ความคิดเห็นที่ 1 อย่างแรกเลยก็คือต้องดูก่อนว่าเป็นแผนที่แบบไหน เพราะมันขึ้นอยู่กับวิธีการ Projection จากลูกโลกทรงกลมสามมิติมาเป็นแผนที่บนกระดาษสองมิติด้วย ถ้าเป็นวิธีเมอเคเตอร์ (mercator) ละก็ไม่แปลกเลยครับ เพราะแผนที่แบบนี้จะให้ทิศทางถูกต้อง แต่สัดส่วนจะผิดมาก พื้นที่บริเวณใกล้ขั้วโลกจะดูใหญ่ผิดปกติ ขณะที่ตรงใกล้ศูนย์สูตรจะดูเล็ก อย่างที่สองคือ พื้นที่ของโซเวียตส่วนที่อยู่ในทวีปเอเซียหรือไซบีเรีย ถึงจะมีพื้นที่กว้างใหญ่มาก แต่ส่วนใหญ่เป็นป่าทุนดราที่ไม่เหมาะต่อการตั้งถิ่นฐานของมนุษย์อย่างยิ่งจนไม่มีประเทศไหนสนใจจะครอบครอง ขนาดโซเวียตเองยังแทบไม่ได้ใช้ประโยชน์อะไรมากไปกว่าการใช้เป็นสถานที่สำหรับกักกันนักโทษทางการเมืองในยุคคอมมิวนิสต์ จากคุณ : เกียรตินำ เขียนเมื่อ : 1 ธ.ค. 52 23:15:38

ความคิดเห็นที่ 2 ในยุคนั้นถ้าจะรบกันจริงๆก็ใช้กดปุ่มยิงขีปนาวุธข้ามทวีปเอาครับ ส่วนเรื่องที่ไอ้กันจะส่งทหารไปลุยในดินแดนโซเวียตนี่แทบจะเป็นไปไม่ได้เลย ไอ้ที่ยังพอจะเป็นไปได้ก็คือส่งทหารมาลุยกันตรงชายแดนระหว่างยุโรปตะวันตกกับยุโรปตะวันออก อันนี้หมายถึงว่าถ้าทั้งสองฝ่ายตกลงใจที่จะไม่ใช้อาวุธนิวเคลียร์นะ ซึ่งก็ยากอีกนั่นแหละ เพราะโซเวียตและกลุ่มประเทศสนธิสัญญาวอร์ซอมีกองกำลังรบแบบธรรมดาใหญ่เป็นสองเท่าของกองกำลังรบของกลุ่มประเทศนาโต้ เพราะฉนั้นถ้าแลกหมัดกันแบบนี้ ฝ่ายโซเวียตน่าจะมีความได้เปรียบ และไอ้กันอาจอดใจไม่ได้จนต้องหันมาใช้อาวุธนิวเคลียร์ทางยุทธวิธี จากคุณ : piras เขียนเมื่อ : 2 ธ.ค. 52 00:00:40

ความคิดเห็นที่ 3 กำลังพลเป็นเรื่องรองสำหรับการรบสมัยใหม่ เรื่องสำคัญคือเท็คโนโลยีของอาวุธพิษัยไกล เช่น เครื่องบินรบและจรวดแบบต่างๆ ซึ่งฝ่ายสหรัฐฯมีอาวุธทันสมัยกว่าเยอะ ก็เลยทำให้โซเวียตรัสเซียไม่กล้าหือกับสหรัฐฯ ดูตัวอย่างง่ายๆของเท็คโนโลยีเหนือกำลังพลจากการรบของอิสราเอลกับชาติอาหรับ อิสราเอลมีกำลังพลแค่หยิบมือเดียวของชาติอาหรับ แต่เท็คโนโลยีเหนือกว่ามหาศาล อาวุธของชาติอาหรับสู้ไม่ได้เลย ไม่ว่าจะเป็นอียิปต์ หรือซีเรีย หรืออิรัค ยกตัวอย่างเช่น รถถังของอิสราเอลสามารถมองเห็นและยิงรถถังอียิปต์ได้อย่างแม่นยำตั้งแต่อียิปต์ยังไม่เห็นรถถังของอิสราเอลเลย อียิปต์ก็เลยถอดใจขอเจรจาสงบศึกดีกว่า จากคุณ : นายชัย เขียนเมื่อ : 2 ธ.ค. 52 02:12:49

