ความคิดเห็นที่ 1 จริงๆที่เราถกกันว่าประเทศเราควรสอนแบบเพื่อฟังกับพูด หรืออ่านกับเขียน หรือที่มันเป็นอยู่นี้อะไรยังไง ผมว่าก็ยังไม่ถูกซะทีเดียวหรอกครับ แต่ที่แน่ๆคือเราเรียนไว้สอบๆๆๆๆๆๆและก็สอบกันนั้นแระครับ ทุกระดับชัวร์ป้าด เห็นกวดวิชากันขี้แตกขี้แตนตั้งแต่อนุบาลยังมหา'ลัย หรือจบแล้วต้องทำงานยังต้องหาที่เรียน TOEIC กันจ้าละหวั่น เรียนไว้สอบ สอบแล้วก็ลืม ไม่ใช่วัตถุประสงค์หลักอย่างอื่น ดูอย่างข้อสอบ GAT ส่วนคำศัพท์สิครับ ลอกแนวข้อสอบ SAT มาทั้งดุ้น คนออกข้อสอบ(ไม่รู้ว่าลอกข้อสอบจริงๆมาหรือเปล่า)ยังไม่แน่ว่าจะทำได้เลย มีพี่ที่รู้จักเป็นหัวหน้าสาขาภาษาอังกฤษของรร.มัธยมขนาดใหญ่แห่งหนึ่งในแปดริ้ว ยังบอกมาเลยว่าต้องพยายามปรับหลักสูตรและวิธีการสอนตามแนวการสอบที่เปลี่ยนไปเปลี่ยนมาของส่วนกลางนี้แทบบ้า จุดประสงค์หลักที่บัญญัติสวยหรูว่าต้องพูดฟังอ่านเขียนอย่างมีประสิทธิภาพ แต่สุดท้ายก็คือการวัดผลเน้นสอบแข่งขันทำข้อสอบเข้ามหา'ลัยอยู่นั้นเอง ครูส่วนใหญ่ก็ครูเก่าๆสอนแบบเก่าๆไม่มีเทคนิคไรใหม่ๆ ลำพังแค่ปรับปรุงภาษาอังกฤษตัวเองก็แย่แล้ว ยังต้องมาสอนนักเรียนที่อ่อนแสนอ่อน+ขาดแรงจูงใจในการเรียนอีก ขนาดเจ้าแม่ applied lingที่จุฬาฯ + เจ้าแม่ psycholingที่ มธ.ที่ผมเคยเรียนด้วยยังบอกเลยว่า การเรียนการสอนภาษาอังกฤษในประเทศไทยค่อนข้าง hopeless อ่ะ แก้ไขเมื่อ 22 ก.ย. 52 13:34:13 แก้ไขเมื่อ 22 ก.ย. 52 10:10:25 จากคุณ : โจโฉ (joechou) เขียนเมื่อ : 22 ก.ย. 52 10:08:04

