ความคิดเห็นที่ 1 เกรด เค้านับมอปลอยอ่ะครับ ตั้งใจขยันเรียนให้มากๆเลยครับ เพราะเมื่อสอบเข้าได้แล้ว ยิ่งเข้าไปเรียนยิ่งยากเข้าไปใหญ่ อิอิ จากคุณ : โตนิค เขียนเมื่อ : 29 ต.ค. 52 19:57:25

ความคิดเห็นที่ 2 จะเป็นหมอต้องเรียนสายวิทย์นะครับ ลองยื่นสายวิทย์ดูไปก่อนครับ  ถ้าไม่ได้จริงๆแล้วอยากเป็นหมอจริงๆก็ต้องทำเรื่องขอไปสายวิทย์หน่ะครับ  แล้วพอเข้าได้ก็ตั้งใจเรียน 4-5-6 ให้ดีๆครับ น้องยังมีโอกาสอยู่ครับ  รู้ตัวเร็วแบบนี้แหละดีแล้ว  ตอนผม ม6 ยังไม่รู้ตัวเลย อยากเตือนน้องว่า   อ่านหนังสือวันละ 1 ชม 3 ปี ดีกว่า อ่าน 3 เดือน 10 ชม (แต่ถ้า 3 เดือน 10 ชมไหวก็ok ;P) โชคดีนะจ๊ะ จากคุณ : xkiN8 เขียนเมื่อ : 29 ต.ค. 52 20:02:33

ความคิดเห็นที่ 3 ลืมบอกไปครับ เรียนพิเศษ ไม่ต้องก็ได้ครับถ้า น้องตั้งใจเรียนในห้อง แล้ว 1 ชม 3 ปี หน่ะครับ เห็นน้องแล้วอยากเตือนเพราะตอนพี่มันขี้เกียจเกินไป จากคุณ : xkiN8 เขียนเมื่อ : 29 ต.ค. 52 20:08:10

ความคิดเห็นที่ 4 จะเรียนหมอต้องจบ ม6 สายวิทย์ มานะคะ จบม3 แล้ว ถ้าได้สายศิลป์ เรียนสายศิลป์ไปจนจบม6 พอจะเอ็นทรานส์ ก็เลือกหมอไม่ได้นะ ยังงัยก็ต้องเข้า สายวิทย์ให้ได้ก่อน จากคุณ : น้ำตาลเปรี้ยว vs มะนาวหวาน เขียนเมื่อ : 29 ต.ค. 52 20:17:48

ความคิดเห็นที่ 5 อ่า ผมก็เคยได้เลขเกรด2 แต่ก็แก้ความเข้าใจจนตอนนี้เลข4เต็ม เกรดตอนม.ต้นไม่ได้ช่วยเหลืออะไรมากเลยครับ ผมตอนม.ต้นได้น้อยเหมือนกัน ม.ปลายเกรดดี เพื่อนส่วนใหญ่ม.ต้นเกรดซะหรู บางคน3.9x ม.ปลายลดฮวบ มันอยู่ที่ความตั้งใจครับ ที่สำคัญตอนนี้คือตั้งใจให้มากๆในการสอบเข้าสายวิทย์ แล้วคณิต แก้ไม่ยาก ถ้ามีความตั้งใจครับ ผมเริ่มจาก เอาหนังสือแบบฝึกหัด แล้วก็เรื่องที่พอคิดว่าไปได้อย่าง จำนวนจริง เลขยกกำลังมาลองทำดู แล้วทฤษฎีต่างๆ พยายามพลิกแพลง มองหลายๆแบบ แล้วก็พิสูจน์บ้าง เรื่องเลขยกกำลัง คิดว่าเป็นการเริ่มต้นของพีชคณิตครับ พอเลขยกกำลังแม่นแล้ว ลองมาดูพหุนามบ้าง ฝึกไปเรื่อยๆครับ ทำให้เรามีระเบียบขั้นตอน แล้วก็รู้จักการใช้ความคิด ว่าทำไมทำแบบนั้นไม่ได้ แบบนี้ไม่ได้ ใจเย็นๆ ขยันๆ แก้ความเข้าใจผิดๆไปเรื่อยๆ เรื่องแยกตัวประกอบ ตอนแรกก็ต้องอาศัยความชำนาญ ทำซ้ำๆอย่าท้อครับ แล้วก็หัดพลิกแพลง อย่างวิธีต่างๆที่ต้องมองให้ออก เวลาดึงตัวร่วม อะไรแบบนี้ แล้วก็ลองมาจับเรขาคณิต ตรงนี้เริ่มตั้งแต่เส้นตรง ขนานไปเรื่อยเลยครับ แล้วหัดพิสูจน์ในหนังสือเรียนเนี่ยแหละ ตรงนี้ทำให้เรามีทักษะคณิตศาสตร์จริงๆ คือการพิสูจน์ การดึงทรัพยากรที่ได้มาแก้ปัญหา คือหัวใจ ตรงนี้จะติดตัวไปเรื่อยๆตลอด จนเรียนคณิตศาสตร์ได้แบบ ชิวๆ หนังสือคู่ใจคือหนังสือเรียนนี่แหละ ดีมากๆ หนังสือเรียนม.ต้นน่ะครับ ที่สำคัญในการสอบเข้าคือวิธีการแก้โจทย์ปัญหาต่างๆ แนวประยุกต์ ทำเรื่อยๆครับ ที่พูดมาผมใช้เวลาแค่2เดือน ในการเริ่มใหม่ ที่สำคัญคือต้องพยายามครับ จากคุณ : int.anti เขียนเมื่อ : 29 ต.ค. 52 20:27:51