ความคิดเห็นที่ 4 จริงๆ แล้วสหภาพโซเวียตเกิดจากรัฐสิบห้ารัฐที่มีความแตกต่างกันทางวัฒนธรรม สังคมมารวมกันโดยใช้อำนาจทั้งปืนและอุดมการณ์ล้างสมองประชาชน ผมคิดเล่นๆ ว่าถ้าไม่ใช้อาวุธนิวเคลียร์เข้ารบกันจนตายทั้งโลกเสียก่อน ช่วงทำสงครามกับอเมริกา อาจจะมีรัฐบางรัฐฉวยโอกาสขอแยกตัวจากจากรัฐบาลกลางโซเวียตแล้วมาเข้าข้างฝ่ายตะวันตก อาจจะเกิดภาวะอนาธิปไตยในโซเวียตขึ้นมาและอาจจะล่มจมก่อนทำสงครามกับอเมริกาเสร็จสิ้น จากคุณ : Johann sebastian Bach เขียนเมื่อ : 2 ธ.ค. 52 07:28:19

ความคิดเห็นที่ 5 ที่จริงรัสเซียแผ่อำนาจมาทางตะวันออกจนได้เอเชียกลางและไซบีเรียมาตั้งแต่สมัยพระเจ้าซาร์แล้ว โดยถือเป็นการล่าอาณานิคมเช่นเดียวกับยุโรปชาติอื่นๆ เพราะดินแดนอันกว้างใหญ่เหล่านี้มีเพียงชนเผ่าเร่ร่อนอาศัยอยู่เพียงเบาบางมาก และอยู่เป็นหย่อมๆ ตามแหล่งน้ำแหล่งอาหารเท่านั้น มิได้เกาะกลุ่มกันหนาแน่นจนกลายเป็นสังคมใหญ่หรือรัฐ ชนเผ่าเหล่านี้มีสภาพชีวิตไม่เปลี่ยนจากสมัยมองโกลครองโลก แม้จะเป็นช่วงศตวรรษที่ 19 แล้ว ทำให้รัสเซียที่เจริญกว่าและมีกำลังทหารสมัยใหม่เข้ามาครอบครองได้อย่างง่ายดายภายในเวลาไม่กี่สิบปี   รัสเซียปกครองดินแดนนี้อย่างผู้เจริญกว่า ที่นำความเจริญมาให้ และนำวัฒนธรรมและภาษารัสเซียมาให้ใช้ ในระยะแรกก็ยังคงปกครองอย่างหลวมๆ เพิ่งจะมาเข้มงวดในสมัยสตาลินนี่เอง และก็เพิ่งจะเกิดสาธารณรัฐต่างๆ และระบบการปกครองแบบสมัยใหม่ในสมัยนี้เช่นกัน ดังนั้น ในปัจจุบัน ประเทศเกิดใหม่เหล่านี้จึงยังมีเยื่อใยกับรัสเซียอยู่มาก แม้กระแสชาตินิยมจะทำให้มีการแสวงหาอัตลักษณ์ของตนเอง ซึ่งส่วนใหญ่มักผูกติดกับศาสนา เช่น อิสลามก็ตาม ส่วนดินแดนของโซเวียตในฝั่งยุโรปนั้นมีลักษณะต่างออกไป เพราะเดิมก่อนจะรวมกับโซเวียตก็มีความเจริญอยู่ก่อนแล้ว เช่น ดินแดนแถบบอลติก ดังนั้น แถบนี้จึงเป็นจุดเริ่มต้นของการปฏิวัติแยกตัวจากสหภาพโซเวียต นอกจากนี้ ยังมีประชากรหนาแน่นกว่า ที่ผ่านมาชาติตะวันตกจึงมีปัญหากับโซเวียตในเรื่องการยึดดินแดนแถบนี้แหละ โดยเฉพาะช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง แต่ก็ทำอะไรไม่ได้เพราะโซเวียตเป็นผู้ชนะสงคราม มีอำนาจต่อรองสูงครับ ส่วนการยึดดินแดนในเอเชียผู้ที่เดือดร้อนสมัยนั้นก็มีบ้าง เช่น จีน ซึ่งมีอำนาจมาก่อน กับอังกฤษ ซึ่งไม่ต้องการให้รัสเซียแผ่อำนาจในเอเชียกลางลงมาถึงอินเดียของอังกฤษ จึงเข้าขัดขวาง เกิดเหตุการณ์เรียกว่า "the Great Game" ขึ้น สุดท้ายแล้วอำนาจของรัสเซียจึงหยุดอยู่แค่อัฟกานิสถานกับเปอร์เซียเท่านั้น กว่าร้อยปีที่ผ่านมา เครื่องมือสำคัญของรัสเซียที่ใช้ปกครองดินแดนกว้างใหญ่ได้ก็คือ ทางรถไฟสายทรานส์ไซบีเรียครับ แก้ไขเมื่อ 02 ธ.ค. 52 08:20:54 จากคุณ : น้าชู เขียนเมื่อ : 2 ธ.ค. 52 08:13:43

