ความคิดเห็นที่ 1 เหมือนคนไทย(บางคน)ดูถูกประเทศเพื่อนบ้านแหละครับ โดยส่วนตัวถ้าได้ยินคนว่าคนอื่นด้วยชื่อประเทศของเค้า ผมก็ไม่ชอบใจนะ จากคุณ : xangiolus เขียนเมื่อ : 8 พ.ย. 52 09:39:56

ความคิดเห็นที่ 2 ก็เพราะมันรวมหลายเชื้อชาติไงครับ วัฒนธรรมเลยมีแบบหลายชาติปนกัน อะไรสะดวกพวกมันเอามาหมดไงครับ ส่วนอาจารย์คุณแกก็แบบผู้ดีเก่า เลยว่าไอ้กันเป็นพวกไม่มีวัฒนธรรม แต่จริงๆคือมันมีหลายอันมั่วมากไปมากกว่าครับ อย่าคิดมาก จากคุณ : dd (pdmagic) เขียนเมื่อ : 8 พ.ย. 52 09:41:30

ความคิดเห็นที่ 3 อาจารย์คุณเป็นคนใจแคบ โลกทัศน์แคบ อคติสูง คนที่เหมารวมว่าคนอื่นโดยใช้ เชื้อชาติ ศาสนา สีผิว เพศ ฯลฯ เป็นคนที่มีวุฒิภาวะต่ำครับ ถามเขาสิครับว่าที่เมื่อก่อนอังกฤษล่าอาณานิคมจนได้ชื่ิอว่าเป็นดินแดนที่ดวงอาทิตย์ไม่เคยตกน่ะดีกว่าอเมริกาตรงไหน จากคุณ : splendour เขียนเมื่อ : 8 พ.ย. 52 10:05:11

ความคิดเห็นที่ 4 ถึงจะมีหลายเชื้อชาติและหลอมรวมจากหลายวัฒนธรรมจริง แต่ก็มีการสร้างขึ้นเป็นวัฒนธรรมเฉพาะท้องถิ่นขึ้นมาได้เหมือนกันนะคะ อย่างตัวอย่างทางตอนใต้ของรัฐที่อาศัยอยู่นี่มีวัฒนธรรม Gallah ซึ่งเป็นรูปแบบศิลปะ การดำรงชีวิต และแม้แต่ภาษาของตัวเอง เป็นภาษาอังกฤษแบบ Creole (นั่นก็อีกที่แปลงมาจนเป็นของอเมริกาเอง) นึกถึงดนตรี อเมริกาเป็นที่เกิดของดนตรีหลายประเภท ถ้าว่ากันถึงรูปแบบดนตรีที่ดัดแปลงมาจากที่อื่นก็อย่างเช่น Bluegrass ซึ่งเป็นรูปแบบของดนตรีที่มีพื้นเพมาจากดนตรีแบบไอริช กำเนิดจากคนอพยพชาวไอริชที่มาอาศัยอยู่ในเทือกเขา Appalacia หรือ Jazz หรือ Blues นั่นก็ถือกำเนิดในอเมริกาทั้งนั้น คนที่โมเมว่าอเมริกาไม่มีวัฒนธรรมนั่นมั่วเอาเองเพราะไม่รู้และไม่เข้าใจค่ะ และถ้าพิจารณาวัฒนธรรมของทุกประเทศในโลกนี้ มีที่ไหนบ้างที่เป็นแหล่งก่อเกิดวัฒนธรรมบริสุทธิ์โดยไม่มีอิทธิพลของวัฒนธรรมจากที่อื่นเข้ามามีอิทธิพล คงมีสัก 2-3 แห่งมั้งคะ อย่างอิยิปต์กับกรีซ หรืออินเดีย ลองดูวัฒนธรรมไทย อะไรบ้างที่เรียกว่าเป็นวัฒนธรรมไทยบริสุทธิ์ อะไรที่เป็นของไทยแท้แต่ดั้งเดิม ไม่ใช่ได้อิทธิพลมาจากที่อื่น ลองมองย้อนไปให้ไกลในประวัติศาสตร์ มีอะไรของไทยบ้างที่ไม่ได้มาจากที่อื่น หรือไม่ได้รับอิทธิพลมาจากที่ไหนเลย อเมริกาต่างจากที่อื่นตรงที่ถ้าว่ากันตามจำนวนปีแล้วยังเป็นประเทศใหม่มาก เป็นที่รวมของผู้คนจากหลายชาติหลายภาษา สิ่งที่ผู้คนซึ่งอพยพมาที่นี่เอาติดมาด้วยคือวัฒนธรรมและภาษาของตัวเอง ซึ่งมาหลอมรวมกันแล้วสร้างขึ้นเป็นวัฒนธรรมเฉพาะถิ่นในประเทศนี้ นั่นรวมทั้งภาษาด้วย วัฒนธรรมในเกือบทุกประเทศของโลกเริ่มมาในลักษณะเดียวกันหรือคล้ายๆ กันนี้ทั้งนั้นค่ะ จากคุณ : กุลธิดา (kdunagin) เขียนเมื่อ : 8 พ.ย. 52 10:15:41

