|
ความคิดเห็นที่ 10 |
เดี๋ยวจะหาว่าดีแต่ติคนอื่น ก็เลยขอเอาฉบับตัวแองแปลมาให้คนอื่นชำแหละบ้าง
In our country, I have found that this cooperation happens not because we agree on everything, but because behind all the labels and false divisions and categories that define us; beyond all the petty bickering and point-scoring in Washington, Americans are a decent, generous, compassionate people, united by common challenges and common hopes. And every so often, there are moments which call on that fundamental goodness to make this country great again. >> ในประเทศของเรานั้น ข้าพเจ้าได้พบว่าความร่วมมือร่วมใจบังเกิดมีได้มิใช่เพราะว่าเราเห็นพ้องต้องกันในทุกสิ่งทุกอย่าง ถึงแม้ว่าโดยผิวเผินจะมีการตราหน้า การเลือกแบ่งเขาแยกเราเป็นฝักเป็นฝ่าย การทะเลาะเบาะแว้งกันอย่างใจแคบและการหาคะแนนนิยมใส่ตัวอยางที่พบได้ในกรุงวอชิงตัน แต่โดยเนื้อแท้แล้วคนอเมริกันเป็นคนดี เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ และมีความเห็นอกเห็นใจผู้อื่น มีน้ำหนึ่งใจเดียวต่อสู้กับสิ่งท้าทายอันมีร่วมกันและร่วมฝันในสิ่งเดียวกัน และก็มีสถานการณ์มากมายหลายครั้งคราที่เรียกร้องให้เราชาวอเมริกันต้องนำเนื้อแท้อันเป็นความดีนั้นขึ้นมาใช้เพื่อจรรโลงประเทศชาติของเราให้ยิ่งใหญ่อีกครั้งหนึ่ง
So it was for that band of patriots who declared in a Philadelphia hall the formation of a more perfect union; and for all those who gave on the fields of Gettysburg and Antietam their last full measure of devotion to save that same union. >> เช่น ครั้งคราที่คณะผู้รักชาติได้ประกาศในห้องประชุมที่ฟิลาเดลเฟียให้ก่อตั้งสหภาพอันสมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น ครั้งคราที่บุคคลมากหลายได้ยอมมอบกายอุทิศชีวิตและเลือดเนื้อเป็นชาติพลีเพื่อรักษาสหภาพให้คงอยู่ ณ สมรภูมิแห่งเก็ตตีส์เบิร์กและแอนทีทัม
So it was for the greatest generation that conquered fear itself, and liberated a continent from tyranny, and made this country home to untold opportunity and prosperity. >> ครั้งคราที่คนรุ่นผู้ยิ่งใหญ่สามารถเอาชนะได้แม้แต่ตัวความกลัวเองและได้ปลดปล่อยทวีปทั้งทวีปจากเงื้อมมือทรราช และได้ทำให้ประเทศนี้เป็นนิวาสถานแห่งโอกาสและความรุ่งเรืองอันมากมายเหลือประมาณ
So it was for the workers who stood out on the picket lines; the women who shattered glass ceilings; the children who braved a Selma Bridge for Freedom's cause. >> ครั้งคราที่เหล่าผู้ใช้แรงงานได้ยืนหยัดอยู่ในแถวประท้วง เหล่าสตรีผู้ต่อสู้และทะลายด่านกระจกแห่งการแบ่งแยกเทางเพศ และเหล่าเยาวชนผู้หาญกล้าฝ่าด่านสะพานเซลมาในนามของเสรีภาพ
So it has been for every generation that faced down the greatest challenges and the most improbable odds to leave their children a world that's better, and kinder, and more just. >> ในอดีตจวบปัจจุบัน ชาวอเมริกันทุกรุ่นได้ยืนหยัดเผชิญกับความท้าทายอย่างยิ่งยวดและฟันฝ่าอุปสรรคนานัปการที่ไม่น่าเอาจะเอาชนะได้จนสามารถมอบโลกที่ดีขึ้น มีเมตตาขึ้น และยุติธรรมขึ้น ให้เป็นมรดกแก่ลูกหลาน
And so it must be for us. >> และบัดนี้ ถึงเวลาที่พวกเราต้องทำเช่นนั้นบ้างแล้ว
หมายเหตุ ..women who shattered the glass ceiling..
การแปลตรงนี้ลำบากนิดหน่อยตรงที่ว่า glass ceiling เป็นสำนวนที่เป็นโวหารภาพพจน์หรือ figurative speech ชนิดอุปลักษณ์ (Metaphor) เปรียบเทีบบการแบ่งแยกทางเพศในที่ทำงานว่าเป็นกำแพงหรือม่านทำจากกระจกที่กั้นผู้หญิงไว้มิให้ไต่เต้าบันไดไปสู่การเป็นผู้บริหารสูงสุดหรือ CEO ของหน่วยงานได้ ที่เปรียบว่าเหมือนม่านกระจกหรือเพดานกระจกก็เพราะว่าดูด้วยตาก็โปร่งใสมองเห็นทะลุ ดูเหมือนไม่มีอะไรขวาง แต่พอเดินเข้าไปจริงๆนี่ชนกระจกเด้งออกมาเลย จึงต้องต่อสู้ทะลายกำแพงกระจกนี้เสีย การต่อสู้เพื่อความเท่าเทียมทางเพศสภาพในที่ทำงานจึงเปรียบได้กับการทะลายกำแพงกระจกด้วยประการฉะนี้
เมื่อเข้าใจอย่างนี้แล้ว จะแปลอย่างไรดีจึงจะไพเราะ? ถ้าแปลตรงๆก็ทื่อมะลื่อเกินไป คนอ่านก็ไม่เข้าใจ จะเอ่ยถึงการทำลายการแบ่งแยกทางเพศก็เข้าใจได้แต่ไม่เอ่ยถึงกำแพงกระจกเสียเลยก็เสียความสวยงามของโวหารดั้งเดิมเขาที่คนแต่งอุตส่าห์ประดิดประดอยไว้ ผู้แปลจึงได้แปลออกมาประสมกันเป็น "..ทะลายด่านกระจกแห่งการแบ่งแยกเทางเพศ.." การพยายามรักษาความสวยงามเหมาะเจาะของโวหารในภาษาต้นทางไว้ให้ปรากฎออกมาในสำนวนปลายทางด้วยถือเป็นศิลปะอย่างหนึ่งของผู้แปล ผู้ใดทำได้แนบเนียนสวยงามกว่าก็สมคารได้รับคำนิยม ผู้แปลเองขอสารภาพก่อนว่ายังอ่อนด้อยในเรื่องนี้ กำลังพยายามศึกษาค้นคว้าอยู่
จากคุณ |
:
แอ๊ด ปากเกร็ด
|
เขียนเมื่อ |
:
9 ธ.ค. 52 10:19:56
|
|
|
|
|