กินเหล้า ไม่กลัวตกนรกเหรอ
|
|
วันนี้ระหว่างนั่งแกร่วรถติดหน้าเซ็นทรัลเวิลด์ สายตาก็มองไปเป็นลานเบียร์เรียงรายหลายยี่ห้อ ขณะที่ได้ยินเสียงเทศนาธรรมของพระรูปหนึ่งจากเครื่องเล่นเอ็มพีสาม
จับความได้ว่า มนุษย์เราล้วนตกอยู่ในหลุมของความประมาท และธรรมเป็นเรื่องที่รู้ได้เฉพาะตน การดื่มสุรานั้นผิดศีลอย่างที่ทราบกัน แต่การที่หลายคนยังดื่มอยู่นั้น ก็เพราะยังไม่รับรู้ถึงผลที่จะตามมา
เมื่อได้ยินดังนั้น ก็เกิดความประหลาดใจอยู่พักหนึ่ง สักพักเสียงเทศนาธรรมก็พูดถึง นรก อันมีอยู่จริงในโลกหน้า ทำให้เราฉุกคิดได้ว่า ครั้งหนึ่งที่เคยได้อ่านหนังสือพระมาลัย หากเอ่ยถึงเรื่องการเสวยผลกรรมของการดื่มสุราแล้ว นั่นคือ การดื่มน้ำกระทะทองแดง !
แน่นอนว่า ไอ้เรื่องการดื่มน้ำกระทะทองแดง ย่อมเป็นเรื่องที่โคตะระไร้สาระเป็นอย่างมากสำหรับคนที่ได้ฟัง โดยเฉพาะถ้าเป็นคนรุ่นเดียวกันกับผม และการดื่มเหล้าก็เป็นเรื่องที่โคตะระธรรมดา แบบที่ใครได้ฟังแล้วก็ต้องบอกว่า "อ๋อเหรอ แล้วไงวะ"
เมื่อมองอีกแง่หนึ่ง มนุษย์เราคือไอ้หน้าโง่ทั้งนั้น ใช่หรือไม่ อาจจะดูพูดแรงไปสำหรับคนดื่มเหล้า (ซึ่งผมก็ดื่ม) คือรู้ว่ามันผิดหรือไม่รู้ว่ามันผิด ก็ไม่เคยนึกถึงผลที่ตามมา รวมไปถึงการยกให้การดื่มเหล้าเป็น "การเฉลิมฉลอง"
แม้บางทีเราจะรับรู้ถึง "ค่านิยม" ของการกินเหล้าเก่ง โดยไม่ได้เกิดความรู้สึกของ "หิริโอตัปปะ" เลย แต่วินาทีที่ได้ยินธรรมที่พระได้เทศน์นั้น เกิดความรู้สึกว่า "เรา(ผู้ดื่มเหล้า)ล้วนแต่เป็นคนโง่"
แน่นอนว่า เราไม่สามารถไปบอกใครต่อใครได้ว่า ทำไมคุณต้องทำอะไรโง่ๆกับชีวิตตัวเองอย่างการดื่มเหล้าด้วยครับ หรือการที่คนดื่มเหล้าอยู่จะไม่พอใจถ้าเราไปว่าเขาแบบนั้น มันก็เป็นเรื่องที่ชัดเจนอยู่แล้ว
เมื่ออยู่ในห้วงความคิดตัวเองช่วงนึง ก็ฟังสิ่งที่เทศนาต่อ และก็มาถึงสิ่งที่เรียกว่า ความไม่เที่ยงของสังขาร แต่ในใจเรายังผูกพันกับเรื่องกินเหล้าอยู่แหละ ธรรมที่พระเทศน์นั้น พูดถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นกับมนุษย์ทุกคนที่จะมีชีวิตอยู่ถึงบั้นปลาย นั่นคือ ความเสื่อมของสังขาร
ในที่สุดเราก็ตระหนักได้ถึงผลที่จะตามมา นึกถึงผู้ป่วยพิษสุราเรื้อรัง ผู้ป่วยโรคตับแข็ง ไม่ว่าจะทำอย่างไรก็แล้วแต่ นั่นคือ reaction หรือผลกรรม ที่เรารับรู้ได้โดยไม่ต้องรอชาติหน้า
ถามว่า "อ๋อเหรอ แล้วไงวะ" สำหรับคนอย่างผมที่ยังวัยรุ่นและไม่ได้เจ็บป่วยอะไร คือ รู้แล้วโว้ย ว่ากินเหล้าแล้วตับแข็งน่ะ แต่มันไม่ได้แข็งทันทีสักหน่อย และไอ้กระผมก็ไม่ได้กินแบบไม่ลืมหูลืมตาขนาดนั้นด้วย
ความประมาท นั่นเอง เราทุกคนล้วนตกอยู่ในหลุมของความประมาท เราเชื่อว่ามันมีวันพรุ่งนี้ เราคิดเอาเองว่าพรุ่งนี้สังขารนี้จะยังคงอยู่ เราไม่ได้ตระหนักรู้ว่าเราตายลงไปทุกๆวันตั้งแต่เริ่มปฎิสนธิ และมันอาจจะไม่มีวันพรุ่งนี้สำหรับเรา
แก้ไขเมื่อ 14 พ.ย. 52 21:42:19
จากคุณ |
:
pizza hell
|
เขียนเมื่อ |
:
14 พ.ย. 52 21:37:39
|
|
|
|