ความคิดเห็นที่ 6 เปรียบเทียบแบบนั้นไม่ได้ หนึ่ง เพราะทหารอเมริกันไม่ใช่ทหารยิวและทหารโซเวียตก็ไม่ได้อ่อนเหมือนทาหรอาหรับ ทหารไอ้กันมันรบแบบสบายซะจนเคยตัว ไม่เหมือนกับทหารยิวที่ตกอยู่ในวงล้อมของประเทศเพื่อนบ้านที่เป็นศัตรู สอง จำนวนอาวุธที่ฝ่ายโซเวียตมีนั้นมันมากมายมหาศาล มากซะจนทำให้การชิงโจมตีก่อนเพื่อทำลายขีดความสามารถของข้าศึกเป็นสิ่งที่เป็นไปไมได้ ถ้าไม่ใช้มีการอาวุธนิวเคลียร์ หนำซ้ำฐานทัพทางทหารหลักๆก็อยู่ลึกเข้าไปในดินแดนโซเวียตซึ่งมีการปกป้องอย่างดีจากฐานยิงจรวดแซมเป็นพันๆแห่ง เพราะฉนั้นจึงเป็นไปไม่ได้ที่อเมริกาจะส่งฝูงบินเข้าไปโจมตีเหมือนอย่างที่อิสราเอลทำกับอียิปต์ในช่วงสงครามหกวัน อาวุธไอ้กันนั้นบางอย่างโดยเฉพาะรถถังแม้ว่าจะดีกว่าของโซเวียตก็จริง แต่จำนวนก็มีน้อยกว่ามากๆ อย่างรถถัง M1 Abrams นี่อย่างเก่งผมให้ไม่เกินสามพันคัน แต่กองทัพโซเวียตมีรถถังกว่าห้าหมื่นคัน มากกว่ากันถึงสิบต่อหนึ่ง ต่อให้รถถังไอ้กันมันจะวิเศษยังไงก็เอาไม่อยู่หรอก อีกอย่างอาวุธบางอย่างนี่ของโซเวียตก็ดีกว่าและมีจำนวนมากกว่า อย่างเช่นจรวดแซมแบบต่างๆที่เคยสอยเครื่องบินไอ้กันตกเป็นว่าเล่นมาแล้วในสงครามเวียตนาม  เพราะฉนั้นจึงหมดสิทธิ์ที่ไอ้กันจะสามรรถครองอากาศได้ และเมื่อครองอากาศไม่ได้ ก็ไม่มีทางที่จะได้ easy victory เหมือนอย่างอิสราเอลพิชิตอาหรับหรือเหมือนอย่างทหารไอ้กันไล่ต้อนทหารของซัดดัมฯ ผมว่านะในยุคนั้นถ้ารบกันจริงๆ เยอรมันตะวันตกน่ะไปหมดภายในหนึ่งเดือนแรก ไม่แน่เผลอๆอาจจะรวมไปถึงภาคตะวันออกของฝรั่งเศสด้วยซ้ำ ซึ่งเมื่อถึงตอนนั้นไอ้กันเองก็คงไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากใช้อาวุธนิวเคลียร์เชิงยุทธวิธีเพื่อยับยั้งการรุกของโซเวียต เพราะไม่อย่างงั้นภาคพื้นยุโรปทั้งหมดมีหวังตกอยู่ในอุ้งมือของกองทัพแดงแน่ โซเวียตได้เปรียบมากในเรื่องของการการส่งกำลังบำรุงเนื่องจากมีชายแดนติดกัน ต่างจากที่ไอ้กันต้องส่งกำลังหนุนข้ามมหาสมุทรแอตแลนติก ซึ่งก็มีกองเรือดำน้ำโจมตีของโซเวียตนับร้อยๆลำรอที่จะซุ่มโจมตีอยู่ อีกอย่างที่โซเวียตยังคงเกรงใจสหรัฐอยู่ในตอนนั้น ก็เพราะกลัวขีปนาวุธนิวเคลียร์ข้ามทวีปของไอ้กัน โดยเฉพาะไอ้จรวดที่ลูกนึงมันสามารถแยกออกได้ถึงสิบหัวรบ ไอ้ตัวนี้แลหะที่โซเวียตกลัวที่สุด ไม่ได้กลัวรถถังหลักชั้นเลิศของอเมริกาแค่ไม่กี่พันคันหรือเอฟ 15 แค่ไม่กี่ร้อยลำหรอกครับ แค่นั้นน่ะจิ๊บๆเอง แก้ไขเมื่อ 02 ธ.ค. 52 08:19:10 จากคุณ : piras เขียนเมื่อ : 2 ธ.ค. 52 08:17:38