ความคิดเห็นที่ 6   ขอบคุณพี่ๆมากค่ะ ที่ช่วยแนะนำ ตกลงตอนนี้ต้องพยายามเข้าสายวิทย์ให้ได้ก่อน ยากเอาการเลยนะคะเนี่ย จะพยายามละกันนะคะ ขอบคุณทุกคนค่ะ จากคุณ : -BoaT-Love-Pokkie เขียนเมื่อ : 29 ต.ค. 52 20:39:02

ความคิดเห็นที่ 7 สู้ๆนะคร้าบ จากคุณ : KOKtc45 เขียนเมื่อ : 29 ต.ค. 52 21:05:53

ความคิดเห็นที่ 8 มาเป็ฯกำลังใจด้วยครับ ขอให้เข้าสายวิทย์ได้สมใจครับ จากคุณ : sproutshift เขียนเมื่อ : 29 ต.ค. 52 22:38:35

ความคิดเห็นที่ 9 เป็นกำลังใจให้ค่ะ จากคุณ : งามสรรพ เขียนเมื่อ : 29 ต.ค. 52 22:59:46

ความคิดเห็นที่ 10 สู้ๆครับ จากคุณ : เด็กท้ายรถ เขียนเมื่อ : 30 ต.ค. 52 07:07:52

ความคิดเห็นที่ 11 เด็กสมัยนี้ดีแฮะ รู้ตัวเร็วดีว่าชอบอะไร   สมัยอยู่ ม.3  ยังวิ่งไล่เตะบอล ฝันอยากไปบอลโลก อยู่เลย (ทั้งๆ ที่มันเป็นไปไม่ได้) จากคุณ : @Momotaro@ เขียนเมื่อ : 30 ต.ค. 52 07:55:54

ความคิดเห็นที่ 12 ม.ปลายยังรออยู่ จากคุณ : opalvet เขียนเมื่อ : 30 ต.ค. 52 15:38:58

ความคิดเห็นที่ 13 ถึงน้อง จขกท   ตอนนี้เกรด ยังไม่ใช่เรื่องสำคัญ  เพราะน้องยังมีเวลาที่จะแก้ตัวได้ตอนม. ปลาย  แต่พี่อยากถามสักนิด ทำไมถึงอยากเป็นหมอคะ เพราะพี่เองเคยอยากเป็นหมอเหมือนกัน  หัวดีแต่ขี้เกียจ  ถ้าตั้งใจคงสอบติดไปแล้ว   แต่พอมาถึงวันนี้ ดีใจจังที่สอบไม่ติด  เพราะชีวิตหมอเนี่ย มันเป็นชีวิตทรหดนะ  เริ่มต้นการสอบที่ต้องฟันฝ่าเข้าไปให้ได้  ต่อไปคือการเรียนให้ผ่านตอนนี้ก็โหดสุดๆ  ต่อด้วยเมื่อจบออกมาคือชีวิตการทำงานที่น้องต้องรับผิดชอบชีวิตคน  สำหรับโรคหรือคนไข้ที่มีอาการรุนแรง  พี่อยากให้น้องลองหาข้อมูลก่อนตัดสินใจค่ะ  ดูว่าเขาเรียนกันยังไง  หมอทำงานกันยังไง  เพราะมีหลายคนแล้วที่เรียนหมอตามค่านิยม  ตามความคาดหวังของพ่อแม่ คนรอบข้าง หรือคิดว่ามันเป็นอาชีพที่โก้ รายได้ดี  แล้วสุดท้ายก็ไม่มีความสุขกับการเรียน  การทำงาน พี่ไม่อยากให้น้องเป็นแบบนั้น  เอาใจช่วยนะคะ  สมัยนี้ข้อมูล ข่าวสารต่างๆ หาง่ายค่ะ  สู้ๆๆ ค่ะ จากคุณ : หัวดี แต่ขี้เกียจ (ทีปวารี) เขียนเมื่อ : 30 ต.ค. 52 16:11:50

