ความคิดเห็นที่ 1 1 จากคุณ : อุบาสกฉางชุน เขียนเมื่อ : 27 ต.ค. 52 04:05:39

ความคิดเห็นที่ 2 2 จากคุณ : อุบาสกฉางชุน เขียนเมื่อ : 27 ต.ค. 52 04:07:20

ความคิดเห็นที่ 3 พระพุทธปรางค์ปราสาท แนวคิดเดิมมีการสร้างขึ้นเพื่อประดิษฐานพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร เนื่องจากเหตุผล ๒ ประการ คือ องค์พระแก้วมรกตอยู่ต่ำกว่าพระมณฑป และต้องการเห็นเนื้อแก้วสีเขียวบริสุทธิ์ได้อย่างชัดเจน เริ่มดำเนินการก่อสร้างใน พ.ศ. ๒๓๙๘ โดยมีความสูง ๑ เส้น เทียบเท่ากับความสูงพระมณฑป แต่การก่อสร้างไม่แล้วเสร็จทันในรัชกาลที่ ๔ จากคุณ : หนุ่มรัตนะ เขียนเมื่อ : 27 ต.ค. 52 08:57:56

ความคิดเห็นที่ 4 การแล้วเสร็จในสมัยรัชกาลที่ ๕ ทรงเห็นว่าพื้นที่ภายในคับแคบ ไม่เหมาะกับการประกอบพระราชพิธี จึงโปรดเกล้าฯให้ประดิษฐานพระแก้วมรกต ไว้ที่พระอุโบสถดังเดิม จนเมื่อ พ.ศ. ๒๔๖๖ เกิดไฟฟ้าลัดวงจร ทำให้เกิดเพลิงไหม้พระพุทธปรางค์ปราสาททั้งหลัง ไฟได้ละลายพระเจีดีย์กะไหล่ทองและรูปพระเทพบิดร ซึ่งประดิษฐานในมุขหลังละลายไป  และได้ทำการซ่อมแซมบูรณะเรื่อยมา จากคุณ : หนุ่มรัตนะ เขียนเมื่อ : 27 ต.ค. 52 08:58:45

ความคิดเห็นที่ 5 ในสมัยรัชกาลที่ ๖ เมื่อบูรณะพระพุทธปรางค์ปราสาทเสร็จสมบูรณ์  โดยการออกแบบปรางค์ โดยสมเด็จกรมพระยานริศรานุวัติวงศ์ และโปรดฯให้อัญเชิญรูปหล่อในรัชกาลที่ ๑-๕ มาประดิษฐานไว้ยังประสาทแห่งนี้ พร้อมพระพระราชทานนามใหม่ว่า ปราสาทพระเทพบิดร และใน พ.ศ. ๒๔๖๑ โปรดให้เลื่อนสุวรรณเจดีย์ออกมายังมุกด้านตะวันออก พร้อมทั้งรื้อประตูซุ้มทางขึ้น เป็นบันไดอย่างที่เห็นในทุกวันนี้ ภาพมองจากซุ้มประตูทางขึ้นปราสาทฯ ซึ่งรื้อออกไป จากคุณ : หนุ่มรัตนะ เขียนเมื่อ : 27 ต.ค. 52 09:00:27

ความคิดเห็นที่ 6 ปัจจุบันมีลักษณะเช่นนี้ เมื่อเทียบกับภาพบน จากคุณ : หนุ่มรัตนะ เขียนเมื่อ : 27 ต.ค. 52 09:01:13

ความคิดเห็นที่ 7 การรับน้ำหนักของเครื่องบนอาคาร จากปรางค์ ถ่ายลงสู่เสาอิง และเสาหลัก  และยังมีผนัง ๘ เหลี่ยม รอบรับน้ำหนักที่จะลงมาจากยอดปรางค์ด้วย ผังอาคารบริเวณกลางปราสาท จากคุณ : หนุ่มรัตนะ เขียนเมื่อ : 27 ต.ค. 52 09:02:21

ความคิดเห็นที่ 8 เห็นเสาตรงกลางไหมครับ มีสองเสา กระหนาบซ้ายและขวา เสานี้ทำหน้าที่รับน้ำหนักจากเครื่องบน ส่วนเสาอื่นๆทำหน้าที่รับน้ำหนักถ่ายจากหลังคาลงสู่พื้น จากคุณ : หนุ่มรัตนะ เขียนเมื่อ : 27 ต.ค. 52 09:04:15

ความคิดเห็นที่ 9 ภาพเสาระยะไกล จากคุณ : หนุ่มรัตนะ เขียนเมื่อ : 27 ต.ค. 52 09:07:18

