ความคิดเห็นที่ 1 รบกวนถาม อีกนิดนะคะ สถานทั้ง 21 ข้อ เคยมีการได้กระทำการ ประหารจริง ๆ ครบทั้งหมดทุกข้อด้วยหรือเปล่าคะ ขอบพระคุณค่าา.......... จากคุณ : ไข่มุกอันดามัน (siansian) เขียนเมื่อ : 23 พ.ย. 52 17:05:39

ความคิดเห็นที่ 2 เคยอ่านเจอจากที่นี่แหละ อ่านไปนึกภาพตามไป กินข้าวอร่อยดีนักแล จากคุณ : จ้องจนปวด เขียนเมื่อ : 23 พ.ย. 52 17:13:53

ความคิดเห็นที่ 3 อยู่ในกฎหมายที่ชื่อ พระไอยการกระบถศึก ซึ่งจะอยู่ในกฎหมายตราสามดวงอีกทีหนึ่ง ลองไปหามาอ่านได้ ถ้าฉบับของ สนพ.ธรรมศาสตร์จะอยู่เล่มที่สาม รูปคงไม่มีให้ดู แต่ถ้าไปดูที่ ลหุโทษเก่า จะมีเป็นหุ่นจัดแสดงไว้ จากคุณ : ผ้าพับไว้ เขียนเมื่อ : 23 พ.ย. 52 18:37:59

ความคิดเห็นที่ 4 อ่านเพียงสถานเดียวก็น่าหวาดเสียวจนแทบวายชีวา หุหุ จากคุณ : เด็กท้ายวัง เขียนเมื่อ : 23 พ.ย. 52 20:39:58

