ความคิดเห็นที่ 1 เหล้าจีนมีประวัติศาสตร์ที่ยาวนาน เล่ากันว่าเมื่อ 5,000 ปีก่อน (เวอร์ไปมั๊ยเนี้ย !! ) ชาวจีนก็ได้เริ่มกลั่นเหล้ากันแล้ว  เหล้าได้กลายมาเป็นเครื่องดื่มชนิดหนึ่งที่จำเป็นในชีวิต และการไปมาหาสู่กันในสังคม จากคุณ : เหนียวเนื้อ เขียนเมื่อ : 8 พ.ย. 52 16:44:13

ความคิดเห็นที่ 2 -- เหล้าไหแรกของจีน  1 -- ตามตำนานว่ากันว่า ในสมัยโบราณนางฟ้าอี๋ตี๋ได้ใช้ใบหม่อนห่อข้าว  แล้วข้าวก็เกิดการหมักตัวจนเป็นเหล้า จึงทำให้เหล้าชนิดนี้เกิดขึ้นครังแรกในจีน จากคุณ : เหนียวเนื้อ เขียนเมื่อ : 8 พ.ย. 52 16:44:49

ความคิดเห็นที่ 3 -- เหล้าไหแรกในจีน 2 -- ถ้าเพื่ออ่านแล้วคิดว่าตำนานหนึ่งไม่น่าจะใช่ วันนี้เรามีอีกตัวเลือกนึง (เหมือนโฆษณาขายของเลย --") เหล้าไหแรกในจีนเกิดขึ้นสมัยราชวงศ์โจว โดยมีคนเลี้ยงแพะที่ชื่อว่าตู้คังเป็นคนค้นพบเหล้าไหแรกในจีน การพบเหล้าของตู้คังเป็นการพบแบบบังเอิญคือ วันหนึ่งเขาออกไปเลี้ยงแพะแล้วทำกระบอกไม้ไผ่ที่ใส่ข้าวหายไป พอครึ่งเดือนหลังก็ได้พบเข้า  เขาก็ได้พบกับกลิ่นที่หอมกรุ่น ข้าวข้างในก็กล้ายเป็นน้ำ จึงถือว่าตู้คังเป็นคนพบเหล้า เป็นคนแรก หลังจากนั้นก็มีคนนำชื่อเขามาตั้งเป็นชื่อเหล้าว่า "เหล้าตู้คัง" ซึ่งเป็นเหล้าที่อร่อยที่สู๊ดด... จากคุณ : เหนียวเนื้อ เขียนเมื่อ : 8 พ.ย. 52 16:45:21

ความคิดเห็นที่ 4 --  นารีแดง-หนี่ว์เอ๋อร์หง  -- นารีแดงเป็นเหล้าฮวาเตียวที่ขึ้นชื่อของอำเภอเส้าซิง มีอีกชื่อเรียกหนึ่งว่า “เหล้าบุตรสาว” ประกอบด้วย 6 รสชาติ ได้แก่ หวาน ฝาด เปรี้ยว ขม ร้อน และ กลมกล่อม ในบันทึกตำราสมุนไพรแดนใต้ สมัยราชวงศ์จิ้นได้ระบุไว้ว่า ในอดีตเมื่อ คุณหนูสกุลสูงศักดิ์จะออกเรือน จะมีการนำเหล้านารีแดงเตรียมไว้ให้เจ้าสาว นำติดตัวไปด้วย จากคุณ : เหนียวเนื้อ เขียนเมื่อ : 8 พ.ย. 52 16:50:33

ความคิดเห็นที่ 5 นอกจากนี้ยังมีเรื่องเล่าถึงที่มาชื่อของนารีแดงด้วยว่ามาจากในอดีต อำเภอเส้าซิง มณฑลเจ้อเจียง มีช่างตัดเสื้ออยู่ผู้หนึ่ง เขาได้แต่งภรรยา เข้าบ้าน ก็เพื่อหวังจะมีบุตรชายไว้สืบสกุล และแล้ววันหนึ่งช่างตัดเสื้อ ได้ทราบว่าภรรยาของตนเองนั้นตั้งครรภ์ ก็ให้รู้สึกดีใจเป็นอย่างยิ่ง จัดแจง ซื้อเหล้าหลายไหกลับบ้าน เตรียมไว้รอลูกชายคลอดออกมาก็จะนำเหล้า เหล่านี้ออกมาเลี้ยงญาติสนิทมิตรสหาย แก้ไขเมื่อ 08 พ.ย. 52 16:53:55 จากคุณ : เหนียวเนื้อ เขียนเมื่อ : 8 พ.ย. 52 16:53:22