ความคิดเห็นที่ 7 อาณาจักรที่เป็นแกนกลางในการหลอมรวมจนพัฒนาเป็นจักรวรรดิรัสเซียและโซเวียตตามลำดับนั้นคือ แคว้นมอสโควี ครับผม ซึ่งผู้ปกครองเป็นพวกเชื้อสายไวกิ้งมาผสมกับชนชาติสลาฟพื้นเมืองสารพัดเผ่า ในยุคที่พวกมองโกลขยายอำนาจมาทางตะวันตกนั้นก็เข้ายึดปกครองและกุมความเป็นเจ้าเหนือรัฐเล็กๆทั้งหลายในบริเวณนี้ด้วย แคว้นมอสโควีก็ตกอยู่ใต้อำนาจของพวกมองโกล อาณาจักรโกลเด้นฮอร์นอยู่พักหนึ่ง จวบจนล่วงเข้าศตวรรษที่ 14 อำนาจของโกลเด้นฮอร์นอ่อนแอลงเรื่อยๆ ทำให้เจ้าแคว้นต่างๆในรัสเซียเริ่มแข็งอำนาจขึ้นมาครับ หนึ่งในนั้นก็คือแคว้นมอสโควีที่โดดเด่นกว่าชาวบ้านเขา จนเข้าถึงสมัยของพระเจ้าอีวานที่ 3 (ครองราชย์ปี 1462-1505) มอสโควีก็เข้มแข็งมากจนปราบแคว้นเล็กรอบๆมาอยู่ในอำนาจได้เรียบวุธ และเริ่มพยายามขยายอำนาจไปทางตะวันออกเพื่อผลักดันให้พวกตาร์ตาร์และมองโกลออกไปไกลๆอาณาจักรของพระองค์เสีย พอราชบัลลังก์สืบทอดมาจนถึงพระเจ้าอีวานที่ 4 พระองค์ก็ได้อาณาจักรขนาดใหญ่มาไว้ในมือครับ งานนี้พระองค์ก็มีพร้อมทั้งกองทัพและดินแดน แต่ยังขาดอารยธรรมอยู่บ้าง พระองค์เลยหันไปรื้อฟื้นอารยธรรมแบบไบน์แซไทน์ขึ้นมา โดยทรงอภิเษกกับเจ้าหญิงที่มีเชื้อสายจากโรมันตะวันออก และรับอารยธรรมหลายๆอย่างในราชสำนักโรมันตะวันออกมาใช้ สถาปนาพระองค์เป็นจักรพรรดิ หรือพระเจ้าซาร์ และทำสงครามไล่พวกตาร์ตาร์ไปให้ไกลมากขึ้นเรื่อยๆ แต่พอพระเจ้าซาร์อีวานที่ 4 สวรรคต อาณาจักรของพระองค์ก็เข้าสู่กลียุคครับ มอสโควีเข้าสู่ยุคมืดที่ชนชั้นปกครองรบราฆ่าฟันกันและโดนศัตรูภายนอกจากทั้งตะวันออก ทางใต้ และตะวันตกรุมย่ำยีอยู่นับร้อยปี จนมาเข้าต้นศตวรรษที่ 17 นี้แลครับ ที่ราชวงศ์โรมานอฟได้รับความเห็นชอบจากเหล่าขุนศึกเจ้าที่ดินทั้งหลายในมอสโควีให้ขึ้นดำรงตำแหน่งพระเจ้าแผ่นดิน และหันมาร่วมมือกันขับไล่กองทัพต่างชาติออกไปจากดินแดน อาณาจักรใหม่ภายใต้ราชวงศ์โรมานอฟก็เลยเกิดขึ้น พร้อมกับเริ่มยุคของรัสเซียไปด้วย ราชวงศ์โรมานอฟก็ค่อยๆสร้างรัสเซียขึ้นมา แต่ในช่วงต้นศตวรรษที่ 17 รัสเซียยังอ่อนแออยู่มากเมื่อเทียบกับพวกมหาอำนาจตะวันตก เพราะยังอยู่ในสังคมศักดินาแบบยุคกลาง มีทาสติดที่ดินเพียบ มีอารยธรรมผสมๆแบบพวกคนเถื่อนตะวันออกและไบน์แซไทน์ ฯลฯ อย่างไรก็ตามเนื่องจากการเสื่อมอำนาจของพวกมองโกล ตาร์ตาร์ และชนเผ่าในทุ่งราบอื่นๆ ทำให้การขยายอำนาจของโรมานอฟในเอเชียกลางเกิดได้สบายแฮ จนพระเจ้าซาร์ปีเตอร์ขึ้นเป็นพระเจ้าแผ่นดินในปี 1682 พระองค์ก็ค่อยๆปฏิรูปรัสเซียให้เป็นตะวันตกมากขึ้น และสร้างเสริมกองทัพให้เข้มแข็งครับ ก่อนที่จะพยายามขยายอำนาจในเอเชียกลางไปให้ไกลมากขึ้นเรื่อยๆ จนไปปะทะกับจักรวรรดิต้าชิงในภายหลัง ในยุโรปนั้น รัสเซียก็ยังโดนขังอยู่ลึกในแผ่นดินอยู่ ดินแดนทางด้านทะเลเหนือเป็นของสวีเดนและโปแลนด์ ทางทะเลดำก็เป็นของอ็อตโตมาน พระเจ้าปีเตอร์ก็ไปต่อตีกับทั้งสามชาตินี้ เพื่อชิงดินแดนมาครับ และประสบความสำเร็จในการผลักดันสวีเดนออกไปจากที่ราบริมทะเลเหนือ ก่อนจะย้ายเมืองหลวงไปอยู่ที่เปโตรการดเพื่อให้ติดต่อกับยุโรปได้ง่ายขึ้น แก้ไขเมื่อ 02 ธ.ค. 52 10:16:21 จากคุณ : อุ้ย (digimontamer) เขียนเมื่อ : 2 ธ.ค. 52 10:15:11

