ความคิดเห็นที่ 1 ตอบลำบาก ต่างชาติมันก็มีหลายชาติด้วย แต่เราจะเทียบของไทยกับอังกฤษให้นะ ของไทยระดับประถมถึงมัธยม หนังสือเรียนมากเกินความจริง จนนักเรียนแบกหนังสือตัวโก่งกระดูกสันหลังมีปัญหาไปหลายคน แต่ของอังกฤษสอบได้แค่ 5วิชา(ม.ต้น)+2วิชา(ม.ปลาย) หรือ 1 วิชา(ม.ต้น) + 3วิชา(ม.ปลาย) (หรือ 1 วิชา(ม.ต้น) + 4วิชา(ม.ปลาย) จำไม่ค่อยได้แล้ว...???!!)  ก็เข้ามหาลัยได้แล้ว แต่หมายเหตุ วิชา ม.ปลายของเขามันเท่ากับวิชา ปี1 มหาลัยไทย ดังนั้น ปริญญาตรีในอังกฤษจึงเรียนแค่ 3 ปี เราคาดว่าที่เด็กไทยต้องเรียนมากกว่าหลายเท่า มันเป็นเพราะว่า "เอี่ยวกัน" นั่นก็คือ คนผลิตตำราเรียน มันเอี่ยวกับคน อนุมัติหลักสูตร เพราะ "บังคับขายนักเรียน แล้วก็เอาเงินมาแบ่งกัน" ระบบผลประโยชน์ในเมืองไทยทำให้การศึกษาไทยไม่ก้าวหน้า เพราะถ้านักเรียนๆหลายวิชาเกินไป ก็จะเรียนแค่ท่องจำ แต่คิดเองไม่เป็น แล้วก็ไม่เชี่ยวชาญในสาขาใดๆเลย ดังจะเห็นบ่อยๆใน pantip ที่มีคนเรียนเพื่อไปเป็นครูสอนภาษาอังกฤษ มาเขียน essay แล้วคนแก้ให้ว่า "ผิดตรงไหนบ้าง"  แล้วพอแก้ไปนะ ใน 2 หน้าที่เขียนมา มันผิดเกือบทุกประโยคเลยหละ เนื่องจากอาจารย์ไม่ได้สอนว่า "เรียนอย่างไรจึงจะคิดเองเป็น หาข้อมูลเองเป็น และใช้เหตุผลเป็น" ระบบสังคมไทยกดขี่แรงงาน ดังนั้น คนที่เอ็นเข้ามหาลัยดังๆไม่ได้ ก็ไม่อยากกลายเป็นผู้ใช้แรงงาน ผลที่ตามมาก็คือ มหาลัยที่มีมาตรฐานต่ำผิดปกติ คือเรียนยังไงก็ได้ปริญญา จึงผุดขึ้นมาเป็นดอกเห็ด และทำกำไรได้มหาศาล เนื่องจากว่า "ทำหน้าที่เป็นอัศวินม้าขาว ทำให้คนเรียนไม่เก่งได้ปริญญาไปสมัครงาน และพ้นจากการเป็นผู้ใช้แรงงาน พ้นจากการโดนกดขี่" ผลที่ตามมาก็คือ "มีคนที่วุฒิสูงๆแต่คิดไม่เป็น เดินกระทบไหล่กันเต็มบ้านเต็มเมือง ออกไปทำงานในหน่วยงานต่างๆ เพื่อสร้างประเทศชาติ ให้เจริญลง" แก้ไขเมื่อ 25 ก.ย. 52 13:41:30 จากคุณ : fortuneteller เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 52 13:38:10

ความคิดเห็นที่ 2 การให้เงินทุนการศึกษา ในเมืองไทยมักจะให้กับคนที่ "เรียนเก่งจนเป็นที่น่ารังเกียจในสังคม" ที่มันเป็นเช่นนั้นเพราะส่วนใหญ่เก่งเพราะพ่อแม่รวยมีเงินจ้างครูที่เก่งกว่าชาวบ้านเขามาสอนให้ตัวต่อตัว ในขณะที่นักเรียนจนๆต้องเรียนกับครูที่ด้อยคุณภาพ ซึ่งครูพวกนั้น ยอมไปเรียนสายครูเพราะเอ็นเข้าแพทย์หรือวิศวะไม่ได้ แต่ในทางกลับกันประเทศอังกฤษไม่กดขี่แรงงาน ถ้าคุณเรียนไม่เก่ง