ความคิดเห็นที่ 5 อาจารย์ชอบดมตูดคนอังกฤษ ตูดคนอังกฤษคงจะหอมในความคิดของแก จากคุณ : วัวลืมตีน (smokie) เขียนเมื่อ : 8 พ.ย. 52 10:19:30

ความคิดเห็นที่ 6 ถ้าแซวเฉยๆคงไม่เป็นไร แต่ถ้าอาจารย์คุณแกคิดอย่างนั้นจริงๆนี่เข้าขั้น bigot ได้แล้วมั้ง จากคุณ : แอ๊ด ปากเกร็ด เขียนเมื่อ : 8 พ.ย. 52 12:21:29

ความคิดเห็นที่ 7   มันเป็นวัฒนธรรมแบบ ต้มยำรวมมิตร เอานี่นิดโน้นหน่อย มารวม กัน มันก็เลยเป็นแบบนี้ เหมือนไม่มีวัฒนธรรม เพราะประเทศนี้มันเป็นที่รวมคนจากทุกที่ทั่วโลก แต่มันก็มีสิ่งที่เราดูแล้วรู้เลย อเมริกัน ง่าย ๆ เลยวัฒนธรรมทั่วโลกที่มีิอิธิพลก็มาจากหนังอเมริกันทั้งนั้น ส่วนเรื่องภาษา นี่แล้วแต่คนคิดนะครับ แต่ว่าคนทั่วโลกใช้อังกฤษแบบอเมริกันส่วนใหญ่ เพราะว่า ทั้งหนัง ทั้งเพลงมาจากที่นี่่ทั้งหมด มีน้อยมาก ๆ ที่มาจาก อังกฤษ ออสเตเรีย แคนนาดา จากคุณ : aloha_123 เขียนเมื่อ : 8 พ.ย. 52 12:51:08

ความคิดเห็นที่ 8   อาจารย์เป็นคนอังกฤษหรือเปล่าค่ะ? เพราะที่เรียนเป็นเหมือนกันแต่ไม่ขนาดคุณค่ะ แต่พี่แกไม่ชอบคำแสลง นักศึกษาคนไหนใช้ แกหักคะแนนเลย บางครั้งเพื่อนเราก็เผลอ โดนลบคะแนนกลุ่มเพราะใช้คำแสลง โหดมาก บางทีเราออกเสียงไม่ชัดก็โดนอีก แล้วจะรอด F ไหมเนี๊ย อาจารย์แกไม่ได้ แอนตี้อเมริกา แต่พี่แกแอนตี้คำแสลงและภูมิใจในภาษาอังกฤษอันเป็นต้นแบบของแกเหลือเกิน จากคุณ : Boom เขียนเมื่อ : 8 พ.ย. 52 12:58:36 A:125.24.113.114 X: TicketID:237741

ความคิดเห็นที่ 9   ^ ^ เหรอครับ... มีภาษาของชาติไหน ของวัฒนธรรมไหนไม่มีแสลงบ้างเหรอ... ไม่คุณก็อาจารย์คุณที่เข้าใจผิด... จากคุณ : texasprofessor เขียนเมื่อ : 8 พ.ย. 52 13:27:34 A:98.201.156.18 X: TicketID:240718

ความคิดเห็นที่ 10 แคบ จากคุณ : คนบ้านั้นชอบหอบ "ฟาง" เขียนเมื่อ : 8 พ.ย. 52 13:43:22

