 |
ความคิดเห็นที่ 5 |
นิทานเรื่องนี้สอนให้เราเรียนรู้ว่า การเรียนภาษาอังกฤษก็เหมือนกับเต่าครับ คือการวิ่งแข่งแบบมาราธอนที่อาศัยความสม่ำเสมอในการฝึกฝนอย่างจริงจัง เพื่อท้ายที่สุดจะเป็นการเอาชนะแบบไม่ต้องเหนื่อยมากมายนัก ผมเปรียบเทียบแบบนี้เพื่อต้องการให้เห็นภาพครับว่าใครหลายคนคิดว่า การเรียนภาษาต้องอาศัยความเก่งกาจ หรือว่า ต้องมีพรสวรรค์มากมาย หรือไม่ก็คงต้องมีโอกาสได้ไปต่างประเทศละมั้ง ถึงจะเก่งภาษาอังกฤษได้ แต่นั้น ไม่จริงเลย ทั้งนี้ จากประสบการณ์ส่วนตัวแล้วพบว่า การเรียนด้วยวิธีสม่ำเสมอแบบนี้เป็นการเรียนที่ทำให้เกิดความต่อเนื่องของการพัฒนาการ และสร้างความสนุกสนานในการเรียนได้มากกว่าการไป โหมเรียนหนัก เพื่อต้องการจะสอบเข้า หรือว่า กระหน่ำ คอร์สภาษา ชนิดที่เรียกว่า เรียนกันให้ตายกันไปข้างหนึ่ง เพื่อหวังผลเพียง น้ำบ่อหน้า คงเป็นวิธีการที่ ผมไม่สนับสนุนเลยครับ จริงๆ แล้ว วิธีนี้นั้น ผมก็ประยุกต์มาจากเรียนหนังสือตอนมัธยมปลาย ซึ่งตอนนั้น ยอมรับครับว่า วิชาแต่ละเรื่องนั้น ยากและยาวมาก ๆ คิดดูครับว่า สายวิทย์ -คณิต นั้นต้องเอาเนื้อหาวิชา คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์หลากหลายเรื่อง ทั้งฟิสิกส์ เคมี ชีว เข้าไปยำใหญ่ในสมองเรา วิธีการที่ผมจัดการก็คือ การกินคำเล็ก ๆ ทีละคำ และสม่ำเสมอนั้นเอง ทำให้ผมจัดการมันได้ดีพอสมควรครับ เพราะไม่ต้องมานั่งอ่านหนังสือทำแบบฝึกหัด กันแทบตายปลายเทอม แต่กระนั้นก็ตามยอมรับว่า มันยากอยู่พอควรกับการใส่ วินัย ตัวเองให้ต้องมาอ่านหนังสือแบบนั้น ไม่ง่าย ครับ แต่ก็ไม่ยากเกินความตั้งใจ แต่เนื่องจากว่า วิชาภาษาอังกฤษในช่วงเวลานั้น ( และอาจจะตอนนี้ในบางโรงเรียน ) เป็นวิชาที่นักเรียนส่วนใหญ่ เรียนไปเพื่อสอบ ดังนั้น เนื้อหาและบทเรียนจะเน้นให้นักเรียนทำตาม หนังสือ แต่สมัยผมเรียนนั้น เท่าที่สังเกตจากเพื่อน ๆ ด้วยกันเค้าจะงง กับ ไวยากรณ์และ กฎเกณฑ์ของเนื้อหามาก ๆ ทำให้ ผมต้องทำสรุปเนื้อหา เน้น ๆ และเขียนออกมาแจกจ่ายให้กับเพื่อน ๆ เป็นที่ฮือฮา และร้องขอกันมาหลายเทอม ทุกวันนี้ สรุปเนื้อหาภาษาอังกฤษที่ผมเขียนมาบางส่วน ก็ยังอยู่นะครับ เก็บไว้เป็นความทรงจำส่วนตัวที่ประทับใจ แต่เอาละ ผมอยากจะแนะนำว่า ให้คุณเรียนแบบนอกหลักสูตรไปก่อน