ความคิดเห็นที่ 5 มีบันทึกของชาวต่างชาติที่เข้ามาอาศัยอยู่ในสยามระยะหนึ่ง หลายคนระบุตรงกันว่ามีการทรมานนักโทษตามกฎหมายตราสามดวง "จริง" แต่ที่น่าสังเกตก็คือ เอกสารบางฉบับบอกว่า "ไม่ได้เห็นด้วยตา" (เช่น คำบอกเล่าของ ลาลูแบร์ บอกว่า "ข้าพเจ้ามิได้เห็นมาด้วยตาของตัวเอง แต่ข้าพเจ้าก็ไม่อาจสงสัยคำที่เขายืนยันต่อข้าพเจ้าได้" และ นิโคลัส แชร์แวส์ บอกว่า "ข้าพเจ้าไม่เคยประสบพบเห็นการพิสูจน์แบบทารุณนี้มาด้วยตาตัวเอง ข้าพเจ้าจึงไม่ปรารถนาจะยืนยันว่าเป็นจริง") ทว่า มีบันทึกของชาวต่างประเทศและของไทยระบุว่ามีการประหารชีวิตแบบทารุณอยู่จริง เช่น ในสมัยรัชกาลที่ ๕ "วันเสาร์ ขึ้น ๘ ค่ำ เดือน ๑๒ (พุทธศักราช ๒๔๑๔) ประหารชีวิตอ้ายโพ ๑ อ้ายชื่น ๑ ผ่าอกตัดศีรษะ ที่วัดตาเห็น บ้านปากไห่ เป็นผู้ร้ายปล้นพวกอ้ายอ่วม วันจันทร์ ขึ้น ๑ ค่ำ เดือน ๑ (พุทธศักราช ๒๔๑๔) ประหารชีวิตอ้ายใหญ่ พี่อ้ายรง  น้องอ้ายมา เจ้า ๓ คน ผู้ร้ายปล้นพวกอ้ายโพ อ้ายอ่วม อ้ายอ่วม ๑ อ้ายคง ๑ ตัดท่อนกลางตัว อ้าย ๙ คน ฟันคอ" (จดหมายเหตุโหร, ประชุมพงศาวดารภาคที่ ๘, คุรุสภา, ๒๕๐๗) แต่ก่อนที่จะมีผู้ใดใช้ความคิดของคนสมัยปัจจุบันไปเทียบว่าโหดร้ายป่าเถื่อน ขอให้นึกถึงสมัยนั้นว่า เมื่อมีพระบรมราชโองการลงโทษแก่ผู้ใดแล้ว คนผู้นั้นจะน้อมรับพระราชอาญา โดยถือว่าพระราชอาญานั้นเป็นสิ่งที่ไม่ควรขัดขืน เหตุผลนี้ "ลาลูแบร์" ได้บันทึกไว้ว่า "ชาวสยามยังถือเอาเป็นเครื่องภาคภูมิใจเสียอีกในการที่ตนได้รับพระราชอาญา โดยพระบรมราชโองการของพระมหากษัตริย์ เสมอว่าตนได้รับความเอาใจใส่ดูแลจากบิดา ผู้กรุณาลงโทษเป็นการสั่งสอนให้เมื่อตนกระทำผิด" ...ด้วยตัวข้าขุนไกรกระทำผิด ถึงชีวิตจะม้วยสังขาร จะตายด้วยความสัตย์ปฏิญาณ อย่างพงศ์พลายฝ่ายทหารอันชาญไชย.... (ขุนช้างขุนแผน ตอนที่ขุนไกรจะถูกประหาร) อีกตอนหนึ่ง ขุนแผนยอมมอบตัวเพราะตระหนักดีว่า ถ้าหากตัวเองไม่มอบตัวแล้วไซร้ ก็หามีผู้ใดจับตนได้ไม่ "เมื่อจะเอาโทษทัณฑ์ฉันใด ก็ตามใจด้วยเรานี้เป็นข้า ได้ถือน้ำพระพิพัฒน์สัจจา จะหลบลี้หนีหน้าไปทำไม" หลังจากถูกทรมานด้วยถูกจองจำ ๕ ประการ แถมมีรับสั่งให้ "เชื่อมหัวตะปู" (ห้ามถอดสลักออก) อาการของขุนแผนนั้นก็เป็นดังนี้ "โซ่ตรวนถ้วนครบห้าประการ ทรมานมึนเมื่อยเป็นหนักหนา จะพลิกตัวตึงทั่วทั้งกายา ยิ่งนานยิ่งระอาระอิดใจ" แต่มาตรว่าจะถูกทรมานถึงขนาดนี้ ขุนแผนก็หาได้เกรงไม่ เพราะต่อให้จองจำมากกว่านี้อีก ๒ เท่า ขุนแผนก็หนีได้ถ้าคิดจะทำจริง ๆ แต่ขุนแผนก็ไม่ทำ "อันเครื่องพันธนาที่จำจอง อีกสองเท่านี้ก็หนีได้ จะเสียสัตย์ขัดสนจึงจนใจ หนีไปใครจะนับว่าเป็นชาย เสมือนหนึ่งบิดาท่านทำโทษ แม้มิโปรดตามที่ไม่หนีหาย จะทนไปให้ตลอดจนวอดวาย สู้ตายตามแต่พระอาญา" (เล่าต่อว่า แม้ตอนท้ายขุนแผนจะทนทรมานไม่ไหว จำต้องหักโซ่ตรวนออก แต่ก็ยืนยันหนักแน่นว่า "ไม่หนี" ยอมถูกติดคุกอยู่ถึง ๑๕ ปี พระพันวษาท่านก็ทรงลืมขุนแผนเสียสนิท "กูนี้ก็ชั่วมัวลืมไป" เพิ่งนึกได้เอาตอนที่พลายงามไปทูลขออภัยโทษให้บิดาไปทำศึกเชียงใหม่) นี่แหละครับ ชายชาติทหารแห่งกรุงศรีอยุธยา ทหารเอกแห่งกรุงศรีฯ ยอมให้จับ ยอมรับโทษ ยอมให้ตัดหัว เพื่อเกียรติยศ และศักดิ์ศรีแห่งทหาร ด้วยการยอมรับในสิ่งที่ตัวเองทำอย่างภาคภูมิ และมั่นคง ถึงจะมีอิทธิฤทธิ์ เวทย์มนต์ คุณไสย อิทธิพล อำนาจล้นฟ้าขนาดสะเดาะโซ่ตรวนได้ แต่ก็ไม่คิดจะละเมิดพระราชอาญาไม่ว่ากรณีใด ดังคำกล่าวที่ว่า "เกียรตินั้นท่านให้มา ศักดิ์ศรีไว้เตือนตน" (จาก ศิลปวัฒนธรรม กรกฎาคม ๒๕๔๔) จากคุณ : วศินสุข เขียนเมื่อ : 23 พ.ย. 52 23:09:00