ความคิดเห็นที่ 11 จขกท ไม่ได้บอกว่าอาจารย์คุณเป็นคนชาติอะไร เราก็เลยไม่รู้ว่าอาจารย์คุณเป็นคนอังกฤษใจแคบ หรือเป็นคนไทยดัดจริตไปเรื่อยโดยไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรมากนัก  แล้วอีกอย่างหนึ่ง จขกท เคยเจอผู้ดีอังกฤษที่ไหนมาบ้างหรือเปล่าถึงเชื่อได้ว่าอาจารย์คุณเป็นผู้ดีอังกฤษตัวจริงเสียงจริง เมื่อคืนนี้เราเข้าไปนั่งกินเบียร์ดูรักบี้กับดูฟุตบอล (ถ่ายทอดผ่าน dstv) ใน pub ฝรั่ง (เจ้าของเป็นคนอังกฤษ) แห่งหนึ่งในหมู่บ้านเรา ที่ใกล้ๆหมู่บ้าน nichada ซึ่งมีแต่ฝรั่งระดับมหาเศรษฐีอยู่กัน ตอนเราเข้าไป เราเจอฝรั่งคนอังกฤษนั่งดื่มเบียร์อยู่ในนั้น 7-8 คน แล้วพวกเขาชวนเราคุยด้วย  ฝรั่งคนหนึ่งเป็นนักซื้อขายหุ้นมืออาชีพ อีกคนหนึ่งเป็นผู้บริหารโรงงานตัดเย็บเสื้อผ้าส่งออกที่เดินทางไปต่างประเทศเป็นว่าเล่น และอีกหลายๆคนก็มีอาชีพการงานระดับรายได้สูงๆมากๆ หรือเป็นเจ้าของกิจการที่ร่ำรวย "แต่ไม่มีใตรเลยสักคนเดียวที่พูดภาษาอังกฤษดัวยสำเนียง RP (received pronunciation) หรือที่เรียกกันว่า "สำเนียงผู้ดีอังกฤษ" น่ะ" ทุกคนพูดกันด้วยสำเนียงชาวบ้าน ชาวบ้านแบบธรรมดาๆนี่แหละ(เมื่อคืนเราเจอทั้งสำเนียง Welsh, Scottish และสำเนียงทางเหนือของอังกฤษที่ฟังยากๆมากๆทั้งนั้นเลยหละ)  ซึ่งคนไทยที่เพิ่งจะดีใจเต้นแร้งเต้นกาว่าเรียนภาษาอังกฤษได้เก่งพอที่จะฟังสำเนียงคนอ่านข่าว bbc หรือสำเนียงของพระราชินีอังกฤษ (ที่พูดแบบ RP) รู้เรื่องนะ ลองมาฟังสำเนียงฝรั่งที่เราคุยด้วยเมื่อคืนนี้ ที่พูดกันแบบออกเสียงแบบไม่เต็มพยางค์แล้วพูดเร็วสุดๆแถมยังมี slang ประหลาดๆมากๆอีกด้วยนะ รับรองว่า ต้องร้องไห้สะอื้น ฟังไม่รู้เรื่องแน่ๆ ตกลงคุณหรืออาจารย์คุณคิดว่า สำเนียงผู้ดีอังกฤษ (แบบ RP) นี่ มันหาฟังกันได้ง่ายนักหรือ?  แล้วถ้าคุณไม่เรียนให้ฟังรู้เรื่องหลายๆสำเนียงคุณจะไปสื่อสารกับผู้คนได้มากสักเท่าไหร่กัน? หรือพอไปเจอฝรั่งพูดด้วย dialects แปลกๆ พอคุณฟังไม่รู้เรื่อง คุณก็จะต้องคอยพูดกับพวกเขาว่า  Sorry, I don't understand.  Please speak with an RP accent.  ก๊ากๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ไปอ่านข้อมูลจาก wikipedia เขาบอกว่ามีแค่ 2 % ของประชากรอังกฤษเท่านั้นที่พูดด้วยสำเนียง RP ตามข้อความข้างล่างนี้ About two percent of Britons speak with the RP accent in its purest form.[6] Abercrombie (1956:44-48) argues that RP use is socially advantageous over other English dialects within England but carries no "special privileges" outside England. ซึ่งมาจากเวปนี้ http://en.wikipedia.org/wiki/Received_Pronunciation แก้ไขเมื่อ 08 พ.ย. 52 14:16:28 แก้ไขเมื่อ 08 พ.ย. 52 13:49:46 จากคุณ : fortuneteller เขียนเมื่อ : 8 พ.ย. 52 13:46:24