ในตอนแรกเพื่อที่จะสร้างแรงจูงใจให้กับการเรียนก่อน สมัยนี้นับว่าดีกว่าเมื่อก่อนเยอะมากๆ ตรงที่เรามีช่องการเรียนรู้ ( Channel ) เยอะมาก ๆ ลองมาคิดกันดูว่าจะมีช่องทางไหนที่สามารถเรียนได้ เห็นง่าย ๆ เลยก็คือ หนังสือนิตยสาร ที่เป็นภาษาอังกฤษ หรือว่า เคเบิลทีวี ที่หลากหลาย และแผ่นหนัง DVD ที่เกลื่อนเมือง ทำให้การเรียนรู้ภาษานั้น เข้าถึงได้ง่ายขึ้นกว่าเมื่อก่อนเยอะมาก อีกทั้งสมัยนี้อินเทอเนตความเร็วสูงปรี้ดทะลุปรอท ยังทำให้การเข้าถึงเวบไซต์ต่าง ๆที่สอนภาษาให้เราได้อีกด้วย ในเรื่องรายละเอียดเราจะมาว่ากันอีกทีหลังครับ ผมถึงกับตะลึง ( Surprise , Stun , amaze ) ไปกับเวบไซต์สอนภาษาเยอะแยะเป็นกระบุงที่อยู่ตรงหน้าเมื่อผมได้ Search หา และพยายามเข้าไปศึกษาและค้นพบว่า นี้คือ ขุมทรัพย์การเรียนรู้ภาษาอังกฤษที่ สุดยอดมาก ๆ หากแต่ว่าเรา เอาจริงเอาจัง กับมันซะหน่อย ถึงจะได้คว้า สมบัติฟรี ๆ เหล่านี้ ( ขอบอกว่า ฟรีครับ ) อยากจะฝากครับสำหรับคนที่เพิ่งจะเริ่มต้นเรียน ภาษาอังกฤษ และคิดว่ามันยาก และคงอีกไกลกว่าเราจะทำได้ ว่า อย่าเพิ่งท้อครับ หนทางนะ มีแน่ และเป็นหนทางที่สนุกสนานได้ครับ หากแต่เราต้องเปิดใจก่อน อย่าไปโทษโชคชะตาหรือ เวรกรรมอะไรก็แล้วแต่ ที่ทำให้การเรียนรู้ภาษาของเราสมัยก่อน นั้น ไม่ประสบความสำเร็จ แต่อย่างน้อย ถ้าได้มีพื้นฐานระดับหนึ่งมาแล้ว เราสามารถยกระดับพัฒนาการภาษาได้ครับ ขอให้ตั้งใจที่วิ่งแบบเต่า ครับ คือวิ่งไปเรื่อยๆ และพยายาม เปรียบเสมือนกับ นักกีฬาที่ซ้อมทุกวันวันละเล็กละน้อย จนเกินทักษะที่มากขึ้น คงไม่มีนักชกมวยคนไหนหรอกครับ ที่ไม่ได้ซ้อมมาแล้วขึ้นชก เพราะนั้นเท่ากับว่าเป็นการขึ้นไปโดนเค้า น๊อก อย่างแน่นอน เช่นเดียวกันครับ นักเรียนภาษาแบบเรา ๆ นั้น ต้องอาศัยความขยันหมั่นเพียร และจริงจังในการซ้อม การเรียน และพยายามหาช่องทางการเรียน แบบนอกหลักสูตรไปก่อนในระยะแรก เพื่อให้การเรียนรู้นั้น สนุกสนาน ไม่น่าเบื่อ ก่อนที่จะก้าวขึ้นไปเรียนสิ่งที่ยากขึ้น และท้าทายมากขึ้น ผมเชื่อครับว่า ทุกคนทำได้ และทุกคนทำได้จริง ๆ เริ่มต้นวันนี้ลงทุนกับภาษาอังกฤษแล้วคุณจะไม่ขาดทุนในอนาคต ผมกล้ารับประกันครับ !!!!!
จากคุณ |
:
Panda Smile
|
เขียนเมื่อ |
:
21 พ.ย. 52 00:31:32
|
|
|
|
 |