คุณจะออกไปทำงานก่อสร้างคุณก็ทำเงินได้ไม่แพ้คนจบปริญญาตรีมา เผลอๆมีโอกาสรวยได้มากกว่าด้วย แต่ถ้าคุณทำงานในระดับใช้แรงงานไปสักพักหนึ่ง แล้วไม่อยากร่ำรวยด้วยการทำงานเป็นผู้ใช้แรงงาน รัฐบาลอังกฤษก็เปิดโอกาสให้ทุนการศึกษาแก่คนที่อยากกลับไปเรียนต่อได้ "โดยใช้หลักมนุษยธรรมอนุโลม คือไม่ต้องสอบแข่งขันกันจนเป็นบ้าเป็นหลังเหมือนในประเทศไทย ก็กลับไปเรียนต่อในระดับอุดมศึกษาได้ โดยไม่ต้องไปเรียนมหาลัยด้อยคุณภาพอีกด้วย" ซึ่งในระบบการศึกษาไทยจะไม่มีการให้ทุนการศึกษาแก่คนที่เอ็นไม่ติดมหาลัยดังๆกลับไปเรียนปริญญาตรี โท เอก แก้มือ เมื่อพลาดแล้วพลาดเลย...แต่ก็ยังดี อุตส่าห์มี "โครงการต้นกล้า" อีกหน่อยคนจบโครงการต้นกล้าอาจได้เงินมากกว่าคนจบปริญญาตรีก็ได้ ฝันไปหรือเปล่าเนี่ย จริงๆแล้วการรู้ข้อมูลว่า จะเอาผลิตภัณฑ์ที่ผลิตเองได้ง่ายๆ เช่นตัดเข็มขัดเองใช้เวลาแพล็บเดียว ไปวางขายแบกะดินได้ โดยรู้ข้อมูลว่าจะติดสินบนมาเฟียท้องถิ่นหรือเทศกิจ ที่ไหนอย่างไร  ให้ได้กำไรวันละ หลายพันบาท ก็น่าจะเป็นการศึกษาที่ช่วยให้คนรอดตายได้มากกว่าการเรียนจบปริญญาเอก แต่ก็ไม่มีคนมากนักที่คิดกัน... คนที่รวยล้นฟ้าในประเทศไทย ส่วนใหญ่มาจากการค้าขายกับรัฐบาล (งานจัดซื้อจัดจ้าง)  เขารู้ว่าจะจัดซื้อจัดจ้างอย่างไรในระบบอุปถัมภ์และระบบคอรัปขัน ถ้าเรามีการบรรจุระบบอุปภัมภ์และระบบคอรัปชันเข้าในหลักสูตรไทย โดยการเอาประวัตินักการเมืองรวยๆไปให้นักเรียนนักศึกษาได้ศึกษาจนรู้ว่า "ใครเอี่ยวกับใคร อย่างไร จึงรวยได้" และเมื่อเรียนจบไป ทุกคนจะมีช่องทางโกงประเทศชาติให้ได้ทัดเทียมกัน มันก็จะทำให้ ลงเอง ไม่มีใครโกงประเทศชาติ เพราะมันจะเป็นการรู้ทันกัน และถ่วงดุลย์กัน เมื่อเป็นเช่นนี้เงินในท้องพระคลังก็จะมีให้การศึกษาฟรี รักษาพยาบาลฟรี และสวัสดิการดีๆให้แก่ประชาชนอีกหลายๆอย่าง เนื่องจากไม่มีเงินรั่วไหลออกไป แต่มันก็คงทำได้ยากมากๆ เนื่องจากหลายๆรัฐบาลที่เข้ามาเป็นใหญ่จะปิดหูปิดตาประชาชน เช่นควมคุมสื่อเป็นต้น ถ้าพวกตัวเองทำผิด ก็จะมีวิธีพูดให้กลายเป็นถูกได้ ในขณะที่ฝ่ายตรงกันข้ามทำอย่างไรมันก็ผิดหมด... แก้ไขเมื่อ 25 ก.ย. 52 14:05:31 จากคุณ : fortuneteller เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 52 14:00:09

ความคิดเห็นที่ 3 อ่าน POP แล้วจะได้ฉลาด แต่แอบกัด "แม้ว" ไปสามเล่ม โดนสั่งปิดซะงั้น สงสารป้าตี้ จากคุณ : apextopia เขียนเมื่อ : 26 ก.ย. 52 10:14:13