ความคิดเห็นที่ 12 อาจารย์ของ จขกท คงดวงซวยจริงๆ เจอแต่อเมริกันที่แย่ๆ หรือไม่ก็ฝังจิตฝังใจในทางลบอะไรสักอย่าง ถึงได้มีทัศนคติแบบนั้น มันขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคลครับ คนทุกชาติทุกภาษาในโลกก็เป็นเช่นนี้ มีทั้งที่ดีและที่แย่คละเคล้ากันไป ขอยกตัวอย่างบุคคลระดับโลกให้ฟัง จะได้เห็นภาพเดียวกัน คือประธานาธิบดีของอเมริกา บุช สองพ่อลูกคู่นี้ บุชผู้พ่อ ผูกมิตรไมตรีกับผู้นำของมิตรประเทศต่างๆ ทั่วโลก โทรศัพท์ไปคุยด้วยทุกวัน จนเจ้าหน้าที่ในทำเนียบขาวตั้งฉายาให้ว่า mad dialer ตอนสงครามปลดปล่อยคูเวต โทรกริ๊งเดียวมิตรประเทศให้ความร่วมมือทันที สงครามจึงจบลงภายในเวลาอันรวดเร็ว บุชผู้ลูก หยิ่งทะนงตนว่าเป็นมหาอำนาจหมายเลขหนึ่งของโลก ไม่ค่อยสุงสิงกับผู้นำของประเทศอื่นๆ ตอนสงครามอิรัก คุณเชื่อไหมว่ามันบ้าขนาดนี้ ให้เลขาฯ โทรไปขอความร่วมมือจากประธานาธิบดีของประเทศพันธมิตร เรื่องสำคัญขนาดนี้ ตัวเองไม่โทรเอง ให้เลขาฯ เป็นผู้โทร แล้วประธานาธิบดีของประเทศนั้นเขาจะรู้สึกอย่างไร ผลของมันก็คือไม่ค่อยมีประเทศไหนให้ความร่วมมือ หรือให้ความร่วมมือก็เป็นแบบขอไปที ไม่เต็มที่ อเมริกาจึงติดแหง็กอยู่ในสงครามอิรักเป็นเวลานาน สูญเสียมากมาย ผมเลือกยกตัวอย่างนี้มา คือแม้แต่พ่อกับลูก ยังนิสัยต่างกันขนาดนี้ แล้วคนอเมริกัน ถ้าจำไม่ผิดประมาณสองร้อยล้าน จะไม่ให้มีแตกต่างกันได้ยังไง ผมถึงว่าอาจารย์ของ จขกท อาจดวงซวยจริงๆ เจอแต่คนอเมริกันที่แย่ๆ หรือไม่ก็ฝังจิตฝังใจอะไรสักอย่าง จากคุณ : หนุ่มไทยไร้นาม เขียนเมื่อ : 8 พ.ย. 52 13:49:03

ความคิดเห็นที่ 13 ตกลงถ้าคุณ จขกท จะเรียนภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสาร หรืออาจารย์คุณจะสอนภาษาอังกฤษให้ประสบความสำเร็จ นะ ควรปรับเปลี่ยนทัศนคติเสียใหม่ เนื่องจากคนไทยที่เรียนภาษาอังกฤษตอนโตมากๆแล้วนะ เรียนพูดสำเนียงอเมริกันมีทางพูดชัดใกล้เคียงเจ้าของภาษาได้มากกว่าเรียนพูดอังกฤษแบบ British ตามแบบฉบับ RP เนื่องจากสำเนียงอเมริกันมันหนักกว่าสำเนียงไทย (แค่เสียงตัว r ของอเมริกัน และเสียง drawl ลากเสียงไปเรื่อยๆก็พอจะกลบสำเนียงไทยไปได้เยอะแล้ว) ในขณะที่สำเนียงไทยมันหนักกว่าสำเนียง RP ของคนอังกฤษมากๆ แถมสำเนียง RP ของคนอังกฤษยังมี intonation ที่ซับซ้อนมากๆ ซึ่งถ้า learner ชาวไทย ไม่มีพรสวรรค์ทางด้านภาษาจริงๆนะ โอกาสที่จะพูดให้ชัดใกล้เคียงเจ้าของภาษา ทำได้ยากมากๆ แล้วอีกอย่างหนึ่งนะ หากข้อมูลใน wikipedia เป็นจริงที่ว่า คนอังกฤษที่พูดด้วยสำเนียง RP น่ะ มีเพียงแค่ 2% ของคนอังกฤษทั้งหมด แล้ว จขกท จะโชคดีขนาดมีฝรั่งสำเนียง RP หลงๆมาสอนคุณเชียวเรอะ?  ถ้าไม่มี แล้วคุณจะไปเอาต้นแบบที่ไหนมาหัดพูดกันล่ะ ดังนั้นเราจึงแนะนำว่า ให้คุณเลิกเชื่ออาจารย์คุณ แล้วเริ่มหัดเรียนสำเนียงอเมริกันซะ จะฉลาดกว่าหลายๆเท่า เนื่องจากสำเนียงอเมริกัน มีให้ฟังมากมายแพร่หลายมากกว่า หลายๆเท่าเลยหละ แก้ไขเมื่อ 08 พ.ย. 52 14:53:02 จากคุณ : fortuneteller เขียนเมื่อ : 8 พ.ย. 52 14:02:35