ความคิดเห็นที่ 2   การเรียนการสอนภาษาอังกฤษในประเทศไทยถือว่าภาษาอังกฤษเป็นการเรียนเป็นภาษาต่างประเทศ ซึ่งไม่เหมือนที่สิงคโปร์ ที่เรียนเป็นภาษาที่สอง ดังนั้นปัจจัยแวดล้อมก็อาจจะมีผลการเรียนรู้ภาษาอังกฤษได้ต่างกันครับ ในอดีตที่ผ่านมาการเรียนภาษาอังกฤษจะเน้นที่ Grammar Tranlastion Method คือ การสอนอ่านและแปลเป็นภาษาไทยเป็นหลัก การพูดก็ออกมาในแนว การท่องจำประโยคมาพูด (Drills) วิชาที่เรียนจะเรียนแบบแยกทักษะ ทำให้เราอ่าน ได้ดีกว่า การพูด เพราะเราเน้นเป็นผู้รับ (Passive)มากว่าผู้ที่ส่งสารออกไป (Productive) แต่ปัจจุบันแนวการสอนเปลี่ยนมาเป็น Communicative Language Teaching (CLT) ซึ่งเน้นที่การเรียนทักษะทั้งสี่ทางการสื่อสาร การเรียนทักษะใดก็ต้องสื่อสารออกมา หรือเป้นการสอนแบบบูรณาการ (Integrated skills) เข้าด้วยกัน นอกจากนี้การเรียนแบบ CLT เน้นที่ผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง และครูเป็น Facilitator แต่การเรียนตามแนวทางของคนไทยก็พยายามเอา CLT มาใช้ครับ แต่บางที่ก็ยังเป็นแบบเดิมอยู่ การเรียนส่วนใหญ่สอนเพื่อแค่ให้สอบผ่านข้อสอบระดับมหาลัยมากกว่าการนำไปใช้ในชีวิตจริงครับ ซึ่งอันนี้ต้องไปถามคนที่ออกข้อสอบคัดเลือกนะครับว่าต้องการวัดนักเรียนไทยด้านไหนมากกว่ากัน ระบบการศึกษาไทยก็แบบนี้ละครับ แก้ไขเมื่อ 22 ก.ย. 52 11:33:57 จากคุณ : นิสิต ป.โทการสอนภาษาอังกฤษ มศว (Frenchkid) เขียนเมื่อ : 22 ก.ย. 52 11:29:55

ความคิดเห็นที่ 3 เราว่าทั้ง ฟัง พูด อ่าน เขียน ต้องเรียนไปพร้อมๆ กันค่ะ   ทำไมต้องแบ่งเป็น ฟัง-พูด ก่อน  แล้วค่อย อ่าน-เขียน หรือ อ่าน-เขียน ก่อน  แล้วค่อย ฟัง-พูด ด้วย เราเรียนโรงเรียนคริสต์  เท่าที่จำได้ เรียนภาษาอังกฤษมาอย่างนี้ค่ะ เริ่มเรียนจากชั้นเตรียมประถม คุณครูให้ท่องศัพท์เป็นคำๆ มีทำ dictation บ่อยๆ  โตขึ้นมาหน่อยก็ให้ท่องยาวขึ้น พอ ป.2 มีครูฟิลิปปินส์มาสอน  มีร้องเพลง เล่นเกมละมั้ง ก็เข้าใจที่ครูสอนนะ  ไม่รู้ว่าเข้าใจได้ยังไงเหมือนกัน   ครูอาจจะพูดภาษาไทยปนอังกฤษก็ได้ค่ะ  จำไม่ได้แล้วเหมือนกัน   แล้วก็ให้พูดโต้ตอบกับเพื่อนตามบทสนทนาในหนังสือ grammar ก็เริ่มเรียนควบคู่กันไปตั้งแต่เด็กๆ เลยค่ะ  หนักไปทางทำแบบฝึกหัด   อย่างนี้เรียกว่าเรียนแบบ ฟัง พูด อ่าน เขียน ได้มั้ยอ้ะ จำได้ว่าอาทิตย์นึงนี่เรียนภาษาอังกฤษค่อนข้างเยอะค่ะ มีครูหลายคน แบ่งไปเลยว่าวิชาที่ครูคนนี้สอน conversation  ครูอีกคนเน้น grammar ตอนเด็กๆ ก็งงๆ เหมือนกันว่าทำไมต้องเรียนภาษาอังกฤษเยอะนัก แต่ก็มาเห็นผลตอนโตนะคะ เพราะพอเริ่มดูหนัง ดู series ฝรั่งก็พอจะเข้าใจ แล้วอีกอย่าง ถ้าพื้นทาง grammar ค่อนข้างใช้ได้ ก็จะพูดได้อย่างมั่นใจขึ้น ส่วนเรื่องเขียนยาวๆ เป็น passage นี่นึกไม่ออกค่ะว่าเรียนตอนไหน   จำได้ว่าต้องใช้จริงๆ ก็ตอนจะสอบ IELTS นู่นเลย (ตอนจบ ป.ตรี) ก็ไปเรียนเพิ่มอีกที  แต่ตอนเรียนเพิ่มตอนนั้นมันก็เขียนได้บ้างอยู่แล้วนะคะ เราว่าถ้าไม่ได้ใช้ ไม่ได้ฝึกหัด (ทั้งฟัง พูด อ่าน เขียน) เรียนไปเท่าไหร่ ก็ไม่ได้ดีขึ้นมาหรอกค่ะ จากคุณ : lalabel เขียนเมื่อ : 22 ก.ย. 52 11:35:03