ความคิดเห็นที่ 10 ผมไม่ทราบภาษาทางช่างของตัวองอาคาร  คำว่า เครื่องยอดกับเครื่องบน นี่คือส่วนใหนของอาคารบ้าง  ช่วยชี้แจงหน่อยครับ   ความจริงถ้าจะให้วิเคราะห์ให้ละเอียดสักหน่อย  ต้องรู้ว่าภายในอาคารมีส่วนประกอบทางสถาปัตยกรรมเป็นอย่างไรบ้าง   ถ้าเป็นโล่งๆ สงสัยจะรับน้ำหนักลำบาก  ถ้าดูแต่ภายนอกเห็นเป็นเสาคู่แบบที่ว่า และภายในโล่ง ๆ ไม่มีผนังขึ้นไปรับเครื่องยอดหรือเครื่องบนที่เป็นปูนหนักหลาย ๆ ตันดังรูป  ก็ต้องมีโครงสร้างคานมารับนน.อันนั้นแล้วถ่ายนน.มาที่เสา   ซึ่งสมัยก่อนยังไม่มีคอนกรีตแบบปัจจุบัน  ก็ต้องอาศัยไม้เป็นคาน  ซึ่งจริงๆ ก็ทำได้แต่จะเทอะทะและไม่คงทนถาวรเท่าไหร่  (เหมือนไม้ทับหลังประตูสมัยโบราณที่มักจะผุพังก่อนอิฐที่ก่อบนไม้ทับหลังนี้)       ผมเข้าใจว่ารูปสี่เหลี่ยมตรงกลางน่าจะเป็นผนังขึ้นไปรับเครื่องบนนะ   ถ้าเป็นพท.  โล่ง ๆ น่าจะยากนะ  ต้องถามผู้เคยเข้าไปดูว่าเป็นอะไร จากคุณ : วรรณเกษม เขียนเมื่อ : 27 ต.ค. 52 10:06:06

ความคิดเห็นที่ 11 อาคารก่ออิฐปกติ จากความจำไทยใช้หลักการก่อเหลื่อม หรือศัพท์วิชาการอะไรก็ไม่แน่ใจ จะเข้าใจว่าใช้หลักการถ่ายเทน้ำหนักยังไงต้องดูรูปเก่าๆ ของวิการพระมงคลบพิตรขณะยังไม่ได้บูรณะ เมรุทิศวัดไชยวัฒนารามประกอบ ผมเข้าใจว่าเฉพาะเครื่องบน คือที่เป็นเคื่องมุงเท่านั้นที่ใช้ไม้ แต่เครื่องยอดที่เป็นปรางนั้นใช้อิฐก่อเป็นคานทั้งหมด โดยหลักการก่อเหลื่อม เดี๋ยวจะหาภาพมาลงครับ ผมไม่ใช่นักวิชาการ ความรู้ไม่ค่อยมีน้ำหนักแต่ใช้การศึกษาเปรียบเทียบเอา แก้ไขเมื่อ 27 ต.ค. 52 18:51:42 จากคุณ : เจ้่าชายกบ เขียนเมื่อ : 27 ต.ค. 52 18:50:17

ความคิดเห็นที่ 12 ภาพคห.11 จะเห็นว่าลักษณะภายในปราสาทเป็นปล่อง หลักการถ่ายเทหนักควรจะเป็นแบบเดียวกับพระปรางค์ จากคุณ : เจ้่าชายกบ เขียนเมื่อ : 27 ต.ค. 52 18:59:13

ความคิดเห็นที่ 13 ดูลักษณะการก่ออิฐ และวางห้องภายในเปรียบเทียบนะครับ จากคุณ : เจ้่าชายกบ เขียนเมื่อ : 27 ต.ค. 52 19:10:13

ความคิดเห็นที่ 14 . จากคุณ : เจ้่าชายกบ เขียนเมื่อ : 27 ต.ค. 52 19:12:13

ความคิดเห็นที่ 15 สรุปเรื่องการถ่ายน้ำหนัก ก็มีสองระบบแยกกัน คือส่วนเครื่องมุง มีผนังหุ้มกลองรับหน้าหลังตามยาว แล้วก็เสาพาไลรับเชิงชาย ส่วนเครื่องยอดที่เป็นปรางค์ผนังหุ้มกลองด้านในจะเป็นตัวรับน้ำหนักถ่ายลงมายังผนังอาคาร(ซึ่งหนามากจากรูป)แล้วถ่ายลงถึงพื้น ประกอบกับพิจารณาพื้นที่ภายในที่แคบ ไม่กว้างขวางนัก น้ำหนักของปรางค์อิฐด้านบนที่ดูทึบหนัก แต่กลวง ก็น่าจะไม่เป็นปัญหา จากคุณ : เจ้่าชายกบ เขียนเมื่อ : 27 ต.ค. 52 19:20:21