ความคิดเห็นที่ 14 วัฒนธรรม โดยทั่วไปหมายถึง รูปแบบของกิจกรรมมนุษย์และโครงสร้างเชิงสัญลักษณ์ที่ทำให้กิจกรรมนั้นเด่นชัดและมีความสำคัญ วิถีการดำเนินชีวิต ซึ่งเป็นพฤติกรรมและสิ่งที่คนในหมู่ผลิตสร้างขึ้น ด้วยการเรียนรู้จากกันและกัน และร่วมใช้อยู่ในหมู่พวกของตน วัฒนธรรมส่วนหนึ่งสามารถแสดงออกผ่าน ดนตรี วรรณกรรม จิตรกรรม ประติมากรรม การละครและภาพยนตร์ แม้บางครั้งอาจมีผู้กล่าวว่าวัฒนธรรมคือเรื่องที่ว่าด้วยการบริโภคและสินค้าบริโภค เช่น วัฒนธรรมระดับสูง วัฒนธรรมระดับต่ำ วัฒนธรรมพื้นบ้าน หรือวัฒนธรรมนิยม เป็นต้น แต่นักมานุษยวิทยาโดย ทั่วไปมักกล่าวถึงวัฒนธรรมว่า มิได้เป็นเพียงสินค้าบริโภค แต่หมายรวมถึงกระบวนการในการผลิตสินค้าและการให้ความหมายแก่สินค้านั้น ๆ ด้วย ทั้งยังรวมไปถึงความสัมพันธ์ทางสังคมและแนวการปฏิบัติที่ทำให้วัตถุและกระบวนการผลิตหลอมรวมอยู่ด้วยกัน ในสายตาของนักมานุษวิทยาจึงรวมไปถึงเทคโนโลยี ศิลปะ วิทยาศาสตร์รวมทั้งระบบศีลธรรม วัฒนธรรมในภูมิภาคต่าง ๆ อาจได้รับอิทธิพลจากการติดต่อกับภูมิภาคอื่น เช่น การเป็นอาณานิคม การค้าขาย การย้ายถิ่นฐาน การสื่อสารมวลชนและศาสนา อีกทั้งระบบความเชื่อ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องศาสนามีบทบาทในวัฒนธรรมในประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติมาโดยตลอด Independence Day (United States) is July 4, 1776. สหรัฐอเมริกามีวัฒนธรรม 233 ปี จากคุณ : picidae เขียนเมื่อ : 8 พ.ย. 52 15:06:12