ความคิดเห็นที่ 6 แต่คาดไม่ถึง ภรรยาของเขากลับให้กำเนิดบุตรสาว ในขณะนั้นสังคมจีนให้ ความสำคัญกับลูกชายมาก มองไม่เห็นความสำคัญของลูกสาว ด้วยความโมโห ช่างตัดเสื้อจึงได้นำเหล้าทั้งหมดที่ซื้อมานำไปฝังไว้ใต้ต้นดอกกุ้ยฮวา วันเวลาล่วงเลยผ่านไป บุตรสาวเติบโตเป็นสาวเต็มตัว ทั้งยังเฉลียวฉลาด สามารถเรียนรู้ศิลปะวิชาการปักผ้าจากผู้เป็นพ่อได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง แถมยังมีฝีมือการปักดอกไม้ที่วิจิตรบรรจงงดงามอีก กิจการการค้าของร้าน นับวันยิ่งดีวันดีคืน แก้ไขเมื่อ 08 พ.ย. 52 16:57:52 จากคุณ : เหนียวเนื้อ เขียนเมื่อ : 8 พ.ย. 52 16:57:25

ความคิดเห็นที่ 7 กระทั่งช่างตัดเสื้อคิดได้ว่าการให้กำเนิดลูกสาวไม่ใช่เรื่องเลวร้ายเสียทีเดียว ดังนั้นจึงได้ตัดสินใจยกลูกสาวให้แต่งงานกับลูกศิษย์คนโปรดของตน และลงทุนจัดงานแต่งงานให้ลูกสาวอย่างยิ่งใหญ่ และในวันแต่งงานนั้นเอง ช่างตัดเสื้อนึกขึ้นได้ถึงเหล้าที่ฝังอยู่ใต้ต้นกุ้ยฮวาหลายสิบปี จึงได้นำเอาเหล้า ออกมาให้แขกเหรื่อได้ลิ้มรส ปรากฏว่าแค่เพียงเปิดฝาไหออก กลิ่นหอมก็ ขจรขจายไปทั่ว รสชาติของเหล้าที่บ่มนานนับสิบปีก็กลมกล่อมยิ่ง ดังนั้นทุกคน พร้อมใจกันเรียกเหล้าดังกล่าวว่า “นารีแดง” หลังจากนั้นมา ไม่ว่าบ้านใดให้กำเนิดลูกสาว ก็จะนิยมนำเหล้าไปฝังดิน เมื่อลูกสาวออกเรือนก็จะขุดเอาเหล้าที่ฝังไว้ออกมาเลี้ยงแขก กลายเป็นประเพณีนิยมสืบทอดกันต่อมา จากคุณ : เหนียวเนื้อ เขียนเมื่อ : 8 พ.ย. 52 17:02:03

ความคิดเห็นที่ 8 ในภายหลังแม้แต่บ้านที่ให้กำเนิดลูกชาย ก็มีประเพณีนิยมฝังเหล้าด้วยเช่นกัน ด้วยหวังว่าเมื่อบุตรชายสอบติดจอหงวนแล้ว ก็จะนำเอาเหล้าที่ฝังไว้ออกมาดื่มฉลอง และเรียกเหล้าดังกล่าวว่า “จอหงวนแดง” ด้วย ทั้งนารีแดงและจอหงวนแดง ล้วนเป็นเหล้าเก่าที่ผ่านการเก็บบ่มมาเป็นเวลานาน รสชาติของเหล้ากลมกล่อมและเยี่ยมยอด ดังนั้นผู้คนจึงนิยมนำเหล้าประเภทนี้มาเป็นของขวัญมอบให้แก่กันนั่นเอง จากคุณ : เหนียวเนื้อ เขียนเมื่อ : 8 พ.ย. 52 17:03:44

