 |
ความคิดเห็นที่ 8 |
ที่ว่าไม่พร้อมนั้น ไม่พร้อมจริงๆ ครับ ไม่ใช่ไม่พร้อมเพราะไม่อยากให้
เรื่องนี้มีปรากฏในพระราชหัตถเลขารัชกาลที่ ๖ ที่ทรงมีไปถึงสมเด็จพระอนุชาธิราช เจ้าฟ้าฯ กรมหลวงพิษณุโลกประชานาถ ซึ่งมีความตอนหนึ่งว่า
"...ขอตอบเปนข้อๆ ตามความเห็นดังต่อไปนี้ แลจะพูดตามความจริงไม่อำพราง
ข้อ ๑ ขอให้เข้าใจว่า ในส่วนตัวฉันไม่มีความตั้งใจที่จะเกี่ยงหรือหวงอำนาจอย่างหนึ่งอย่างใดเลย, แลฉันเองก็รู้ดียิ่งกว่าใครๆ ว่าราชการในสมัยนี้มีมากขึ้นกว่าแต่ก่อนเปนอันมาก, แลสมัยที่จะใช้แบบปกครองอย่างที่เคยมาแล้วใกล้จะล่วงเลย อีกประการ ๑ ฉันขอบอกตามตรงแลได้บอกเธอ เปนคนแรกด้วยว่า อาศรัยเหตุที่ฉันได้เคยไปศึกษาในสำนักนิ์อังกฤษ, ได้เรียนลัทธิปกครองตามแบบอังกฤษ, แลลัทธิอันนั้นฝังอยู่แน่นในใจ, จนรู้สึกว่าเปนลัทธิดีที่สุดที่จะใช้ได้สำหรับเมืองราชาธิปตัย, แลไม่ใช่พึ่งเกิดขึ้นเช่นนี้, ได้คิดมาตั้งแต่รัชกาลที่ ๕ แล้ว
ข้อ ๒ ฉันได้เคยรำพึงมามากแล้ว ว่าเมื่อไรจะควรจัดให้เมืองไทยมีปาร์ลิเมนต์ขึ้นได้, ถ้าฉันจะดันเอาตามลัทธิ ( ) ไม่เหลียวดูทางการ ( ) ฉันคงจะประกาศ ( ) เสีย ๕ ปีมาแล้ว, แต่มีปัณหาสำคัญอยู่อย่างหนึ่งซึ่งจะหลับตาเสียไม่คำนึงดูไม่ได้, คือ คนไทยเราโดยทั่วไป (ไม่จำเภาะคนหมู่ ๑ ซึ่งชอบเล่นกับหนังสือพิมพ์) พร้อมอยู่หรือยังที่จะใช้อำนาจเลือกผู้แทนของตัวองทำการปกครองตนเอง, มีความเสียใจที่ยังแลไม่เห็นว่าจะทำการเช่นนั้นสำเหร็จได้, เพราะแม้แต่เลือกกรรมการศุขาภิบาลประจำตำบลซึ่งเปนคั้นแรกแห่งการเลือกผู้ปกครองตนเองก็ยังทำไปไม่ได้จริงจัง, เจ้าน่าที่ฝ่ายเทศาภิบาลต้องคอยเซี่ยมสอนอยู่ทุกแห่งไป, การเลือกกำนันผู้ใหญ่บ้าน ซึ่งต่ำลงไปกว่านั้นแลทำได้ง่ายกว่านั้น, ก็ยังทำกันเหมือนเล่นละครตลก...
ต่อมาในสมัยเปลี่ยนแปลงการปกครองใหม่ๆ ครูถามนักเรียนว่า "รัฐธรรมนูญคืออะไร?" นักเรียนตอบครูด้วยความภาคภูมิใจว่า "ลูกพระยาพหลฯ ครับ" เรื่องนี้แม่ผมเป็นคนเล่าให้ฟังเอง เพราะสมัยนั้นแม่เป็นนักเรียนอยู่พอดี
จากคุณ |
:
V_Mee
|
เขียนเมื่อ |
:
1 ต.ค. 52 17:01:30
|
|
|
|
 |