ความคิดเห็นที่ 16 ขอบคุณมากครับทุก ๆ คน มีอีกคำถามครับ ทำไมพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้า ท่านถึงกำหนดแบบให้เป็นยอดปรางค์ จะเป็นพระราชนิยม (อย่างเช่น หอพระคันธารราษฎร์ ) หรือว่ายอดปรางค์เหมาะกับพระศาสนา (เพราะไม่มีธรรมเนียมในการสร้างปราสาทยอดมณฑปเป็นที่ไว้พระพุทธรูป?) หรือว่าทรงตั้งใจให้ล้อผังวัดพระศรีสรรเพชญ์จริง ๆ หรืออย่างไร ขอคำชี้แนะด้วยครับ ขอบคุณครับบบบบ จากคุณ : อุบาสกฉางชุน เขียนเมื่อ : 27 ต.ค. 52 23:14:27

ความคิดเห็นที่ 17 แถมให้อีกรุปครับ สองเครื่องยอดที่งาม จากคุณ : อุบาสกฉางชุน เขียนเมื่อ : 27 ต.ค. 52 23:15:34

ความคิดเห็นที่ 18 คิดว่า ก่ออิฐทั้งหมด ยกเว้นหลังคา ฝ้าเพดาน ประตู-หน้าต่าง ฯลฯ เป็นโครงสร้างไม้ ทำนองโครงสร้างอาคารตามประเพณีครับ จากคุณ : ตุ้บตั้บ เขียนเมื่อ : 28 ต.ค. 52 02:55:42

ความคิดเห็นที่ 19 ไม่รู้เกี่ยวกับช่วงที่ท่านส่งคนไปย้ายปราสาทหินที่เสียมราฐ  หรือเปล่า พอถูกคนพื้นเมืองต่อต้าน  ก็เลยกลับมาทำแบบย่อที่เมืองไทย  กับทำยอดเป็นปรางค์แบบศิลปขอม  (ไม่รู้ปีใกล้เคียงกันหรือเปล่า)      ผมเพิ่งรู้ว่ามีธรรมเนียมแบบของการสร้างไม่นิยมสร้างแบบปราสาทมณฑป  มานั่งคิดดูก็ไม่ค่อยเห็นมีนะครับ จากคุณ : วรรณเกษม เขียนเมื่อ : 28 ต.ค. 52 14:17:53

ความคิดเห็นที่ 20 พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท พระที่นั่งอาภรณ์พิโมกปราสาท ก้อยอดมณฑปนี่คับ ขึ้นอยู่กับว่าโปรดฯให้สร้างแบบไหนมากกว่า โดยส่วนตัวชอบยอดมณฑปมากกว่าคับ ดูเบา เปนเอกลักษณ์ของศิลปะไทยดี ไม่ใหญ่เทอะทะ จากคุณ : antigen-U เขียนเมื่อ : 29 ต.ค. 52 20:39:19

ความคิดเห็นที่ 21 ภายในยอดมณฑป พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท จากคุณ : akkarachai เขียนเมื่อ : 29 ต.ค. 52 21:43:36

ความคิดเห็นที่ 22 คห 16 ผมไม่ได้หมายความว่า ร.4 ท่านไม่โปรดให้สร้างเครื่องยอดมณฑป แต่หมายความว่า ท่านคงเห็นว่าปราสาทเครื่องยอดมณฑป เค้าไม่ได้สร้างกันเพื่อประดิษฐานพระพุทธรูปนะครับ ผมเข้าใจว่า แต่โบราณมา ไม่ได้มีการสร้างปราสาท เครื่องยอดมณฑป เพื่อประดิษฐานพระพุทธรูป จะเห็นว่า สร้างปราสาทกันเพื่อเป็นพระที่นั่งเป็นส่วนใหญ่ ยกเว้น พระมณฑป (เช่น พระบาท หรือวัดพระแก้ว) ที่สร้างกันได้เป็นยอดมณฑป (เพราะเป็นอาคารที่เรียกว่ามณฑป ไม่ใช่ปราสาท) อีกทั้งทรงโปรด หรือทรงไม่โปรด น่าจะตั้งอยู่บนพื้นฐานของความเหมาะสม ว่าสถาปัตยกรรมยอดแบบนี้ควรใช้ทำอะไรนะครับ จากคุณ : อุบาสกฉางชุน เขียนเมื่อ : 29 ต.ค. 52 23:48:22