ความคิดเห็นที่ 9 ขอจบกระทู้เพียงเท่านี้แล ~~ ขอตอบกระทู้ที่ตรงนี้นะครับ พี่นนท์ -- อย่างติ่งนี่ยกซดได้เลยหรือว่าต้องรินใส่จอกครับ คุณ jin leng -- ถ้าจะลิ้มรสสุรานารีแดงดูแล้วมิคู่ควรกับจอกนี้เลย  เพราะจอกนี้ดูมีมูลค้า                     มิใช่น้อยๆ คุณ Fortunism -- จอกนี้ชั่งสวยงามยิ่งนัก  แต่เหล้าเอาไปแค่ 1 จอกก็แล้วกัน  ใกล้หมดแล้ว คุณ  เจียะป้าอู่สื่อ  -- ไอ้หย๊า !! แม้แต่เด็กตัวเล็กๆก็ยังไม่เว้น คุณ นายอุดม กับ คุณ  เหล่าฟาง ขอตอบไว้ข้างล่างนะครับ ส่วนท่านอื่นๆที่ยังไม่ได้คุยเดี๋ยวจะมาตามคุยทีหลังครับ แก้ไขเมื่อ 10 พ.ย. 52 17:53:31 จากคุณ : เหนียวเนื้อ เขียนเมื่อ : 8 พ.ย. 52 17:10:26

ความคิดเห็นที่ 10 ....ฮี้ยยยย์.... จากคุณ : เจียะป้าอู่สื่อ (tongboy) เขียนเมื่อ : 8 พ.ย. 52 17:13:14

ความคิดเห็นที่ 11 ก่อนนั้น รินใส่จอกเหล้าสามขาด้วยครับ จากคุณ : หนุ่มรัตนะ เขียนเมื่อ : 8 พ.ย. 52 17:48:22

ความคิดเห็นที่ 12 ถ้าลึกไปกว่านั้นในราชวงศ์ชาง มีจอกเหล้าสามขาแล้ว จากคุณ : หนุ่มรัตนะ เขียนเมื่อ : 8 พ.ย. 52 17:50:40

ความคิดเห็นที่ 13 กินเหล้าใส่ภาชนะแบบนี้ (ติ่ง) และจุดไฟใต้ภาชนะ เพื่อให้เหล้าอุ่น และเสริฟ จากคุณ : หนุ่มรัตนะ เขียนเมื่อ : 8 พ.ย. 52 17:51:24

ความคิดเห็นที่ 14 คิดถึง เหมาไถ.... จากคุณ : นายอุดม เขียนเมื่อ : 8 พ.ย. 52 18:20:16

ความคิดเห็นที่ 15 เข้ามาเก็บความรู้ดีๆครับ  ส่วนตัว เกิดมายังไม่เคยกินเหล้า เบียร์เลย ไม่รู้รสชาติ เป็นยังไง จากคุณ : jin leng เขียนเมื่อ : 8 พ.ย. 52 18:56:04

ความคิดเห็นที่ 16 เคยเกินแต่ เซี่ยงชุน อิอิ ใครก็ได้บริจาคเหมาไถ มาให้กินหน่อย จากคุณ : เหล่าฟาง เขียนเมื่อ : 8 พ.ย. 52 21:55:56

ความคิดเห็นที่ 17 ^ ^  แหม..คุณ jin leng นี่นะ  ชอบลายมังกรกับสีเหลืงสว่างจังนะ  ท่าทางอยากเสวยสุขอย่างฮ่องเต้ล่ะซิ  อิอิ ++++++ น้องน้ำเต้าสีรุ้ง.... ช่างเล่าเรื่องเหลือเกิน  ชักจะมีลูกเล่นแพรวพราวแล้วนะ  เป็นเด็กเป็นเล็ก อย่าเมาเหล้าบ่อยล่ะ  ที่ฝังไว้ใต้ดินนั้น  เอามาให้อาเฮียเสียเถอะ  เพราะเดี๋ยวนี้ไม่มีจอหงวนแล้วนะ จะเอามาดื่มด้วยถ้วยสุราลงยาราชาวดี  ที่แอบจิ๊กมาจากกู้กง  อย่าเอ็ดเชียว จากคุณ : Fortunism เขียนเมื่อ : 8 พ.ย. 52 21:56:05

