Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
6 ตุลาคม 19 แด่ประวัติศาสตร์ที่นิสิตนักศึกษารุ่นหลังไร้ภาพในสำนึก ..  

และแล้ว วันที่ 6 ตุลาคม 2519 แวะเวีียนมาบรรจบอีกครั้งหนึ่ง ..




วันเมื่อ 33 ปีที่แล้วเกิดอะไรขึ้นที่ธรรมศาสตร์ ? ทำไมเราไม่เคยรู้จักวันนี้ ? ทำไมนิสิตนักศึกษารุ่นหลังจึงบ้าใบ้ไม่รู้เรื่องว่าเกิดอะไรขึ้นกับรุ่นพี่ของเรา ? ทำไมผู้ใหญ่จึงไม่บอกว่า 6 ตุลาคม 2519 คือวันอะไร ? และอีกหลายๆทำไม...




เราอาจได้ยินวันที่ 14 ตุลาคม 2516 ว่าคือวันอะไร เราอาจตอบได้ว่าเมื่อวันนั้นรุ่นพี่ของพวกเราทำอะไรกัน เราอาจรู้ว่าการเรียกร้องประชาธิปไตยโดยคนหมู่มากคืออะไร เราอาจเข้าใจว่าชัยชนะของนิสิตนักศึกษาประชาชนได้มาเพราะอะไร ...



แต่เราไม่เคยรู้ ไม่เคยได้ยิน และไม่เคยรู้สึกมาก่อนว่า 6 ตุลาคม 2519 คืออะไร ...



เมื่อ 4 ปีก่อน ธงชัย วินิจะกุล อาจารย์ประจำภาควิชาประวัติศาสตร์ มหาวิทยาลัยวิสเคอร์ซิน สหรัฐอเมริกา และในฐานะพยานผู้ที่ผ่านเหตุการณ์วันนั้นเมื่อ 33 ปีก่อน ได้เข้ามาบอกกับพวกเราในฐานะนิสิตนักศึกษารุ่นน้องว่า เราทุกคนกำลังเผชิญกับ "ความเงียบ" ของ 6 ตุลาคม 2519 ในประวัติศาสตร์ไทย เราทุกคนไม่อนุญาตให้รับรู้ถึงการดำรงอยู่ของ 6 ตุลา และเราทุกคนก็ถูกลอยแพจากโศกนาฎกรรมในครั้งนั้นที่ธรรมศาสตร์ท่าพระจันทร์ ...



ความเงียบ ที่มีต่อ 6 ตุลา คือความเงียบที่กำลังทำลาย 6 ตุลา ลงไปเรื่อยๆในสังคมไทย เป็นความเงียบที่แสนเลือดเย็นและอำมหิต ..



ใครทำอะไร ที่ไหน อย่างไร ในวันนั้น เป็นเหมือนดั่งดินแดนลับแลในหนัาประวัติศาสตร์ไทย ไม่มีใครกล่าวถึง ไม่มีผู้ใดโหยหา ไม่มีใครรื้อฟื้น ทุกคนพร้อม "ลืม" กับ 6 ตุลา และสังคมไทยก็พร้อมสลัด 6 ตุลา ทิ้งออกไปจากหน้าประวัติศาสตร์ ...



6 ตุลาคม 2519 คือวันที่รุ่นพี่ของพวกเราถูกสังหารอย่างโหดเหี้ยมจากสังคมไทยภายในธรรมศาสตร์ ... รอยเลือด รอยกระสุน รุ่นพี่ที่ตายจากไป รุ่นพี่ที่สูญเสียวิญญาณหลังจากวันนั้น คือเครื่องจารึกความทรงจำที่ไม่มีวันหายไปไหน ...



สังคมไทย คือ สังคมแห่งปัญญาจริงหรือ ? ทำไมพวกเขาจึงสามารถ "ฆ่า" คนไทยด้วยกัน เลือดเนื้อเดียวกัน ด้วยทัศนะบางอย่างได้เลือดเย็น ? ..



ไม่มีคำตอบสำหรับคำถาม สิ่งที่พวกเราได้รับจากคำถาม คือ ความเงียบ ที่ดำรงอยู่มานานแสนนาน การถูกทำให้ลืมคือการ "ฆ่า" ครั้งที่ 2 หลังจาก 6 ตุลา ที่ธรรมศาสตร์ ...



เมื่อประวัติศาสตร์อันแสนขมขื่นถูกทำให้ลืมราวกับว่า 6 ตุลา กระแสลมที่พัดผ่านไป ผู้คนจึงไม่สามารถรับรู้ถึงการมีอยู่ของ 6 ตุลา ถึงแม้ว่าจะมีใครซักคนที่รู้แต่พวกเขาก็ไม่ได้รับอนุญาตให้เอ่ยถึงมัน  ...