ความคิดเห็นที่ 15 ความจริงคนอเมริกันโดยทั่วไปพูดภาษาอังกฤษดีกว่าคนอังกฤษโดยทั่วไป อย่างที่ คห.11 บอก เป็นความจริงที่คนอังกฤษแค่ 2% เท่านั้นที่พูดอังกฤษได้อย่างถูกต้องและชัดเจน ในขณะที่คนอเมริกันเกือบ 100% พูดอังกฤษได้ชัดเจน ลองไปฟังคนอังกฤษที่มาพักแถวถนนข้าวสารดูซีครับ สำเนียงคนอังกฤษพวกนี้ฟังยากมากครับ ส่วนใหญ่ใช้ภาษาอังกฤษแบบท้องถิ่นซึ่งไม่ใช่ภาษาอังกฤษแบบที่เราควรจำไปใช้เลย บุคคลสำคัญของอังกฤษบางคน เช่น อดีตนายกรัฐมนตรี โทนี่ แบลร์ ยังต้องไปเข้าคอร์สพิเศษฝึกพูดอังกฤษแบบที่ควรพูดหลังจากเข้ามาเล่นการเมืองแล้ว เนื่องจากภาษามีการเปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัย ก็เป็นธรรมดาที่ภาษาอังกฤษมีการใช้คำแปลกใหม่ หรือ slangs บ้าง ภาษาไทยยังมีเลย คนอเมริกันก็มีการเปลี่ยนแปลงการออกเสียงและการใช้คำอังกฤษบางคำให้เหมาะกับคนสมัยใหม่มากขึ้น ผมไม่เห็นด้วยกับคนที่บอกว่าคนอังกฤษมีวัฒนธรรมมากกว่าคนอเมริกัน เพราะคนอังกฤษส่วนใหญ่ขาดวัฒนธรรมมากกว่าคนอเมริกันซะอีก แค่การใช้ภาษาอังกฤษก็ใช้ผิดมากกว่าคนอเมริกันแล้ว จากคุณ : นายชัย เขียนเมื่อ : 8 พ.ย. 52 15:22:24

ความคิดเห็นที่ 16 จาก คห.4 Jazz หรือ Blues นั่นก็ถือกำเนิดในอเมริกาทั้งนั้น ....................................... นี่เป็นตัวอย่างวัฒนธรรมที่กำเนิดที่สหรัฐอเมริกา Blues หรือ Rhythm & Blues ที่คนไทยเรียกว่า เพลงอาร์แอนด์บี นั่นแหละครับ มีกำเนิดจากคนผิวดำอเมริกัน จากคุณ : นายชัย เขียนเมื่อ : 8 พ.ย. 52 17:02:53

ความคิดเห็นที่ 17   ขอบคุณทุกๆท่านมากๆครับ เข้าใจเเล้วเเหละครับ เพียงเเต่ผมสงสัยเฉยๆครับว่าทำไมคนถึงชอบบอกว่าอเมริกันไม่มีวัฒนธรรมเฉยๆครับ ยกตย.อ.ผมAnti USA มากๆ คือสงสัยเฉยๆอ่ะ เลยมาตั้งกระทู้เท่านั้นเองครับ ขอบคุณครับทุกท่านที่ชี้เเนะ ผมจะตั้งใจเรียนอังกฤษต่อไปครับ แก้ไขเมื่อ 08 พ.ย. 52 18:41:28 จากคุณ : unsa_sss เขียนเมื่อ : 8 พ.ย. 52 18:40:16

ความคิดเห็นที่ 18 ประเทศเกิดใหม่ อายุ 233 ปี...United States of America เลยอาจจะถูกมอง โดยบางคน ที่หลงตนเองว่ามาจากวัฒนธรรมที่เก่าแก่กว่า ว่าเป็นประเทศที่ไร้วัฒนธรรม จะมีกี่ประเทศในโลก ที่มีวัฒนธรรมที่เป็นของตนเอง โดยไม่มีการผสมผสานของผู้อื่นเข้ามา จากคุณ : tnu เขียนเมื่อ : 8 พ.ย. 52 18:40:49

ความคิดเห็นที่ 19 ก็เหมือนภาษาจีน ตัวเต็ม กับ ตัวย่อ นั้นเอ พวกสนับสนุน ตัวเต็ม ก็หาว่า พวกคิดตัวย่อ  ออกมาเป็นพวกทำลายวัฒนธรรมจีน จากคุณ : นายช่างปลูกเรือน เขียนเมื่อ : 8 พ.ย. 52 20:44:04

ความคิดเห็นที่ 20 เห็นท่าน อาจารย์หมอดู ใน คคห 11-13 นึกถึงตอนที่เคยดูหนังเรื่อง The Queen ตอนมิสเตอร์แบลร์ จะเข้าเฝ้าพระราชินี ท่าน จนท กรมวัง สอนให้ท่าน ว่าที่นายก ว่าให้เรียก Ma'am from ham not farm นึกถึงคุณครูสมัยประถม สอนให้เราเรียก แมมฺม มาตลอด ท่านสอนไว้ว่า ถ้าออกเสียง มาม เดี๋ยว ฝรัั่งจะเขาใจผิด ที่ใหนได้ ฝรั่งวิลาด เอ๊ย ชาวอังกฤษเอง ยังต้องติวกันก่อน กะเรื่องแค่นี้ ปล. ขออภัยหากจำไดอะหล็อกจากหนังผิด จากคุณ : Diwali เขียนเมื่อ : 8 พ.ย. 52 22:40:57