ความคิดเห็นที่ 4 ขอโทษทีอาจจะพากระทู้ออกทะเลหน่อยๆ แต่เรา พออ่านเรื่องที่คุณ โจโฉ (joechou) พูดใน คคห1 เรื่อง เจ้าแม่ applied lingที่ จุฬาฯ + เจ้าแม่ psycholingที่ มธ. มันทำให้เรานึกถึงตัวเราเอง "แบบขำๆ" น่ะแล้วเผอิญคุณโจโฉ (joechou) เรียนปริญญาโทการแปลด้วย ก็เลยอยากมาชวนเขาไปอ่านเรื่องการสอนการแปลด้วย เนื่องจากเราไม่รู้รู้วิชาภาษาศาสตร์ และไม่ชอบภาษาอังกฤษด้วย แต่เมื่อเราต้องสอนตัวเองว่าจะสอนภาษาอังกฤษให้คนไทยอย่างไรเพื่อหาเงินมาเลี้ยงชีพเรา (ตอนสมัยเราเพิ่งกลับจากต่างแดนมาถึงเมืองไทยใหม่ๆ) น่ะ เรากลายเป็นใช้ logic ของนักหมากรุก กับ logic ของนักคณิตศาสตร์ในการคิดวิธีสอนภาษาอังกฤษ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการสอนการแปล (ให้แก่ตนเอง) ลองไปอ่านกระทู้นี้ดู http://topicstock.pantip.com/library/topicstock/2009/06/K7934208/K7934208.html นี่เป็น comments ของเราเรื่อง "ความไม่เห็นด้วย" กับ assignment บางอย่าง ในหลักสูตรการแปล เราโทรไปชวนแฟนเราทะเลาะกันเรื่องนี้ทางโทรศัพท์กับเธอเล่นๆสนุกๆ อันสืบเนื่องมาจากกระทู้นี้ด้วยดิ ตลกดี...555+++...นิสิต/นักศึกษาปริญญาโทการแปลและคนที่สนใจอยากมีอาชีพเป็นนักแปลควรไปอ่านกระทู้นี้ http://www.pantip.com/cafe/library/topic/K8344028/K8344028.html เมื่อ 2-3 วันก่อนเราเปิดกระทู้เรื่องการเรียนการสอนภาษาอังกฤษมา กะว่าจะเขียนสรุปแบบทิ้งทวนเพื่อให้แฟนเราดีใจว่า "ต่อไปนี้เราจะตั้งใจทำงานแปลให้ได้เงินเร็วๆ แทนที่จะไปเขียนกระทู้โอ้อวดความเก่งตัวเอง (แฟนเราตั้งข้อหาเราว่างั้น)" เราก็เลยพอรับงานแปลเอกสารกฎหมายมาชิ้นหนึ่งก็เลยเปิดกระทู้ที่ว่านั้นเล่นๆ แต่ใครก็ไม่รู้ดันกดโหวตมันขึ้นมา แต่พอเราทำงานแปลไปนะ ไม่กล้าประมาทกลับไปปั่นกระทู้นั้นอีกเพราะกลัวแปลไม่ทั่น เลยตอนนี้งงไม่รู้กระทู้นั้นหายไปไหนแล้ว กะว่าจะเข้าไปเขียนต่อ แต่ก็หาไม่เจอ...555+++...และประกอบกับยังงงๆอยู่เพราะเร่งแปลงานชิ้นนั้นจนเสร็จไปในที่สุด แล้วก็กินเบียร์กับ wine หลับไปเป็นวันเพิ่งตื่นมาเนี่ย แต่ก่อนส่งงานไปนะ "ของขึ้น" เลยเข้าไปตอบกระทู้นี้เรื่องสื่อการสอนภาษาอังกฤษ คือสมัยนี้นะ ยุค Internet สื่อการสอนภาษาอังกฤษดีๆ มันหาได้ง่ายๆจาก google  แต่ทำไมต้องใช้สื่อการสอนที่ด้อยคุณภาพแบบนี้ด้วย? ....เง็ง? http://www.pantip.com/cafe/library/topic/K8339045/K8339045.html เอาไว้ให้หายงงจากการฤทธิ์เบียร์ผสมกับ wine เดี๋ยวจะกลับไปปั่นกระทู้เดิมต่อเรื่องการเรียนภาษาอังกฤษน่ะ เดี๋ยวต้องค่อยๆไล่หาดูว่ามันหายไปไหนแล้วหว่า?...555+++... แก้ไขเมื่อ 22 ก.ย. 52 12:43:25 จากคุณ : fortuneteller เขียนเมื่อ : 22 ก.ย. 52 12:39:21