สังคมไทยไม่อยากให้ผู้คนหาคำตอบที่ล่องลอยอยู่ในสายลมนั้น สังคมไทยไม่ต้องการความทรงจำที่แปลกแยกเช่นนี้ สังคมไทยบอกว่า พวกเราควรลืมมันไปเสีย ...



รุ่นน้องในมหาวิทยาลัย คือผลผลิตส่วนหนึ่งของสังคมที่ไม่อินังขังขอบกับ 6 ตุลา เพราะพวกเขาไม่ได้รับอนุญาตให้รับรู้ถึงการมีอยู่ การพูดถึง 6 ตุลา อาจหมายถึงวันที่ไปกินเหล้า ไปเที่ยวหญิง ไปดูหนัง ไปเฮฮากัน ..



6 ตุลา 19 อาจหมายถึงวันๆหนึ่งในเดือนตุลาคมที่มีฝนฟ้าคะนอง มีลมพัดเย็นเอื่อยๆหลังคณะ ...



พวกเขาต่างไม่รู้ถึงการมีอยู่ของ 6 ตุลา 19 ..



สังคมไทยได้ "ฆาตกรรม" 6 ตุลา ซ้ำสองไปแล้ว ...



ความเลือดเย็นของสังคมไทยที่มีต่อ 6 ตุลา 19 ทำให้นิสตินักศึกษารุ่นใหม่ไม่สามารถปะติดปะต่อเรื่องราวบางอย่าง มันขาดหายไป พวกเรามองไม่เห็นความโหดเหี้ยมของมนุษย์ในวันนั้น และพวกเราต่างหลงระเริงกับ 14 ตุลา 16 ว่านั่นคือวันมหาปิติของคนไทยที่ขับไล่เผด็จการทหารออกไปจากประเทศไทยได้ ..



นิสิตนักศึกษาไม่สามารถอธิบายทุกอย่างหลังจาก 6 ตุลา 19 ได้ เพราะพวกเขาไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรกับมัน แล้วก็ป่วยการที่จะทำอะไรกับมัน ...



เวลาผ่านไป 33 ปีแล้ว ...



ทุกอย่างยังคงนิ่งเงียบสงบ ไม่เคยมีพายุที่โหมกระหน่ำ ไม่เคยมีฆาตกรรมที่ธรรมศาสตร์ ไม่เคยมีประวัติศาสตร์เยี่ยงนี้เกิดขึ้น ทุกคนดำเนินชีวิตอย่างปกติ กิน เที่ยว เล่น นอน ไปตามวิถีชีวิตแห่งทุนนิยม ...



วันที่ 6 ตุลาคม 2552 อาจเป็นวันที่นิสิตนักศึกษาไปดูคอนเสิร์ตเกาหลี ไปเที่ยวอัมพวา ไปเที่ยวปาย หรือออกไปช๊อปปิ้งเสื้อผ้าตัวใหม่ แต่ทุกคนไม่รู้ว่ายังมีบางอย่างที่ดำรงอยู่ เป็นบางอย่างที่กำลังกรีดร้อง เสียงร้องที่ไม่มีใครได้ยิน ...



33 ปีที่ไร้เสียงบอกกล่าว คำทรงจำเหลือเพียงแค่หนังสือเก่าๆบนหิ้ง ฝุ่นเขรอะกรัง เราเห็นภาพขาวดำที่ไร้ชีวิต เลือดที่ไร้สีแดง กำแพงแห้งผากด้วยรอยกระสุนปืน ภาพคนที่มีไม้แหลมปักอกในธรรมศาสตร์นอนราบกับพื้น  ภาพไฟลุกโชนบนศพของรุ่นพี่อันไร้สีสัน  ภาพคนไทยยืนยิ้มหัวเราะร่าเริงท่ามกลางคนตาย  ...



มันช่างไร้เสียงเหลือเกิน ...



นิสิตนักศึกษาคิดว่า "ไม่เกี่ยวอะไรกับกรูแม้แต่นิด" แล้วพวกเขาก็ดำเนินชีวิตต่อไป ..







แล้วปล่อยให้ 6 ตุลาคม 2519 อยู่อย่างเดียวดายในเส้นทางที่ประวัติศาสตร์เขี่ยทิ้ง ..

 
 

จากคุณ : นายอึเหม็น
เขียนเมื่อ : 5 ต.ค. 52 14:20:06




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com