ความคิดเห็นที่ 21 อาจารย์ของคุณเจ้าของกระทู้ต่างหากที่ไม่มีวัฒนธรรมเพราะคนมีวัฒนธรรมย่อมรู้ว่าการดูถูกผู้อื่นไม่ว่าทางกาย วาจา ใจล้วนแต่ไม่ใช่สิ่งดีทั้งสิ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเหมารวมเอาเรื่องของเชื้อชาติ ศาสนา ภาษา ถิ่นกำเนิดเข้าไปแล้วด้วยนี้ บอกได้คำเดียวว่าสิ้นคิด+โลกทัศน์แคบเอามากๆ ถ้าได้เรียนกับคนแบบนี้ให้ถือวิกฤตเป็นโอกาสว่า "ได้เรียนรู้พฤติกรรมคนอีกจำพวกไว้เพื่อเตือนตัวเองว่าจะไม่เอาเยี่ยงเอาอย่าง" จากคุณ : โจโฉ (joechou) เขียนเมื่อ : 9 พ.ย. 52 15:58:01

ความคิดเห็นที่ 22 เพราะอาจารย์ของคุณไร้การศึกษาครับ จากคุณ : `MaGuZ` เขียนเมื่อ : 9 พ.ย. 52 18:26:19

ความคิดเห็นที่ 23 "ไร้วัฒนธรรม"เป็นคำที่ใช้ยากและแทบไม่ควรใช้อย่างยิ่ง เพราะเอาอะไรมาวัดว่าใครมีหรือไม่มี และอะไรใช่หรือไม่ใช่ "วัฒนธรรม" ถ้าย้อนดูประวัติศาตร์ จะพบว่าประเทศส่วนใหญ่ในโลกนี้ล้วนหลอมเอาชนชาติหลายเผ่าพันธุ์เข้าไป แต่ดั้งเดิมก็แตกแยกเป็นหลายเผ่าหลายชนชาติเป็นเอกเทศ จนมีคนดี คนแกร่งส่วนมากเป็นนักรบมารวบรวมเข้าเป็นหนึ่ง อย่างประเทศ "อังกฤษ"ที่เรียกๆ กันคงจะหมายถึงสหราชอาณาจักร ซึ่งรวมเอาหลายชนชาติมีไอริช อังกฤษ เวลส์ สก็อต เข้าไป แต่ละเชื้อชาติมีภาษา วัฒนธรรมของตนเองมาช้านาน ไม่ค่อยเหมือนกันด้วย จะว่าไปแล้วยังเขม่นซึ่งกันและกันด้วยซ้ำ หรือจะถือว่าชาติใหม่ไม่มีวัฒนธรรม อันนี้คงไม่ถูกนัก เพราะไม่ว่าชาติใหม่หรือชาติเก่าก็มีวัฒนธรรมของเขาทั้งนั้น เอาอะไรมาวัดว่าของใครดีกว่าใคร จะต้องของเก่าเท่านั้นหรือถึงจะดี คำพูดนั้นสะท้อนความคิด คงไม่ต้องบอกอีกคนว่ารู้สึกอย่างไรกับคนที่มีความคิดเช่นนี้ จากคุณ : lilymay เขียนเมื่อ : 9 พ.ย. 52 19:35:19