ความคิดเห็นที่ 6 เครื่องจองจำ ๕ ประการ ประกอบด้วย ตรวนใส่เท้า ๑, เท้าติดขื่อไม้ ๑, โซ่ล่ามคอ ๑, คาใส่คอทับโซ่ ๑, มือทั้งสองสอดเข้าไปในคา และไปติดกับขื่อทำด้วยไม้ ๑ (ประชุมพงศาวดารภาคที่ ๓๙, ก้าวหน้า, ๒๕๐๘) จดหมายของบาทหลวงฝรั่งเศส มองซิเออร์ เลอบอง อธิบายตอนที่ถูกตรึงด้วย "คา" ว่า "วิธีการที่เจ้าพนักงานได้เอาเราเข้าผูกกับหลักคานั้น ก็คือผูกเราทั้ง ๖ คนเรียงเป็นแถวเดียว หันหลังตรงกับที่ประทับ หลักที่ผูกเรานั้นก็เป็นคาในตัว เพราะต้องเอาศีรษะรอดเข้าไปในหลัก จนหันตัวไปไหนไม่ได้" บาทหลวงปาลเลกัวซ์บันทึกผลของการจองจำ ๕ ประการ โดยเฉพาะการใส่ "คา" ที่คอนักโทษว่า "คือไม้ยาวสองแผ่น ประสานกันตรงรอบคอนักโทษ คานั้นจะหนักน้อยหรือหนักมาก แล้วแต่ขนาดของโทษานุโทษ นอกจากจะหนักแล้ว ยังขัดข้องต่อการเคลื่อนไหวอิริยาบถอีกด้วย และข้อสำคัญทำให้ไม่ได้รับการพักผ่อนหลับนอนเลย" (ปาลเลกัวซ์, เล่าเรื่องเมืองไทย แปลโดย สันต์ ท. โกมลบุตร, ก้าวหน้า, ๒๕๐๖) ภาพด้านล่างคือภาพขุนแผนต้องโทษ ถูกจองจำ ๕ ประการ (ภาพวาดฝีมือ ครูเหม เวชกร) แก้ไขเมื่อ 23 พ.ย. 52 23:32:23 จากคุณ : วศินสุข เขียนเมื่อ : 23 พ.ย. 52 23:25:11

ความคิดเห็นที่ 7 ข้อสังเกตุ แม้ว่าจะไม่สามารถตรวจพบได้ว่า มีการทรมาณนักโทษเช่นว่านั้นจริง แต่การตราขึ้นเป็นกฎหมาย ก็เพื่อให้ใช้สำหรับกรณีในอนาคต ซึ่งหากไทยไม่เปลี่ยนกฎหมายอาจจะมีการใช้ในอนาคตได้จริงๆ เช่นเดียวกัน จากคุณ : กระบี่เก้าเดียวดาย เขียนเมื่อ : 24 พ.ย. 52 00:00:45

