Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
"21 วันในปักกิ่ง" วันที่สอง ณ ปักกิ่ง (ต่อ){แตกประเด็นจาก K8383188}  

ขอบคุณคุณ Fortunism คุณเจียะป้าอู่สื่อ และคุณหนุ่มรัตนะที่เข้ามาแจมกันนะคะ

ตอนแรกกะว่าจะต่อกระทู้เดิมแต่เห็นมันตกไปไกลแล้วเหมือนกัน และหนิงก็ทิ้งเอาไว้นานเสียด้วย เลยต้องแตกออกมาเป็นวันที่สองต่ออีก

อะ มาต่อกันเลยค่ะ

==========================================

“วังฤดูร้อนแห่งนี้ พระนางซูสีเคยพักเป็นประจำ ปัจจุบันนี้เปิดให้ประชาชนเข้าชมได้ อยู่ห่างจากตัวเมืองปักกิ่งไปประมาณ 20 กิโลเมตร ระหว่างทางมีโรงงานอุตสาหกรรมหลายแห่ง

เมื่อพ้นตัวเมืองกเป็นเป็นท้องทุ่งซึ่งประชาชนทำนากันเป็นพื้น ทางภาคเหนือของจีนทำนาได้ปีละ 2 ครั้ง ส่วนทางภาคใต้บางแห่งทำได้ถึง 3 ครั้ง และในช่วงระยะเวลาที่ไม่ได้ทำนาก็มีการปลูกพืชชนิดอื่นทดแทน

โดยมากจะเป็นพืชประเภทถั่ว ซึ่งจะเป็นประโยชน์นอกเหนือจากผลิตผลปกติ รากและใบของพืชจะกลับเป็นปุ๋ยของพื้นที่ดินนั้นไปด้วยในตัว การปลูกพืชส่วนใหญ่จะเป็นข้าวสาลี ข้าวเจ้าและข้าวโพดเป็นพื้น

กล่าวได้ว่าผลิตผลทางการเกษตร มีการเร่งระดมปลูกกันเพื่อให้พอกินทั่วถึงทั้งประเทศให้ได้

ข้าวจ้าวของจีนเมล็ดสั้นกว่าของไทย ชาวนาบางแห่งจะใช้ถนนรถยนต์เป็นที่ตากข้าวและนวดข้าวไปด้วยในตัว โดยใช้พื้นที่ครึ่งหนึ่งของถนน รถยนต์และยวดยานอื่นๆก็พยายามหลบให้ เว้แต่ถ้าอยู่ในช่วงที่รถสวนกัน รถก็จะวิ่งทับข้าวที่ตากไว้นั้น

การไถหว่าน มีการใช้เครื่องยนต์เป็นเครื่องต้นกำลัง มีล้อขับเคลื่อนไปได้ทำนองควายเหล็กหรือรถอเนกประสงค์ เช่นเดียวกับเกษตรกรไทยทำใช้กันในชนบท

การเก็บเกี่ยว ยังเป็นแบเก่าคือ ใช้คนเกี่ยวข้าวและฟาดข้าว เครื่องนวดยังมีการใช้น้อย

สัตว์ที่ใช้ในการทำนาจะเป็นม้า ล่อ และวัวเป็นพื้น ตามท้องถนนจะมีรถเทียมม้าหรือล่อลากสัมภาระต่างๆวิ่งเต็มถนนไปหมด บางทีก็ใช้ม้าหรือลาลากรถโดยสารด้วย โดยทำเป็นกะบะมีที่นั่งทำด้วยไม้กระดานหยาบๆ ดูแล้วไม่น่าเป็นรถ

รถเทียมม้าวิ่งกันอยู่ขวักไขว่ ของบรรทุกมากที่สุด คือ ถังไม้บรรจุอุจจาระเพื่อนำไปสู่ท้องนาและดูเกลื่อนถนนปะปนไปกับคนขี่รถจักรยาน”


สำหรับปี 2004 แล้ว ภาพทุ่งนาจากตัวเมืองปักกิ่งไปสู่พระราชวังฤดูร้อนไม่ปรากฏอีกแล้วค่ะ ตามปกติหนิงจะโดยสารโดยใช้รถไฟใต้ดิน ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่ามันอยู่ใต้ดินเลยไม่ได้ดูว่าเส้นทางที่ผ่านนั้นเป็นอย่างไรบ้าง ทีนี้มีอยู่วันหนึ่งที่ครึ้มใจอยากนั่งรถเมล์เที่ยว จะอ้อมแค่ไหนกว่าจะไปถึงห้องก็ช่างมัน ไม่เป็นไร (ที่พักที่หนิงอยู่ใกล้กับพระราชวังฤดูร้อนมากค่ะ นั่งรถเมล์คงใช้เวลาแค่สิบนาที)