ความคิดเห็นที่ 18 เพิ่งจะว่างคร้าบบบ... เหมาไถมาแว้ววว.... เอาจอกข้างบนมาเลย..จะรินแล้วววว... จากคุณ : เจียะป้าอู่สื่อ (tongboy) เขียนเมื่อ : 9 พ.ย. 52 00:16:43

ความคิดเห็นที่ 19 จิบกันเล็กน้อย...เสร็จแล้วมาดูหนังกัน... จากคุณ : เจียะป้าอู่สื่อ (tongboy) เขียนเมื่อ : 9 พ.ย. 52 00:18:58

ความคิดเห็นที่ 20 ท่าทางจะกินเป็นบารืเรล เลยนะเนี้ยครับ อยากกำซาบรสนารีแดง เหมือนในหนังจีนมั้ง จากคุณ : โตนิค เขียนเมื่อ : 9 พ.ย. 52 12:36:16

ความคิดเห็นที่ 21 ชอบๆๆๆ มั่กๆทั้งประวัติสุราจีน และเพลงมวยหมัดเมาของเฉินหลง...มันทำให้เรารำลึกถึงความหลังเก่าๆ นั่นก็คือหนังจีนเรื่องนี้ "ช่วยชีวิตเราไว้ได้อย่างหวุดหวิด" จะเล่าให้ฟัง... เราเริ่มหัดกินเหล้าตั้งแต่อายุ 14-15 เพราะพ่อเรามีเหล้าต่างปีระเทศตั้งวางไว้หลายๆขวดในบ้าน แล้วก็มีคนเอามาให้อีกเรื่อยๆ จนพ่อจำไม่ได้ว่าขวดไหนเป็นขวดไหน เราก็แอบจิบกินไปเรื่อยๆจนเราติดงอมแงม ตอนเราไปอยู่ต่างแดนเราเริ่มดื่มหนักขนาดยกเป็นไหๆเลยหละ เราหิ้วสุราจีนเดินเข้าไปดูหนังเฉินหลงเรื่องหมัดเมาเรื่องนี้ที่ในโรงหนังจีนใน Chinatown ใน London พอดูๆออกมาก็ชักจะมันๆ คือเมาตึงๆได้ที่ ออกมาก็ปืนรั้วเข้าไปในสวนสาธารณะตอนดึกๆ เพื่อเข้าไปลองรำมวยหมัดเมาดูบ้าง  แต่ในช่วงนั้นจริงๆแล้ววรยุทธ์จีนที่เราเรียนไปได้นิดๆหน่อยก็คือมวย Wing Chun (ออกเสียงแบบภาษากวางตุ้ง) แล้วเราก็ชวนเพื่อนที่เรียน Wing Chun ไปเรียนวิชาโยคะกับอาจารย์สาวชาวอาทิตย์อุทัย หลังจากเราเมาสุราจีนแล้วฝึกรำมวยหมัดเมา (แบบมั่วๆ) วันหนึ่งเราเข้าเรียนโยคะ อาจารย์สาวยังไม่มา เพื่อนร่วมสำนัก Wing Chun ก็ชวนฝึก Wing Chun เล่นๆ เราลองเล่นอุตริเอามวยหมัดเมาต่อยกับมวย Wing Chun เล่นๆสนุกๆ อาจารย์สาวของพวกเราเดินเข้ามาพอดี  อาจารย์สอนโยคะที่มีความรู้วรยุทธ์ญี่ปุ่นหยุดเพ่งมองท่าเพลงมวยหมัดเมา แล้วรำพึงว่า "การเคลื่อนไหวตัวแบบนี้ เป็นการกระตุ้นพลังลมปราณของไต 2 ข้างได้อย่างดีเยี่ยม" ^ ^ และคำพูดประโยคนี้แหละ ที่รักษาชีวิตเราไว้ได้อย่างหวุดหวิด .... ปรมาจารย์เพลงมวยหมัดเมาของจีนนั้น ฉลาดเกินกว่าที่เราคิดไว้เสียอีก เพลงมวยหมัดเมา เป็นหนึ่งในบรรดาวรยุทธ์จีนที่ใช้ความอ่อนสยบความแข็ง ถึงจะไม่อ่อนเท่า taijiquan แต่เพลงมวยหมัดเมา ก็ใช้พลังจากช่วงเอวในการออกอาวุธคล้ายๆ taijiquan กลยุทธ์มันก็คือยั่วคู่ต่อสู้ให้โมโห แล้วใช้ท่าที่ดูไม่เหมือนท่าการต่อสู้ มาต่อสู้ได้อย่างน่ามหัศจรรย์ และที่สำคัญที่สุดก็คือ "มันกระตุ้นการไหลเวียนของ qi (ลมปราณ) ของไต 2 ข้างได้ดีเยี่ยมแบบที่อาจารย์ญี่ปุ่นเราพูดไว้จริงๆ" เมื่อเราดื่มสุราหนักแบบยกเป็นไหๆมาหลายปีอย่างต่อเนื่องกัน จนตับเราจะแข็งหรือไตเราจะหยุดทำงานนะ ท่าเพลงมวยหมัดเมานี้แหละที่ช่วยรักษาอวัยวะภายในของเราให้หายป่วยได้  เพื่อนเราหลายๆคนที่ดื่มสุราหนักพอๆกับเรา ทุกคนต่างก็ไปสู่แม่น้ำเหลืองกันหมดแล้ว (ตามโกวเล้งไป) มีแต่เราเท่านั้นที่ยิ่งดื่มก็ยิ่งสำราญใจตับไตไส้พุงไม่เป็นอะไร นั่นก็เพราะว่า "เรารำมวยหมัดเมาสลายพิษสุราได้นั่นเอง" ดังนั้น เราจึงต้องขอคารวะขอบพระคุณเฉินหลงและอาจารย์โยคะชาวญี่ปุ่นของเราเอาไว้ ณ ที่นี้ ที่ช่วยให้เรามีชีวิตรอดมาได้จนถึงทุกวันนี้ แก้ไขเมื่อ 09 พ.ย. 52 15:34:39 จากคุณ : fortuneteller เขียนเมื่อ : 9 พ.ย. 52 15:29:36