ความคิดเห็นที่ 8 คห.5   คุณวศินสุข     พระพันวษานี่ครองเมืองสุพรรณบุรีไม่ใช่เหรอครับ    ขุนช้าง-ขุนแผนก็คนเมืองสุพรรณ    ทำไมกลายเป็นชายชาติทหารแห่งกรุงศรีอยุธยา ทหารเอกแห่งกรุงศรีฯล่ะ การลงโทษที่ยกมา    ส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดมีไว้ขู่เท่านั้นล่ะครับ    มีน้อยสถานที่เอามาใช้จริง        จจะขู่ไม่ให้ทำผิดต้องขู่เอาไว้แรงๆ     คุณเห็นการลงโทษแบบนี้แล้วคุณกล้าทำผิดมั้ยล่ะ แก้ไขเมื่อ 24 พ.ย. 52 01:19:21 จากคุณ : zodiac28 เขียนเมื่อ : 24 พ.ย. 52 01:17:35

ความคิดเห็นที่ 9 ^ ^ เหอๆๆ ข้างบนนี้ปล่อยไก่ตัวใหญ่มากเลยนะครับ... สมเด็จพระพันวษา ในวรรณคดีพื้นบ้านเรื่องขุนช้างขุนแผน เชื่อกันว่าเป็นสมเด็จพระรามาธิบดีที่ 2 พระมหากษัตริย์ลำดับที่ 10 แห่งกรุงศรีอยุธยา  ส่วนขุนแผนแสนสะท้าน ในวรรณคดีมีตำแหน่งเป็นนายด่านเมืองกาญจนบุรี และขุนช้างน่าจะเป็นมหาดเล็กหรืออะไรสักอย่างถ้าจำไม่ผิดนะครับ เจ้าเมืองสุพรรณบุรี มีบรรดาศักดิ์ที่ ออกพระสุนทรสงคราม ไม่ใช่พระพันวษา (แปลว่า พันปี)  ซึ่งในวรรณคดีระบุไว้อย่างชัดเจนว่าพระพันวษาทรงเป็นกษัตริย์แห่งกรุงศรีอยุธยา ครับ จากคุณ : arawadee เขียนเมื่อ : 24 พ.ย. 52 03:21:41

ความคิดเห็นที่ 10 เอ    ผมจำได้ว่าขุนช้างนี่เศรษฐีเมืองสุพรรณนะครับ           บางทีในพล-นิกร-กิมหงวนยังเอามาล้อว่าตลกเมืองสุพรรณ   หมายถึงขุนช้าง   ล้อเจ้าคุณปัจจนึก จากคุณ : zodiac28 เขียนเมื่อ : 24 พ.ย. 52 04:22:03

ความคิดเห็นที่ 11 สถาน 14 คือ ให้เคี่ยวน้ำมันให้เดือดพลุ่งพล่าน แล้วลาดสาดลงมาแต่ศีศะ (ศีรษะ)  จนกว่าจะตาย เหมือนเมนูปลาสองแผ่นดินเลย แต่อันนั้นราดตัว เหลือแต่หัว รู้สึกโชคดีที่เกิดมาสมัยนี้ จากคุณ : เหล่าฟาง เขียนเมื่อ : 24 พ.ย. 52 09:32:10

ความคิดเห็นที่ 12 ขุนแผนไม่ใช่ทหาร  ขุนแผนเป็นตำรวจ ครับ ขุนแผนสะท้าน  เป็นตำแหน่งปลัดกรมตำรวจภูธร คู่กับ ขุนพิศณุแสน จากคุณ : กัมม์ เขียนเมื่อ : 24 พ.ย. 52 09:35:18