ตามเส้นทางที่รถเมล์วิ่งผ่านมีแต่ภาพของถนนคอนกรีต สองข้างทางคือบ้านคนแบบสมัยใหม่ ไม่อย่างนั้นก็เป็นอพาร์ทเมนท์สูงไม่กี่ชั้นเรียงติดกันเป็นพรืดให้ความอบอุ่นเวลาต้องผจญกับฤดูหนาวที่ทารุณ หรืออาจจะมีศูนย์การค้าขนาดใหญ่ ซุปเปอร์มาร์เกต  รวมไปถึงร้านค้าหลากหลาย ไม่อย่างนั้นก็เป็นตึกสูงๆที่ระบุไม่ได้ว่าเป็นสถาบันอะไรบ้าง หรือไม่ก็เป็นตึกออฟฟิศที่ทำหน้าที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจแทนเจ้าพวกแปลงนาที่คนเขียนได้สัมผัสเมื่อสามสิบปีก่อน

“สำหรับสถานอาบน้ำ รัฐบาลจัดสถานที่อาบน้ำสาธารณะไว้ให้ มีทั้งน้ำร้อนและน้ำเย็น ประชาชนที่เข้าไปอาบน้ำต้องเสียเงินครั้งละ 3 เหมา (ประมาณ 5.20 บาท) แต่ไม่มีอบนวดเหมือนเมืองไทย

หน้าตาคนที่ออกจากสถานอาบน้ำ ก็ดูแช่มชื่นสดใสกระปรี้กระเปร่า ไม่ซีดเซียวเหมือนคนออกจากสถานอาบอบนวด”


ไม่เคยเห็นแฮะ สถานอาบน้ำสาธารณะในนครปักกิ่งจะหน้าตาเป็นแบบไหนก็นึกภาพไม่ออกด้วย เคยเห็นแต่ในการ์ตูนญี่ปุ่นเท่านั้นเองค่ะ เลยไม่รู้ว่าเมืองจีนจะเป็นอย่างนั้นหรือไม่ เข้าใจว่าถ้ามีก็อาจจะน้อยลงแล้วเพราะประชาชนในนครปักกิ่งน่าจะเข้าถึงสาธารณูปโภคได้เกือบทุกหลังคาเรือน ปัญหาคือว่ามีน้ำร้อนใช้อาบหรือเปล่านี่สิ

ที่ห้องใช้แก๊ซในการติดไฟต้มน้ำร้อนอาบค่ะ ไม่ได้หมายความว่าเอาน้ำไปต้มแล้วก็ค่อยยกเข้าห้องน้ำใช้อาบนะคะ เป็นเครื่องทำน้ำร้อนนี่แหละค่ะ แต่พอหมุนเปิด ประกายไฟจะลุกพรึบเห็นเป็นเปลวเพลิงอยู่ด้านใน น้ำที่เย็นเฉียบไหลรินออกจากฝักบัวจะระอุขึ้นจนถึงขั้นร้อนจัดทีเดียวค่ะ ไม่สามารถควบคุมอุณหภูมิของน้ำได้เลย ไม่เหมือนเครื่องทำน้ำร้อนสมัยนี้ที่ใช้ไฟฟ้าเป็นตัวจัดการทำให้น้ำร้อน (อาบทีไรนึกสงสารกุ้ง เวลามันถูกต้มมันคงรู้สึกแบบนี้ ออกจากห้องน้ำบางทีก็ตัวแดงเลยค่ะ)

หนิงว่าหนิงเคยเห็นเครื่องทำความร้อนอย่างนี้ที่เมืองไทยเมื่อสมัยยังเด็กสักยี่สิบปีก่อน คุ้นๆว่าที่บ้านก็ใช้แบบนี้เหมือนกัน ยี่สิบปีนั่นฤดูหนาวยังคงเป็นฤดูหนาว อากาศเย็นเฉียบ พอออกจากห้องน้ำลมพัดฟิ้วทีเราก็สั่นงั่กๆอยู่ตรงนั้น จะชอบอาบน้ำอุ่นมากค่ะ แต่ตอนนั้นเรายังไม่เข้าใจว่ากลไกของมันเป็นแบบไหน รู้แต่ว่าพอเปิดปุ๊บก็จะเห็นไฟลุกซู่ขึ้นมา กลิ่นแก๊ซอวลบางเบา แต่เราไม่สนใจรู้ว่าน้ำมันร้อนเป็นใช้ได้

ส่วนเรื่องอบนวดนี่ไร้ประสบการณ์ค่ะ ใครเคยใช้บริการแล้วอยากเปิดเผยเป็นวิทยาทานก็ไม่ว่ากันนะคะ อิ อิ

จากคุณ : peiNing
เขียนเมื่อ : 4 ต.ค. 52 17:01:34




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com