ความคิดเห็นที่ 22 ขอบพระคุณมากๆครับผม จากคุณ : อุ้ย (digimontamer) เขียนเมื่อ : 9 พ.ย. 52 16:00:10

ความคิดเห็นที่ 23 ...โสง...สาย...จ..ข..ก..ท.. ยาง...ม่าย...สร่างงง... ง้าน...ราว...มาววว...ต่อ...ดี...ก่า.... จากคุณ : เจียะป้าอู่สื่อ (tongboy) เขียนเมื่อ : 10 พ.ย. 52 13:08:23

ความคิดเห็นที่ 24 คุณ  เหล่าฟาง  -- เพลงเจ้าพ่อเซี่ยงชุนครับ  ป้าเจ็บได้แปลงเอาไว้   (ยายแหว๋ว ฮามาก)  อยู่ประมาณนาทีที่ 8 กว่าๆ  จากรายการตีสิบครับ แก้ไขเมื่อ 11 พ.ย. 52 18:13:21 จากคุณ : เหนียวเนื้อ เขียนเมื่อ : 11 พ.ย. 52 18:02:37

ความคิดเห็นที่ 25 คุณ นายอุดม  -- จะรับเหมาไถอายุ 15 ปีมั๊ยครับ...เค้าประมูลกันตั้งสองแสนกว่าหยวน จากคุณ : เหนียวเนื้อ เขียนเมื่อ : 11 พ.ย. 52 18:13:55

ความคิดเห็นที่ 26 เหมาไถสุดยอด ไม่คิดว่าจะแรงได้ใจ ทำเอาอิชั้นเมาหัวฟาดพื้นมาแล้ว ขนาดเพื่อนที่คอทองคำยังไม่กล้ากินเลยบอกแค่ได้กลิ่นก็เมาแล้ว จากคุณ : lorra เขียนเมื่อ : 12 พ.ย. 52 22:45:38