ความคิดเห็นที่ 5 เข้ามาฟังความเห็นเหล่ากูรูค่ะ ส่วนตัวเรียนภาษาอังกฤษมาแบบนกแก้วนกขุนทอง ...ท่องเพื่อสอบ...สุดท้ายเลยไม่ค่อยได้อะไรเท่าไหร่ จากคุณ : env42_tay เขียนเมื่อ : 22 ก.ย. 52 19:56:58

ความคิดเห็นที่ 6 Beer after wine --> high...... ฮ่าๆๆๆๆ หลายๆท่านข้างบนนั้นกล่าวได้ดีค่ะ เมืองไทยเรียนภาษาอังกฤษเพื่อไปสอบโน่นนี่นั่น...  ไม่ได้เรียนเพื่อไปพูด/ฟังให้มันได้เรื่อง เราว่าเรียนเมืองไทย english as a "foreign" language มันก็ต้องฟังพูดอ่านเขียนไปพร้อมๆกันแหละ ไม่รู้สิ แต่โรงเรียนเมืองไทยปัจจุบันนี้มันก็ยังคงขาด ฟัง-พูด อยู่เหมือนเดิมใช่บ๊ แก้ไขเมื่อ 22 ก.ย. 52 21:23:36 จากคุณ : Classic (พระเอกละครหลังข่าว) เขียนเมื่อ : 22 ก.ย. 52 21:20:19

ความคิดเห็นที่ 7 อ่าน เขียน ฟัง พูด ในที่นี้เข้าใจว่า อ่านเขียนเอาให้มากที่สุด เเละฟังพูดเอาให้น้อยที่สุด จากคุณ : Thaumaturge เขียนเมื่อ : 22 ก.ย. 52 22:15:13

ความคิดเห็นที่ 8 แต่อย่างน้อย ตอนนี้ น่าจะดีกว่าตอนผมเรียนนะ  บางโรงเรียน เอาฝรั่งเข้าไปสอนภาษาอังกฤษบ้างแล้ว และเป็นการสอนแบบธรรมชาติจริงๆ คือ พูดแต่ภาษาอังกฤษ (ไม่รู้ฝรั่งพูดไทยได้รึเปล่า) เคยถามเด็ก เด็กบอกว่า ก็เข้าใจบ้างไม่เข้าใจบ้าง เดาๆ เอา พอถามว่า ได้เรียนอะไรมาบ้าง เด็กตอบ ไม่รู้ 555 จากคุณ : Tiger อู๊ด เขียนเมื่อ : 23 ก.ย. 52 03:24:45