ความคิดเห็นที่ 8 โดยสรุปก็คือ เอเชียกลางเคยเป็นดินแดนที่สมบัติผลัดกันครองครับ ยุคแรกๆก็ชนเผ่าสารพัดสารเพทั้งพวกซงหนู ทู่เจี๋ย โหรวหราน เตริ์กกิส ทังกุส มองโกล ตาร์ตาร์ ฯลฯ ซึ่งอาศัยความเข้มแข็งในการเป็นนักรบเข้าพิชิต แต่ดินแดนแถวนี้ไม่ค่อยจะมีระบบหรือศูนย์การปกครองที่เป็นรูปธรรมนัก และไม่มีการอ้างดินแดนแบบชัดเจนเท่าไหร่ครับ ดังนั้นพออำนาจของพวกมองโกลและตาร์ตาร์เสื่อมลง รัสเซียที่โดดเด่นขึ้นมาแทนที่จึงได้พยายามเข้าไปครอบครองนั้นแล ในยุคแรกๆอย่างที่กล่าวว่า ดินแดนทางตะวันตกคือด้านทะเลเหนือและทางใต้ด้านทะเลดำ เป็นของสวีเดน โปล์แลนด์ และอ็อตโตมานครับ ซึ่งมีความเข้มแข็งมาก รัสเซียที่ยังไม่แข็งเท่าเลยไปต่อตีกับพวกนี้ลำบาก ในช่วงแรกๆเลยต้องอาศัยไปไล่บี้ศัตรูเก่าๆอย่างมองโกลและตาร์ตาร์ในเอเชียกลางกันก่อน จากคุณ : digimontamer เขียนเมื่อ : 2 ธ.ค. 52 10:21:14