ความคิดเห็นที่ 13 ๒. จากคุณ : กัมม์ เขียนเมื่อ : 24 พ.ย. 52 09:37:12

ความคิดเห็นที่ 14 ๓. จากคุณ : กัมม์ เขียนเมื่อ : 24 พ.ย. 52 09:38:04

ความคิดเห็นที่ 15 ๔. จากคุณ : กัมม์ เขียนเมื่อ : 24 พ.ย. 52 09:38:51

ความคิดเห็นที่ 16 ๕. จากคุณ : กัมม์ เขียนเมื่อ : 24 พ.ย. 52 09:41:12

ความคิดเห็นที่ 17 ^^~ จากคุณ : แพ้รอยยิ้ม เขียนเมื่อ : 24 พ.ย. 52 10:40:27

ความคิดเห็นที่ 18 สวัสดี และ ขอขอบพระคุณ คุณ : จ้องจนปวด คุณ : ผ้าพับไว้ คุณ : เด็กท้ายวัง คุณ : วศินสุข คุณ : กระบี่เก้าเดียวดาย คุณ : zodiac28 คุณ : arawadee คุณ : เหล่าฟาง คุณ : กัมม์ คุณ : แพ้รอยยิ้ม เซียน เซียน ขอขอบพระคุณทุกท่าน ที่ให้ข้อมูล ให้ความรู้ ทั้งภาพด้วยนะคะ รู้สึกดีใจมาก ๆ ที่หลายท่านได้ให้ความกระจ่างกับเซียนด้วยนะคะ  แต่เซียนคิดว่า กฏบางข้อ ก็อยากจะนำมาใช้ได้กับสมัยนี้ ก็ดีเหมือนนะคะ( ความเห็นส่วนตัวค่า ) เห็นภาพใน ความคิดเห็นที่ 16 แล้ว อึ้ง พูดไม่ออก ในความรู้สึก บอกว่า กลัวมากเลยค่ะ ไม่ต้องถึงกับ แยกเนื้อ แยกร่าง แค่กฏข้อนี้ข้อเดียว ก็ไม่กล้าทำผิดอีกแล้วนะคะ ขอบคุณอีกครั้ง นะคะ ............. แก้ไขเมื่อ 24 พ.ย. 52 13:37:18 จากคุณ : ไข่มุกอันดามัน (siansian) เขียนเมื่อ : 24 พ.ย. 52 10:43:50

ความคิดเห็นที่ 19 ถ้าผมถูกประหาร จะขอให้ ให้ผมกินขนมปังสับปะรดจนท้องแตกตายก็แล้วกันครับ จากคุณ : digimontamer เขียนเมื่อ : 24 พ.ย. 52 13:47:26

ความคิดเห็นที่ 20 สวัสดีค่ะ คุณ : digimontamer อืมม ชอบขนมปัง สับปะรด หรอคะ ถึงตายก็ยอม ขอให้ได้ทานจนอิ่มท้องแตกตาย  ก่อนเลยนะคะ แต่เดี๋ยวนี้ คงไม่มีทำโทษแบบนั้นแล้วนะคะ  ขอบคุณที่แวะมาเม้นท์ให้ เซียน ด้วยนะคะ จากคุณ : ไข่มุกอันดามัน (siansian) เขียนเมื่อ : 24 พ.ย. 52 13:56:56

ความคิดเห็นที่ 21 อ่านแล้วน่ากลัวครับ นึกถึงตี10เมื่อหลายอาทิตย์ก่อนที่นำหมอมาเล่าเรื่อง ผีชาติที่แล้ว ที่เป็นชื่อศาลาที่วัดมกุฏฯครับ จากคุณ : เด็กประวัติศาสตร์ศิลปะ (DirrtyVanilla) เขียนเมื่อ : 24 พ.ย. 52 18:16:26

ความคิดเห็นที่ 22 น่ากลัวจังครับ... เป็นผมกลั้นใจตายดีกว่า.... แก้ไขเมื่อ 04 ธ.ค. 52 13:18:49 จากคุณ : sundancer เขียนเมื่อ : 4 ธ.ค. 52 13:18:40

ความคิดเห็นที่ 23 ขอขอบคุณ คุณ : เด็กประวัติศาสตร์ศิลปะ (DirrtyVanilla) คุณ : sundancer ขอบคุณที่แวะมาเม้นท์ ในกระทู้ ของ เซียน ด้วยนะคะ ขอบคุณค่าาา จากคุณ : siansian (siansian) เขียนเมื่อ : 11 ธ.ค. 52 09:47:32