ฟองสบู่หนี้ท่วมโลก กรีซอาจล้มละลายประเทศแรก

เมื่อวันจันทร์ รัฐบาลอาบูดาบี ลูกพี่ใหญ่แห่ง ประเทศยูเออี ตัดสินใจควักเงิน 10,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ให้ความช่วยเหลือ "ดูไบ" นำไปชำระหนี้เงินกู้ก้อนแรก 4,000 กว่าล้านดอลลาร์ ที่ครบกำหนดชำระในวันนี้ เพื่อไม่ให้ผิดนัดชำระหนี้ หลังจากที่ดูไบประกาศเลื่อนการชำระหนี้กว่า 59,000 ล้านดอลลาร์ จนสั่นสะเทือนเศรษฐีน้ำมันไปทั้งตะวันออกกลาง

เงินหมื่นล้านดอลลาร์ แม้จะประคับประคองไปได้ชั่วคราว แต่ยอดหนี้ของดูไบก็ไม่มีทีท่าจะลดลง มีแต่จะเพิ่มขึ้น เพราะตึกร้างมากมายที่ลงทุนสร้างไปแล้วขายไม่ได้ กลายเป็นเงินจมในทะเลทราย ท่ามกลางดอกเบี้ยที่เบ่งบานทุกวินาที

วารสาร "การเงินธนาคาร" ฉบับ 500 เศรษฐีหุ้นไทย  ก็มีรายงาน วิเคราะห์ในเรื่องหนี้โดยชี้ให้เห็นว่า "ฟองสบู่หนี้" ที่กำลังท่วมโลก จะเป็นสาเหตุทำให้เกิด "วิกฤติการเงินรอบใหม่" ต่อจาก "ซับไพร์ม" ถ้าหากแก้ปัญหาหนี้ให้ลดลงไม่ได้ เพราะหนี้สินประเทศต่างๆในโลกปีหน้า 2010 จะเพิ่มจาก 15.3 ล้านล้านดอลลาร์ เป็น 49 ล้านล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นกว่า 200 เปอร์เซ็นต์

วันนี้ ฟองสบู่หนี้เน่า เริ่มแตกกันเป๊าะแป๊ะตามประเทศต่างๆ ให้เห็นกันแล้ว ไล่ตั้งแต่ ดูไบ ในตะวันออกกลาง ไปสู่ยุโรป เช่น กรีซ โปรตุเกส สเปน เป็นต้น ประเทศยากจนในทวีปแอฟริกา และตะวันออกกลางไม่ต้องพูดถึง หนี้ท่วมเกินร้อยกันเป็นแถว

มาไล่เรียงกันดูครับ ประเทศใหญ่ๆที่มีหนี้สินล้นพ้นตัวเกิน 100 เปอร์เซ็นต์ ของจีดีพีและมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลก มีประเทศอะไรบ้าง

ญี่ปุ่น มีหนี้สูงอันดับ 3 ของโลก มีหนี้สาธารณะสูงกว่าจีดีพีประเทศถึง 164.3 เปอร์เซ็นต์ แต่ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่มีเศรษฐกิจแข็งแกร่งใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลก จึงไม่ค่อยน่าวิตกว่าจะมีการชักดาบ แต่ประเทศเล็กๆไม่แน่

ประเทศ อาร์เจนตินา ที่ล้มแล้วลุก ลุกแล้วล้ม วันนี้ก็มีหนี้สูงติดอันดับ 6 ของโลก มีหนี้สูงกว่าจีดีพีร้อยละ 118 ตามมาด้วย ประเทศกรีซ มีหนี้สินสูงกว่าจีดีพีร้อยละ 113 และ อิตาลี มีหนี้สินสูงกว่าจีดีพีร้อยละ 105.6

ในกลุ่มประเทศหนี้ท่วมในยุโรป ประเทศกรีซ น่าห่วงกว่าเพื่อน เพราะเป็นประเทศเล็ก มีประชากร 10 ล้านคน มีรายได้ส่งออกไม่มาก แต่มียอดหนี้สูงถึง 300,000 ล้านยูโร หรือ 442,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เท่ากับ 14.5 ล้านล้านบาท ยังไม่รู้จะหาเงินที่ไหนไปจ่ายหนี้ เพราะการค้าขายระหว่างประเทศก็ขาดดุลการค้ามาตลอด

ความจริง กรีซเป็นประเทศที่ยากจนในยุโรป เมื่อรวมเข้าเป็นหนึ่งใน 16 ประเทศ ประชาคมยุโรป ทำให้ประชาชนกรีซลำบากยิ่งขึ้น เพราะต้องเลิกเงินของตนเองไปใช้เงินยูโรแทน ทำให้ค่าครองชีพแพงขึ้น แต่รายได้ลดลง ส่วนประเทศที่ได้ประโยชน์จากการรวมเป็นยุโรปก็คือประเทศที่มีเศรษฐกิจดี และมีเศรษฐกิจขนาดใหญ่

ล่าสุด สำนักจัดอันดับ ฟิทช์ เรตติ้ง ได้ ลดอันดับความน่าเชื่อถือ ของ ประเทศกรีซ ลงไปสู่อันดับ ต่ำสุดใน 16 ประเทศประชาคมยุโรป ก็ยิ่ง

ส่งผลให้กรีซฟื้นตัวลำบากยิ่งขึ้น ไปกู้เงินที่ไหนก็ไม่ได้ ความเชื่อถือไม่มี ประชาคมยุโรปเองก็ไม่ช่วย เพราะมีหนี้สินมากเกินไป ขาดดุลการค้ามากเกินไป

นายจีน เคล้าด์ จังค์เกอร์ นายกรัฐมนตรีลักเซมเบิร์ก ซึ่งทำหน้าที่เป็น รัฐมนตรีคลังของยุโรป  บอกว่า เขามองไม่เห็นทางออกอื่น นอกจาก ประเทศกรีซ จะต้อง ล้มละลาย ตามที่นักวิเคราะห์ได้เตือนไว้แล้ว

ในขณะที่ นายจอร์จ ปาปันเดรอู นายกรัฐมนตรีกรีซที่เพิ่งนั่งเก้าอี้ได้สองเดือนประกาศจะขึ้นภาษีครั้งใหญ่ ลดค่าใช้จ่ายรัฐบาล และแก้ไขปัญหา "คอรัปชัน" ที่กัดกร่อนเศรษฐกิจกรีซปีละหลายพันล้านยูโร โดยไม่พักการ ชำระหนี้ พูดง่ายแต่ทำยาก ยิ่งขึ้นภาษีในช่วงเศรษฐกิจตกต่ำ ประชาชนยิ่งลำบาก

ก็ ต้องคอยดูกันต่อไปครับ ฟองสบู่หนี้ประเทศกรีซ  จะแตกโพละหรือไม่ คงอีกไม่นานเกินรอ เมื่อแตกแล้วจะลามเป็น วิกฤติการเงินโลกรอบใหม่ หรือไม่ น่าหวาดเสียวครับ เวลานี้มันลามจากแบงก์ไปสู่ระดับประเทศแล้ว.

ที่มา "ลม เปลี่ยนทิศ"
นสพ.ไทยรัฐ หน้า 5
วันพุธที่ 16 ธันวาคม พ.ศ.2552

จากคุณ	: Mr.Terran
เขียนเมื่อ	: 16 ธ.ค. 52 20:09:56