ความคิดเห็นที่ 14   ทำไมถึงอยากเป็นหมอหรอคะ มันมากจากความรู้สึกอ่ะค่ะ มีครั้งนึงตอนสักม.1 ได้ คุณแม่ถูกรถชนค่ะ ได้รับบาดเจ็บสาหัส แต่ก็โชคดีสุดๆที่เจอคุณหมอดี เวลาคุณแม่ไปหาหมอท่านก็จะกังวลทุกครั้งเลยค่ะ กลัวโน่นกลัวนี่ แต่พอหมอยิ้มให้ แล้วพูดว่าไม่ต้องกังวล แค่นั้นแหละคุณแม่ก็จะไม่กังวล ขนาดเราไม่ได้เป็นคนถูกรักษายังรู้สึกดีขนาดนี้เลย *-* ปัจจุบันแม่หายดีแล้วค่ะ ก็ยังไปเยี่ยมหมอคนนั้นบ่อยๆ ตอนนี้เลยคิดว่าอยากจะเป็นหมอ อยากช่วยเหลือคน ไม่ใช่เป็นแม่พระใจดีอะไรหรอกนะคะ แต่เวลาเห็นหมอดีๆสักคนนึง ในใจก็คิดว่าอยากจะเป็นอย่างนั้นบ้าง ประมาณนี้น่ะค่ะ แต่ก็ไม่ใช่ว่าอยากจะเป็นแต่ไม่รู้ว่าเค้าเรียนหนักกันแค่ไหนนะคะ เคยดูจากทีวี อ่านจากหนังสือ และหลายๆอย่าง ก็เข้าใจดีค่ะ เอ พูดวกไปวนมาพี่ๆจะเข้าใจหนูรึเปล่าเนี่ย ^^ สรุปว่ามันมาจากความรู้สึกแหละค่ะ จากคุณ : B (-BoaT-Love-Pokkie) เขียนเมื่อ : 30 ต.ค. 52 18:08:40

ความคิดเห็นที่ 15   โดยมากถ้าคนอยากจะเป็นหมอ เขาจะรู้ตัวตั้งแต่เด็กแล้วว่าอยากเป็น เว้นแต่พวกเรียนเก่งบางคนที่เอน ตามเพื่อน ตามสังคม แบบพวก หมอ วิศวะ อ.แนะแนวชอบแนะกันจัง ถ้าเด็กเรียนดี แต่น้องรู้ตัวเร็วก็ดี ตอนผม ม.3 นี่ยังไม่รู้เลย พอจะจบม.6 พึ่งนึกได้ว่าอยากเรียนอะไร ก็แทบไม่ทันแล้ว ยังดีนะที่ไหวตัวทัน 555 ไปเรียนวาดรูป ไม่งั้นอดเรียน อาร์ทละ ส่วนทริกการเรียนหนังสือนะครับ ไม่ต้องเรียนพิเศษก็ได้ แต่ว่าการบ้านต้องทำเอง รายงานต้องทำเอง ห้ามลอกนะครับ แล้วก็ทบทวนทุกวัน แล้วก็ขยันหาหนังสือพิมพ์ภาษาอังกฤษมาอ่านทุกวันด้วย เพราะหมอเรียนตำราภาษาอังกฤษเป็นหลัก ถ้าภาษาไม่ได้อาจจะลำบาก แล้วก็เป็นหมอต้องจบสายวิทย์เท่านั้นนะครับถึงจะสมัครได้ เว้นแต่จะไปต่อนอกอันนี้ไม่มีปัญหา ถ้าเข้าสายวิทย์แล้วก็ไปหาข้อสอบความถนัดทางการแพทย์มาอ่านด้วย นะ จะได้สอบได้....สู้ๆนะ จากคุณ : aloha_123 เขียนเมื่อ : 31 ต.ค. 52 14:48:27