ความคิดเห็นที่ 9 ดินแดนใหญ่ยักษ์ของรัสเซีย พื้นที่ส่วนใหญ่ไม่มีคนอยู่ครับ เป็นทุ่งที่ไม่สามารถทำการเกษตรได้ ประชากรส่วนใหญ่ของประเทศอยู่ทางฝั่งยุโรป จากคุณ : ชาเขียว เขียนเมื่อ : 2 ธ.ค. 52 11:35:23

ความคิดเห็นที่ 10 พูดถึงเรื่องที่รัสเซียสมัยพระเจ้าซาร์ขยายดินแดนไปจนชนกับอาณาจักรต้าชิงแล้ว ทำให้นึกถึงนิยายเรื่อง "อุ้ยเสี่ยวป้อ" ของกิมย้งขึ้นมา ในเรื่องก็มีกล่าวถึงว่าอุ้ยเสี่ยวป้อได้เดินทางไปยังดินแดนของพวก "รามสูร" ซึ่งเป็นชนผิวขาวตัวใหญ่ เข้าใจว่ารามสูรที่ว่านี่ก็คงเป็นพวกรัสเซียนี่เอง นอกจากเรื่องนี้แล้วก็คงจะมีกวีหลีไป๋ ซึ่งว่ากันว่าบ้านเกิดของหลีไป๋ ปัจจุบันนี้อยู่ในเขตแดนของรัสเซียเหมือนกัน จากคุณ : เกียรตินำ เขียนเมื่อ : 2 ธ.ค. 52 12:04:45

ความคิดเห็นที่ 11 มันหนาว มันไม่มีใครอยากไปอยู่... ขนาดไทยยังอพยพหนี่ลงมาจาก เทือกเขาอัลไตเลย...5555 จากคุณ : เต๋านีโอ เขียนเมื่อ : วันพ่อแห่งชาติ 52 23:00:38

ความคิดเห็นที่ 12 แต่ผมว่ามันน่าจะไปทำอะไรได้มั่งนา เสียดายแย่ ผืนดินตั้งกว้าง จากคุณ : NiGht pRincE เขียนเมื่อ : 14 ธ.ค. 52 00:15:55