ความคิดเห็นที่ 9 อีกกระทู้ http://www.pantip.com/cafe/library/topic/K8341085/K8341085.html คนที่ ฟัง และ พูดภาษา  อดที่เขียน และ อ่าน ไม่ได้หรอกครับ ในที่สุดเขาก็จะเก่งเขียน และ อ่านไปด้วย แต่ คนที่เริ่มจาก เขียน อ่าน  อาจจะไม่ฟัง และไม่พูด ก็ได้ ดังที่เราเห็นอยู่ทุกวันนี้มากมาย ในยุคแห่งโลกาภิวัฒน์แบบนี้ จะมาอ้างว่าประเทศเราไม่ใช้ภาษาอังกฤษ ไม่ได้หรอกครับ มีทั้งคอมพิวเตอร์ เคเบิ้ลทีวี ภาพยนตร์ เพลง จานดาวเทียม และสามารถติดต่อคุยกับเพื่อนชาวต่างชาติ ได้เหมือนกับอยู่ในเมืองไทยผ่านทางอินเตอร์เน็ต  แล้วมาบอกว่า ประเทศเราไม่เหมาะที่จะสอนแบบ ฟัง >>พูด>>อ่าน>>เขียน>>ท่อง ไม่ได้หรอกครับ ผมเองก็คนหนึ่ง ที่ภาษาอังกฤษแย่มากๆ เพราะระบบการสอนแบบ ท่อง>>เขียน>>อ่าน  เลยไม่อยากให้เด็กรุ่นหลัง เป็นแบบนี้ ที่สำคัญ ครู ต้องเป็นคนพูดก่อนเลยครับ ในห้องเรียนชั่วโมงภาษาอังกฤษห้ามทุกคนพูดภาษาไทยเด็ดขาด รู้จักเพื่อนอยู่คนหนึ่ง ภาษาอังกฤษจัดอยู่ในระดับเทพ ปรากฏว่าเธอไม่เคยไปต่างประเทศเลย อาศัยเรียนจากหนังซาวน์แทรกในเคเบิ้ลทีวีเอา คนจะเก่ง ขึ้นอยู่กับตัวเองครับ สื่อทุกวันนี้ ก็มากพอที่จะเริ่มเรียน แบบฟัง พูด ก่อน อ่าน เขียน แล้วล่ะครับ  ขอยกคำพูดของเปียเจ ที่หนังสือ "เดอะท็อปซีเคร็ต" อ้างไว้ ...... ฌอง  เปียเจ (Jean Piajet) อัจฉริยะด้านจิตวิทยา เคยกล่าวอย่างฟันธงว่า  “ความรู้ของมนุษย์ ไม่ได้มาจากการป้อนจากสิ่งแวดล้อม แต่มาจากแรงขับ แรงจูงใจภายในตัวของมนุษย์แต่ละคนเอง ที่จะไปเรียนรู้ ตีความ จากสิ่งแวดล้อม” ..... จากคุณ : หนอนหนังสือ (ปัจจตัง) เขียนเมื่อ : 23 ก.ย. 52 11:29:06

ความคิดเห็นที่ 10 Jean Piaget เผื่อใครต้องการค้นเพิ่ม จากคุณ : K.Senior เขียนเมื่อ : 23 ก.ย. 52 23:28:04

ความคิดเห็นที่ 11 สรุปนะ ฟันธง 1.เก่งหรือไม่เก่งชึ้นกับคนเรียน ขึ้นกับความใส่ใจและการฝึกฝน 2.จะฟังพูดอ่านเขียนหรืออ่านเขียนฟังพูดก็เก่งได้เท่ากัน ลำดับไม่สำคัญ ใครใคร่ฟังพูดอ่านเขียนก็เชิญ ใครใคร่อ่านเขียนแล้วฟังพูดก็เชิญ จากคุณ : แอ๊ด ปากเกร็ด เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 52 15:23:21

ความคิดเห็นที่ 12 อ่าน เขียน ฟัง พูด"  สำหรับคนไทย ฝึกฝนใน ไทย ฟัง พูด อ่าน เขียน    สำหรับคนไทย ใน ใน ตปท จากคุณ : ฮักเมาน้องหล้า เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 52 00:43:55