ความคิดเห็นที่ 24   แกคงหลงยุค นิสัยเจ้าอาณานิคมเก่าครับ พอดีหมดก้นหลังสงครามโลกครั้งที่2 แถมยังต้องยืมเงินจากอเมริกามาตั้งตัวใหม่ อาณานิคมก็เริ่มหลุดออกจากมือไปทีละประเทศ จนกลายเป็นประเทศที่จนลงเลยทำตัวลำบากขี้อิจฉามั่ง เคยมีคำหนึ่งที่ว่าคนอังกฤษพูดจาไม่มองคนแถมเชิดจมูกขึ้นอีก สัญญาบราวริ่งที่มาบังคับไทยให้ทำด้วยก็ใช้เรือปืนมาขู่ ดัดจริตการกินนํ้าชาอยากใช้เครื่องกระเบื้องCHINAอยากใช้ผ้าไหมก็ซื้อกับจีน ค้าขายขาดดุลการค้า พยายามเอาเหล้าเข้ามาแลก จีนไม่นิยมสุรา เหมือนคนขาวทำกับอินเดียนแดง ก็เอาฝิ่นมาบังคับขายแทน จีนต้านฝิ่นก็เกิดสงครามฝิ่นขึ้นมา ยึดฮ่องกงยังไม่พอ พี่แกซ่าขนาดติดป้ายในสวนสาธารณะว่า..ห้ามคนจีนและหมาเข้า.. ยังสะใจที่ชาวจีนที่เกิดในพม่าที่ทำยาหม่องตราเสือขาย ได้สร้างสวนสาธารณะขึ้นมา2แห่ง ที่ฮ่องกงและสิงค์โปร์ ท่านติดป้ายว่า..ห้ามหมาและคนอังกฤษเข้าสวน.. คุณแท่น..Pubที่ว่าเป็นบ้านอยู่ด้านหลังหมู่บ้านสี่ไชยทองใกล้ๆด้านหลังห้างเซนทรัล แจ้งวัฒนะหรือเปล่า.. จากคุณ : เบื่อ เขียนเมื่อ : 10 พ.ย. 52 09:28:50 A:124.121.68.222 X: TicketID:010403

ความคิดเห็นที่ 25   อเมริกันพูดว่า เล่นสํานวนโวหารแบบอังกฤษมากเรื่องยืดยาวหรือกว่าถั่วจะสุกงาก็ไหม้ ขืนไปทำมาหากินแข่งกับคนอื่นมีหวังไม่ทันหารับประทาน จากคุณ : เบื่อ เขียนเมื่อ : 10 พ.ย. 52 17:04:41 A:124.121.66.133 X: TicketID:010403

ความคิดเห็นที่ 26 เฮ้ย ตาหมอดู วันหลังไปนั่งด้วยกันสิ ยังไม่เคยเข้าแฮะไอ้ตรงนั้น ไม่แน่ใจว่ามีจิ๊กโก๋หรือเปล่า เดี๋ยวมันแซวแล้วเราอดไม่อยู่มันเป็นอะไรขึ้นมาจะเป็นเรื่อง ดีเหมือนกัน เป็นการลับหูไปในตัว จากคุณ : แอ๊ด ปากเกร็ด เขียนเมื่อ : 11 พ.ย. 52 12:27:24

ความคิดเห็นที่ 27 RP accent มีการใช้น้อยมากจริงๆ เพราะขั้นตอนการออกเสียงยากมากๆ นิยมใช้ในหมู่ชนชั้นสูงอังกฤษสมัยก่อน สมัยนี้อาจจะหลงเหลือแค่เชื่้อพระวงศ์และคนทั่วไปที่จำนวนน้อยมากๆ แต่ที่บอกว่าคนอเมริกันพูดภาษาอังกฤษดีกว่าคนอังกฤษคงไม่ใช่ อันนี้หาข้อพิสูจน์ยาก ถ้าจะนับการออกเสียงแล้วล่ะ แค่ในอเมิรกาเอง แต่อยู่คนละรัฐคนละแถบก็ใช้ศัพท์และการออกเสียงที่แตกต่างกันออกไป แต่ถ้าได้คุยกับคนอเมริกาในประเทศแท้ๆ หลายๆคนยอมรับว่าประชาการชาวอเมริกัน มีเปอร์เซ็นต์การศึกษาน้อยกว่าที่ควร คำแสลงเยอะ สำเนียงหลากหลาย แต่ถ้าจะนับการพูดถูกหลักไวยกรณ์หรือแกรมม่า คนอเมริกันพูดผิดแกรมม่ามากกว่าเยอะ จนตอนนี้เค้ามีการสอน American English Grammar ขึ้นแล้วค่ะ อย่างเช่น ที่เราเคยเรียนกันว่าระหว่าง Verb ต้องมี to มาขั้น ตอนนี้ที่อเมริกันตัดทิ้งซะส่วนใหญ่โดยเฉพาะ come see me ไม่ใช่ come and see / come to see me กันอีกแล้ว แม้แต่คนที่เป็นอาจารย์สอนภาษาก็ตาม ส่วนการเรียนภาษาอังกฤษก็เลือกสำเนียงที่ชอบ ฟังแล้วชอบเถอะค่ะ บางคนชอบแบอังกฤษ บางคนชอบแบบอเมริกัน ซึ่งก็ถูกด้วยกันทั้งคู่ จากคุณ : ราษราตริน เขียนเมื่อ : 11 พ.ย. 52 15:22:25