 |
ความคิดเห็นที่ 12 |
อิๆ ออกไปไกลพอดู จริงๆ ทางด้านการแพทย์ก็ศึกษาแย้งกันไป ซึ่งบางทีการแพทย์แบบคะวันตก ซึ่งผมก็อยู่ในจารีตนั้นเช่นกัน ก็เป็นอะไรที่ Invasive บางครั้ง ทำไปเพื่ออะไรที่เกินไป สำหรับมุมมองแบบธรรมชาตินิยม
ลองมองดูอีกที ถามว่า มนุษย์เราวิวัฒนการขึ้นที่ใด ก็ทุ่งหณ้าสะวันนา ในกาฬทวีป จนกระจายไปทั่วโลก ในปัจจุบัน มนุษย์เพศชายไม่ว่าเผ่าพันธุ์ไหน ที่ได้ขึ้นชื่อว่ามีร่างกายปกติครบสามสิบสอง ซึ่งมี อวัยวะเพศชาย ก็ย่อมมีหนังหุ้มเช่นกัน ถามว่าหากมันไม่มีประโยชน์ และทำให้เกิดโทษต่อชายผู้มีสิ่งนี้ ใยเล่าวิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิตที่ฉลาดที่สุดในโลก จึงยังคงดำรงอวัยวะส่วนด้อยไร้ค่านั้นไว้ หรือว่าจริงแล้วมันคืออวัยวะที่ชายทุกคนควรมีตามธรรมชาติ
แต่ถามว่าทำไมจึงเกิดประเพณีการขริบขึ้น ก็อาจจะคาดการได้ว่า เมื่ออดีต เมื่อครั้งโลก ยังไม่เหมือนปัจจุบัน สภาพอากาศของแถบตะวันออกกลางซึ่งเป็นแหล่งอารยะธรรม Semetic (Proto-Yew-Arabic) อยู่สั่งสมอารยะธรรม ยังคงอุดมสมบูรณ์กว่าปัจจุบันเล็กน้อย กล่าวคือเป็นทุ่งสวานนา หรือทุ่งหญ้าเสตป ที่มี Oasis กระจายอยู่มากกว่าปััจจุบัน ครั่นเมื่อภูมิอากาศของโลกเลี่ยน และเริ่มเข้าสู่ยุคประวัติศาสตร์ ฝนเริ่มตกน้อยลง น้ำที่ใช้อาบกินมีอย่างจำกัด วัฒนธรรมจากเดิม ที่ไม่มี่เครื่องนุ่งห่ม และ ไม่ได้การแก้ผ้าอาบน้ำ และชะล้างอวัยวะร่างกายอย่างเปิดเผยเหมือนสัตว์ทั่วไป
ทำให้ วัฒนธรรม ความอายในเรื่องเพศ และ น้ำที่มีอยู่อย่างจำกัด ก่อให้เกิดโรคหมักหมม ในชาย อย่างที่ข้างบนกล่าว และทำให้คนในแถบนั้นหาทางออกโดยการขรีบเสีย และกลายเป็นสัญลักษณ์ของเผ่าพันธุ์ และส่งต่อมายัง ศาสนายิว คริสต์์ และอิสลาม
แต่ถามแล้วปัจจุบัน สำหรับคนไทยเราหละ
คนไทยเราอาบน้ำวันละ 2 ครั้ง สำหรับคนทั่วๆไป แล้วคุณจะไม่ล้างเลยหรือ
คิดแล้วมันตลก เหมือนกับเรากำลังคิดว่า เราแปรงฟันยังไงก็ไม่สะอาดสักที เดี่ยวปวดเด๊่ยวอุดแล้วก็ผุ ก็ปวดอีก งั้นไปถอนให้หมดปากจะได้ ใส่ฟันปลอม ไม่ปวดฟันอีกเลย อิๆ (มีคนคิดอย่างนี้จริงๆนะครับ)
ปล. "Nothing in Biology Makes Sense Except in the Light of Evolution" Christian Theodosius Dobzhansky, 1973
จากคุณ |
:
Paphmania
|
เขียนเมื่อ |
:
1 ต.ค. 52 23:45:37
|
|
|
|
 |