 |
ความคิดเห็นที่ 56 |
เจ้าเมืองขุขันธ์ มิได้ขึ้นกับเวียงจันทน์มาแต่เดิม เมืองขุขันธ์นั้นเคยเป็นเมืองมาก่อนสมัยขอมเรืองอำนาจ แบบเดียวกับเมืองเก่าแก่อีกหลายๆแห่งในภาคอีสานหน่ะครับ แต่พออำนาจของขอมเสื่อมลง เมืองแถวนี้ก็เสื่อมตามไปด้วย ชาวบ้านบางส่วนถ้าไม่อพยพมาภาคกลางก็ขึ้นเหนือไปแถบริมแม่น้ำโขงกันหมด ขุขันธ์เลยกลายเป็นนิคมร้างไปหลายร้อยปี
ล่วงมาจนถึงแผ่นดินของสมเด็จพระเจ้าเอกทัศ เมื่อครั้นที่ช้างเผือกของพระองค์หนีเข้าป่าไป ว่ากันว่าพระยาช้างหนีไปไกลถึงอีสานเลยทีเดียว (สงสัยเล็กน้อยว่า ทำไมช้างสำคัญถึงเตลิดไปได้ไกลขนาดนั้น หรือจะมีถิ่นฐานมาจากแถวๆดงพญาเย็น เลยหนีจากอยุธยากลับบ้านที่ปากช่อง หุหุ) สมเด็จพระเจ้าเอกทัศเลยส่งคนออกติดตามครับ
กลุ่มทหารที่ตามช้างเผือกก็เข้าไปจนถึงอีสานใต้ และทราบความว่าแถวนั้นมีหมู่บ้านชาวส่วยที่เก่งเรื่องจับช้างมาก ก็เลยไปขอความช่วยเหลือจากชาวส่วยแถวนั้น จนตามจัีบช้างเผือกกลับมาได้ สมเด็จพระเจ้าเอกทัศเลยตั้งหัวหน้าชาวส่วยในย่านนั้นเป็นขุนนางกัน ต่อมาสมเด็จพระเจ้่าเอกทัศก็ทรงยกเอา เมืองศรีนครลำดวน ขึ้นเป็นเมืองขุขันธ์ครับ และแต่งตั้งหัวหน้าบ้านโคกลำดวน ขึ้นเป็นพระยาไกรภักดีศรีนครลำดวน เจ้าเมืองขุขันธ์แต่นั้นมา
แต่พอเสียกรุงครั้งที่สอง เมืองขุขันธ์ก็เหมือนเมืองอื่นๆในละแวกนั้นคือ ตั้งตัวเป็นเอกเทศ ส่งบรรณาการให้จำปาศักดิ์บ้าง กัมพูชาบ้างเพื่อผูกมิตรและรับประกันความมั่นคงของตน
จนเมื่อถึงแผ่นดินสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี ทรงให้เจ้าพระยามหากษัตริย์ศึกยกพลไปตีเวียงจัีนทน์ กองทัพไทยก็เข้าไปที่พิมายและส่งคนไปเกลี้ยกล่อมเอาหัวเมืองเขมรป่าแดงและในแถบอีสานใต้ ให้มาอยู่ในอิทธิพลครับ ก็ได้พวกเมืองสุรินทร์, ขุขันธ์, สังขะ, รัตนบุรี มาสวามิภักดิ์ ขุขันธ์ก็เป็นเมืองในอำนาจของไทยข้ามมาหลายยุคหลายสมัย จนตอนหลังเปลี่ยนชื่อเป็นศรีสะเกษในที่สุด เพราะย้ายที่ตั้งเมืองมาอยู่แถวอำเภอเมืองศรีสะเกษในปัจจุบัน ส่วนเมืองเดิมก็กลายเป็นอำเภอขุขันธ์ไป
แก้ไขเมื่อ 17 ธ.ค. 52 14:26:11
จากคุณ |
:
digimontamer
|
เขียนเมื่อ |
:
17 ธ.ค. 52 14:25:25
|
|
|
|
 |