละเอียดไปเรื่อยๆด้วยปากกาหลากสีสันของเราบนสมุดมันสนุกตรงที่เราได้เลือกสีปากกาเขียนได้วาดรูปลงข้างๆรายละเอียดสำคัญ ไม่ทำให้การอ่านเครียดจนเกินไปแล้วทุกครั้งที่ฟังไฟล์จบไป 1 คาบ ก็จะรู้สึกว่าเราพัฒนานะไม่กี่ไฟล์เสียงก็จบเพราะการสอบในหนึ่งเทอมมีสองครั้งแบ่งเป็นสอบกลางภาคกับไฟนอล เรียนหนึ่งวิชาต่อสัปดาห์ ทำให้การอ่านครั้งหนึ่งต่อหนึ่งวิชามีแค่ 6 ไฟล์เสียง ในหนึ่งไฟล์เสียงเราเรียนสามชั่วโมงแต่เนื้อหาจริงๆมีไม่ถึงสองชั่วโมง พักบ้าง นอกเรื่องบ้าง เฮฮาบ้าง วันหนึ่งก่อนสอบเราแบ่งเวลาอ่านแค่วันละสองไฟล์ก็พอในวันหยุด หรือ หนึ่งไฟล์ในวันที่มีเรียน แค่นี้เราใช้เวลาอ่านหนังสือต่อวิชาจริงๆแค่ สาม ถึง สี่วัน แต่แน่นอนว่าการอ่านที่ได้ผลเราจะต้องทวน แต่เราจะมาทวนกันแค่เนื้อหาสาระสำคัญก็ในกระดาษรายงานหรือสมุดที่เรามีกปากกาหลากสีสันกะรูปสวยงามของเราจดนั่นไงคะ โดยเฉลี่ยแล้วเราจดได้ประมาณ 10-20 หน้ากระดาษรายงานต่อวิชาคราวนี้การอ่านเพียงเท่านี้ก็ดูจะไม่น่าเบื่ออีกต่อไปแล้วคะ ทวนแค่หนึ่งวันก็ลึกซึ้งถึงใจแล้วละคะ
$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$

เทคนิคนี้เป็นเทคนิคเล็กๆน้อยๆที่เราทำเพราะเริ่มจับจุดตัวเองได้เมื่อตอนปีสาม เกรดตอนปีสามกระเตื้องขึ้นมาเป็น 3.3 ทั้งๆที่เนื้อหาวิชายากขึ้นจากเดิมมาก ทำแบบนี้มาเรื่อยๆจนจบปีสี่เกรดที่ได้ตอนปีสี่ก็คือ 4.00 นั่นแหละคะ แต่เกรดเฉลี่ยรวมก็ยังไม่ถึง honour เพราะมันเฉลี่ยกันแล้วไม่ถึงแต่ก็เกือบๆได้เกียรตินิยมแหละคะ มาเสียใจทีหลังเหมือนกันถ้าตั้งใจเรียนตั้งแต่ปีหนึ่งก็คงคว้ามาเชยชมได้ไม่ยาก
$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$

ตอนนี้ก็กำลังจะไปเรียนต่อโทต่างประเทศคะ กะ่ว่าจะเอาเทคนิคนี้ไปใช้ตอนเรียนโทด้วย ถ้าผลลัพธ์เป็นอย่างไรจะเอามาบอกเพื่อนๆนะคะ แต่ทางที่ดีตั้งใจเรียนตั้งแต่ในห้องเอาเทคนิคอื่นๆทำควบคู่ไปด้วย ให้เพื่อนๆน้องๆถือว่าเทคนี้นี้เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่จะเอาไปปรับใช้ได้นะคะ ^^ โชคดีในการสอบทุกคนคะ

จากคุณ : Timestamp
เขียนเมื่อ : 20 ก.ย. 52 14:29:14




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com